ลูกา 7
7
ทรงรักษาทาสของนายร้อย
1เมื่อพระองค์ตรัสคำเหล่านั้นให้คนทั้งหลายฟังเสร็จแล้ว, พระองค์จึงเสด็จเข้าไปในเมืองกัปเรนาอูม. 2มีทาสของนายร้อยคนหนึ่งที่นายรักมากป่วยเกือบจะตายแล้ว. 3เมื่อนายร้อยได้ยินถึงพระเยซู. จึงใช้ผู้เฒ่าของพวกยูดายให้ไปอ้อนวอน เชิญพระองค์เสด็จมารักษาทาสของตน. 4เมื่อเขาเหล่านั้นมาถึงพระเยซูแล้ว, เขาก็อ้อนวอนพระองค์ด้วยใจร้อนรนว่า, “นายร้อยนั้นเป็นคนสมควรที่พระองค์จะกระทำการนั้นให้ท่าน 5เพราะว่าท่านรักประเทศของเรา. และท่านเองได้สร้างธรรมศาลาให้เราด้วย.” 6พระเยซูจึงเสด็จไปกับเขา. เมื่อไปเกือบจะถึงตึกแล้ว, นายร้อยจึงใช้เพื่อนฝูงไปหาพระองค์ทูลว่า, “พระองค์เจ้าข้า. อย่าลำบากเลย. เพราะว่าข้าพเจ้าไม่เป็นคนสมควรที่พระองค์จะเสด็จเข้ามาใต้หลังคาตึกของข้าพเจ้า 7เพราะเหตุนั้นข้าพเจ้าจึงคิดเห็นว่า ไม่สมควรที่ข้าพเจ้าจะไปหาพระองค์ด้วย. แต่ขอพระองค์ทรงโปรดตรัสสักคำเดียว, และทาสของข้าพเจ้าจะหายโรค. 8ด้วยว่าข้าพเจ้าเป็นคนอยู่ใต้บังคับเขา. แต่ยังมีทหารอยู่ใต้บังคับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าสั่งคนนี้ว่า ‘ไป’ เขาก็ไปสั่งอีกคนหนึ่งว่า ‘มา,’ เขาก็มาและสั่งทาสของข้าพเจ้าว่า, ‘จงทำสิ่งนี้.’ เขาก็ทำ.” 9เมื่อพระเยซูได้ยินคำเหล่านั้นแล้ว. ก็ประหลาดพระทัยด้วยคนนั้น, จึงเหลียวหลังตรัสแก่ประชาชนที่ตามพระองค์มาว่า, “เราบอกท่านทั้งหลายว่า, ถึงแม้ในพวกยิศราเอลเรามิได้พบความเชื่อมากเช่นนี้.” 10ฝ่ายคนที่รับใช้มานั้น, เมื่อกลับไปถึงตึกก็ได้เห็นทาสนั้นหายเป็นปกติแล้ว
คนที่ตายนั้นก็ลุกขึ้นนั่งพูด
11อีกไม่กี่วันพระองค์ก็เสด็จเข้าไปในเมืองหนึ่งชื่อนาอินเหล่าสาวกของพระองค์กับคนเป็นอันมากก็ตามพระองค์ไป. 12เมื่อมาใกล้ประตูเมืองนั้น. นี่แน่ะ. มีคนหามศพชายหนุ่มคนหนึ่งมา. มารดาเขาเป็นม่ายมีลูกคนเดียว และชาวเมืองเป็นอันมากมากับหญิงนั้น. 13เมื่อพระองค์ได้ทรงเห็นมารดานั้น, พระองค์ทรงเมตตากรุณาเขาและตรัสว่า, “อย่าร้องไห้เลย.” 14แล้วพระองค์เสด็จเข้าไปใกล้ถูกต้องโลงคนหามศพนั้นก็หยุดยืนอยู่. พระองค์จึงตรัสว่า, “ชายหนุ่มเอ๋ย. เราสั่งเจ้าให้ลุกขึ้นเถิด.” 15คนที่ตายนั้นก็ลุกขึ้นนั่งพูด. พระองค์จึงทรงมอบชายหนุ่มให้แก่มารดาของเขา. 