สดุดี 78
78
สดุดี 78
พระเจ้าเบื้องหลังชนชาติอิสราเอลที่กระทำบาปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เพลงสดุดีแห่งความฉลาดรอบรู้ของอาสาฟ
1ชนชาติของเราเอ๋ย จงฟังคำสอนของเราเถิด
เงี่ยหูฟังคำพูดจากปากของเรา
2เราจะเปิดปากของเรากล่าวคำอุปมา#78:2 มัทธิว 13:35
เราจะเล่าเรื่องที่ปิดบังไว้แต่ครั้งโบราณกาล
3เรื่องที่พวกเราได้ยินและรู้มา
เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของเราเล่าขานให้พวกเราฟัง
4เราจะไม่ปิดบังพวกลูกหลานของท่านในเรื่องเหล่านี้
แต่จะบอกคนยุคต่อไปให้ทราบถึง
การกระทำและอานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งควรแก่การสรรเสริญ
และสิ่งมหัศจรรย์ที่พระองค์ได้กระทำ
5พระองค์มอบคำสั่งแก่ผู้สืบตระกูลของยาโคบ
และตั้งกฎบัญญัติในอิสราเอล
และพระองค์สั่งบรรพบุรุษของเราให้สอน
พวกลูกๆ ของเขา
6เพื่อยุคต่อไปที่จะเกิดมาภายหลังจะได้เรียนรู้ไว้
และบอกพวกลูกๆ ของตนต่อๆ กันไป#78:6 เฉลยธรรมบัญญัติ 6:6,7
7เพื่อพวกเขาจะได้ตั้งความหวังในพระเจ้า
และไม่ลืมสิ่งที่พระเจ้ากระทำ
อีกทั้งปฏิบัติตามข้อบัญญัติของพระองค์
8พวกเขาไม่ควรเป็นเหมือนบรรพบุรุษของเขาคือ
เป็นยุคที่ดื้อรั้นและฝ่าฝืน
เป็นยุคที่มีใจโลเล
มีจิตวิญญาณที่ไม่ภักดีต่อพระเจ้า
9พวกเอฟราอิมที่สะพายคันธนูพร้อมรบ
แต่กลับหลังหันในวันสงคราม
10พวกเขาไม่ได้ทำตามพันธสัญญาของพระเจ้า
และไม่ยอมเชื่อฟังกฎบัญญัติของพระองค์
11พวกเขาลืมสิ่งที่พระองค์ได้กระทำ
และสิ่งมหัศจรรย์ที่พระองค์ได้แสดงให้พวกเขาเห็นแล้ว
12ขณะที่บรรพบุรุษของพวกเขาเฝ้าดู
พระเจ้าก็ได้แสดงสิ่งอัศจรรย์ต่างๆ ในดินแดนอียิปต์ ที่ไร่นาของโศอัน
13พระองค์แหวกน้ำทะเลออกจากกันเพื่อให้พวกเขาเดินผ่านไป
และทำให้น้ำแหวกเป็นสองฟากฝั่งสูงทะมึน#78:13 อพยพ 14:21-29
14กลางวันพระองค์นำพวกเขาไปใต้เงาเมฆ
และอาศัยแสงจากเพลิงไฟตลอดทั้งคืน#78:14 อพยพ 13:21,22
15พระองค์ทำให้หินในถิ่นทุรกันดารแตกออก
เพื่อให้พวกเขามีน้ำดื่มได้มากมายราวกับน้ำจากห้วงน้ำลึก
16พระองค์ทำให้ธารน้ำไหลออกจากหิน
และทำให้น่านน้ำไหลลงดั่งแม่น้ำ#78:16 อพยพ 17:6; กันดารวิถี 20:10-13
17ถึงกระนั้นพวกเขายังกระทำบาปต่อพระองค์ไว้มาก
เขาลองดีกับองค์ผู้สูงสุดในถิ่นทุรกันดาร
18พวกเขาตั้งใจลองดีกับพระเจ้า
โดยเรียกร้องอาหารที่เขานึกอยาก
19พวกเขาพูดเหยียดหยามพระเจ้าว่า
“พระเจ้าจะหาสำรับในถิ่นทุรกันดารมาให้ได้ไหม
20พระองค์กระทบหินเพื่อให้น้ำพวยพุ่งขึ้น
