ลูกา 11
11
การอธิษฐาน
1พระเยซูกำลังอธิษฐานในที่แห่งหนึ่ง พอจบแล้วสาวกคนหนึ่งได้พูดขึ้นว่า “พระองค์ท่าน ขอได้โปรดสอนพวกข้าพเจ้าอธิษฐานเหมือนกับที่ยอห์นสอนพวกสาวกของเขาเถิด” 2พระองค์กล่าวกับเขาเหล่านั้นว่า “เมื่อเจ้าอธิษฐาน จงว่า
‘ข้าแต่พระบิดา
ขอพระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ
ขอให้อาณาจักรของพระองค์มาสถิตเถิด
3ขอพระองค์ให้อาหารประจำวันแก่พวกเราในแต่ละวัน
4ขอพระองค์ยกโทษบาปทั้งปวงให้แก่พวกเรา
ด้วยว่าพวกเรายกโทษให้แก่ทุกคนที่กระทำบาปต่อเรา
และขอพระองค์นำเราไปให้พ้นจากสิ่งยั่วยุ’”
5แล้วพระองค์กล่าวต่อไปอีกว่า “หากคนใดในพวกเจ้าไปหาเพื่อนในเวลาเที่ยงคืน แล้วพูดว่า ‘เพื่อนเอ๋ย เราขอยืมขนมปังสัก 3 ก้อนเถิด 6เพราะว่าเพื่อนคนหนึ่งของเราเดินทางมาหา แล้วเราไม่มีอะไรที่จะต้อนรับเขา’ 7คนที่อยู่ข้างในตอบว่า ‘อย่ารบกวนเราเลย ประตูก็ลงกลอนแล้ว ทั้งลูกๆ และเราเองก็เข้านอนแล้ว เราลุกขึ้นหยิบอะไรให้ไม่ได้’ 8เราขอบอกเจ้าว่า แม้ว่าเขาจะไม่ลุกขึ้นหยิบขนมปังให้เพราะความเป็นเพื่อน แต่เป็นเพราะความไม่ย่อท้อ เขาก็จะลุกขึ้นและหยิบให้ตามที่เพื่อนต้องการ 9ฉะนั้นเราขอบอกพวกเจ้าว่า จงขอและเจ้าก็จะได้รับ จงแสวงหาและเจ้าก็จะพบ จงเคาะประตูและประตูก็จะเปิดให้เจ้า 10เพราะทุกคนที่ขอก็จะได้รับ คนที่หาก็พบ คนที่เคาะประตู ประตูก็จะเปิด 11ถ้าลูกของเจ้าขอปลาแล้ว เจ้าผู้เป็นพ่อจะให้งูแทนหรือ 12ถ้าหากเขาขอไข่แล้วกลับให้แมงป่องแทนหรือ 13ถ้าเจ้าเองผู้เป็นคนชั่วยังรู้จักให้สิ่งที่ดีแก่ลูกๆ และยิ่งกว่านั้นขนาดไหนที่พระบิดาในสวรรค์จะให้พระวิญญาณบริสุทธิ์แก่ผู้ที่ขอจากพระองค์”
พระเยซูกับเบเอลเซบูล
14พระเยซูขับไล่มารใบ้ตนหนึ่งออกจากร่างของชายคนหนึ่ง เมื่อมารออกจากร่างแล้ว ชายใบ้จึงพูดได้ และฝูงชนก็ประหลาดใจ 15บางคนพูดว่า “ชายผู้นี้ขับไล่พวกมารออกได้โดยใช้เบเอลเซบูลหัวหน้าของพวกมารนั่นเอง” 16คนอื่นๆ ได้ทดสอบพระองค์ โดยขอให้พระองค์ส่งปรากฏการณ์อัศจรรย์จากสวรรค์ 17พระเยซูทราบความคิดของคนเหล่านั้นจึงกล่าวว่า “อาณาจักรใดก็ตามที่แบ่งแยกกันเองก็จะพินาศ และบ้านใดที่แบ่งแยกกันเองก็จะล้มลง 18ถ้าซาตานแบ่งแยกตัวมันเอง แล้วอาณาจักรของมันจะยืนหยัดได้อย่างไร เราพูดเช่นนี้เพราะท่านยืนยันว่าเราขับไล่พวกมารโดยใช้เบเอลเซบูล 19ถ้าเราขับมารโดยใช้เบเอลเซบูล แล้วผู้ติดตามของท่านเองล่ะ ใช้ใครในการขับ ฉะนั้นแล้วเขาเหล่านั้นก็เป็นผู้ตัดสินความของท่าน 20แต่ถ้าเราขับพวกมารโดยการใช้นิ้วของพระเจ้า อาณาจักรของพระเจ้าก็มาถึงท่านแล้ว 21เมื่อคนที่แข็งแกร่งถืออาวุธไว้พร้อมเพื่อเฝ้าบ้านของเขา ทรัพย์สมบัติของเขาก็ปลอดภัย 22แต่หากมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเข้าจู่โจมและชนะเขา คนนั้นก็ริบอาวุธยุทธภัณฑ์ที่เขาพึ่งพา แล้วแบ่งปันของที่เขาได้ริบเอาไป 23ใครที่ไม่เป็นฝ่ายเราก็เป็นฝ่ายค้านเรา และคนที่ไม่เก็บรวบรวมกับเราก็กระจัดกระจายไป
24เมื่อวิญญาณร้ายออกมาจากคนหนึ่ง มันก็เที่ยวหาที่แล้งเพื่อพำนัก เมื่อไม่พบ มันจึงพูดว่า ‘ข้าจะกลับไปยังบ้านที่ข้าจากมา’ 25แต่เมื่อมาถึง ก็กลับพบว่าบ้านนั้นถูกปัดกวาดจนสะอาดเรียบร้อย 26มันจึงไปเอาพวกวิญญาณอีก 7 ตนที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าเข้าไปอยู่ในบ้านนั้น ในที่สุดอาการของคนนั้นก็ทรุดหนักลงกว่าเดิม”
27ขณะที่พระองค์กำลังกล่าวถึงสิ่งเหล่านี้ มีหญิงคนหนึ่งซึ่งอยู่ในกลุ่มคนได้ร้องขึ้นว่า “มารดาที่ได้ให้กำเนิดและให้น้ำนมเลี้ยงดูพระองค์ก็เป็นสุข” 28พระองค์ตอบว่า “ผู้ที่ได้ยินคำกล่าวของพระเจ้าแล้วปฏิบัติตามต่างหากเล่าจึงเป็นสุข”
ปรากฏการณ์อัศจรรย์ของโยนาห์
29ขณะที่ผู้คนเข้ามาสมทบมากขึ้น พระเยซูกล่าวว่า “คนในช่วงกาลเวลาอันชั่วโฉด เป็นพวกที่แสวงหาปรากฏการณ์อัศจรรย์ แต่จะไม่ได้รับสิ่งใดนอกจากปรากฏการณ์อัศจรรย์ของโยนาห์#11:29 โยนาห์ ฉบับโยนาห์ 30ด้วยว่าโยนาห์ได้เป็นปรากฏการณ์อัศจรรย์กับชาวนีนะเวห์อย่างไร บุตรมนุษย์ก็จะเป็นปรากฏการณ์อัศจรรย์กับคนในช่วงกาลเวลานี้อย่างนั้น 31ราชินีแห่งทิศใต้#11:31 1 พงศ์กษัตริย์ 10:1-13จะลุกผงาดขึ้นในวันพิพากษา และกล่าวหาคนในช่วงกาลเวลานี้ ด้วยว่าพระนางมาจากปลายฟ้าเพื่อฟังสติปัญญาของกษัตริย์ซาโลมอน และบัดนี้ผู้ที่เหนือกว่ากษัตริย์ซาโลมอนอยู่ที่นี่ 32ชาวนีนะเวห์จะผงาดขึ้นในวันพิพากษา และกล่าวหาคนในช่วงกาลเวลานี้ ชาวนีนะเวห์ได้กลับใจเพราะคำประกาศของโยนาห์ และเวลานี้ผู้ที่เหนือกว่าโยนาห์อยู่ที่นี่แล้ว
ดวงตาคือตะเกียงของร่างกาย
