เยเรมีย์ 32
32
เยเรมีย์ซื้อนาที่อานาโธท
1พระวจนะซึ่งมาจากพระเจ้าถึงเยเรมีย์ในปีที่สิบ แห่งเศเดคียาห์#2 พกษ. 25:1-7กษัตริย์ของยูดาห์ ซึ่งเป็นปีที่สิบแปดของเนบูคัดเนสซาร์ 2ครั้งนั้น กองทัพของกษัตริย์แห่งบาบิโลนกำลัง ล้อมกรุงเยรูซาเล็มอยู่ และเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะถูกขังอยู่ ในบริเวณทหารรักษาพระองค์ ซึ่งอยู่ในพระราชวังของกษัตริย์แห่งยูดาห์ 3เพราะเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ได้จำขังท่านไว้ ตรัสว่า <<ทำไมท่านจึงเผยพระวจนะและกล่าวว่า <พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เราจะให้เมืองนี้ไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลน และเขาจะยึดเมืองนี้ 4เศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์จะหนีไปไม่พ้นจากมือ ของคนเคลเดีย แต่จะถูกมอบไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลนเป็นแน่ และจะได้พูดกันปากต่อปาก และแลเห็นตาต่อตา 5และเขาจะนำเศเดคียาห์ไปยังบาบิโลน และท่านจะอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะไปเยี่ยมท่าน พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ ถ้าเจ้าจะต่อสู้กับชาวเคลเดีย เจ้าจะทำไม่สำเร็จ> >>
6เยเรมีย์ทูลว่า <<พระวจนะของพระเจ้ามายังข้าพระบาทว่า 7ดูเถิด ฮานัมเอลบุตรชัลลูม อาของเจ้าจะมาหาเจ้าและกล่าวว่า <จงซื้อนาของข้าพเจ้าซึ่งอยู่ที่อานาโธท เพราะว่าสิทธิของการไถ่ด้วยการซื้อนั้นเป็นของท่าน> 8แล้วฮานัมเอลลูกพี่ลูกน้องของข้าพเจ้ามาหาข้าพเจ้าที่ บริเวณของทหารรักษาพระองค์ถูกต้องตามพระวจนะของพระเจ้า และพูดกับข้าพเจ้าว่า <จงซื้อนาของข้าพเจ้าซึ่งอยู่ที่อานาโธทในแผ่นดิน เบนยามิน เพราะสิทธิของการถือกรรมสิทธิ์และการไถ่เป็นของท่าน จงซื้อไว้เถิด> แล้วข้าพระบาทจึงทราบว่านี่เป็นพระวจนะของพระเจ้า
9<<และข้าพระบาทก็ซื้อนาที่อานาโธท จากฮานัมเอลลูกพี่ลูกน้องของข้าพระบาท และได้ชั่งเงินให้แก่เขาสิบเจ็ดเชเขล#หน่วยน้ำหนักเงิน ประมาณเท่ากับ 11 กรัมเศษ 10ข้าพระบาทก็ลงนามในโฉนดประทับตราไว้ ได้พยานและเอาตาชั่งชั่งเงิน 11แล้วข้าพระบาทก็รับโฉนดของการซื้อที่ประทับตราแล้ว ซึ่งมีข้อตกลงและเงื่อนไขและฉบับที่เปิดอยู่ 12และข้าพระบาทก็มอบโฉนด ของการซื้อให้แก่บารุคบุตรเนริยาห์ ผู้เป็นบุตรของมาอาเสอาห์ ต่อหน้าฮานัมเอลลูกพี่ลูกน้องของข้าพระบาท ต่อหน้าพยานผู้ที่ลงนามในโฉนดการซื้อ และต่อหน้าพวกยิว ผู้ซึ่งนั่งอยู่ในบริเวณทหารรักษาพระองค์ 13ข้าพระบาทก็กำชับบารุคต่อหน้าเขาทั้งหลายว่า 14<พระเจ้าจอมโยธา พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า จงเอาโฉนดเหล่านี้ไปเสีย ทั้งโฉนดของการซื้อที่ประทับตรากับฉบับที่เปิดนี้ และบรรจุไว้ในภาชนะดินเพื่อจะทนอยู่ได้นาน 15เพราะพระเจ้าจอมโยธาพระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า บ้านเรือนและไร่นาและสวนองุ่นจะมีการซื้อขาย กันอีกในแผ่นดินนี้>