และลำธารไหลล้น
พระองค์ให้ขนมปัง
หรือจัดหาเนื้อสัตว์เพื่อชนชาติของพระองค์ได้ด้วยหรือ”
21ครั้นพระผู้เป็นเจ้าได้ยินก็โกรธเกรี้ยว
ความกริ้วของพระองค์ที่มีต่อยาโคบปะทุขึ้นดั่งเพลิง
ลุกโชนขึ้นต่ออิสราเอล
22เพราะพวกเขาไม่มีความเชื่อในพระเจ้า
และไม่วางใจในอานุภาพของพระองค์ที่จะช่วยเขาให้รอดพ้นได้
23ถึงกระนั้นพระองค์ยังบัญชาหมู่เมฆเบื้องบน
และเปิดประตูท้องฟ้า
24แล้วพระองค์โปรดให้มานาโปรยลงมาให้พวกเขารับประทาน
พระองค์ให้เมล็ดข้าวแห่งสวรรค์แก่พวกเขา
25แต่ละคนได้รับประทานขนมปังของทูตสวรรค์
พระองค์ให้อาหารแก่พวกเขาอย่างอุดมสมบูรณ์
26พระองค์ทำให้ลมตะวันออกพัดในฟ้าสวรรค์
และพระองค์นำลมใต้ออกไปด้วยพละกำลังของพระองค์
27พระองค์โปรดให้เนื้อสัตว์เทลงมาเพื่อพวกเขามากมายราวกับฝุ่นผง
เป็นตัวนกจำนวนมากราวกับเม็ดทรายในทะเล
28พระองค์ทำให้เนื้อสัตว์ตกอยู่ท่ามกลางค่ายของพวกเขา
รอบๆ บริเวณที่เขาอาศัยอยู่
29แล้วพวกเขารับประทานกันจนอิ่มหนำ
เพราะพระองค์ให้สิ่งที่พวกเขาอยาก
30แต่ยังไม่ทันหายอยาก
คือในขณะที่อาหารยังอยู่ในปากพวกเขา
31ความกริ้วของพระเจ้าก็พลุ่งขึ้นต่อพวกเขา
แล้วพระองค์ฆ่าชายฉกรรจ์ที่สุดของพวกเขา
พระองค์ทำให้บรรดาชายหนุ่มที่เก่งกาจของอิสราเอลสิ้นชีวิตลง#78:31 ข้อ 18-31 อ้างอิงถึงเรื่องในฉบับอพยพ 6:2-15; กันดารวิถี 11:1-23,31-35
32แม้กระนั้นพวกเขายังจะทำบาปอีก
แม้พระองค์ได้ทำให้เห็นสิ่งอัศจรรย์ต่างๆ แล้ว พวกเขาก็ยังไม่เชื่อ
33ดังนั้น พระองค์ทำให้วันเวลาของเขาสิ้นสุดลงดั่งลมหายใจ
และปีของเขามีแต่ความพินาศ
34ในยามที่พระองค์ฆ่าพวกเขา พวกเขาก็แสวงหาพระองค์
กลับใจและหันเข้าหาพระเจ้าอย่างจริงจัง
35และจำได้ว่า พระเจ้าเป็นดั่งศิลาของพวกเขา
พระเจ้าผู้สูงสุดเป็นผู้ไถ่บาปของพวกเขา
36แต่กลับลวงพระองค์ด้วยคำพูดจากปาก
และพูดคำเท็จด้วยลิ้นของพวกเขา
37ใจของพวกเขาไม่มั่นคงต่อพระองค์
และไม่ภักดีต่อพันธสัญญาของพระองค์
38แต่พระองค์ยังคงสงสาร
พระองค์ยกโทษความชั่วทั้งปวง
และไม่ทำลายพวกเขา
บ่อยครั้งพระองค์ยับยั้งความกริ้วไว้
และไม่ปล่อยความกริ้วของพระองค์ให้พลุ่งขึ้น
39พระองค์ได้ระลึกว่าพวกเขาเป็นเพียงเนื้อหนัง
เป็นลมที่พัดผ่านไป แล้วไม่หวนกลับมาอีก
40บ่อยครั้งเพียงไรที่พวกเขาดื้อดึงต่อพระองค์ในถิ่นทุรกันดาร
และทำให้พระองค์เศร้าใจในที่ร้างอันแร้นแค้น
41พวกเขาลองดีกับพระเจ้าซ้ำแล้วซ้ำอีก
และยั่วโทสะองค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอล
42เขาไม่ได้จำใส่ใจถึงอานุภาพของพระองค์
และวันที่พระองค์ช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากศัตรู
43และวันที่พระองค์สร้างปรากฏการณ์ต่างๆ ในประเทศอียิปต์
และสิ่งอัศจรรย์ต่างๆ ที่ไร่นาของโศอัน
44พระองค์เปลี่ยนแม่น้ำของพวกเขาให้เป็นเลือด
ทำให้น้ำจากลำธารดื่มไม่ได้
45พระองค์ส่งฝูงแมลงไปกัดกินพวกเขา
รวมทั้งให้ฝูงกบก่อกวนและสร้างความเสียหาย
46พระองค์ให้ตัวบุ้งกินพืชผลที่พวกเขาปลูกไว้
และผลผลิตจากแรงงานก็ให้ฝูงตั๊กแตนกัดกิน
47พระองค์ให้ลูกเห็บตกทำลายเถาองุ่นของพวกเขา
และให้น้ำค้างแข็งเกาะต้นมะเดื่อ
48ฝูงโคล้มตายเพราะลูกเห็บ
และฝูงแพะแกะตายลงเพราะสายฟ้าแลบ
49พระองค์ปลดปล่อยความกริ้วอันร้อนแรงของพระองค์ลงบนพวกเขา
ความโกรธเกรี้ยว ความขัดเคือง และความแค้น
ซึ่งมาในรูปของกลุ่มทูตสวรรค์แห่งความวิบัติ
50พระองค์เปิดทางให้แก่ความกริ้วของพระองค์
และไม่ไว้ชีวิตพวกเขา
และกำจัดชีวิตพวกเขาด้วยภัยพิบัติ
51พระองค์กำจัดชีวิตลูกชายหัวปีทั้งหมดในอียิปต์
ซึ่งเป็นพละกำลังแรกของพวกเขาที่อยู่ในกระโจมของฮาม#78:51 ข้อ 44-51 อ้างอิงถึงเรื่องในฉบับอพยพ 7:14-12:32
52แล้วพระองค์นำหน้าชนชาติของพระองค์เหมือนนำแกะ
และนำพวกเขาในถิ่นทุรกันดารเหมือนนำฝูงแกะ
53พระองค์นำหน้าพวกเขาไปอย่างปลอดภัย พวกเขาจึงไม่หวาดกลัว
แต่ทะเลกลับท่วมมิดศัตรู
54ครั้นแล้วพระองค์ก็นำพวกเขาไปยังดินแดนอันบริสุทธิ์ของพระองค์
ไปยังภูเขาซึ่งมือขวาของพระองค์ได้มาด้วยชัยชนะ
55พระองค์ขับไล่บรรดาประชาชาติให้ออกไปต่อหน้าพวกเขา
พระองค์แบ่งเขตที่ดินให้พวกเขามีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของ
และให้บรรดาเผ่าของอิสราเอลตั้งรกรากในกระโจมที่พักของพวกเขา
56แม้กระนั้น พวกเขาก็ยังลองดี
และดื้อดึงต่อพระเจ้าผู้สูงสุด
และไม่รักษาคำสั่งของพระองค์
57แต่หันเหไป และประพฤติตนอย่างคนไร้ความเชื่อ เช่นเดียวกับบรรพบุรุษของพวกเขา
ซึ่งเชื่อใจไม่ได้เท่าๆ กับคันธนูคด
58พวกเขายั่วโทสะพระองค์ด้วยเรื่องสถานบูชาบนภูเขาสูง
และพวกเขาทำให้พระองค์หวงแหนมากด้วยรูปเคารพ
59เมื่อพระเจ้าได้ยิน พระองค์โกรธเกรี้ยว
และไม่ยอมรับอิสราเอลเลย
60พระองค์ทิ้งที่พำนักของพระองค์ให้ร้างไว้ที่ชิโลห์#78:60 สถานที่นมัสการสำคัญแห่งใหญ่ ในสมัยก่อนกษัตริย์ดาวิด
ซึ่งเป็นกระโจมที่พระองค์พำนักท่ามกลางมนุษย์
61และพระองค์มอบพละกำลังของพระองค์ให้แก่การเป็นเชลย
และพระบารมีของพระองค์ไว้ในมือของศัตรู
62พระองค์ปล่อยให้ชนชาติของพระองค์ถูกกำจัดด้วยคมดาบ
