มัทธิว 26
26
ผู้นำชาวยิววางแผนฆ่าพระเยซู
(มก. 14:1-2; ลก. 22:1-2; ยน. 11:45-53)
1เมื่อพระเยซูพูดเรื่องพวกนี้เสร็จแล้ว พระองค์บอกกับพวกศิษย์ว่า 2“พวกคุณก็รู้แล้วว่า อีกสองวันจะถึงเทศกาลวันปลดปล่อย และบุตรมนุษย์จะถูกส่งมอบไปให้ศัตรูเพื่อเอาไปตรึงที่กางเขน”
3พวกหัวหน้านักบวชและพวกผู้นำอาวุโสมาประชุมกันที่บ้านของคายาฟาสนักบวชสูงสุด 4พวกเขาวางแผนจับตัวพระเยซูไปฆ่า 5แต่พวกเขาตกลงกันว่า “อย่าเพิ่งทำในช่วงเทศกาล เพราะประชาชนจะก่อการจลาจลขึ้น”
หญิงคนหนึ่งชโลมน้ำหอมบนศีรษะพระเยซู
(มก. 14:3-9; ยน. 12:1-8)
6ในเมืองเบธานี ขณะที่พระเยซูอยู่ที่บ้านของซีโมนที่เคยเป็นโรคผิวหนังร้ายแรง 7มีผู้หญิงคนหนึ่งถือขวดใส่น้ำหอมราคาแพงมากมาหาพระองค์ เธอชโลมน้ำหอมลงบนศีรษะของพระองค์ ขณะที่พระองค์กำลังกินอาหารอยู่
8เมื่อพวกศิษย์เห็นอย่างนั้นก็โกรธ ต่างพูดกันว่า “ทำไมถึงทำให้เสียของอย่างนี้ 9มันคงขายได้เงินมากทีเดียว แล้วก็เอาเงินนั้นไปแจกจ่ายให้กับคนจน”
10เมื่อพระเยซูได้ยิน จึงห้ามพวกศิษย์ว่า “ไปวุ่นวายกับเธอทำไม เธอได้ทำสิ่งที่ดีงามให้กับเรา 11พวกคุณจะมีคนจนอยู่ด้วยเสมอ#26:11 คนจน … เสมอ ดูได้จากหนังสือ เฉลยธรรมบัญญัติ 15:11 แต่เราจะไม่อยู่กับพวกคุณเสมอไป 12ที่เธอเทน้ำหอมลงบนตัวเรานั้น ก็เพื่อเตรียมเราไว้สำหรับการฝังศพ 13เราจะบอกให้รู้ว่า ไม่ว่าข่าวดีนี้จะประกาศออกไปที่ไหนๆในโลกนี้ ก็จะมีคนพูดถึงเรื่องที่เธอทำให้กับเรานี้เสมอ เพื่อเป็นการระลึกถึงเธอ”
ยูดาสกลายเป็นศัตรูของพระเยซู
(มก. 14:10-11; ลก. 22:3-6)
14ยูดาส อิสคาริโอท ศิษย์เอกคนหนึ่งในสิบสองคนของพระเยซู ได้ไปพบพวกหัวหน้านักบวช 15เขาถามว่า “ถ้าผมส่งตัวพระเยซูให้ จะจ่ายให้ผมเท่าไหร่” แล้วพวกเขาก็ให้เงินยูดาสสามสิบเหรียญ 16ตั้งแต่นั้นมา ยูดาสก็คอยจ้องหาโอกาสที่จะส่งพระเยซูให้กับพวกเขา
พระเยซูกินอาหารมื้อพิเศษในเทศกาลวันปลดปล่อย
(มก. 14:12-21; ลก. 22:7-14, 21-23; ยน. 13:21-30)
17วันแรกของเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ พวกศิษย์ได้เข้ามาถามพระเยซูว่า “อาจารย์จะให้พวกเราเตรียมอาหารสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อยให้อาจารย์ที่ไหนครับ”
18พระเยซูตอบว่า “ให้เข้าไปในเมืองหาชายคนหนึ่ง แล้วบอกเขาว่า ‘อาจารย์บอกว่า เวลาของเราใกล้มาถึงแล้ว เราจะเลี้ยงฉลองเทศกาลวันปลดปล่อยกับพวกศิษย์ของเราที่บ้านของคุณ’” 19พวกศิษย์ทำตามที่พระเยซูบอก และจัดเตรียมอาหารสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อยที่นั่น
20เมื่อถึงตอนเย็น พระเยซูเอนตัวอยู่ที่โต๊ะอาหาร พร้อมกับศิษย์ทั้งสิบสองคน 21ขณะที่กำลังกินกันอยู่นั้น พระเยซูได้พูดขึ้นว่า “เราจะบอกให้รู้ว่า คนหนึ่งในพวกคุณจะหักหลังเรา”
22พวกศิษย์ตระหนกตกใจมาก ต่างถามพระองค์ว่า “คงไม่ใช่ผมนะ อาจารย์”
