อิสยาห์ 7
7
อารามก่อปัญหาให้กับยูดาห์
1ในช่วงที่อาหัส#7:1 อาหัส เป็นกษัตริย์ของยูดาห์ ในช่วงปี 735–727 ก่อนพระเยซูมาเกิด ลูกของโยธาม ที่เป็นลูกของอุสซียาห์#7:1 อุสซียาห์ เป็นกษัตริย์ของยูดาห์ ในช่วงปี 767–740 ก่อนพระเยซูมาเกิด ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ของยูดาห์ กษัตริย์เรซีนของอาราม#7:1 กษัตริย์เรซีนของอาราม ปกครองประมาณปี 740–731 ก่อนพระเยซูมาเกิด และเปคาห์ลูกของเรมาลิยาห์เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล ทั้งเรซีนและเปคาห์ได้บุกขึ้นไปโจมตีเมืองเยรูซาเล็ม แต่ไม่สามารถเอาชนะเมืองนั้นได้ 2กษัตริย์อาหัสของยูดาห์#7:2 กษัตริย์อาหัสของยูดาห์ หรือ แปลตามต้นฉบับได้ว่า “ครอบครัวของดาวิด” หรือครอบครัวแห่งยูดาห์ พระเจ้าสัญญาว่า จะมีคนจากครอบครัวของดาวิดได้เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ ได้รับรายงานเรื่องนี้ว่า อารามได้ตั้งค่ายอยู่ในเขตแดนของเอฟราอิม กษัตริย์อาหัสและคนของพระองค์ก็กลัวจนตัวสั่น เหมือนต้นไม้ในป่าที่ถูกลมพัดสั่นไหวไปมา
3พระยาห์เวห์พูดกับอิสยาห์ว่า “ให้เจ้าและเชอารยาชูบ#7:3 เชอารยาชูบ ชื่อนี้หมายถึง “จะมีไม่กี่คนกลับมา” ลูกของเจ้า ออกไปหาอาหัส ตรงบริเวณปลายรางน้ำของสระด้านบน ตรงถนนที่มุ่งไปยังทุ่งของคนซักผ้าใหม่ 4ให้บอกกับอาหัสว่า ‘ระวังตัวให้ดี และใจเย็นๆไม่ต้องกลัว และไม่ต้องใจฝ่อไป เรื่องสองคนนั้นที่ตอนนี้เป็นเหมือนเศษดุ้นฟืนสองดุ้นที่ใกล้จะมอดแล้ว ไม่ต้องไปกลัวที่เรซีน อาราม และเปคาห์ลูกของเรมาลิยาห์โกรธแค้นเจ้า 5หรือที่อาราม พร้อมกับเอฟราอิม และเปคาห์ลูกของเรมาลิยาห์ ได้วางแผนต่อต้านเจ้า และพูดกันว่า 6“พวกเราไปบุกยูดาห์กันเถอะ ไปทำให้มันขวัญหนีดีฝ่อ และเอาชนะมัน แล้วตั้งลูกของทาเบเอลขึ้นเป็นกษัตริย์ที่นั่น”’”
7พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า
“แผนของพวกมันจะไม่สำเร็จ
และมันจะไม่เกิดขึ้นตามนั้น
8เพราะหัวของอารามก็เป็นแค่เมืองดามัสกัสนั่น
และหัวของดามัสกัสก็เป็นแค่ไอ้เรซีนนั่น
(ภายในหกสิบห้าปี เอฟราอิมจะถูกทำลายแตกเป็นชิ้นๆจนไม่เป็นชนชาติอีกต่อไป)
9ส่วนหัวของเอฟราอิมก็เป็นแค่เมืองสะมาเรีย
และหัวของเมืองสะมาเรียก็เป็นแค่ไอ้ลูกของเรมาลิยาห์คนนั้น
ถ้าเจ้าไม่ยืนหยัดในพระเจ้า
เจ้าก็จะไม่มีทางยืนอยู่ได้เลย”
อิมมานูเอล พระเจ้าอยู่กับเรา
10พระยาห์เวห์พูดกับอาหัสอีกครั้งว่า 11“ขอเราพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าให้ทำอะไรก็ได้ที่พิสูจน์ว่าที่เราพูดนั้นเป็นจริง ขอมาเลย อะไรก็ได้ ไม่ว่าจะมาจากที่ลึกของแดนผู้ตาย หรือมาจากที่สูงถึงฟ้าสวรรค์”
12แต่อาหัสตอบว่า “ข้าพเจ้าจะไม่ขอหรอกครับ ข้าพเจ้าจะไม่ทดสอบพระยาห์เวห์”
