มัทธิว 21
21
พระเยซูเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างผู้พิชิต
(มก.11:1-11; ลก.19:28-40; ยน.12:12-19)
1เมื่อพระเยซูเสด็จมาใกล้กรุงเยรูซาเล็มกับบรรดาสาวกถึงหมู่บ้านเบธฟายี เชิงเขามะกอกเทศ พระองค์ทรงใช้สาวกสองคน 2มีรับสั่งว่า “จงเข้าไปในหมู่บ้านที่อยู่ตรงหน้า แล้วจะพบแม่ลาตัวหนึ่งผูกอยู่กับลูกของมัน จงแก้และจูงมาให้เรา 3ถ้ามีใครพูดอะไร ท่านทั้งสองจงบอกว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกท่านมีพระประสงค์’ แล้วเขาจะปล่อยให้มาทันที” 4เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้เป็นไปตามพระวจนะที่ตรัสผ่านทางผู้เผยพระวจนะว่า
5 “จงบอกชาวศิโยนว่า
นี่แน่ะ กษัตริย์ของท่านกำลังเสด็จมา
ด้วยความสุภาพอ่อนโยน พระองค์ทรงลา
ทรงลูกลา” # ศคย.9:9
6สาวกทั้งสองคนนั้นก็ไปทำตามที่พระเยซูตรัสสั่ง 7จึงจูงแม่ลากับลูกของมันมา แล้วเอาเสื้อผ้าของตนปูบนหลัง และพระองค์ก็ทรงลานั้น 8ฝูงชนจำนวนมาก เอาเสื้อผ้าของตนปูตามถนนหนทาง บางคนก็ตัดกิ่งไม้มาปูตามถนน 9ฝูงชนที่เดินไปข้างหน้าพระองค์ กับพวกที่ตามมาข้างหลังก็โห่ร้องว่า
“โฮซันนา #ในที่นี้ใช้เป็นคำสรรเสริญ # สดด.118:25 แก่บุตรของดาวิด
ขอให้ท่านผู้ที่เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ # สดด.118:26
โฮซันนา ในที่สูงสุด”
10เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในกรุงเยรูซาเล็มแล้ว ประชาชนทั่วทั้งกรุงก็พากันแตกตื่นถามว่า “นี่ใครกัน?” 11ฝูงชนก็ตอบว่า “นี่คือเยซูผู้เผยพระวจนะที่มาจากนาซาเร็ธแคว้นกาลิลี”
การทรงชำระพระวิหาร
(มก.11:15-19; ลก.19:45-48; ยน.2:13-22)
12พระเยซูเสด็จเข้าไปในบริเวณพระวิหารของพระเจ้า ทรงขับไล่พวกซื้อขายในบริเวณพระวิหารนั้น ทรงคว่ำโต๊ะคนรับแลกเงิน และทรงคว่ำม้านั่งของคนขายนกพิราบ 13พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “มีพระวจนะเขียนไว้ว่า
‘นิเวศของเรา เขาจะเรียกว่าเป็นนิเวศอธิษฐาน # อสย.56:7
แต่พวกท่านมาทำให้เป็นถ้ำของพวกโจร# ยรม.7:11’ ”
14คนตาบอดและคนง่อยพากันมาเฝ้าพระองค์ในบริเวณพระวิหาร และพระองค์ทรงรักษาพวกเขาให้หาย 15แต่เมื่อพวกหัวหน้าปุโรหิตกับพวกธรรมาจารย์เห็นการอัศจรรย์ที่พระองค์ทรงทำ ทั้งได้ยินหมู่เด็กร้องในบริเวณพระวิหารว่า “โฮซันนาแก่บุตรของดาวิด” พวกเขาก็ไม่พอใจ 16จึงทูลพระองค์ว่า “ท่านไม่ได้ยินคำที่คนพวกนี้ร้องหรือ?” พระเยซูตรัสตอบว่า “ได้ยินแล้วพวกท่านยังไม่เคยอ่านหรือว่า ‘พระองค์ทรงทำให้คำสรรเสริญออกมาจากปากเด็กและทารก ที่ยังไม่หย่านม’ # สดด.8:2”