16ฝ่ายคนทั้งปวงมีความกลัว, และสรรเสริญพระเจ้าว่า. “ท่านศาสดาพยากรณ์ใหญ่ได้เกิดขึ้นท่ามกลางเรา. และพระเจ้าได้เสด็จมาเยี่ยมเยียนพลเมืองของพระองค์แล้ว.” 17และกิตติศัพท์ของพระองค์นี้ได้เลื่องลือไปตลอดทั่วมณฑลยูดาย, และทั่วแว่นแคว้นล้อมรอบ
18ฝ่ายพวกศิษย์ของโยฮันก็ได้เท่าเหตุการณ์ทั้งปวงนั้นให้ท่านฟัง. 19โยฮันจึงเรียกศิษย์ของท่านสองคนใช้เขาไปหาพระเยซู ทูลถามว่า. “ท่านเป็นผู้ที่จะมานั้นหรือๆ จะต้องคอยผู้อื่น?” 20เมื่อคนทั้งสองนั้นมาถึงพระองค์แล้วเขาทูลว่า. “โยฮันบัพติศโตใช้ข้าพเจ้ามาหาท่านให้ถามว่า. ‘ท่านเป็นผู้ที่จะมานั้นหรือๆ จะต้องคอยผู้อื่น?’ ” 21ในเวลานั้น พระองค์ได้ทรงรักษาคนเจ็บเป็นอันมากให้หายความเจ็บและโรคต่างๆ. และให้พ้นจากผีร้าย, และคนตาบอดหลายคนพระองค์ได้ทรงรักษาให้เห็นได้. 22แล้วพระองค์ตรัสตอบศิษย์สองคนนั้นว่า, “จงกลับไปแจ้งแก่โยฮันซึ่งท่านได้เห็นและได้ยินคือว่าคนตาบอดก็เห็นได้, คนง่อยก็เดินได้, คนโรคเรื้อนก็หายสะอาด, คนหูหนวกก็ยินได้, คนตายแล้วก็เป็นขึ้นมา, และข่าวประเสริฐก็ประกาศแก่คนอนาถา. 23บุคคลผู้ใดไม่สะดุดกะดากเพราะเราก็เป็นสุข.”
“ท่านได้เข้าไปดูอะไรในป่า?”
24เมื่อทูตทั้งสองของโยฮันนั้นไม่แล้ว, พระองค์จึงตรัสแก่ประชาชนถึงโยฮันว่า, “ท่านทั้งหลายได้เข้าไปดูอะไรในป่า? ดูต้นอ้อไหวโดยถูกลมพัดหรือ 25แต่ท่านทั้งหลายได้ไปดูอะไร? ดูคนนุ่งห่มถ้าอ่อนนิ่มหรือนี่แน่ะ, คนที่นุ่งห่มผ้างดงามและกินของอย่างดีวิเศษย่อมอยู่ในราชวัง. 26แต่ท่านทั้งหลายออกไปดูอะไร? ดูศาสดาพยากรณ์หรือ แท้จริงเราบอกท่านทั้งหลายว่า, ประเสริฐยิ่งกว่าศาสดาพยากรณ์อีก. 27คือโยฮันนี้แหละที่พระคัมภีร์กล่าวถึงว่า, นี่แน่ะ, เราใช้ทูตของเราไปข้างหน้าท่าน, ทูตนั้นจะจัดเตรียมหนทางไว้ข้างหน้าท่าน. 28เราบอกท่านทั้งหลายว่า, ในบรรดาคนที่บังเกิดมานั้น, ไม่มีผู้ใดใหญ่กว่าโยฮัน แต่ว่าผู้ที่เล็กน้อยในแผ่นดินของพระเจ้าก็ใหญ่กว่าโยฮัน. 29ฝ่ายคนทั้งปวงที่ได้ยิน, รวมทั้งพวกเก็บภาษีด้วย, ก็ได้รับว่าพระเจ้ายุตติธรรม โดยที่เขาได้รับบัพติศมาของโยฮัน. 30แต่พวกฟาริซายและพวกบาเรียนได้ขัดขวางความมุ่งหมายของพระเจ้าสำหรับเขาโดยที่มิได้รับบัพติศมาจากโยฮัน