13แล้วอิสยาห์ก็พูดว่า “อย่างนั้น ฟังให้ดี ครอบครัวของดาวิด ที่เจ้าทำให้มนุษย์หมดความอดทนนั้นยังไม่พออีกหรือ ยังจะต้องมาทำให้พระเจ้าของผมหมดความอดทนไปด้วยหรือ 14เพราะอย่างนี้แหละ องค์เจ้าชีวิตเองจะให้สิ่งที่พิสูจน์กับเจ้า
ดูนะ หญิงสาวคนนั้น#7:14 หญิงสาวคนนั้น ในสำเนากรีกโบราณ แปลว่า “หญิงพรหมจารี”
ตั้งท้องอยู่
และกำลังจะคลอดลูกชาย
เธอจะตั้งชื่อลูกว่า อิมมานูเอล#7:14 อิมมานูเอล แปลว่า “พระเจ้าสถิตอยู่ด้วย”
15เด็กคนนั้นจะกินเนยและน้ำผึ้ง#7:15 กินเนยและน้ำผึ้ง หมายถึงอาหารอ่อน ส่วนใหญ่ให้เด็กทารกหรือเด็กที่เพิ่งหย่านมกินกัน
จนถึงเวลาที่เขาเริ่มปฏิเสธอาหารที่ไม่ชอบ
และเลือกอาหารที่ชอบ#7:15 ปฏิเสธ … ที่ชอบ หรือแปลตรงๆได้ว่า “ปฏิเสธในสิ่งที่ไม่ดีและเลือกในสิ่งที่ดี”
16เพราะก่อนที่เด็กจะเริ่มปฏิเสธอาหารที่ไม่ชอบ
และเลือกอาหารที่ชอบเป็น
แผ่นดินของกษัตริย์สององค์นั้นที่ท่านกลัว
ก็จะถูกทิ้งให้รกร้างไปแล้ว
17แต่พระยาห์เวห์จะนำวันเวลาแห่งความเดือดร้อนมาให้กับเจ้ากับคนของเจ้าและกับครอบครัวของเจ้าอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนตั้งแต่เอฟราอิมแยกออกมาจากยูดาห์ พระยาห์เวห์จะนำกษัตริย์อัสซีเรีย#7:17 อัสซีเรีย เป็นชนชาติที่มีอำนาจ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอิสราเอล มาต่อสู้กับเจ้า”
18ในวันนั้น พระยาห์เวห์จะผิวปากเรียกแมลงวันตัวนั้น ที่อยู่ตามต้นน้ำทั้งหลายของลำธารต่างๆของอียิปต์ และจะผิวปากเรียกผึ้งตัวนั้นที่อยู่ในแผ่นดินของอัสซีเรีย 19แมลงวันและผึ้งพวกนั้น ก็จะมาตั้งค่ายอยู่ในหุบเขาลึก ตามถ้ำตามหน้าผาต่างๆตามพงหนามและตามหลุมน้ำต่างๆ 20ในวันนั้น องค์เจ้าชีวิตจะโกนหัวเจ้าและขนที่เท้า#7:20 เท้า อาจจะพูดให้ไพเราะ แทน “อวัยวะเพศ” #7:20 โกนหัวเจ้าและขนที่เท้า เป็นการทำให้คนนั้นอับอายขายหน้า ดูตัวอย่างได้จาก 2 ซามูเอล 10:4-5; อิสยาห์ 3:17 ด้วยมีดโกนที่เช่ามาจากอีกฝั่งของแม่น้ำยูเฟรติสคือกษัตริย์อัสซีเรียนั่นเอง
21ในวันนั้น คนหนึ่งจะเหลือได้แค่วัวสาวตัวหนึ่งและแพะสองตัว 22และเพราะพวกมันให้นมจำนวนมาก คนนั้นก็เอามาทำเนยกิน คนที่ยังคงเหลืออยู่ในแผ่นดินนั้นก็จะกินเนยและน้ำเชื่อมผลไม้ 23ในวันนั้น สวนองุ่นที่เคยมีเถาองุ่นหนึ่งพันเถาที่มีค่าหนึ่งพันเหรียญเงิน จะมีหญ้าคาและหนามขึ้นรกไปหมด 24คนก็จะเอาธนูและลูกธนูเข้าไปล่าสัตว์ที่นั่น เพราะทั้งแผ่นดินก็มีแต่พงหญ้าและหนามขึ้นเต็มไปหมด 25คนจะไม่ขึ้นไปตามเนินเขาพวกนั้นที่เคยมีการถางด้วยจอบอีกต่อไป เพราะจะกลัวความรกของพงหญ้าและหนาม มันจะกลายเป็นที่สำหรับปล่อยฝูงสัตว์ไปหากินและให้ฝูงแพะแกะไปเหยียบย่ำ
Currently Selected:
อิสยาห์ 7: THA-ERV
Highlight
Share
Copy
Want to have your highlights saved across all your devices? Sign up or sign in
Bible League International