23พระเยซูตอบว่า “คนที่เอามือจิ้มลงในชามเดียวกับเราจะเป็นคนที่หักหลังเรา 24บุตรมนุษย์จะต้องตาย เหมือนกับที่พระคัมภีร์ได้เขียนไว้แล้ว แต่คนที่หักหลังบุตรมนุษย์นี้น่าละอายจริงๆ ถ้าเขาไม่ได้เกิดมา ก็คงจะดีกว่า”
25พอยูดาสคนที่จะหักหลังพระองค์ถามว่า “คงไม่ใช่ผมนะ อาจารย์” พระองค์จึงตอบว่า “คุณนั่นแหละ”
ขนมปังและเหล้าองุ่น
(มก. 14:22-26; ลก. 22:15-20; 1 คร. 11:23-25)
26ขณะที่กำลังกินกันอยู่นั้น พระเยซูหยิบขนมปังมา ขอบคุณพระเจ้า จากนั้นหักขนมปังให้พวกศิษย์และพูดว่า “รับไปกินสิ นี่คือร่างกายของเรา”
27แล้วพระองค์หยิบถ้วยขึ้นมา ขอบคุณพระเจ้า ส่งไปให้พวกเขาและพูดว่า “ให้ทุกคนดื่มจากถ้วยนี้ 28เพราะนี่คือเลือดของเรา พระเจ้าได้ทำสัญญาขึ้นมาด้วยเลือดนี้ มันได้หลั่งไหลออกมาเพื่อยกโทษให้กับความบาปของคนทั้งหลาย 29เราจะบอกให้รู้ว่า เราจะไม่ดื่มเหล้าองุ่นนี้อีก จนกว่าจะถึงวันนั้นที่เราจะได้ดื่มเหล้าองุ่นใหม่ด้วยกันกับพวกคุณในอาณาจักรของพระบิดาเรา”
30เมื่อพวกเขาได้ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าแล้ว ก็ออกไปที่ภูเขามะกอกเทศ
พระเยซูทำนายว่าพวกศิษย์จะทิ้งพระองค์
(มก. 14:27-31; ลก. 22:31-34; ยน. 13:36-38)
31พระเยซูบอกพวกศิษย์ว่า “คืนนี้พวกคุณจะทิ้งเราไปกันหมดทุกคน เหมือนกับที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า
‘เราจะฆ่าคนเลี้ยงแกะ
และแกะฝูงนั้นจะกระเจิดกระเจิงไป’#เศคาริยาห์ 13:7
32แต่เมื่อเราฟื้นขึ้นมา เราจะล่วงหน้าพวกคุณไปที่แคว้นกาลิลีก่อน”
33เปโตรตอบว่า “ถึงแม้คนอื่นๆจะทิ้งอาจารย์ไปหมด แต่ผมจะไม่มีวันทำอย่างนั้น”
34พระเยซูจึงตอบเปโตรว่า “เราจะบอกให้รู้ว่า คืนนี้ก่อนไก่ขัน คุณจะพูดว่าไม่รู้จักเราถึงสามครั้ง”
35แต่เปโตรยืนยันว่า “ถึงผมจะต้องตายกับอาจารย์ ผมก็ไม่มีวันพูดว่าไม่รู้จักอาจารย์” และพวกศิษย์ทั้งหมดก็พูดอย่างเดียวกัน
พระเยซูอธิษฐานตามลำพัง
(มก. 14:32-42; ลก. 22:39-46)
36จากนั้นพระเยซูก็พาศิษย์ไปที่สวนแห่งหนึ่งเรียกว่า เกทเสมนี และบอกพวกศิษย์ว่า “นั่งคอยอยู่ที่นี่นะ เราจะไปอธิษฐานทางโน้น” 37พระองค์พาเปโตรกับลูกทั้งสองคนของเศเบดีไปด้วย พระองค์รู้สึกโศกเศร้าและเป็นทุกข์มาก 38พระองค์จึงบอกพวกเขาว่า “เราทุกข์ใจมากจนแทบจะตายอยู่แล้ว ให้ตื่นและเฝ้าระวังอยู่กับเราหน่อย”
39พระองค์เดินห่างออกไปนิดหนึ่ง ก้มหน้าซบลงกับพื้นดิน แล้วอธิษฐานว่า “พระบิดา ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ถ้วย#26:39 ถ้วย พระเยซูกำลังพูดถึงสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นกับพระองค์ ซึ่งเป็นการยากที่จะยอมรับสิ่งเหล่านี้ เปรียบเหมือนกับการดื่มอะไรสักอย่างที่มีรสชาติที่แย่มาก แห่งความทุกข์ยากนี้ผ่านพ้นไปจากลูกด้วยเถิด แต่ขอให้เป็นไปตามความต้องการของพระองค์ไม่ใช่ของลูก” 40แล้วพระองค์ก็เดินกลับมาเห็นพวกศิษย์หลับอยู่ พระองค์จึงพูดกับเปโตรว่า “พวกคุณตื่นอยู่เป็นเพื่อนเราสักชั่วโมงไม่ได้เลยหรือ 41ให้เฝ้าระวังและอธิษฐาน เพื่อจะได้ไม่แพ้ต่อการยั่วยวน ถึงแม้จิตใจอยากจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ร่างกายยังอ่อนแออยู่”