31เหตุฉะนั้นเราจะเปรียบคนสมัยนี้ด้วยสิ่งใด, และเขาเหมือนอะไร? 32เขาเปรียบเหมือนเด็กนั่งกลางตลาด ร้องโต้กันว่า. ‘เราได้เป่าปี่ให้เจ้า, และเจ้ามิได้เต้นรำ เราได้พิลาปร่ำไรให้เจ้า, และเจ้ามิได้ร้องไห้.’ 33เพราะว่าโยฮันบัพติศโตมาก็ไม่ได้กินขนมปังหรือดื่มน้ำองุ่น และท่านทั้งหลายว่า. ‘เขามีผีสิงอยู่.’ 34ฝ่ายบุตรมนุษย์มาทั้งกินและดื่มและท่านทั้งหลายว่า. ‘นี่แน่ะ เป็นคนกินเติบและดื่มนํ้าองุ่นมาก, เป็นมิตรสหายกับคนที่เก็บภาษีและคนบาป,’ 35ฝ่ายสติปัญญาก็ได้พ้นซึ่งกล่าวโทษเพราะลูกทั้งหลายของสติปัญญานั้น.”
หญิงคนหนึ่งชะโลมพระบาทพระองค์
36“มีคนหนึ่งในพวกฟาริซายเชิญพระองค์ไปรับประทานอาหารกับเขา. พระองค์ก็เสด็จเข้าไปนั่งในบ้านของคนฟาริซายคนนั้น. 37และนี่แน่ะ, มีผู้หญิงคนหนึ่งในเมืองนั้นเคยเป็นหญิงชั่ว, เมื่อรู้ว่าพระองค์ทรงนั่งรับประทานอาหารอยู่ในบ้านของคนฟาริซายนั้น, เขาจึงถือผะอบศิลามีน้ำมันหอม 38มายืนอยู่ข้างหลังใกล้พระบาทของพระองค์, ร้องไห้น้ำตาไหลชำระพระบาท, เอาผมเช็ด, จุบพระบาทของพระองค์มาก, และเอาน้ำมันนั้นชะโลม. 39ฝ่ายคนฟาริซายที่ได้เชิญพระองค์ เมื่อเห็นแล้วก็นึกในใจว่า, “ถ้าท่านนี้เป็นศาสดาพยากรณ์ก็คงจะรู้ว่า หญิงผู้นี้ที่ถูกต้องกายของท่านเป็นผู้ใดและเป็นคนอย่างไร, เพราะเขาเป็นคนชั่ว.” 40ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบเขาว่า, “ซีโมนเอ๋ย, เรามีอะไรจะพูดกับท่านบ้าง.” เขาทูลว่า, “อาจารย์เจ้าข้า, จงพูดไปเถิด.” 41พระองค์จึงตรัสว่า, “เจ้าหนี้คนหนึ่งมีลูกหนี้สองคน คนหนึ่งเป็นหนี้เงินห้าร้อยบาท, อีกคนหนึ่งเป็นหนี้เงินห้าสิบบาท. 42เมื่อเขาไม่มีอะไรจะใช้หนี้แล้ว, ท่านจึงโปรดยกหนี้ให้เขาทั้งสองคน, ในสองคนนั้น คนไหนจะรักนายมากกว่า?” 43ซีโมนจึงทูลตอบว่า, “ข้าพเจ้าเห็นว่า, คนที่นายได้โปรดยกหนี้ให้มากก็เป็นคนที่รักนายมาก.” พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า, “ท่านพูดถูกแล้ว.” 44พระองค์จึงเหลียวหลังดูผู้หญิงนั้นและตรัสแก่ซีโมนว่า, “ท่านเห็นผู้หญิงนี้หรือ เราได้เข้ามาในบ้านของท่านท่านมิได้ให้น้ำถ้างเท้าของเรา แต่ผู้หญิงนี้ได้เอาน้ำตาชำระเท้าของเรา, และได้เอาผมของตนเช็ด. 45ท่านมิได้จุบเรา แต่ผู้หญิงนี้ตั้งแต่เข้ามามิได้หยุดจุบเท้าของเรามาก 46ท่านมิได้เอานํ้ามันชะโลมศีรษะของเรา, แต่ผู้หญิงนี้ได้เอานํ้ามันหอมชะโลมเท้าของเรา. 