33ไม่มีผู้ใดที่จุดตะเกียงแล้วซ่อนหรือวางไว้ใต้ภาชนะ แต่จะตั้งไว้บนขาตั้งตะเกียงเพื่อผู้ที่เข้ามาจะได้เห็นแสงสว่าง 34ดวงตาของเจ้าเป็นเสมือนตะเกียงของร่างกาย เมื่อดวงตาของเจ้าดี ร่างกายของเจ้าก็เต็มด้วยความสว่าง ถ้าดวงตาของเจ้าไม่ดี ร่างกายก็มีแต่ความมืด 35จงดูให้ดีว่าเจ้ามีความสว่างภายใน ไม่ใช่ความมืด 36ฉะนั้นถ้าทั่วทั้งร่างกายของเจ้าสว่างและไม่มีส่วนใดเลยที่มืด มันก็จะสว่างตลอดเหมือนเวลาที่แสงของตะเกียงส่องมาที่เจ้า”
วิบัติบังเกิดแก่บรรดาผู้นำทางศาสนา
37เมื่อพระเยซูกล่าวจบแล้ว ฟาริสีผู้หนึ่งก็ได้เชิญพระองค์ไปรับประทานอาหารกับเขา เมื่อไปถึงก็เอนกายลงรับประทาน 38ฟาริสีรู้สึกประหลาดใจเมื่อสังเกตเห็นว่าพระเยซูไม่ได้ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร 39พระเยซูเจ้ากล่าวว่า “เอาล่ะ พวกท่านฟาริสีทำความสะอาดถ้วยชามภายนอก แต่ภายในกลับเต็มด้วยความโลภและความชั่วร้าย 40เจ้าคนเขลา คนที่สร้างภายนอกไม่ได้สร้างภายในด้วยหรือ 41จงให้ทานสงเคราะห์ที่เกิดจากใจและทุกสิ่งก็จะสะอาดสำหรับท่าน
42วิบัติจงเกิดแก่พวกฟาริสี แม้ว่าท่านให้หนึ่งในสิบของสะระแหน่ ขมิ้นและสมุนไพรชนิดอื่นๆ ทุกชนิดแด่พระเจ้า แต่กลับเพิกเฉยต่อความเป็นธรรมและความรักของพระเจ้า สิ่งเหล่านี้ท่านควรกระทำอยู่ก่อนแล้วโดยไม่ละเลยจำนวนหนึ่งในสิบด้วย 43วิบัติจงเกิดแก่พวกฟาริสี เพราะท่านชอบที่นั่งสำหรับคนสำคัญที่สุดในศาลาที่ประชุม และชอบให้คนทักทายแสดงความเคารพในย่านตลาด 44วิบัติจงเกิดแก่ท่าน เพราะท่านเป็นเสมือนหลุมฝังศพที่ไม่มีเครื่องหมายระบุไว้ คนเดินเหยียบไปก็มิอาจทราบได้”
45คนหนึ่งในจำนวนผู้เชี่ยวชาญฝ่ายกฎบัญญัติพูดกับพระองค์ว่า “อาจารย์ ท่านพูดเช่นนี้ท่านก็ดูถูกพวกเราด้วย” 46พระเยซูตอบว่า “และท่านที่เชี่ยวชาญฝ่ายกฎบัญญัติ วิบัติก็จงเกิดแก่ท่าน เพราะท่านให้ผู้คนแบกหามภาระหนัก โดยที่พวกท่านไม่ยอมแม้แต่จะยกนิ้วขึ้นช่วยเขาเลย 47วิบัติจงเกิดแก่ท่าน เพราะท่านสร้างถ้ำเก็บศพให้พวกผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า และบรรพบุรุษของท่านนั่นแหละที่ฆ่าพวกเขา 48ดังนั้นนับได้ว่าท่านเป็นผู้เห็นชอบด้วยกับการกระทำของบรรพบุรุษของท่าน ที่พวกเขาฆ่าบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า และท่านเองก็ได้สร้างถ้ำเก็บศพให้ 49ด้วยเหตุนี้ และด้วยพระปัญญา พระเจ้ากล่าวว่า ‘เราจะส่งพวกผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าและพวกอัครทูตให้คนเหล่านั้น บางคนจะต้องถูกฆ่า บ้างก็จะถูกกดขี่ข่มเหง’ 