อิสยาห์ 7
7
อารามก่อปัญหาให้กับยูดาห์
1ในช่วงที่อาหัส#7:1 อาหัส เป็นกษัตริย์ของยูดาห์ ในช่วงปี 735–727 ก่อนพระเยซูมาเกิด ลูกของโยธาม ที่เป็นลูกของอุสซียาห์#7:1 อุสซียาห์ เป็นกษัตริย์ของยูดาห์ ในช่วงปี 767–740 ก่อนพระเยซูมาเกิด ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ของยูดาห์ กษัตริย์เรซีนของอาราม#7:1 กษัตริย์เรซีนของอาราม ปกครองประมาณปี 740–731 ก่อนพระเยซูมาเกิด และเปคาห์ลูกของเรมาลิยาห์เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล ทั้งเรซีนและเปคาห์ได้บุกขึ้นไปโจมตีเมืองเยรูซาเล็ม แต่ไม่สามารถเอาชนะเมืองนั้นได้ 2กษัตริย์อาหัสของยูดาห์#7:2 กษัตริย์อาหัสของยูดาห์ หรือ แปลตามต้นฉบับได้ว่า “ครอบครัวของดาวิด” หรือครอบครัวแห่งยูดาห์ พระเจ้าสัญญาว่า จะมีคนจากครอบครัวของดาวิดได้เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ ได้รับรายงานเรื่องนี้ว่า อารามได้ตั้งค่ายอยู่ในเขตแดนของเอฟราอิม กษัตริย์อาหัสและคนของพระองค์ก็กลัวจนตัวสั่น เหมือนต้นไม้ในป่าที่ถูกลมพัดสั่นไหวไปมา
3พระยาห์เวห์พูดกับอิสยาห์ว่า “ให้เจ้าและเชอารยาชูบ#7:3 เชอารยาชูบ ชื่อนี้หมายถึง “จะมีไม่กี่คนกลับมา” ลูกของเจ้า ออกไปหาอาหัส ตรงบริเวณปลายรางน้ำของสระด้านบน ตรงถนนที่มุ่งไปยังทุ่งของคนซักผ้าใหม่ 4ให้บอกกับอาหัสว่า ‘ระวังตัวให้ดี และใจเย็นๆไม่ต้องกลัว และไม่ต้องใจฝ่อไป เรื่องสองคนนั้นที่ตอนนี้เป็นเหมือนเศษดุ้นฟืนสองดุ้นที่ใกล้จะมอดแล้ว ไม่ต้องไปกลัวที่เรซีน อาราม และเปคาห์ลูกของเรมาลิยาห์โกรธแค้นเจ้า 5หรือที่อาราม พร้อมกับเอฟราอิม และเปคาห์ลูกของเรมาลิยาห์ ได้วางแผนต่อต้านเจ้า และพูดกันว่า 6“พวกเราไปบุกยูดาห์กันเถอะ ไปทำให้มันขวัญหนีดีฝ่อ และเอาชนะมัน แล้วตั้งลูกของทาเบเอลขึ้นเป็นกษัตริย์ที่นั่น”’”
7พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า
“แผนของพวกมันจะไม่สำเร็จ
และมันจะไม่เกิดขึ้นตามนั้น
8เพราะหัวของอารามก็เป็นแค่เมืองดามัสกัสนั่น
และหัวของดามัสกัสก็เป็นแค่ไอ้เรซีนนั่น
(ภายในหกสิบห้าปี เอฟราอิมจะถูกทำลายแตกเป็นชิ้นๆจนไม่เป็นชนชาติอีกต่อไป)
9ส่วนหัวของเอฟราอิมก็เป็นแค่เมืองสะมาเรีย
และหัวของเมืองสะมาเรียก็เป็นแค่ไอ้ลูกของเรมาลิยาห์คนนั้น
ถ้าเจ้าไม่ยืนหยัดในพระเจ้า
เจ้าก็จะไม่มีทางยืนอยู่ได้เลย”
อิมมานูเอล พระเจ้าอยู่กับเรา
10พระยาห์เวห์พูดกับอาหัสอีกครั้งว่า 11“ขอเราพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าให้ทำอะไรก็ได้ที่พิสูจน์ว่าที่เราพูดนั้นเป็นจริง ขอมาเลย อะไรก็ได้ ไม่ว่าจะมาจากที่ลึกของแดนผู้ตาย หรือมาจากที่สูงถึงฟ้าสวรรค์”
12แต่อาหัสตอบว่า “ข้าพเจ้าจะไม่ขอหรอกครับ ข้าพเจ้าจะไม่ทดสอบพระยาห์เวห์”