42พระองค์เดินกลับไป และอธิษฐานเป็นครั้งที่สองว่า “พระบิดา ถ้าถ้วยแห่งความทุกข์ยากนี้ผ่านพ้นลูกไปไม่ได้ นอกจากลูกจะต้องดื่มมัน ก็ขอให้เป็นไปตามความต้องการของพระองค์เถิด” 43จากนั้นพระองค์ก็เดินกลับมา ก็พบว่าพวกศิษย์ยังหลับอยู่ เพราะเปลือกตาเขาหนักอึ้งจนลืมไม่ขึ้น 44พระองค์จึงเดินไปจากพวกเขา และอธิษฐานเหมือนเดิมอีกเป็นครั้งที่สาม 45พระองค์เดินกลับมาที่พวกศิษย์อีก และพูดว่า “ยังนอนหลับพักผ่อนกันอยู่อีกหรือ ชั่วโมงที่บุตรมนุษย์จะถูกหักหลังให้ไปอยู่ในมือของพวกคนบาปนั้นมาถึงแล้ว 46ลุกขึ้นไปกันเถอะ นั่นไงคนที่หักหลังเรามาถึงแล้ว”
พระเยซูถูกจับ
(มก. 14:43-50; ลก. 22:47-53; ยน. 18:3-12)
47พระองค์พูดยังไม่ทันขาดคำ ยูดาสศิษย์คนหนึ่งในสิบสองคนของพระองค์ก็มาถึง พร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ที่ถือทั้งดาบและไม้กระบอง คนพวกนี้ถูกส่งมาจากพวกหัวหน้านักบวชและพวกผู้นำอาวุโส 48ยูดาสได้ตกลงกับพวกนั้นไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วว่า “คนที่ผมจูบคือคนๆนั้น เข้าไปจับกุมได้เลย” 49ยูดาสก็ตรงเข้าไปหาพระเยซูทันที พร้อมกับพูดว่า “สวัสดีครับ อาจารย์” และจูบพระองค์
50พระเยซูจึงพูดกับเขาว่า “เพื่อนเอ๋ย มาทำอะไรก็รีบทำไปเลย” แล้วคนเหล่านั้น ก็เข้ามาจับตัวพระองค์และคุมตัวไว้ 51ศิษย์คนหนึ่งที่อยู่กับพระเยซูจึงชักดาบออกมาแล้วก็ฟันถูกหูทาสคนหนึ่งของหัวหน้านักบวชสูงสุดขาดไป
52พระเยซูพูดกับเขาว่า “เก็บดาบใส่ฝักเสีย เพราะคนที่ใช้ดาบจะตายเพราะดาบ 53คุณคิดว่า เราจะขอความช่วยเหลือจากพระบิดาเราไม่ได้หรือ พระองค์จะส่งทูตสวรรค์มาให้กับเรามากกว่าสิบสองกอง#26:53 สิบสองกอง มีทหารประมาณหกพันคน ได้ทันที 54แต่ถ้าเราทำอย่างนั้น มันก็จะไม่เป็นไปตามที่พระคัมภีร์เขียนไว้”
55แล้วพระเยซูก็พูดกับคนกลุ่มใหญ่นั้นว่า “เห็นเราเป็นโจรหรือยังไง ถึงได้ถือดาบและไม้กระบองมาจับเรา ตอนที่เรานั่งสอนอยู่ในวิหารทุกวัน กลับไม่มาจับ 56แต่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น ก็เพื่อจะได้เป็นจริงตามที่พวกผู้พูดแทนพระเจ้าได้เขียนไว้” แล้วพวกศิษย์ของพระองค์ได้ทิ้งพระองค์และหนีไป
พระเยซูอยู่ต่อหน้าผู้นำชาวยิว
(มก. 14:53-65; ลก. 22:54-55, 63-71; ยน. 18:13-14, 19-24)
57พวกนั้นจับพระเยซูไปที่บ้านของคายาฟาสหัวหน้านักบวชสูงสุด ที่พวกครูสอนกฎปฏิบัติและพวกผู้นำอาวุโสได้ประชุมกันอยู่ 58เปโตรตามพระองค์มาห่างๆจนถึงลานบ้านของหัวหน้านักบวชสูงสุด แล้วเขาเข้าไปนั่งอยู่ในลานบ้านกับพวกผู้คุม เพื่อดูว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