17พระองค์ทรงจากพวกเขาไป และเสด็จออกจากกรุงไปประทับอยู่ที่หมู่บ้านเบธานี
การทรงสาปต้นมะเดื่อ
(มก.11:12-14,20-26)
18พอรุ่งเช้า ขณะเสด็จกลับไปยังกรุง พระองค์ทรงหิว 19และเมื่อทอดพระเนตรเห็นต้นมะเดื่อต้นหนึ่งอยู่ริมทาง ก็ทรงดำเนินเข้าไปใกล้ และไม่ทรงพบสิ่งใดบนต้นนั้นนอกจากใบ จึงตรัสกับมะเดื่อต้นนั้นว่า “จงอย่าเกิดผลอีกต่อไป” ทันใดนั้นต้นมะเดื่อก็เหี่ยวแห้งไป 20เมื่อบรรดาสาวกเห็นก็ประหลาดใจ พูดกันว่า “ต้นมะเดื่อเหี่ยวแห้งไปทันทีได้อย่างไรนะ?” 21พระเยซูตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ถ้าเพียงพวกท่านมีความเชื่อและไม่ได้สงสัย ท่านไม่เพียงจะสามารถทำแบบเดียวกับที่เราทำกับต้นมะเดื่อ แต่ถ้าท่านทั้งหลายจะสั่งภูเขาลูกนี้ว่า ‘จงลอยขึ้นและเคลื่อนไปลงทะเล’ ก็จะเป็นไปตามนั้น# มธ.17:20; 1 คร.13:2 22ทุกสิ่งที่ท่านอธิษฐานขอด้วยความเชื่อก็จะได้”
ปัญหาเรื่องสิทธิอำนาจของพระเยซู
(มก.11:27-33; ลก.20:1-8)
23พระองค์เสด็จเข้าไปในบริเวณพระวิหาร และระหว่างที่ทรงสั่งสอนอยู่นั้น พวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ของประชาชนมาหาพระองค์ ทูลถามว่า “ท่านทำสิ่งเหล่านี้โดยสิทธิอำนาจอะไร? ใครให้สิทธิอำนาจแก่ท่าน?” 24พระเยซูตรัสตอบว่า “เราก็จะถามพวกท่านสักข้อหนึ่งเหมือนกัน ถ้าพวกท่านตอบเรา เราก็จะบอกท่านว่าเราทำสิ่งเหล่านี้โดยสิทธิอำนาจอะไร 25คือบัพติศมาของยอห์นนั้นมาจากไหน? มาจากสวรรค์หรือมาจากมนุษย์?” เขาทั้งหลายปรึกษากันว่า “ถ้าเราว่า ‘มาจากสวรรค์’ เขาจะถามเราว่า ‘ทำไมถึงไม่เชื่อยอห์น?’ 26แต่ถ้าเราบอกว่า ‘มาจากมนุษย์’ ก็กลัวฝูงชน เพราะทุกคนถือว่ายอห์นเป็นผู้เผยพระวจนะ” 27เขาทั้งหลายจึงทูลตอบพระเยซูว่า “เราไม่รู้” พระองค์จึงตรัสว่า “เราก็จะไม่บอกพวกท่านเหมือนกันว่า เรามีสิทธิอำนาจอะไรถึงได้ทำสิ่งเหล่านี้”
อุปมาเรื่องบุตรชายสองคน
28“ท่านทั้งหลายคิดอย่างไร? ชายคนหนึ่งมีบุตรชายสองคน บิดาไปหาบุตรคนแรกบอกว่า ‘ลูกเอ๋ย วันนี้จงไปทำงานในสวนองุ่นเถิด’ 29บุตรคนนั้นตอบว่า ‘ไม่ไป’ แต่ภายหลังกลับใจแล้วก็ไป 30บิดาไปหาบุตรคนที่สองพูดอย่างเดียวกัน บุตรคนนั้นกล่าวว่า ‘ไป’ แต่ไม่ได้ไป 31คนไหนในบุตรสองคนนี้ที่ทำตามใจของบิดา?” พวกเขาทูลตอบว่า “บุตรคนแรก” พระเยซูตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า บรรดาคนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีจะได้เข้าในแผ่นดินของพระเจ้าก่อนพวกท่าน 32เพราะยอห์นมาหาพวกท่านและแสดงวิถีทางของความชอบธรรม และท่านไม่ได้เชื่อ แต่พวกคนเก็บภาษีและพวกหญิงโสเภณีเชื่อ# ลก.3:12; 7:29-30 และแม้เมื่อท่านทั้งหลายเห็นแล้วก็ยังไม่กลับใจและเชื่อยอห์น
อุปมาเรื่องสวนองุ่นและคนเช่า
(มก.12:1-12; ลก.20:9-19)
33“จงฟังอุปมาอีกเรื่องหนึ่ง มีเจ้าของที่ดินคนหนึ่งทำสวนองุ่นไว้# อสย.5:1-2 เขาทำรั้วล้อมรอบ ขุดบ่อย่ำองุ่นในสวนนั้น และสร้างหอเฝ้า ให้พวกชาวสวนเช่า แล้วก็ไปต่างประเทศ 34เมื่อถึงฤดูเก็บพืชผล จึงใช้บรรดาทาสไปหาพวกคนเช่าสวน เพื่อจะรับพืชผลของเขา 35แต่คนเช่าสวนเหล่านั้นจับคนของเขาไปเฆี่ยนตีคนหนึ่ง ฆ่าเสียคนหนึ่ง เอาหินขว้างจนตายคนหนึ่ง 36เขาก็ใช้พวกทาสอื่นๆ ซึ่งมากกว่าครั้งก่อนไปอีก แต่พวกคนเช่าสวนก็ทำกับพวกเขาเช่นเดิม 37ภายหลังเขาก็ใช้บุตรของเขาไปหา กล่าวว่า ‘พวกเขาจะเคารพลูกของเรา’ 38แต่เมื่อพวกคนเช่าสวนเห็นบุตรเจ้าของสวนมาก็พูดกันว่า ‘คนนี้แหละเป็นทายาท ฆ่าเขาเสีย แล้วเราก็จะได้มรดกของเขา’ 39พวกเขาจึงพากันจับบุตรนั้นผลักออกไปนอกสวนแล้วฆ่า 40เพราะฉะนั้นเมื่อเจ้าของสวนมา ท่านจะทำอย่างไรกับพวกคนเช่าสวนนั้น?” 41พวกเขาทูลตอบว่า “ท่านจะฆ่าคนร้ายเหล่านั้นให้ตายอย่างทุกข์ทรมาน และจะให้สวนนั้นแก่คนเช่าอื่นที่จะแบ่งพืชผลให้ตามฤดูกาล”
42พระเยซูตรัสว่า “ท่านทั้งหลายยังไม่ได้อ่านในพระคัมภีร์หรือ ที่ว่า
‘ศิลาที่บรรดาช่างก่อสร้างทิ้งแล้ว
กลับกลายเป็นศิลามุมเอก
สิ่งนี้เป็นมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า #หมายถึง พระเจ้า
เป็นสิ่งอัศจรรย์ประจักษ์แก่ตาของเรา’ # สดด.118:22-23
43เพราะเหตุนี้เราบอกพวกท่านว่า แผ่นดินของพระเจ้าจะต้องเอาไปจากท่าน ยกให้กับชนชาติหนึ่งที่จะทำให้เกิดผลสมกับแผ่นดินนั้น [ 44ใครล้มทับศิลานี้ คนนั้นจะต้องแตกหักไป และศิลานั้นจะตกทับใคร คนนั้นจะแหลกละเอียดไป]” #สำเนาโบราณบางฉบับ ไม่มีข้อ 44
45เมื่อพวกหัวหน้าปุโรหิตกับพวกฟาริสีได้ยินอุปมาเหล่านั้น ก็หยั่งรู้ว่าพระองค์ตรัสเล็งถึงพวกเขา 46เขาอยากจะจับพระองค์ แต่กลัวฝูงชน เพราะเขาทั้งหลายถือว่าพระองค์เป็นผู้เผยพระวจนะ
Currently Selected:
มัทธิว 21: THSV11
Highlight
Share
Copy
Want to have your highlights saved across all your devices? Sign up or sign in