47เหตุฉะนั้นเราบอกท่านว่า, ความผิดบาปของผู้หญิงนี้ซึ่งมีมากได้โปรดยกเสียแล้ว เพราะเขารักมากแต่ผู้ที่ได้รับความยกโทษน้อย, ผู้นั้นก็รักน้อย.” 48พระองค์จึงตรัสแก่ผู้หญิงนั้นว่า “ความผิดบาปของเจ้าโปรดยกเสียแล้ว.” 49ฝ่ายคนทั้งหลายที่นั่งรับประทานด้วยกันคิดในใจว่า, “คนนี้เป็นใคร จนชั้นความผิดบาปก็ยกได้?” 50พระองค์จึงตรัสแก่ผู้หญิงนั้นว่า, “ความเชื่อของเจ้าได้ทำให้เจ้ารอด. จงไปเป็นสุขเกิด.”
ที่ได้เลือกล่าสุด:
ลูกา 7: TH1940
เน้นข้อความ
แบ่งปัน
คัดลอก
ต้องการเน้นข้อความที่บันทึกไว้ตลอดทั้งอุปกรณ์ของคุณหรือไม่? ลงทะเบียน หรือลงชื่อเข้าใช้
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
ลูกา 7
7
ทรงรักษาทาสของนายร้อย
1เมื่อพระองค์ตรัสคำเหล่านั้นให้คนทั้งหลายฟังเสร็จแล้ว, พระองค์จึงเสด็จเข้าไปในเมืองกัปเรนาอูม. 2มีทาสของนายร้อยคนหนึ่งที่นายรักมากป่วยเกือบจะตายแล้ว. 3เมื่อนายร้อยได้ยินถึงพระเยซู. จึงใช้ผู้เฒ่าของพวกยูดายให้ไปอ้อนวอน เชิญพระองค์เสด็จมารักษาทาสของตน. 4เมื่อเขาเหล่านั้นมาถึงพระเยซูแล้ว, เขาก็อ้อนวอนพระองค์ด้วยใจร้อนรนว่า, “นายร้อยนั้นเป็นคนสมควรที่พระองค์จะกระทำการนั้นให้ท่าน 5เพราะว่าท่านรักประเทศของเรา. และท่านเองได้สร้างธรรมศาลาให้เราด้วย.” 6พระเยซูจึงเสด็จไปกับเขา. เมื่อไปเกือบจะถึงตึกแล้ว, นายร้อยจึงใช้เพื่อนฝูงไปหาพระองค์ทูลว่า, “พระองค์เจ้าข้า. อย่าลำบากเลย. เพราะว่าข้าพเจ้าไม่เป็นคนสมควรที่พระองค์จะเสด็จเข้ามาใต้หลังคาตึกของข้าพเจ้า 7เพราะเหตุนั้นข้าพเจ้าจึงคิดเห็นว่า ไม่สมควรที่ข้าพเจ้าจะไปหาพระองค์ด้วย. แต่ขอพระองค์ทรงโปรดตรัสสักคำเดียว, และทาสของข้าพเจ้าจะหายโรค. 8ด้วยว่าข้าพเจ้าเป็นคนอยู่ใต้บังคับเขา. แต่ยังมีทหารอยู่ใต้บังคับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าสั่งคนนี้ว่า ‘ไป’ เขาก็ไปสั่งอีกคนหนึ่งว่า ‘มา,’ เขาก็มาและสั่งทาสของข้าพเจ้าว่า, ‘จงทำสิ่งนี้.’ เขาก็ทำ.” 9เมื่อพระเยซูได้ยินคำเหล่านั้นแล้ว. ก็ประหลาดพระทัยด้วยคนนั้น, จึงเหลียวหลังตรัสแก่ประชาชนที่ตามพระองค์มาว่า, “เราบอกท่านทั้งหลายว่า, ถึงแม้ในพวกยิศราเอลเรามิได้พบความเชื่อมากเช่นนี้.” 10ฝ่ายคนที่รับใช้มานั้น, เมื่อกลับไปถึงตึกก็ได้เห็นทาสนั้นหายเป็นปกติแล้ว
คนที่ตายนั้นก็ลุกขึ้นนั่งพูด
11อีกไม่กี่วันพระองค์ก็เสด็จเข้าไปในเมืองหนึ่งชื่อนาอินเหล่าสาวกของพระองค์กับคนเป็นอันมากก็ตามพระองค์ไป. 12เมื่อมาใกล้ประตูเมืองนั้น. นี่แน่ะ. มีคนหามศพชายหนุ่มคนหนึ่งมา. มารดาเขาเป็นม่ายมีลูกคนเดียว และชาวเมืองเป็นอันมากมากับหญิงนั้น. 13เมื่อพระองค์ได้ทรงเห็นมารดานั้น, พระองค์ทรงเมตตากรุณาเขาและตรัสว่า, “อย่าร้องไห้เลย.” 14แล้วพระองค์เสด็จเข้าไปใกล้ถูกต้องโลงคนหามศพนั้นก็หยุดยืนอยู่. พระองค์จึงตรัสว่า, “ชายหนุ่มเอ๋ย. เราสั่งเจ้าให้ลุกขึ้นเถิด.” 15คนที่ตายนั้นก็ลุกขึ้นนั่งพูด. พระองค์จึงทรงมอบชายหนุ่มให้แก่มารดาของเขา. 16ฝ่ายคนทั้งปวงมีความกลัว, และสรรเสริญพระเจ้าว่า. “ท่านศาสดาพยากรณ์ใหญ่ได้เกิดขึ้นท่ามกลางเรา. และพระเจ้าได้เสด็จมาเยี่ยมเยียนพลเมืองของพระองค์แล้ว.” 17และกิตติศัพท์ของพระองค์นี้ได้เลื่องลือไปตลอดทั่วมณฑลยูดาย, และทั่วแว่นแคว้นล้อมรอบ
18ฝ่ายพวกศิษย์ของโยฮันก็ได้เท่าเหตุการณ์ทั้งปวงนั้นให้ท่านฟัง. 19โยฮันจึงเรียกศิษย์ของท่านสองคนใช้เขาไปหาพระเยซู ทูลถามว่า. “ท่านเป็นผู้ที่จะมานั้นหรือๆ จะต้องคอยผู้อื่น?” 20เมื่อคนทั้งสองนั้นมาถึงพระองค์แล้วเขาทูลว่า. “โยฮันบัพติศโตใช้ข้าพเจ้ามาหาท่านให้ถามว่า. ‘ท่านเป็นผู้ที่จะมานั้นหรือๆ จะต้องคอยผู้อื่น?’ ” 21ในเวลานั้น พระองค์ได้ทรงรักษาคนเจ็บเป็นอันมากให้หายความเจ็บและโรคต่างๆ. และให้พ้นจากผีร้าย, และคนตาบอดหลายคนพระองค์ได้ทรงรักษาให้เห็นได้. 22แล้วพระองค์ตรัสตอบศิษย์สองคนนั้นว่า, “จงกลับไปแจ้งแก่โยฮันซึ่งท่านได้เห็นและได้ยินคือว่าคนตาบอดก็เห็นได้, คนง่อยก็เดินได้, คนโรคเรื้อนก็หายสะอาด, คนหูหนวกก็ยินได้, คนตายแล้วก็เป็นขึ้นมา, และข่าวประเสริฐก็ประกาศแก่คนอนาถา. 23บุคคลผู้ใดไม่สะดุดกะดากเพราะเราก็เป็นสุข.”