59พวกหัวหน้านักบวชและสมาชิกสภาแซนฮีดรินทั้งหมดพยายามหาพยานเท็จมาปรักปรำพระเยซู เพื่อจะได้ฆ่าพระองค์ 60แต่ก็หาไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าจะมีพยานเท็จมาปรักปรำพระองค์หลายคน พวกเขาก็ไม่สามารถหาหลักฐานที่ดีพอที่จะตัดสินฆ่าพระองค์ได้ 61ในที่สุดก็มีสองคนให้การว่า “ชายคนนี้เคยพูดว่า ‘เราสามารถทำลายวิหารของพระเจ้า และสร้างขึ้นมาใหม่ภายในสามวัน’”
62หัวหน้านักบวชสูงสุดจึงยืนขึ้น ถามพระเยซูว่า “แกจะไม่แก้ตัวในสิ่งที่เขากล่าวหาแกหรือ” 63แต่พระเยซูยังนิ่งเงียบ หัวหน้านักบวชสูงสุด จึงพูดกับพระองค์ว่า “เราขอสั่งแกในนามของพระเจ้าที่มีชีวิตอยู่ บอกพวกเรามาสิว่า แกคือพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้าหรือเปล่า”
64พระองค์จึงตอบเขาว่า “ท่านพูดถูกแล้ว แต่เราจะบอกให้รู้ว่า ในอนาคตท่านจะได้เห็นบุตรมนุษย์นั่งอยู่ทางขวาของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ และเสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า”
65แล้วหัวหน้านักบวชสูงสุด ก็ฉีกทึ้งเสื้อผ้าของตัวเองและพูดว่า “มันพูดหมิ่นประมาทพระเจ้าชัดๆ เรายังต้องการพยานอะไรอีก เห็นไหม พวกคุณก็ได้ยินคำหมิ่นประมาทแล้ว 66พวกคุณคิดว่าอย่างไร” พวกเขาตอบว่า “มันมีความผิด มันสมควรตาย”
67พวกเขาถ่มน้ำลายรดหน้าพระองค์ และชกต่อยพระองค์ บางคนก็ตบหน้าพระองค์ 68และพูดว่า “ทายมาสิ ไอ้คริสต์ ใครตบหน้าแก”
เปโตรไม่ยอมรับว่ารู้จักพระเยซู
(มก. 14:66-72; ลก. 22:56-62; ยน. 18:15-18, 25-27)
69ในขณะเดียวกัน เปโตรกำลังนั่งอยู่ข้างนอกที่ลานบ้าน และสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาทักเขาว่า “แกก็อยู่กับเยซูคนกาลิลีด้วยนี่นา”
70แต่เปโตรพูดต่อหน้าทุกคนว่า “ผมไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร”
71แล้วเขาก็เดินออกไปที่ประตูบ้าน สาวใช้อีกคนที่เห็นเขาก็บอกกับทุกคนที่อยู่ตรงนั้นว่า “คนนี้อยู่กับเยซูชาวนาซาเร็ธด้วย”
72เปโตรปฏิเสธว่า “สาบานได้เลย ผมไม่เคยรู้จักชายคนนั้น”
73อีกสักครู่หนึ่ง คนที่ยืนอยู่ที่นั่นก็เดินเข้ามาหาเปโตร และพูดว่า “แกเป็นหนึ่งในพวกนั้นแน่ๆ สำเนียงของแกมันฟ้องอยู่ชัดๆ”
74เปโตรขอให้ตัวเองถูกสาปแช่งถ้าโกหก แล้วเขาสาบานว่า “ผมไม่รู้จักชายคนนี้” ทันใดนั้นไก่ก็ขัน 75เปโตรจึงนึกขึ้นได้ถึงคำพูดที่พระเยซูเคยบอกกับเขาว่า “ก่อนไก่ขัน คุณจะพูดว่าไม่รู้จักเราสามครั้ง” เปโตรออกไปข้างนอก แล้วร้องไห้อย่างขมขื่น
Currently Selected:
มัทธิว 26: THA-ERV
Highlight
Share
Copy
Want to have your highlights saved across all your devices? Sign up or sign in
Bible League International