16<<หลังจากที่ข้าพระบาทมอบโฉนดการ ซื้อให้แก่บารุคบุตรเนริยาห์แล้ว ข้าพระบาทได้อธิษฐานต่อพระเจ้าว่า 17<ข้าแต่พระเจ้า คือพระองค์เอง ผู้ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ด้วยฤทธานุภาพใหญ่ยิ่งของพระองค์และ ด้วยพระหัตถ์ซึ่งเหยียดออกของพระองค์ สำหรับพระองค์ไม่มีสิ่งใดที่ยากเกิน 18ผู้ทรงสำแดงความรักมั่นคงต่อคนเป็นพันๆ แต่ทรงตอบสนองความผิดบาปของบิดา ให้ตกถึงลูกหลานสืบต่อมา ข้าแต่พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งและทรงฤทธิ์ พระนามของพระองค์คือพระเยโฮวาห์จอมโยธา 19พระองค์ทรงเป็นใหญ่ในการให้คำปรึกษา ทรงฤทธานุภาพในพระราชกิจ พระเนตรของพระองค์เห็นทุกวิถีทางของมนุษย์ ประทานรางวัลแก่ทุกคนตามพฤติการณ์ ของเขาและตามผลแห่งการกระทำของเขา 20ทรงเป็นผู้สำแดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ในแผ่นดินอียิปต์ และจนถึงสมัยนี้ก็ทรงสำแดงในอิสราเอล และท่ามกลางมนุษยชน และทรงทำให้พระนามเลื่องลือไปอย่างทุกวันนี้ 21พระองค์ได้ทรงนำอิสราเอล ประชากรของพระองค์ออกจากแผ่นดินอียิปต์ ด้วยหมายสำคัญและการอัศจรรย์ และด้วยพระหัตถ์เข้มแข็งและพระกรที่เหยียด ออกและด้วยความสยดสยองยิ่งนัก 22และพระองค์ประทานแผ่นดินนี้แก่เขาทั้งหลาย ซึ่งพระองค์ทรงปฏิญาณแก่บรรพบุรุษของเขา ทั้งหลายว่าจะประทานแก่เขา คือแผ่นดินซึ่งมีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ 23และเขาทั้งหลายก็ได้เข้าไปและถือกรรมสิทธิ์แผ่นดินนั้น แต่เขาทั้งหลายมิได้เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ หรือดำเนินตามพระธรรมของพระองค์ สิ่งซึ่งพระองค์ทรงบัญชาเขาให้กระทำนั้น เขาทั้งหลายมิได้กระทำเสียเลย เพราะฉะนั้นพระองค์ทรงกระทำให้เหตุร้ายทั้งสิ้นนี้ มาถึงเขาทั้งหลาย 24ดูเถิด เชิงเทินที่ล้อมอยู่ได้มาถึงกรุงเพื่อจะยึดเอาแล้ว และเพราะเหตุด้วยดาบ การกันดารอาหาร และโรคระบาด เมืองนี้ก็ได้ถูกมอบไว้ในมือของคน เคลเดียผู้กำลังต่อสู้อยู่นั้นแล้ว พระองค์ตรัสสิ่งใดก็เป็นไปอย่างนั้นแล้ว และดูเถิด พระองค์ทอดพระเนตรเห็น 25ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ยังตรัสแก่ข้าพระองค์ว่า <<จงเอาเงินซื้อนาและหาพยานเสีย>> แม้ว่าเมืองนั้นจะถูกมอบไว้ในมือของคนเคลเดีย> >>