“ท่านได้เข้าไปดูอะไรในป่า?”
24เมื่อทูตทั้งสองของโยฮันนั้นไม่แล้ว, พระองค์จึงตรัสแก่ประชาชนถึงโยฮันว่า, “ท่านทั้งหลายได้เข้าไปดูอะไรในป่า? ดูต้นอ้อไหวโดยถูกลมพัดหรือ 25แต่ท่านทั้งหลายได้ไปดูอะไร? ดูคนนุ่งห่มถ้าอ่อนนิ่มหรือนี่แน่ะ, คนที่นุ่งห่มผ้างดงามและกินของอย่างดีวิเศษย่อมอยู่ในราชวัง. 26แต่ท่านทั้งหลายออกไปดูอะไร? ดูศาสดาพยากรณ์หรือ แท้จริงเราบอกท่านทั้งหลายว่า, ประเสริฐยิ่งกว่าศาสดาพยากรณ์อีก. 27คือโยฮันนี้แหละที่พระคัมภีร์กล่าวถึงว่า, นี่แน่ะ, เราใช้ทูตของเราไปข้างหน้าท่าน, ทูตนั้นจะจัดเตรียมหนทางไว้ข้างหน้าท่าน. 28เราบอกท่านทั้งหลายว่า, ในบรรดาคนที่บังเกิดมานั้น, ไม่มีผู้ใดใหญ่กว่าโยฮัน แต่ว่าผู้ที่เล็กน้อยในแผ่นดินของพระเจ้าก็ใหญ่กว่าโยฮัน. 29ฝ่ายคนทั้งปวงที่ได้ยิน, รวมทั้งพวกเก็บภาษีด้วย, ก็ได้รับว่าพระเจ้ายุตติธรรม โดยที่เขาได้รับบัพติศมาของโยฮัน. 30แต่พวกฟาริซายและพวกบาเรียนได้ขัดขวางความมุ่งหมายของพระเจ้าสำหรับเขาโดยที่มิได้รับบัพติศมาจากโยฮัน
31เหตุฉะนั้นเราจะเปรียบคนสมัยนี้ด้วยสิ่งใด, และเขาเหมือนอะไร? 32เขาเปรียบเหมือนเด็กนั่งกลางตลาด ร้องโต้กันว่า. ‘เราได้เป่าปี่ให้เจ้า, และเจ้ามิได้เต้นรำ เราได้พิลาปร่ำไรให้เจ้า, และเจ้ามิได้ร้องไห้.’ 33เพราะว่าโยฮันบัพติศโตมาก็ไม่ได้กินขนมปังหรือดื่มน้ำองุ่น และท่านทั้งหลายว่า. ‘เขามีผีสิงอยู่.’ 34ฝ่ายบุตรมนุษย์มาทั้งกินและดื่มและท่านทั้งหลายว่า. ‘นี่แน่ะ เป็นคนกินเติบและดื่มนํ้าองุ่นมาก, เป็นมิตรสหายกับคนที่เก็บภาษีและคนบาป,’ 35ฝ่ายสติปัญญาก็ได้พ้นซึ่งกล่าวโทษเพราะลูกทั้งหลายของสติปัญญานั้น.”