มัทธิว 26
26
ผู้นำชาวยิววางแผนฆ่าพระเยซู
(มก. 14:1-2; ลก. 22:1-2; ยน. 11:45-53)
1เมื่อพระเยซูพูดเรื่องพวกนี้เสร็จแล้ว พระองค์บอกกับพวกศิษย์ว่า 2“พวกคุณก็รู้แล้วว่า อีกสองวันจะถึงเทศกาลวันปลดปล่อย และบุตรมนุษย์จะถูกส่งมอบไปให้ศัตรูเพื่อเอาไปตรึงที่กางเขน”
3พวกหัวหน้านักบวชและพวกผู้นำอาวุโสมาประชุมกันที่บ้านของคายาฟาสนักบวชสูงสุด 4พวกเขาวางแผนจับตัวพระเยซูไปฆ่า 5แต่พวกเขาตกลงกันว่า “อย่าเพิ่งทำในช่วงเทศกาล เพราะประชาชนจะก่อการจลาจลขึ้น”
หญิงคนหนึ่งชโลมน้ำหอมบนศีรษะพระเยซู
(มก. 14:3-9; ยน. 12:1-8)
6ในเมืองเบธานี ขณะที่พระเยซูอยู่ที่บ้านของซีโมนที่เคยเป็นโรคผิวหนังร้ายแรง 7มีผู้หญิงคนหนึ่งถือขวดใส่น้ำหอมราคาแพงมากมาหาพระองค์ เธอชโลมน้ำหอมลงบนศีรษะของพระองค์ ขณะที่พระองค์กำลังกินอาหารอยู่
8เมื่อพวกศิษย์เห็นอย่างนั้นก็โกรธ ต่างพูดกันว่า “ทำไมถึงทำให้เสียของอย่างนี้ 9มันคงขายได้เงินมากทีเดียว แล้วก็เอาเงินนั้นไปแจกจ่ายให้กับคนจน”
10เมื่อพระเยซูได้ยิน จึงห้ามพวกศิษย์ว่า “ไปวุ่นวายกับเธอทำไม เธอได้ทำสิ่งที่ดีงามให้กับเรา 11พวกคุณจะมีคนจนอยู่ด้วยเสมอ#26:11 คนจน … เสมอ ดูได้จากหนังสือ เฉลยธรรมบัญญัติ 15:11 แต่เราจะไม่อยู่กับพวกคุณเสมอไป 12ที่เธอเทน้ำหอมลงบนตัวเรานั้น ก็เพื่อเตรียมเราไว้สำหรับการฝังศพ 13เราจะบอกให้รู้ว่า ไม่ว่าข่าวดีนี้จะประกาศออกไปที่ไหนๆในโลกนี้ ก็จะมีคนพูดถึงเรื่องที่เธอทำให้กับเรานี้เสมอ เพื่อเป็นการระลึกถึงเธอ”
ยูดาสกลายเป็นศัตรูของพระเยซู
(มก. 14:10-11; ลก. 22:3-6)
14ยูดาส อิสคาริโอท ศิษย์เอกคนหนึ่งในสิบสองคนของพระเยซู ได้ไปพบพวกหัวหน้านักบวช 15เขาถามว่า “ถ้าผมส่งตัวพระเยซูให้ จะจ่ายให้ผมเท่าไหร่” แล้วพวกเขาก็ให้เงินยูดาสสามสิบเหรียญ 16ตั้งแต่นั้นมา ยูดาสก็คอยจ้องหาโอกาสที่จะส่งพระเยซูให้กับพวกเขา
พระเยซูกินอาหารมื้อพิเศษในเทศกาลวันปลดปล่อย
(มก. 14:12-21; ลก. 22:7-14, 21-23; ยน. 13:21-30)
17วันแรกของเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ พวกศิษย์ได้เข้ามาถามพระเยซูว่า “อาจารย์จะให้พวกเราเตรียมอาหารสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อยให้อาจารย์ที่ไหนครับ”
18พระเยซูตอบว่า “ให้เข้าไปในเมืองหาชายคนหนึ่ง แล้วบอกเขาว่า ‘อาจารย์บอกว่า เวลาของเราใกล้มาถึงแล้ว เราจะเลี้ยงฉลองเทศกาลวันปลดปล่อยกับพวกศิษย์ของเราที่บ้านของคุณ’” 19พวกศิษย์ทำตามที่พระเยซูบอก และจัดเตรียมอาหารสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อยที่นั่น
20เมื่อถึงตอนเย็น พระเยซูเอนตัวอยู่ที่โต๊ะอาหาร พร้อมกับศิษย์ทั้งสิบสองคน 21ขณะที่กำลังกินกันอยู่นั้น พระเยซูได้พูดขึ้นว่า “เราจะบอกให้รู้ว่า คนหนึ่งในพวกคุณจะหักหลังเรา”
22พวกศิษย์ตระหนกตกใจมาก ต่างถามพระองค์ว่า “คงไม่ใช่ผมนะ อาจารย์”