และโกรธกริ้วต่อบรรดาผู้สืบมรดกของพระองค์
63บรรดาชายหนุ่มเสียชีวิตในสงคราม
และหญิงสาวของพวกเขาไม่มีโอกาสแต่งงาน
64บรรดาปุโรหิตของพวกเขาล้มตายด้วยคมดาบ
และหญิงม่ายไม่มีโอกาสแสดงความเศร้าโศกา
65ครั้นแล้วพระผู้เป็นเจ้าตื่นขึ้นดั่งหนึ่งได้ตื่นจากนอน
เหมือนกับชายฉกรรจ์ส่งเสียงเอ็ดตะโรเพราะเหล้าองุ่น
66พระองค์ขับไล่ข้าศึกกลับไป
และทำให้เขาอับอายไปตลอดกาล
67พระองค์ปฏิเสธกระโจมที่พักของโยเซฟ
พระองค์ไม่ได้เลือกเผ่าเอฟราอิม
68แต่พระองค์เลือกเผ่ายูดาห์
ภูเขาศิโยนซึ่งพระองค์รัก
69พระองค์สร้างที่พำนักของพระองค์ไว้อย่างสูงระดับฟ้าสวรรค์
อย่างแผ่นดินโลกที่พระองค์ตั้งไว้ให้ยืนยงตลอดกาล
70พระองค์เลือกดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์
และพาท่านออกไปจากคอกแกะ
71พระองค์ให้ท่านเลิกดูแลแกะแม่ลูกอ่อน
และให้มาเป็นผู้เลี้ยงดูฝูงแกะของยาโคบชนชาติของพระองค์
คือของอิสราเอล ผู้สืบมรดกของพระองค์
72ท่านดูแลคนเหล่านั้นด้วยความจริงใจ
และนำเขาไปด้วยความชำนาญ
Currently Selected:
สดุดี 78: NTV
Highlight
Share
Copy
Want to have your highlights saved across all your devices? Sign up or sign in
New Thai Version Foundation
สดุดี 78
78
สดุดี 78
พระเจ้าเบื้องหลังชนชาติอิสราเอลที่กระทำบาปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เพลงสดุดีแห่งความฉลาดรอบรู้ของอาสาฟ
1ชนชาติของเราเอ๋ย จงฟังคำสอนของเราเถิด
เงี่ยหูฟังคำพูดจากปากของเรา
2เราจะเปิดปากของเรากล่าวคำอุปมา#78:2 มัทธิว 13:35
เราจะเล่าเรื่องที่ปิดบังไว้แต่ครั้งโบราณกาล
3เรื่องที่พวกเราได้ยินและรู้มา
เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของเราเล่าขานให้พวกเราฟัง
4เราจะไม่ปิดบังพวกลูกหลานของท่านในเรื่องเหล่านี้
แต่จะบอกคนยุคต่อไปให้ทราบถึง
การกระทำและอานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งควรแก่การสรรเสริญ
และสิ่งมหัศจรรย์ที่พระองค์ได้กระทำ
5พระองค์มอบคำสั่งแก่ผู้สืบตระกูลของยาโคบ
และตั้งกฎบัญญัติในอิสราเอล
และพระองค์สั่งบรรพบุรุษของเราให้สอน
พวกลูกๆ ของเขา
6เพื่อยุคต่อไปที่จะเกิดมาภายหลังจะได้เรียนรู้ไว้
และบอกพวกลูกๆ ของตนต่อๆ กันไป#78:6 เฉลยธรรมบัญญัติ 6:6,7
7เพื่อพวกเขาจะได้ตั้งความหวังในพระเจ้า
และไม่ลืมสิ่งที่พระเจ้ากระทำ
อีกทั้งปฏิบัติตามข้อบัญญัติของพระองค์
8พวกเขาไม่ควรเป็นเหมือนบรรพบุรุษของเขาคือ
เป็นยุคที่ดื้อรั้นและฝ่าฝืน