หญิงคนหนึ่งชะโลมพระบาทพระองค์
36“มีคนหนึ่งในพวกฟาริซายเชิญพระองค์ไปรับประทานอาหารกับเขา. พระองค์ก็เสด็จเข้าไปนั่งในบ้านของคนฟาริซายคนนั้น. 37และนี่แน่ะ, มีผู้หญิงคนหนึ่งในเมืองนั้นเคยเป็นหญิงชั่ว, เมื่อรู้ว่าพระองค์ทรงนั่งรับประทานอาหารอยู่ในบ้านของคนฟาริซายนั้น, เขาจึงถือผะอบศิลามีน้ำมันหอม 38มายืนอยู่ข้างหลังใกล้พระบาทของพระองค์, ร้องไห้น้ำตาไหลชำระพระบาท, เอาผมเช็ด, จุบพระบาทของพระองค์มาก, และเอาน้ำมันนั้นชะโลม. 39ฝ่ายคนฟาริซายที่ได้เชิญพระองค์ เมื่อเห็นแล้วก็นึกในใจว่า, “ถ้าท่านนี้เป็นศาสดาพยากรณ์ก็คงจะรู้ว่า หญิงผู้นี้ที่ถูกต้องกายของท่านเป็นผู้ใดและเป็นคนอย่างไร, เพราะเขาเป็นคนชั่ว.” 40ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบเขาว่า, “ซีโมนเอ๋ย, เรามีอะไรจะพูดกับท่านบ้าง.” เขาทูลว่า, “อาจารย์เจ้าข้า, จงพูดไปเถิด.” 41พระองค์จึงตรัสว่า, “เจ้าหนี้คนหนึ่งมีลูกหนี้สองคน คนหนึ่งเป็นหนี้เงินห้าร้อยบาท, อีกคนหนึ่งเป็นหนี้เงินห้าสิบบาท. 42เมื่อเขาไม่มีอะไรจะใช้หนี้แล้ว, ท่านจึงโปรดยกหนี้ให้เขาทั้งสองคน, ในสองคนนั้น คนไหนจะรักนายมากกว่า?” 43ซีโมนจึงทูลตอบว่า, “ข้าพเจ้าเห็นว่า, คนที่นายได้โปรดยกหนี้ให้มากก็เป็นคนที่รักนายมาก.” พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า, “ท่านพูดถูกแล้ว.” 44พระองค์จึงเหลียวหลังดูผู้หญิงนั้นและตรัสแก่ซีโมนว่า, “ท่านเห็นผู้หญิงนี้หรือ เราได้เข้ามาในบ้านของท่านท่านมิได้ให้น้ำถ้างเท้าของเรา แต่ผู้หญิงนี้ได้เอาน้ำตาชำระเท้าของเรา, และได้เอาผมของตนเช็ด. 45ท่านมิได้จุบเรา แต่ผู้หญิงนี้ตั้งแต่เข้ามามิได้หยุดจุบเท้าของเรามาก 46ท่านมิได้เอานํ้ามันชะโลมศีรษะของเรา, แต่ผู้หญิงนี้ได้เอานํ้ามันหอมชะโลมเท้าของเรา. 47เหตุฉะนั้นเราบอกท่านว่า, ความผิดบาปของผู้หญิงนี้ซึ่งมีมากได้โปรดยกเสียแล้ว เพราะเขารักมากแต่ผู้ที่ได้รับความยกโทษน้อย, ผู้นั้นก็รักน้อย.” 48พระองค์จึงตรัสแก่ผู้หญิงนั้นว่า “ความผิดบาปของเจ้าโปรดยกเสียแล้ว.” 49ฝ่ายคนทั้งหลายที่นั่งรับประทานด้วยกันคิดในใจว่า, “คนนี้เป็นใคร จนชั้นความผิดบาปก็ยกได้?” 50พระองค์จึงตรัสแก่ผู้หญิงนั้นว่า, “ความเชื่อของเจ้าได้ทำให้เจ้ารอด. จงไปเป็นสุขเกิด.”
ที่ได้เลือกล่าสุด:
:
เน้นข้อความ
แบ่งปัน
คัดลอก
ต้องการเน้นข้อความที่บันทึกไว้ตลอดทั้งอุปกรณ์ของคุณหรือไม่? ลงทะเบียน หรือลงชื่อเข้าใช้
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society