23พระเยซูตอบว่า “คนที่เอามือจิ้มลงในชามเดียวกับเราจะเป็นคนที่หักหลังเรา 24บุตรมนุษย์จะต้องตาย เหมือนกับที่พระคัมภีร์ได้เขียนไว้แล้ว แต่คนที่หักหลังบุตรมนุษย์นี้น่าละอายจริงๆ ถ้าเขาไม่ได้เกิดมา ก็คงจะดีกว่า”
25พอยูดาสคนที่จะหักหลังพระองค์ถามว่า “คงไม่ใช่ผมนะ อาจารย์” พระองค์จึงตอบว่า “คุณนั่นแหละ”
ขนมปังและเหล้าองุ่น
(มก. 14:22-26; ลก. 22:15-20; 1 คร. 11:23-25)
26ขณะที่กำลังกินกันอยู่นั้น พระเยซูหยิบขนมปังมา ขอบคุณพระเจ้า จากนั้นหักขนมปังให้พวกศิษย์และพูดว่า “รับไปกินสิ นี่คือร่างกายของเรา”
27แล้วพระองค์หยิบถ้วยขึ้นมา ขอบคุณพระเจ้า ส่งไปให้พวกเขาและพูดว่า “ให้ทุกคนดื่มจากถ้วยนี้ 28เพราะนี่คือเลือดของเรา พระเจ้าได้ทำสัญญาขึ้นมาด้วยเลือดนี้ มันได้หลั่งไหลออกมาเพื่อยกโทษให้กับความบาปของคนทั้งหลาย 29เราจะบอกให้รู้ว่า เราจะไม่ดื่มเหล้าองุ่นนี้อีก จนกว่าจะถึงวันนั้นที่เราจะได้ดื่มเหล้าองุ่นใหม่ด้วยกันกับพวกคุณในอาณาจักรของพระบิดาเรา”
30เมื่อพวกเขาได้ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าแล้ว ก็ออกไปที่ภูเขามะกอกเทศ
พระเยซูทำนายว่าพวกศิษย์จะทิ้งพระองค์
(มก. 14:27-31; ลก. 22:31-34; ยน. 13:36-38)
31พระเยซูบอกพวกศิษย์ว่า “คืนนี้พวกคุณจะทิ้งเราไปกันหมดทุกคน เหมือนกับที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า
‘เราจะฆ่าคนเลี้ยงแกะ
และแกะฝูงนั้นจะกระเจิดกระเจิงไป’#เศคาริยาห์ 13:7
32แต่เมื่อเราฟื้นขึ้นมา เราจะล่วงหน้าพวกคุณไปที่แคว้นกาลิลีก่อน”
33เปโตรตอบว่า “ถึงแม้คนอื่นๆจะทิ้งอาจารย์ไปหมด แต่ผมจะไม่มีวันทำอย่างนั้น”
34พระเยซูจึงตอบเปโตรว่า “เราจะบอกให้รู้ว่า คืนนี้ก่อนไก่ขัน คุณจะพูดว่าไม่รู้จักเราถึงสามครั้ง”
35แต่เปโตรยืนยันว่า “ถึงผมจะต้องตายกับอาจารย์ ผมก็ไม่มีวันพูดว่าไม่รู้จักอาจารย์” และพวกศิษย์ทั้งหมดก็พูดอย่างเดียวกัน
พระเยซูอธิษฐานตามลำพัง
(มก. 14:32-42; ลก. 22:39-46)
36จากนั้นพระเยซูก็พาศิษย์ไปที่สวนแห่งหนึ่งเรียกว่า เกทเสมนี และบอกพวกศิษย์ว่า “นั่งคอยอยู่ที่นี่นะ เราจะไปอธิษฐานทางโน้น” 37พระองค์พาเปโตรกับลูกทั้งสองคนของเศเบดีไปด้วย พระองค์รู้สึกโศกเศร้าและเป็นทุกข์มาก 38พระองค์จึงบอกพวกเขาว่า “เราทุกข์ใจมากจนแทบจะตายอยู่แล้ว ให้ตื่นและเฝ้าระวังอยู่กับเราหน่อย”
39พระองค์เดินห่างออกไปนิดหนึ่ง ก้มหน้าซบลงกับพื้นดิน แล้วอธิษฐานว่า “พระบิดา ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ถ้วย#26:39 ถ้วย พระเยซูกำลังพูดถึงสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นกับพระองค์ ซึ่งเป็นการยากที่จะยอมรับสิ่งเหล่านี้ เปรียบเหมือนกับการดื่มอะไรสักอย่างที่มีรสชาติที่แย่มาก แห่งความทุกข์ยากนี้ผ่านพ้นไปจากลูกด้วยเถิด แต่ขอให้เป็นไปตามความต้องการของพระองค์ไม่ใช่ของลูก” 40แล้วพระองค์ก็เดินกลับมาเห็นพวกศิษย์หลับอยู่ พระองค์จึงพูดกับเปโตรว่า “พวกคุณตื่นอยู่เป็นเพื่อนเราสักชั่วโมงไม่ได้เลยหรือ 41ให้เฝ้าระวังและอธิษฐาน เพื่อจะได้ไม่แพ้ต่อการยั่วยวน ถึงแม้จิตใจอยากจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ร่างกายยังอ่อนแออยู่”