26พระวจนะของพระเจ้ามายังเยเรมีย์ว่า 27<<ดูเถิด เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของบรรดามนุษย์และสัตว์ทั้งสิ้น สำหรับเรามีสิ่งใดที่ยากเกินหรือ 28เพราะฉะนั้นพระเจ้าตรัสดังนี้ว่าดูเถิด เราจะมอบเมืองนี้ไว้ในมือของชาวเคลเดีย และในมือของเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่ง บาบิโลนและเขาจะยืดเอาแน่#2 พกษ. 25:1-11; 2 พศด. 36:17-21 29ชาวเคลเดียผู้ต่อสู้กับเมืองนี้ จะมาเผาเมืองนี้เสียด้วยไฟให้ไหม้หมด ทั้งบรรดาบ้านที่เขาเผาเครื่องถวายพระบาอัลที่บนหลังคา และเทเครื่องดื่มบูชาถวายแก่พระอื่น เพื่อยั่วเย้าเราให้กริ้ว 30เพราะพงศ์พันธุ์ของอิสราเอลและพงศ์พันธุ์ของ ยูดาห์ไม่ได้กระทำอะไรเลย นอกจากความชั่วในสายตาของเราตั้งแต่หนุ่มๆมา พระเจ้าตรัสว่า พงศ์พันธุ์อิสราเอลไม่ได้กระทำอะไรเลยนอกจากยั่วเย้า เราให้กริ้วด้วยผลงานแห่งมือของเขา 31เมืองนี้ได้เร้าความกริ้วและความพิโรธของเรา ตั้งแต่วันที่ได้สร้างมันขึ้นจนถึงวันนี้ เพราะฉะนั้นเราจะถอนออกไปเสียจากสายตาของเรา 32เพราะว่าความชั่วทั้งสิ้นของพงศ์พันธุ์อิสราเอล และพงศ์พันธุ์ยูดาห์ซึ่งเขาได้กระทำอันยั่วเย้าให้โกรธ คือทั้งตัวเขา บรรดากษัตริย์และเจ้านายของเขา บรรดาปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะของเขา คนยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็ม 33เขาทั้งหลายได้หันหลังให้เรา มิใช่หันหน้า แม้ว่าเราได้สอนเขาอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง เขาก็มิได้ฟังที่จะรับคำสั่งสอนของเรา 34แต่เขาทั้งหลายได้ตั้งสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนของเขาไว้ในนิเวศ ซึ่งเรียกตามชื่อของเรากระทำให้มี มลทิน#2 พกษ. 23:10; ยรม. 7:30-31; 19:1-6 35เขาทั้งหลายได้สร้างปูชนียสถานสูง สำหรับพระบาอัลในหุบเขาแห่งบุตรชาย ฮินโนม#2 พกษ. 23:10; ยรม. 7:31 เพื่อถวายบุตรชายและบุตรหญิงของเขา แก่พระโมเลค#ลนต. 18:21 โดยให้ลุยไฟ แม้ว่าเรามิได้บัญชาเขา หรือมีอยู่ในจิตใจของเราว่า เขาควรจะกระทำสิ่งน่าเกลียดน่าชังเพื่อให้ยูดาห์ผิดบาป
36<<เพราะฉะนั้นพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสเกี่ยวกับเมืองนี้แก่เจ้าทั้งหลายว่า <เมืองนี้ได้ถูกยกให้ไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลน ด้วยดาบ ด้วยการกันดารอาหาร และด้วยโรคระบาด> 37ดูเถิด เราจะรวบรวมเขามาจากประเทศทั้งปวง ซึ่งเราได้ขับไล่เขาให้ไปอยู่ ด้วยความกริ้ว ด้วยความพิโรธ และความขึ้งโกรธของเรานั้น เราจะนำเขาทั้งหลายกลับมายังที่นี้ และจะกระทำให้เขาอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย 38เขาทั้งหลายจะเป็นประชากรของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา 39เราจะให้ใจเดียวและทางเดียวแก่เขา เพื่อเขาจะยำเกรงเราอยู่เป็นนิตย์ เพื่อเป็นประโยชน์แก่เขาและแก่ลูกหลานของเขาที่ตามเขามา 40เราจะกระทำพันธสัญญานิรันดร์กับเขาทั้งหลาย อันว่าเราจะไม่หันจากการกระทำความดีแก่เขาทั้งหลาย และเราจะบรรจุความยำเกรงเราไว้ในใจของเขาทั้งหลาย เพื่อว่าเขาจะมิได้หันไปจากเรา 41เออ เราจะเปรมปรีดิ์ในการที่จะกระทำความดีแก่เขา และเราจะปลูกเขาไว้ในแผ่นดินนี้ด้วยความหมั่นมั่น ด้วยสุดใจของเราและสุดจิตของเรา
42<<เพราะพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า เราได้นำเอาความร้ายยิ่งใหญ่มาเหนือชนชาตินี้ฉันใด เราก็จะนำความดีทั้งสิ้นซึ่งเราได้สัญญาไว้นั้นมา เหนือเขาฉันนั้น 43เขาจะซื้อขายนากันในแผ่นดิน ซึ่งเจ้ากล่าวถึงว่าเป็นที่ร้างเปล่าไม่มีมนุษย์หรือสัตว์ ถูกมอบไว้ในมือของคนเคลเดีย 44ที่นานั้นจะซื้อกันด้วยเงิน ใบโฉนดก็จะต้องลงนามและประทับตรา และลงนามพยาน ที่ในแผ่นดินของเบนยามิน ในที่ต่างๆ แถบกรุงเยรูซาเล็ม และในหัวเมืองยูดาห์ ในหัวเมืองแถบแดนเมืองเทือกเขา ในหัวเมืองแถบเนินเชเฟลาห์และในหัวเมืองแถบเนเกบ เพราะเราจะให้เขาทั้งหลายกลับสู่สภาพเดิม>> พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ
ที่ได้เลือกล่าสุด:
เยเรมีย์ 32: TH1971
เน้นข้อความ
แบ่งปัน
คัดลอก
ต้องการเน้นข้อความที่บันทึกไว้ตลอดทั้งอุปกรณ์ของคุณหรือไม่? ลงทะเบียน หรือลงชื่อเข้าใช้
เยเรมีย์ 32
32
เยเรมีย์ซื้อนาที่อานาโธท
1พระวจนะซึ่งมาจากพระเจ้าถึงเยเรมีย์ในปีที่สิบ แห่งเศเดคียาห์#2 พกษ. 25:1-7กษัตริย์ของยูดาห์ ซึ่งเป็นปีที่สิบแปดของเนบูคัดเนสซาร์ 2ครั้งนั้น กองทัพของกษัตริย์แห่งบาบิโลนกำลัง ล้อมกรุงเยรูซาเล็มอยู่ และเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะถูกขังอยู่ ในบริเวณทหารรักษาพระองค์ ซึ่งอยู่ในพระราชวังของกษัตริย์แห่งยูดาห์ 3เพราะเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ได้จำขังท่านไว้ ตรัสว่า <<ทำไมท่านจึงเผยพระวจนะและกล่าวว่า <พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เราจะให้เมืองนี้ไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลน และเขาจะยึดเมืองนี้ 4เศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์จะหนีไปไม่พ้นจากมือ ของคนเคลเดีย แต่จะถูกมอบไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลนเป็นแน่ และจะได้พูดกันปากต่อปาก และแลเห็นตาต่อตา 5และเขาจะนำเศเดคียาห์ไปยังบาบิโลน และท่านจะอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะไปเยี่ยมท่าน พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ ถ้าเจ้าจะต่อสู้กับชาวเคลเดีย เจ้าจะทำไม่สำเร็จ> >>