50ฉะนั้นคนในช่วงกาลเวลานี้จะต้องรับผิดชอบในหยาดโลหิตทุกหยดของผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าทุกท่านที่ได้พลีไว้ ตั้งแต่แรกสร้างโลก 51นับแต่โลหิตของอาเบล#11:51 อาเบล เป็นคนแรกที่ถูกฆ่าในพันธสัญญาเดิม ฉบับปฐมกาล 4:8 จนถึงโลหิตของเศคาริยาห์#11:51 เศคาริยาห์ ปุโรหิตคนนี้เป็นคนสุดท้ายที่ถูกฆ่าในพันธสัญญาเดิม ฉบับ 2 พงศาวดาร 24:20,21 ผู้ถูกสังหารในระหว่างแท่นบูชาและพระตำหนักของพระเจ้า ใช่แล้ว เราขอบอกท่านว่า คนในช่วงกาลเวลานี้จะต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ 52วิบัติจงเกิดแก่ท่านผู้เชี่ยวชาญฝ่ายกฎบัญญัติ เพราะท่านได้เอากุญแจแห่งความรู้ไปเสีย ท่านเองยังไม่ได้เข้าไปและยังขัดขวางไม่ให้ผู้อื่นก้าวเข้าไปเสียด้วย”
53เมื่อพระเยซูเดินออกไป พวกฟาริสีและพวกอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติเริ่มกลุ้มรุมพระองค์ และกระตุ้นให้พระองค์พูดต่อไปอีกหลายเรื่อง 54เพื่อคอยเฝ้าจับผิดจากคำพูดของพระองค์
ที่ได้เลือกล่าสุด:
ลูกา 11: NTV
เน้นข้อความ
แบ่งปัน
คัดลอก
ต้องการเน้นข้อความที่บันทึกไว้ตลอดทั้งอุปกรณ์ของคุณหรือไม่? ลงทะเบียน หรือลงชื่อเข้าใช้
New Thai Version Foundation
ลูกา 11
11
การอธิษฐาน
1พระเยซูกำลังอธิษฐานในที่แห่งหนึ่ง พอจบแล้วสาวกคนหนึ่งได้พูดขึ้นว่า “พระองค์ท่าน ขอได้โปรดสอนพวกข้าพเจ้าอธิษฐานเหมือนกับที่ยอห์นสอนพวกสาวกของเขาเถิด” 2พระองค์กล่าวกับเขาเหล่านั้นว่า “เมื่อเจ้าอธิษฐาน จงว่า
‘ข้าแต่พระบิดา
ขอพระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ
ขอให้อาณาจักรของพระองค์มาสถิตเถิด
3ขอพระองค์ให้อาหารประจำวันแก่พวกเราในแต่ละวัน
4ขอพระองค์ยกโทษบาปทั้งปวงให้แก่พวกเรา
ด้วยว่าพวกเรายกโทษให้แก่ทุกคนที่กระทำบาปต่อเรา
และขอพระองค์นำเราไปให้พ้นจากสิ่งยั่วยุ’”
5แล้วพระองค์กล่าวต่อไปอีกว่า “หากคนใดในพวกเจ้าไปหาเพื่อนในเวลาเที่ยงคืน แล้วพูดว่า ‘เพื่อนเอ๋ย เราขอยืมขนมปังสัก 3 ก้อนเถิด 6เพราะว่าเพื่อนคนหนึ่งของเราเดินทางมาหา แล้วเราไม่มีอะไรที่จะต้อนรับเขา’ 7คนที่อยู่ข้างในตอบว่า ‘อย่ารบกวนเราเลย ประตูก็ลงกลอนแล้ว ทั้งลูกๆ และเราเองก็เข้านอนแล้ว เราลุกขึ้นหยิบอะไรให้ไม่ได้’ 8เราขอบอกเจ้าว่า แม้ว่าเขาจะไม่ลุกขึ้นหยิบขนมปังให้เพราะความเป็นเพื่อน แต่เป็นเพราะความไม่ย่อท้อ เขาก็จะลุกขึ้นและหยิบให้ตามที่เพื่อนต้องการ 