42พระองค์เดินกลับไป และอธิษฐานเป็นครั้งที่สองว่า “พระบิดา ถ้าถ้วยแห่งความทุกข์ยากนี้ผ่านพ้นลูกไปไม่ได้ นอกจากลูกจะต้องดื่มมัน ก็ขอให้เป็นไปตามความต้องการของพระองค์เถิด” 43จากนั้นพระองค์ก็เดินกลับมา ก็พบว่าพวกศิษย์ยังหลับอยู่ เพราะเปลือกตาเขาหนักอึ้งจนลืมไม่ขึ้น 44พระองค์จึงเดินไปจากพวกเขา และอธิษฐานเหมือนเดิมอีกเป็นครั้งที่สาม 45พระองค์เดินกลับมาที่พวกศิษย์อีก และพูดว่า “ยังนอนหลับพักผ่อนกันอยู่อีกหรือ ชั่วโมงที่บุตรมนุษย์จะถูกหักหลังให้ไปอยู่ในมือของพวกคนบาปนั้นมาถึงแล้ว 46ลุกขึ้นไปกันเถอะ นั่นไงคนที่หักหลังเรามาถึงแล้ว”
พระเยซูถูกจับ
(มก. 14:43-50; ลก. 22:47-53; ยน. 18:3-12)
47พระองค์พูดยังไม่ทันขาดคำ ยูดาสศิษย์คนหนึ่งในสิบสองคนของพระองค์ก็มาถึง พร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ที่ถือทั้งดาบและไม้กระบอง คนพวกนี้ถูกส่งมาจากพวกหัวหน้านักบวชและพวกผู้นำอาวุโส 48ยูดาสได้ตกลงกับพวกนั้นไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วว่า “คนที่ผมจูบคือคนๆนั้น เข้าไปจับกุมได้เลย” 49ยูดาสก็ตรงเข้าไปหาพระเยซูทันที พร้อมกับพูดว่า “สวัสดีครับ อาจารย์” และจูบพระองค์
50พระเยซูจึงพูดกับเขาว่า “เพื่อนเอ๋ย มาทำอะไรก็รีบทำไปเลย” แล้วคนเหล่านั้น ก็เข้ามาจับตัวพระองค์และคุมตัวไว้ 51ศิษย์คนหนึ่งที่อยู่กับพระเยซูจึงชักดาบออกมาแล้วก็ฟันถูกหูทาสคนหนึ่งของหัวหน้านักบวชสูงสุดขาดไป
52พระเยซูพูดกับเขาว่า “เก็บดาบใส่ฝักเสีย เพราะคนที่ใช้ดาบจะตายเพราะดาบ 53คุณคิดว่า เราจะขอความช่วยเหลือจากพระบิดาเราไม่ได้หรือ พระองค์จะส่งทูตสวรรค์มาให้กับเรามากกว่าสิบสองกอง#26:53 สิบสองกอง มีทหารประมาณหกพันคน ได้ทันที 54แต่ถ้าเราทำอย่างนั้น มันก็จะไม่เป็นไปตามที่พระคัมภีร์เขียนไว้”
55แล้วพระเยซูก็พูดกับคนกลุ่มใหญ่นั้นว่า “เห็นเราเป็นโจรหรือยังไง ถึงได้ถือดาบและไม้กระบองมาจับเรา ตอนที่เรานั่งสอนอยู่ในวิหารทุกวัน กลับไม่มาจับ 56แต่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น ก็เพื่อจะได้เป็นจริงตามที่พวกผู้พูดแทนพระเจ้าได้เขียนไว้” แล้วพวกศิษย์ของพระองค์ได้ทิ้งพระองค์และหนีไป
พระเยซูอยู่ต่อหน้าผู้นำชาวยิว
(มก. 14:53-65; ลก. 22:54-55, 63-71; ยน. 18:13-14, 19-24)
57พวกนั้นจับพระเยซูไปที่บ้านของคายาฟาสหัวหน้านักบวชสูงสุด ที่พวกครูสอนกฎปฏิบัติและพวกผู้นำอาวุโสได้ประชุมกันอยู่ 58เปโตรตามพระองค์มาห่างๆจนถึงลานบ้านของหัวหน้านักบวชสูงสุด แล้วเขาเข้าไปนั่งอยู่ในลานบ้านกับพวกผู้คุม เพื่อดูว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