มัทธิว 21
21
พระเยซูเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างผู้พิชิต
(มก.11:1-11; ลก.19:28-40; ยน.12:12-19)
1เมื่อพระเยซูเสด็จมาใกล้กรุงเยรูซาเล็มกับบรรดาสาวกถึงหมู่บ้านเบธฟายี เชิงเขามะกอกเทศ พระองค์ทรงใช้สาวกสองคน 2มีรับสั่งว่า “จงเข้าไปในหมู่บ้านที่อยู่ตรงหน้า แล้วจะพบแม่ลาตัวหนึ่งผูกอยู่กับลูกของมัน จงแก้และจูงมาให้เรา 3ถ้ามีใครพูดอะไร ท่านทั้งสองจงบอกว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกท่านมีพระประสงค์’ แล้วเขาจะปล่อยให้มาทันที” 4เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้เป็นไปตามพระวจนะที่ตรัสผ่านทางผู้เผยพระวจนะว่า
5 “จงบอกชาวศิโยนว่า
นี่แน่ะ กษัตริย์ของท่านกำลังเสด็จมา
ด้วยความสุภาพอ่อนโยน พระองค์ทรงลา
ทรงลูกลา” # ศคย.9:9
6สาวกทั้งสองคนนั้นก็ไปทำตามที่พระเยซูตรัสสั่ง 7จึงจูงแม่ลากับลูกของมันมา แล้วเอาเสื้อผ้าของตนปูบนหลัง และพระองค์ก็ทรงลานั้น 8ฝูงชนจำนวนมาก เอาเสื้อผ้าของตนปูตามถนนหนทาง บางคนก็ตัดกิ่งไม้มาปูตามถนน 9ฝูงชนที่เดินไปข้างหน้าพระองค์ กับพวกที่ตามมาข้างหลังก็โห่ร้องว่า
“โฮซันนา #ในที่นี้ใช้เป็นคำสรรเสริญ # สดด.118:25 แก่บุตรของดาวิด
ขอให้ท่านผู้ที่เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ # สดด.118:26
โฮซันนา ในที่สูงสุด”
10เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในกรุงเยรูซาเล็มแล้ว ประชาชนทั่วทั้งกรุงก็พากันแตกตื่นถามว่า “นี่ใครกัน?” 11ฝูงชนก็ตอบว่า “นี่คือเยซูผู้เผยพระวจนะที่มาจากนาซาเร็ธแคว้นกาลิลี”
การทรงชำระพระวิหาร
(มก.11:15-19; ลก.19:45-48; ยน.2:13-22)
12พระเยซูเสด็จเข้าไปในบริเวณพระวิหารของพระเจ้า ทรงขับไล่พวกซื้อขายในบริเวณพระวิหารนั้น ทรงคว่ำโต๊ะคนรับแลกเงิน และทรงคว่ำม้านั่งของคนขายนกพิราบ 13พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “มีพระวจนะเขียนไว้ว่า
‘นิเวศของเรา เขาจะเรียกว่าเป็นนิเวศอธิษฐาน # อสย.56:7
แต่พวกท่านมาทำให้เป็นถ้ำของพวกโจร# ยรม.7:11’ ”
14คนตาบอดและคนง่อยพากันมาเฝ้าพระองค์ในบริเวณพระวิหาร และพระองค์ทรงรักษาพวกเขาให้หาย 15แต่เมื่อพวกหัวหน้าปุโรหิตกับพวกธรรมาจารย์เห็นการอัศจรรย์ที่พระองค์ทรงทำ ทั้งได้ยินหมู่เด็กร้องในบริเวณพระวิหารว่า “โฮซันนาแก่บุตรของดาวิด” พวกเขาก็ไม่พอใจ 16จึงทูลพระองค์ว่า “ท่านไม่ได้ยินคำที่คนพวกนี้ร้องหรือ?” พระเยซูตรัสตอบว่า “ได้ยินแล้วพวกท่านยังไม่เคยอ่านหรือว่า ‘พระองค์ทรงทำให้คำสรรเสริญออกมาจากปากเด็กและทารก ที่ยังไม่หย่านม’ # สดด.8:2”