9ฉะนั้นเราขอบอกพวกเจ้าว่า จงขอและเจ้าก็จะได้รับ จงแสวงหาและเจ้าก็จะพบ จงเคาะประตูและประตูก็จะเปิดให้เจ้า 10เพราะทุกคนที่ขอก็จะได้รับ คนที่หาก็พบ คนที่เคาะประตู ประตูก็จะเปิด 11ถ้าลูกของเจ้าขอปลาแล้ว เจ้าผู้เป็นพ่อจะให้งูแทนหรือ 12ถ้าหากเขาขอไข่แล้วกลับให้แมงป่องแทนหรือ 13ถ้าเจ้าเองผู้เป็นคนชั่วยังรู้จักให้สิ่งที่ดีแก่ลูกๆ และยิ่งกว่านั้นขนาดไหนที่พระบิดาในสวรรค์จะให้พระวิญญาณบริสุทธิ์แก่ผู้ที่ขอจากพระองค์”
พระเยซูกับเบเอลเซบูล
14พระเยซูขับไล่มารใบ้ตนหนึ่งออกจากร่างของชายคนหนึ่ง เมื่อมารออกจากร่างแล้ว ชายใบ้จึงพูดได้ และฝูงชนก็ประหลาดใจ 15บางคนพูดว่า “ชายผู้นี้ขับไล่พวกมารออกได้โดยใช้เบเอลเซบูลหัวหน้าของพวกมารนั่นเอง” 16คนอื่นๆ ได้ทดสอบพระองค์ โดยขอให้พระองค์ส่งปรากฏการณ์อัศจรรย์จากสวรรค์ 17พระเยซูทราบความคิดของคนเหล่านั้นจึงกล่าวว่า “อาณาจักรใดก็ตามที่แบ่งแยกกันเองก็จะพินาศ และบ้านใดที่แบ่งแยกกันเองก็จะล้มลง 18ถ้าซาตานแบ่งแยกตัวมันเอง แล้วอาณาจักรของมันจะยืนหยัดได้อย่างไร เราพูดเช่นนี้เพราะท่านยืนยันว่าเราขับไล่พวกมารโดยใช้เบเอลเซบูล 19ถ้าเราขับมารโดยใช้เบเอลเซบูล แล้วผู้ติดตามของท่านเองล่ะ ใช้ใครในการขับ ฉะนั้นแล้วเขาเหล่านั้นก็เป็นผู้ตัดสินความของท่าน 20แต่ถ้าเราขับพวกมารโดยการใช้นิ้วของพระเจ้า อาณาจักรของพระเจ้าก็มาถึงท่านแล้ว 21เมื่อคนที่แข็งแกร่งถืออาวุธไว้พร้อมเพื่อเฝ้าบ้านของเขา ทรัพย์สมบัติของเขาก็ปลอดภัย 22แต่หากมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเข้าจู่โจมและชนะเขา คนนั้นก็ริบอาวุธยุทธภัณฑ์ที่เขาพึ่งพา แล้วแบ่งปันของที่เขาได้ริบเอาไป 23ใครที่ไม่เป็นฝ่ายเราก็เป็นฝ่ายค้านเรา และคนที่ไม่เก็บรวบรวมกับเราก็กระจัดกระจายไป
24เมื่อวิญญาณร้ายออกมาจากคนหนึ่ง มันก็เที่ยวหาที่แล้งเพื่อพำนัก เมื่อไม่พบ มันจึงพูดว่า ‘ข้าจะกลับไปยังบ้านที่ข้าจากมา’ 25แต่เมื่อมาถึง ก็กลับพบว่าบ้านนั้นถูกปัดกวาดจนสะอาดเรียบร้อย 26มันจึงไปเอาพวกวิญญาณอีก 7 ตนที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าเข้าไปอยู่ในบ้านนั้น ในที่สุดอาการของคนนั้นก็ทรุดหนักลงกว่าเดิม”
27ขณะที่พระองค์กำลังกล่าวถึงสิ่งเหล่านี้ มีหญิงคนหนึ่งซึ่งอยู่ในกลุ่มคนได้ร้องขึ้นว่า “มารดาที่ได้ให้กำเนิดและให้น้ำนมเลี้ยงดูพระองค์ก็เป็นสุข” 28พระองค์ตอบว่า “ผู้ที่ได้ยินคำกล่าวของพระเจ้าแล้วปฏิบัติตามต่างหากเล่าจึงเป็นสุข”