เป็นยุคที่มีใจโลเล
มีจิตวิญญาณที่ไม่ภักดีต่อพระเจ้า
9พวกเอฟราอิมที่สะพายคันธนูพร้อมรบ
แต่กลับหลังหันในวันสงคราม
10พวกเขาไม่ได้ทำตามพันธสัญญาของพระเจ้า
และไม่ยอมเชื่อฟังกฎบัญญัติของพระองค์
11พวกเขาลืมสิ่งที่พระองค์ได้กระทำ
และสิ่งมหัศจรรย์ที่พระองค์ได้แสดงให้พวกเขาเห็นแล้ว
12ขณะที่บรรพบุรุษของพวกเขาเฝ้าดู
พระเจ้าก็ได้แสดงสิ่งอัศจรรย์ต่างๆ ในดินแดนอียิปต์ ที่ไร่นาของโศอัน
13พระองค์แหวกน้ำทะเลออกจากกันเพื่อให้พวกเขาเดินผ่านไป
และทำให้น้ำแหวกเป็นสองฟากฝั่งสูงทะมึน#78:13 อพยพ 14:21-29
14กลางวันพระองค์นำพวกเขาไปใต้เงาเมฆ
และอาศัยแสงจากเพลิงไฟตลอดทั้งคืน#78:14 อพยพ 13:21,22
15พระองค์ทำให้หินในถิ่นทุรกันดารแตกออก
เพื่อให้พวกเขามีน้ำดื่มได้มากมายราวกับน้ำจากห้วงน้ำลึก
16พระองค์ทำให้ธารน้ำไหลออกจากหิน
และทำให้น่านน้ำไหลลงดั่งแม่น้ำ#78:16 อพยพ 17:6; กันดารวิถี 20:10-13
17ถึงกระนั้นพวกเขายังกระทำบาปต่อพระองค์ไว้มาก
เขาลองดีกับองค์ผู้สูงสุดในถิ่นทุรกันดาร
18พวกเขาตั้งใจลองดีกับพระเจ้า
โดยเรียกร้องอาหารที่เขานึกอยาก
19พวกเขาพูดเหยียดหยามพระเจ้าว่า
“พระเจ้าจะหาสำรับในถิ่นทุรกันดารมาให้ได้ไหม
20พระองค์กระทบหินเพื่อให้น้ำพวยพุ่งขึ้น
และลำธารไหลล้น
พระองค์ให้ขนมปัง
หรือจัดหาเนื้อสัตว์เพื่อชนชาติของพระองค์ได้ด้วยหรือ”
21ครั้นพระผู้เป็นเจ้าได้ยินก็โกรธเกรี้ยว
ความกริ้วของพระองค์ที่มีต่อยาโคบปะทุขึ้นดั่งเพลิง
ลุกโชนขึ้นต่ออิสราเอล
22เพราะพวกเขาไม่มีความเชื่อในพระเจ้า
และไม่วางใจในอานุภาพของพระองค์ที่จะช่วยเขาให้รอดพ้นได้
23ถึงกระนั้นพระองค์ยังบัญชาหมู่เมฆเบื้องบน
และเปิดประตูท้องฟ้า
24แล้วพระองค์โปรดให้มานาโปรยลงมาให้พวกเขารับประทาน
พระองค์ให้เมล็ดข้าวแห่งสวรรค์แก่พวกเขา
25แต่ละคนได้รับประทานขนมปังของทูตสวรรค์
พระองค์ให้อาหารแก่พวกเขาอย่างอุดมสมบูรณ์
26พระองค์ทำให้ลมตะวันออกพัดในฟ้าสวรรค์
และพระองค์นำลมใต้ออกไปด้วยพละกำลังของพระองค์
27พระองค์โปรดให้เนื้อสัตว์เทลงมาเพื่อพวกเขามากมายราวกับฝุ่นผง
เป็นตัวนกจำนวนมากราวกับเม็ดทรายในทะเล
28พระองค์ทำให้เนื้อสัตว์ตกอยู่ท่ามกลางค่ายของพวกเขา
รอบๆ บริเวณที่เขาอาศัยอยู่
29แล้วพวกเขารับประทานกันจนอิ่มหนำ
เพราะพระองค์ให้สิ่งที่พวกเขาอยาก
30แต่ยังไม่ทันหายอยาก
คือในขณะที่อาหารยังอยู่ในปากพวกเขา
31ความกริ้วของพระเจ้าก็พลุ่งขึ้นต่อพวกเขา
แล้วพระองค์ฆ่าชายฉกรรจ์ที่สุดของพวกเขา