17พระองค์ทรงจากพวกเขาไป และเสด็จออกจากกรุงไปประทับอยู่ที่หมู่บ้านเบธานี
การทรงสาปต้นมะเดื่อ
(มก.11:12-14,20-26)
18พอรุ่งเช้า ขณะเสด็จกลับไปยังกรุง พระองค์ทรงหิว 19และเมื่อทอดพระเนตรเห็นต้นมะเดื่อต้นหนึ่งอยู่ริมทาง ก็ทรงดำเนินเข้าไปใกล้ และไม่ทรงพบสิ่งใดบนต้นนั้นนอกจากใบ จึงตรัสกับมะเดื่อต้นนั้นว่า “จงอย่าเกิดผลอีกต่อไป” ทันใดนั้นต้นมะเดื่อก็เหี่ยวแห้งไป 20เมื่อบรรดาสาวกเห็นก็ประหลาดใจ พูดกันว่า “ต้นมะเดื่อเหี่ยวแห้งไปทันทีได้อย่างไรนะ?” 21พระเยซูตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ถ้าเพียงพวกท่านมีความเชื่อและไม่ได้สงสัย ท่านไม่เพียงจะสามารถทำแบบเดียวกับที่เราทำกับต้นมะเดื่อ แต่ถ้าท่านทั้งหลายจะสั่งภูเขาลูกนี้ว่า ‘จงลอยขึ้นและเคลื่อนไปลงทะเล’ ก็จะเป็นไปตามนั้น# มธ.17:20; 1 คร.13:2 22ทุกสิ่งที่ท่านอธิษฐานขอด้วยความเชื่อก็จะได้”
ปัญหาเรื่องสิทธิอำนาจของพระเยซู
(มก.11:27-33; ลก.20:1-8)
23พระองค์เสด็จเข้าไปในบริเวณพระวิหาร และระหว่างที่ทรงสั่งสอนอยู่นั้น พวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ของประชาชนมาหาพระองค์ ทูลถามว่า “ท่านทำสิ่งเหล่านี้โดยสิทธิอำนาจอะไร? ใครให้สิทธิอำนาจแก่ท่าน?” 24พระเยซูตรัสตอบว่า “เราก็จะถามพวกท่านสักข้อหนึ่งเหมือนกัน ถ้าพวกท่านตอบเรา เราก็จะบอกท่านว่าเราทำสิ่งเหล่านี้โดยสิทธิอำนาจอะไร 25คือบัพติศมาของยอห์นนั้นมาจากไหน? มาจากสวรรค์หรือมาจากมนุษย์?” เขาทั้งหลายปรึกษากันว่า “ถ้าเราว่า ‘มาจากสวรรค์’ เขาจะถามเราว่า ‘ทำไมถึงไม่เชื่อยอห์น?’ 26แต่ถ้าเราบอกว่า ‘มาจากมนุษย์’ ก็กลัวฝูงชน เพราะทุกคนถือว่ายอห์นเป็นผู้เผยพระวจนะ” 27เขาทั้งหลายจึงทูลตอบพระเยซูว่า “เราไม่รู้” พระองค์จึงตรัสว่า “เราก็จะไม่บอกพวกท่านเหมือนกันว่า เรามีสิทธิอำนาจอะไรถึงได้ทำสิ่งเหล่านี้”
อุปมาเรื่องบุตรชายสองคน
28“ท่านทั้งหลายคิดอย่างไร? ชายคนหนึ่งมีบุตรชายสองคน บิดาไปหาบุตรคนแรกบอกว่า ‘ลูกเอ๋ย วันนี้จงไปทำงานในสวนองุ่นเถิด’ 29บุตรคนนั้นตอบว่า ‘ไม่ไป’ แต่ภายหลังกลับใจแล้วก็ไป 30บิดาไปหาบุตรคนที่สองพูดอย่างเดียวกัน บุตรคนนั้นกล่าวว่า ‘ไป’ แต่ไม่ได้ไป 31คนไหนในบุตรสองคนนี้ที่ทำตามใจของบิดา?” พวกเขาทูลตอบว่า “บุตรคนแรก” พระเยซูตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า บรรดาคนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีจะได้เข้าในแผ่นดินของพระเจ้าก่อนพวกท่าน 32เพราะยอห์นมาหาพวกท่านและแสดงวิถีทางของความชอบธรรม และท่านไม่ได้เชื่อ แต่พวกคนเก็บภาษีและพวกหญิงโสเภณีเชื่อ# ลก.3:12; 7:29-30 และแม้เมื่อท่านทั้งหลายเห็นแล้วก็ยังไม่กลับใจและเชื่อยอห์น
อุปมาเรื่องสวนองุ่นและคนเช่า
(มก.12:1-12; ลก.20:9-19)
33“จงฟังอุปมาอีกเรื่องหนึ่ง มีเจ้าของที่ดินคนหนึ่งทำสวนองุ่นไว้# อสย.5:1-2 เขาทำรั้วล้อมรอบ ขุดบ่อย่ำองุ่นในสวนนั้น และสร้างหอเฝ้า ให้พวกชาวสวนเช่า แล้วก็ไปต่างประเทศ 34เมื่อถึงฤดูเก็บพืชผล จึงใช้บรรดาทาสไปหาพวกคนเช่าสวน เพื่อจะรับพืชผลของเขา 35แต่คนเช่าสวนเหล่านั้นจับคนของเขาไปเฆี่ยนตีคนหนึ่ง ฆ่าเสียคนหนึ่ง เอาหินขว้างจนตายคนหนึ่ง 36เขาก็ใช้พวกทาสอื่นๆ ซึ่งมากกว่าครั้งก่อนไปอีก แต่พวกคนเช่าสวนก็ทำกับพวกเขาเช่นเดิม 37ภายหลังเขาก็ใช้บุตรของเขาไปหา กล่าวว่า ‘พวกเขาจะเคารพลูกของเรา’ 38แต่เมื่อพวกคนเช่าสวนเห็นบุตรเจ้าของสวนมาก็พูดกันว่า ‘คนนี้แหละเป็นทายาท ฆ่าเขาเสีย แล้วเราก็จะได้มรดกของเขา’ 39พวกเขาจึงพากันจับบุตรนั้นผลักออกไปนอกสวนแล้วฆ่า 40เพราะฉะนั้นเมื่อเจ้าของสวนมา ท่านจะทำอย่างไรกับพวกคนเช่าสวนนั้น?” 41พวกเขาทูลตอบว่า “ท่านจะฆ่าคนร้ายเหล่านั้นให้ตายอย่างทุกข์ทรมาน และจะให้สวนนั้นแก่คนเช่าอื่นที่จะแบ่งพืชผลให้ตามฤดูกาล”
42พระเยซูตรัสว่า “ท่านทั้งหลายยังไม่ได้อ่านในพระคัมภีร์หรือ ที่ว่า
‘ศิลาที่บรรดาช่างก่อสร้างทิ้งแล้ว
กลับกลายเป็นศิลามุมเอก
สิ่งนี้เป็นมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า #หมายถึง พระเจ้า
เป็นสิ่งอัศจรรย์ประจักษ์แก่ตาของเรา’ # สดด.118:22-23
43เพราะเหตุนี้เราบอกพวกท่านว่า แผ่นดินของพระเจ้าจะต้องเอาไปจากท่าน ยกให้กับชนชาติหนึ่งที่จะทำให้เกิดผลสมกับแผ่นดินนั้น [ 44ใครล้มทับศิลานี้ คนนั้นจะต้องแตกหักไป และศิลานั้นจะตกทับใคร คนนั้นจะแหลกละเอียดไป]” #สำเนาโบราณบางฉบับ ไม่มีข้อ 44
45เมื่อพวกหัวหน้าปุโรหิตกับพวกฟาริสีได้ยินอุปมาเหล่านั้น ก็หยั่งรู้ว่าพระองค์ตรัสเล็งถึงพวกเขา 46เขาอยากจะจับพระองค์ แต่กลัวฝูงชน เพราะเขาทั้งหลายถือว่าพระองค์เป็นผู้เผยพระวจนะ
Currently Selected:
:
Highlight
Share
Copy
Want to have your highlights saved across all your devices? Sign up or sign in