ปรากฏการณ์อัศจรรย์ของโยนาห์
29ขณะที่ผู้คนเข้ามาสมทบมากขึ้น พระเยซูกล่าวว่า “คนในช่วงกาลเวลาอันชั่วโฉด เป็นพวกที่แสวงหาปรากฏการณ์อัศจรรย์ แต่จะไม่ได้รับสิ่งใดนอกจากปรากฏการณ์อัศจรรย์ของโยนาห์#11:29 โยนาห์ ฉบับโยนาห์ 30ด้วยว่าโยนาห์ได้เป็นปรากฏการณ์อัศจรรย์กับชาวนีนะเวห์อย่างไร บุตรมนุษย์ก็จะเป็นปรากฏการณ์อัศจรรย์กับคนในช่วงกาลเวลานี้อย่างนั้น 31ราชินีแห่งทิศใต้#11:31 1 พงศ์กษัตริย์ 10:1-13จะลุกผงาดขึ้นในวันพิพากษา และกล่าวหาคนในช่วงกาลเวลานี้ ด้วยว่าพระนางมาจากปลายฟ้าเพื่อฟังสติปัญญาของกษัตริย์ซาโลมอน และบัดนี้ผู้ที่เหนือกว่ากษัตริย์ซาโลมอนอยู่ที่นี่ 32ชาวนีนะเวห์จะผงาดขึ้นในวันพิพากษา และกล่าวหาคนในช่วงกาลเวลานี้ ชาวนีนะเวห์ได้กลับใจเพราะคำประกาศของโยนาห์ และเวลานี้ผู้ที่เหนือกว่าโยนาห์อยู่ที่นี่แล้ว
ดวงตาคือตะเกียงของร่างกาย
33ไม่มีผู้ใดที่จุดตะเกียงแล้วซ่อนหรือวางไว้ใต้ภาชนะ แต่จะตั้งไว้บนขาตั้งตะเกียงเพื่อผู้ที่เข้ามาจะได้เห็นแสงสว่าง 34ดวงตาของเจ้าเป็นเสมือนตะเกียงของร่างกาย เมื่อดวงตาของเจ้าดี ร่างกายของเจ้าก็เต็มด้วยความสว่าง ถ้าดวงตาของเจ้าไม่ดี ร่างกายก็มีแต่ความมืด 35จงดูให้ดีว่าเจ้ามีความสว่างภายใน ไม่ใช่ความมืด 36ฉะนั้นถ้าทั่วทั้งร่างกายของเจ้าสว่างและไม่มีส่วนใดเลยที่มืด มันก็จะสว่างตลอดเหมือนเวลาที่แสงของตะเกียงส่องมาที่เจ้า”
วิบัติบังเกิดแก่บรรดาผู้นำทางศาสนา
37เมื่อพระเยซูกล่าวจบแล้ว ฟาริสีผู้หนึ่งก็ได้เชิญพระองค์ไปรับประทานอาหารกับเขา เมื่อไปถึงก็เอนกายลงรับประทาน 38ฟาริสีรู้สึกประหลาดใจเมื่อสังเกตเห็นว่าพระเยซูไม่ได้ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร 39พระเยซูเจ้ากล่าวว่า “เอาล่ะ พวกท่านฟาริสีทำความสะอาดถ้วยชามภายนอก แต่ภายในกลับเต็มด้วยความโลภและความชั่วร้าย 40เจ้าคนเขลา คนที่สร้างภายนอกไม่ได้สร้างภายในด้วยหรือ 41จงให้ทานสงเคราะห์ที่เกิดจากใจและทุกสิ่งก็จะสะอาดสำหรับท่าน
42วิบัติจงเกิดแก่พวกฟาริสี แม้ว่าท่านให้หนึ่งในสิบของสะระแหน่ ขมิ้นและสมุนไพรชนิดอื่นๆ ทุกชนิดแด่พระเจ้า แต่กลับเพิกเฉยต่อความเป็นธรรมและความรักของพระเจ้า สิ่งเหล่านี้ท่านควรกระทำอยู่ก่อนแล้วโดยไม่ละเลยจำนวนหนึ่งในสิบด้วย 43วิบัติจงเกิดแก่พวกฟาริสี เพราะท่านชอบที่นั่งสำหรับคนสำคัญที่สุดในศาลาที่ประชุม และชอบให้คนทักทายแสดงความเคารพในย่านตลาด 44วิบัติจงเกิดแก่ท่าน เพราะท่านเป็นเสมือนหลุมฝังศพที่ไม่มีเครื่องหมายระบุไว้ คนเดินเหยียบไปก็มิอาจทราบได้”