พระองค์ทำให้บรรดาชายหนุ่มที่เก่งกาจของอิสราเอลสิ้นชีวิตลง#78:31 ข้อ 18-31 อ้างอิงถึงเรื่องในฉบับอพยพ 6:2-15; กันดารวิถี 11:1-23,31-35
32แม้กระนั้นพวกเขายังจะทำบาปอีก
แม้พระองค์ได้ทำให้เห็นสิ่งอัศจรรย์ต่างๆ แล้ว พวกเขาก็ยังไม่เชื่อ
33ดังนั้น พระองค์ทำให้วันเวลาของเขาสิ้นสุดลงดั่งลมหายใจ
และปีของเขามีแต่ความพินาศ
34ในยามที่พระองค์ฆ่าพวกเขา พวกเขาก็แสวงหาพระองค์
กลับใจและหันเข้าหาพระเจ้าอย่างจริงจัง
35และจำได้ว่า พระเจ้าเป็นดั่งศิลาของพวกเขา
พระเจ้าผู้สูงสุดเป็นผู้ไถ่บาปของพวกเขา
36แต่กลับลวงพระองค์ด้วยคำพูดจากปาก
และพูดคำเท็จด้วยลิ้นของพวกเขา
37ใจของพวกเขาไม่มั่นคงต่อพระองค์
และไม่ภักดีต่อพันธสัญญาของพระองค์
38แต่พระองค์ยังคงสงสาร
พระองค์ยกโทษความชั่วทั้งปวง
และไม่ทำลายพวกเขา
บ่อยครั้งพระองค์ยับยั้งความกริ้วไว้
และไม่ปล่อยความกริ้วของพระองค์ให้พลุ่งขึ้น
39พระองค์ได้ระลึกว่าพวกเขาเป็นเพียงเนื้อหนัง
เป็นลมที่พัดผ่านไป แล้วไม่หวนกลับมาอีก
40บ่อยครั้งเพียงไรที่พวกเขาดื้อดึงต่อพระองค์ในถิ่นทุรกันดาร
และทำให้พระองค์เศร้าใจในที่ร้างอันแร้นแค้น
41พวกเขาลองดีกับพระเจ้าซ้ำแล้วซ้ำอีก
และยั่วโทสะองค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอล
42เขาไม่ได้จำใส่ใจถึงอานุภาพของพระองค์
และวันที่พระองค์ช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากศัตรู
43และวันที่พระองค์สร้างปรากฏการณ์ต่างๆ ในประเทศอียิปต์
และสิ่งอัศจรรย์ต่างๆ ที่ไร่นาของโศอัน
44พระองค์เปลี่ยนแม่น้ำของพวกเขาให้เป็นเลือด
ทำให้น้ำจากลำธารดื่มไม่ได้
45พระองค์ส่งฝูงแมลงไปกัดกินพวกเขา
รวมทั้งให้ฝูงกบก่อกวนและสร้างความเสียหาย
46พระองค์ให้ตัวบุ้งกินพืชผลที่พวกเขาปลูกไว้
และผลผลิตจากแรงงานก็ให้ฝูงตั๊กแตนกัดกิน
47พระองค์ให้ลูกเห็บตกทำลายเถาองุ่นของพวกเขา
และให้น้ำค้างแข็งเกาะต้นมะเดื่อ
48ฝูงโคล้มตายเพราะลูกเห็บ
และฝูงแพะแกะตายลงเพราะสายฟ้าแลบ
49พระองค์ปลดปล่อยความกริ้วอันร้อนแรงของพระองค์ลงบนพวกเขา
ความโกรธเกรี้ยว ความขัดเคือง และความแค้น
ซึ่งมาในรูปของกลุ่มทูตสวรรค์แห่งความวิบัติ
50พระองค์เปิดทางให้แก่ความกริ้วของพระองค์
และไม่ไว้ชีวิตพวกเขา
และกำจัดชีวิตพวกเขาด้วยภัยพิบัติ
51พระองค์กำจัดชีวิตลูกชายหัวปีทั้งหมดในอียิปต์
ซึ่งเป็นพละกำลังแรกของพวกเขาที่อยู่ในกระโจมของฮาม#78:51 ข้อ 44-51 อ้างอิงถึงเรื่องในฉบับอพยพ 7:14-12:32
52แล้วพระองค์นำหน้าชนชาติของพระองค์เหมือนนำแกะ
และนำพวกเขาในถิ่นทุรกันดารเหมือนนำฝูงแกะ