59พวกหัวหน้านักบวชและสมาชิกสภาแซนฮีดรินทั้งหมดพยายามหาพยานเท็จมาปรักปรำพระเยซู เพื่อจะได้ฆ่าพระองค์ 60แต่ก็หาไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าจะมีพยานเท็จมาปรักปรำพระองค์หลายคน พวกเขาก็ไม่สามารถหาหลักฐานที่ดีพอที่จะตัดสินฆ่าพระองค์ได้ 61ในที่สุดก็มีสองคนให้การว่า “ชายคนนี้เคยพูดว่า ‘เราสามารถทำลายวิหารของพระเจ้า และสร้างขึ้นมาใหม่ภายในสามวัน’”
62หัวหน้านักบวชสูงสุดจึงยืนขึ้น ถามพระเยซูว่า “แกจะไม่แก้ตัวในสิ่งที่เขากล่าวหาแกหรือ” 63แต่พระเยซูยังนิ่งเงียบ หัวหน้านักบวชสูงสุด จึงพูดกับพระองค์ว่า “เราขอสั่งแกในนามของพระเจ้าที่มีชีวิตอยู่ บอกพวกเรามาสิว่า แกคือพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้าหรือเปล่า”
64พระองค์จึงตอบเขาว่า “ท่านพูดถูกแล้ว แต่เราจะบอกให้รู้ว่า ในอนาคตท่านจะได้เห็นบุตรมนุษย์นั่งอยู่ทางขวาของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ และเสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า”
65แล้วหัวหน้านักบวชสูงสุด ก็ฉีกทึ้งเสื้อผ้าของตัวเองและพูดว่า “มันพูดหมิ่นประมาทพระเจ้าชัดๆ เรายังต้องการพยานอะไรอีก เห็นไหม พวกคุณก็ได้ยินคำหมิ่นประมาทแล้ว 66พวกคุณคิดว่าอย่างไร” พวกเขาตอบว่า “มันมีความผิด มันสมควรตาย”
67พวกเขาถ่มน้ำลายรดหน้าพระองค์ และชกต่อยพระองค์ บางคนก็ตบหน้าพระองค์ 68และพูดว่า “ทายมาสิ ไอ้คริสต์ ใครตบหน้าแก”
เปโตรไม่ยอมรับว่ารู้จักพระเยซู
(มก. 14:66-72; ลก. 22:56-62; ยน. 18:15-18, 25-27)
69ในขณะเดียวกัน เปโตรกำลังนั่งอยู่ข้างนอกที่ลานบ้าน และสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาทักเขาว่า “แกก็อยู่กับเยซูคนกาลิลีด้วยนี่นา”
70แต่เปโตรพูดต่อหน้าทุกคนว่า “ผมไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร”
71แล้วเขาก็เดินออกไปที่ประตูบ้าน สาวใช้อีกคนที่เห็นเขาก็บอกกับทุกคนที่อยู่ตรงนั้นว่า “คนนี้อยู่กับเยซูชาวนาซาเร็ธด้วย”
72เปโตรปฏิเสธว่า “สาบานได้เลย ผมไม่เคยรู้จักชายคนนั้น”
73อีกสักครู่หนึ่ง คนที่ยืนอยู่ที่นั่นก็เดินเข้ามาหาเปโตร และพูดว่า “แกเป็นหนึ่งในพวกนั้นแน่ๆ สำเนียงของแกมันฟ้องอยู่ชัดๆ”
74เปโตรขอให้ตัวเองถูกสาปแช่งถ้าโกหก แล้วเขาสาบานว่า “ผมไม่รู้จักชายคนนี้” ทันใดนั้นไก่ก็ขัน 75เปโตรจึงนึกขึ้นได้ถึงคำพูดที่พระเยซูเคยบอกกับเขาว่า “ก่อนไก่ขัน คุณจะพูดว่าไม่รู้จักเราสามครั้ง” เปโตรออกไปข้างนอก แล้วร้องไห้อย่างขมขื่น
Currently Selected:
:
Highlight
Share
Copy
Want to have your highlights saved across all your devices? Sign up or sign in
Bible League International