45คนหนึ่งในจำนวนผู้เชี่ยวชาญฝ่ายกฎบัญญัติพูดกับพระองค์ว่า “อาจารย์ ท่านพูดเช่นนี้ท่านก็ดูถูกพวกเราด้วย” 46พระเยซูตอบว่า “และท่านที่เชี่ยวชาญฝ่ายกฎบัญญัติ วิบัติก็จงเกิดแก่ท่าน เพราะท่านให้ผู้คนแบกหามภาระหนัก โดยที่พวกท่านไม่ยอมแม้แต่จะยกนิ้วขึ้นช่วยเขาเลย 47วิบัติจงเกิดแก่ท่าน เพราะท่านสร้างถ้ำเก็บศพให้พวกผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า และบรรพบุรุษของท่านนั่นแหละที่ฆ่าพวกเขา 48ดังนั้นนับได้ว่าท่านเป็นผู้เห็นชอบด้วยกับการกระทำของบรรพบุรุษของท่าน ที่พวกเขาฆ่าบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า และท่านเองก็ได้สร้างถ้ำเก็บศพให้ 49ด้วยเหตุนี้ และด้วยพระปัญญา พระเจ้ากล่าวว่า ‘เราจะส่งพวกผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าและพวกอัครทูตให้คนเหล่านั้น บางคนจะต้องถูกฆ่า บ้างก็จะถูกกดขี่ข่มเหง’ 50ฉะนั้นคนในช่วงกาลเวลานี้จะต้องรับผิดชอบในหยาดโลหิตทุกหยดของผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าทุกท่านที่ได้พลีไว้ ตั้งแต่แรกสร้างโลก 51นับแต่โลหิตของอาเบล#11:51 อาเบล เป็นคนแรกที่ถูกฆ่าในพันธสัญญาเดิม ฉบับปฐมกาล 4:8 จนถึงโลหิตของเศคาริยาห์#11:51 เศคาริยาห์ ปุโรหิตคนนี้เป็นคนสุดท้ายที่ถูกฆ่าในพันธสัญญาเดิม ฉบับ 2 พงศาวดาร 24:20,21 ผู้ถูกสังหารในระหว่างแท่นบูชาและพระตำหนักของพระเจ้า ใช่แล้ว เราขอบอกท่านว่า คนในช่วงกาลเวลานี้จะต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ 52วิบัติจงเกิดแก่ท่านผู้เชี่ยวชาญฝ่ายกฎบัญญัติ เพราะท่านได้เอากุญแจแห่งความรู้ไปเสีย ท่านเองยังไม่ได้เข้าไปและยังขัดขวางไม่ให้ผู้อื่นก้าวเข้าไปเสียด้วย”
53เมื่อพระเยซูเดินออกไป พวกฟาริสีและพวกอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติเริ่มกลุ้มรุมพระองค์ และกระตุ้นให้พระองค์พูดต่อไปอีกหลายเรื่อง 54เพื่อคอยเฝ้าจับผิดจากคำพูดของพระองค์
ที่ได้เลือกล่าสุด:
:
เน้นข้อความ
แบ่งปัน
คัดลอก
ต้องการเน้นข้อความที่บันทึกไว้ตลอดทั้งอุปกรณ์ของคุณหรือไม่? ลงทะเบียน หรือลงชื่อเข้าใช้
New Thai Version Foundation