53พระองค์นำหน้าพวกเขาไปอย่างปลอดภัย พวกเขาจึงไม่หวาดกลัว
แต่ทะเลกลับท่วมมิดศัตรู
54ครั้นแล้วพระองค์ก็นำพวกเขาไปยังดินแดนอันบริสุทธิ์ของพระองค์
ไปยังภูเขาซึ่งมือขวาของพระองค์ได้มาด้วยชัยชนะ
55พระองค์ขับไล่บรรดาประชาชาติให้ออกไปต่อหน้าพวกเขา
พระองค์แบ่งเขตที่ดินให้พวกเขามีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของ
และให้บรรดาเผ่าของอิสราเอลตั้งรกรากในกระโจมที่พักของพวกเขา
56แม้กระนั้น พวกเขาก็ยังลองดี
และดื้อดึงต่อพระเจ้าผู้สูงสุด
และไม่รักษาคำสั่งของพระองค์
57แต่หันเหไป และประพฤติตนอย่างคนไร้ความเชื่อ เช่นเดียวกับบรรพบุรุษของพวกเขา
ซึ่งเชื่อใจไม่ได้เท่าๆ กับคันธนูคด
58พวกเขายั่วโทสะพระองค์ด้วยเรื่องสถานบูชาบนภูเขาสูง
และพวกเขาทำให้พระองค์หวงแหนมากด้วยรูปเคารพ
59เมื่อพระเจ้าได้ยิน พระองค์โกรธเกรี้ยว
และไม่ยอมรับอิสราเอลเลย
60พระองค์ทิ้งที่พำนักของพระองค์ให้ร้างไว้ที่ชิโลห์#78:60 สถานที่นมัสการสำคัญแห่งใหญ่ ในสมัยก่อนกษัตริย์ดาวิด
ซึ่งเป็นกระโจมที่พระองค์พำนักท่ามกลางมนุษย์
61และพระองค์มอบพละกำลังของพระองค์ให้แก่การเป็นเชลย
และพระบารมีของพระองค์ไว้ในมือของศัตรู
62พระองค์ปล่อยให้ชนชาติของพระองค์ถูกกำจัดด้วยคมดาบ
และโกรธกริ้วต่อบรรดาผู้สืบมรดกของพระองค์
63บรรดาชายหนุ่มเสียชีวิตในสงคราม
และหญิงสาวของพวกเขาไม่มีโอกาสแต่งงาน
64บรรดาปุโรหิตของพวกเขาล้มตายด้วยคมดาบ
และหญิงม่ายไม่มีโอกาสแสดงความเศร้าโศกา
65ครั้นแล้วพระผู้เป็นเจ้าตื่นขึ้นดั่งหนึ่งได้ตื่นจากนอน
เหมือนกับชายฉกรรจ์ส่งเสียงเอ็ดตะโรเพราะเหล้าองุ่น
66พระองค์ขับไล่ข้าศึกกลับไป
และทำให้เขาอับอายไปตลอดกาล
67พระองค์ปฏิเสธกระโจมที่พักของโยเซฟ
พระองค์ไม่ได้เลือกเผ่าเอฟราอิม
68แต่พระองค์เลือกเผ่ายูดาห์
ภูเขาศิโยนซึ่งพระองค์รัก
69พระองค์สร้างที่พำนักของพระองค์ไว้อย่างสูงระดับฟ้าสวรรค์
อย่างแผ่นดินโลกที่พระองค์ตั้งไว้ให้ยืนยงตลอดกาล
70พระองค์เลือกดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์
และพาท่านออกไปจากคอกแกะ
71พระองค์ให้ท่านเลิกดูแลแกะแม่ลูกอ่อน
และให้มาเป็นผู้เลี้ยงดูฝูงแกะของยาโคบชนชาติของพระองค์
คือของอิสราเอล ผู้สืบมรดกของพระองค์
72ท่านดูแลคนเหล่านั้นด้วยความจริงใจ
และนำเขาไปด้วยความชำนาญ
Currently Selected:
:
Highlight
Share
Copy
Want to have your highlights saved across all your devices? Sign up or sign in
New Thai Version Foundation