13แล้วอิสยาห์ก็พูดว่า “อย่างนั้น ฟังให้ดี ครอบครัวของดาวิด ที่เจ้าทำให้มนุษย์หมดความอดทนนั้นยังไม่พออีกหรือ ยังจะต้องมาทำให้พระเจ้าของผมหมดความอดทนไปด้วยหรือ 14เพราะอย่างนี้แหละ องค์เจ้าชีวิตเองจะให้สิ่งที่พิสูจน์กับเจ้า
ดูนะ หญิงสาวคนนั้น#7:14 หญิงสาวคนนั้น ในสำเนากรีกโบราณ แปลว่า “หญิงพรหมจารี”
ตั้งท้องอยู่
และกำลังจะคลอดลูกชาย
เธอจะตั้งชื่อลูกว่า อิมมานูเอล#7:14 อิมมานูเอล แปลว่า “พระเจ้าสถิตอยู่ด้วย”
15เด็กคนนั้นจะกินเนยและน้ำผึ้ง#7:15 กินเนยและน้ำผึ้ง หมายถึงอาหารอ่อน ส่วนใหญ่ให้เด็กทารกหรือเด็กที่เพิ่งหย่านมกินกัน
จนถึงเวลาที่เขาเริ่มปฏิเสธอาหารที่ไม่ชอบ
และเลือกอาหารที่ชอบ#7:15 ปฏิเสธ … ที่ชอบ หรือแปลตรงๆได้ว่า “ปฏิเสธในสิ่งที่ไม่ดีและเลือกในสิ่งที่ดี”
16เพราะก่อนที่เด็กจะเริ่มปฏิเสธอาหารที่ไม่ชอบ
และเลือกอาหารที่ชอบเป็น
แผ่นดินของกษัตริย์สององค์นั้นที่ท่านกลัว
ก็จะถูกทิ้งให้รกร้างไปแล้ว
17แต่พระยาห์เวห์จะนำวันเวลาแห่งความเดือดร้อนมาให้กับเจ้ากับคนของเจ้าและกับครอบครัวของเจ้าอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนตั้งแต่เอฟราอิมแยกออกมาจากยูดาห์ พระยาห์เวห์จะนำกษัตริย์อัสซีเรีย#7:17 อัสซีเรีย เป็นชนชาติที่มีอำนาจ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอิสราเอล มาต่อสู้กับเจ้า”
18ในวันนั้น พระยาห์เวห์จะผิวปากเรียกแมลงวันตัวนั้น ที่อยู่ตามต้นน้ำทั้งหลายของลำธารต่างๆของอียิปต์ และจะผิวปากเรียกผึ้งตัวนั้นที่อยู่ในแผ่นดินของอัสซีเรีย 19แมลงวันและผึ้งพวกนั้น ก็จะมาตั้งค่ายอยู่ในหุบเขาลึก ตามถ้ำตามหน้าผาต่างๆตามพงหนามและตามหลุมน้ำต่างๆ 20ในวันนั้น องค์เจ้าชีวิตจะโกนหัวเจ้าและขนที่เท้า#7:20 เท้า อาจจะพูดให้ไพเราะ แทน “อวัยวะเพศ” #7:20 โกนหัวเจ้าและขนที่เท้า เป็นการทำให้คนนั้นอับอายขายหน้า ดูตัวอย่างได้จาก 2 ซามูเอล 10:4-5; อิสยาห์ 3:17 ด้วยมีดโกนที่เช่ามาจากอีกฝั่งของแม่น้ำยูเฟรติสคือกษัตริย์อัสซีเรียนั่นเอง
21ในวันนั้น คนหนึ่งจะเหลือได้แค่วัวสาวตัวหนึ่งและแพะสองตัว 22และเพราะพวกมันให้นมจำนวนมาก คนนั้นก็เอามาทำเนยกิน คนที่ยังคงเหลืออยู่ในแผ่นดินนั้นก็จะกินเนยและน้ำเชื่อมผลไม้ 23ในวันนั้น สวนองุ่นที่เคยมีเถาองุ่นหนึ่งพันเถาที่มีค่าหนึ่งพันเหรียญเงิน จะมีหญ้าคาและหนามขึ้นรกไปหมด 24คนก็จะเอาธนูและลูกธนูเข้าไปล่าสัตว์ที่นั่น เพราะทั้งแผ่นดินก็มีแต่พงหญ้าและหนามขึ้นเต็มไปหมด 25คนจะไม่ขึ้นไปตามเนินเขาพวกนั้นที่เคยมีการถางด้วยจอบอีกต่อไป เพราะจะกลัวความรกของพงหญ้าและหนาม มันจะกลายเป็นที่สำหรับปล่อยฝูงสัตว์ไปหากินและให้ฝูงแพะแกะไปเหยียบย่ำ
Currently Selected:
:
Highlight
Share
Copy
Want to have your highlights saved across all your devices? Sign up or sign in
Bible League International