6เยเรมีย์ทูลว่า <<พระวจนะของพระเจ้ามายังข้าพระบาทว่า 7ดูเถิด ฮานัมเอลบุตรชัลลูม อาของเจ้าจะมาหาเจ้าและกล่าวว่า <จงซื้อนาของข้าพเจ้าซึ่งอยู่ที่อานาโธท เพราะว่าสิทธิของการไถ่ด้วยการซื้อนั้นเป็นของท่าน> 8แล้วฮานัมเอลลูกพี่ลูกน้องของข้าพเจ้ามาหาข้าพเจ้าที่ บริเวณของทหารรักษาพระองค์ถูกต้องตามพระวจนะของพระเจ้า และพูดกับข้าพเจ้าว่า <จงซื้อนาของข้าพเจ้าซึ่งอยู่ที่อานาโธทในแผ่นดิน เบนยามิน เพราะสิทธิของการถือกรรมสิทธิ์และการไถ่เป็นของท่าน จงซื้อไว้เถิด> แล้วข้าพระบาทจึงทราบว่านี่เป็นพระวจนะของพระเจ้า
9<<และข้าพระบาทก็ซื้อนาที่อานาโธท จากฮานัมเอลลูกพี่ลูกน้องของข้าพระบาท และได้ชั่งเงินให้แก่เขาสิบเจ็ดเชเขล#หน่วยน้ำหนักเงิน ประมาณเท่ากับ 11 กรัมเศษ 10ข้าพระบาทก็ลงนามในโฉนดประทับตราไว้ ได้พยานและเอาตาชั่งชั่งเงิน 11แล้วข้าพระบาทก็รับโฉนดของการซื้อที่ประทับตราแล้ว ซึ่งมีข้อตกลงและเงื่อนไขและฉบับที่เปิดอยู่ 12และข้าพระบาทก็มอบโฉนด ของการซื้อให้แก่บารุคบุตรเนริยาห์ ผู้เป็นบุตรของมาอาเสอาห์ ต่อหน้าฮานัมเอลลูกพี่ลูกน้องของข้าพระบาท ต่อหน้าพยานผู้ที่ลงนามในโฉนดการซื้อ และต่อหน้าพวกยิว ผู้ซึ่งนั่งอยู่ในบริเวณทหารรักษาพระองค์ 13ข้าพระบาทก็กำชับบารุคต่อหน้าเขาทั้งหลายว่า 14<พระเจ้าจอมโยธา พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า จงเอาโฉนดเหล่านี้ไปเสีย ทั้งโฉนดของการซื้อที่ประทับตรากับฉบับที่เปิดนี้ และบรรจุไว้ในภาชนะดินเพื่อจะทนอยู่ได้นาน 15เพราะพระเจ้าจอมโยธาพระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า บ้านเรือนและไร่นาและสวนองุ่นจะมีการซื้อขาย กันอีกในแผ่นดินนี้>
16<<หลังจากที่ข้าพระบาทมอบโฉนดการ ซื้อให้แก่บารุคบุตรเนริยาห์แล้ว ข้าพระบาทได้อธิษฐานต่อพระเจ้าว่า 17<ข้าแต่พระเจ้า คือพระองค์เอง ผู้ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ด้วยฤทธานุภาพใหญ่ยิ่งของพระองค์และ ด้วยพระหัตถ์ซึ่งเหยียดออกของพระองค์ สำหรับพระองค์ไม่มีสิ่งใดที่ยากเกิน 18ผู้ทรงสำแดงความรักมั่นคงต่อคนเป็นพันๆ แต่ทรงตอบสนองความผิดบาปของบิดา ให้ตกถึงลูกหลานสืบต่อมา ข้าแต่พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งและทรงฤทธิ์ พระนามของพระองค์คือพระเยโฮวาห์จอมโยธา 19พระองค์ทรงเป็นใหญ่ในการให้คำปรึกษา ทรงฤทธานุภาพในพระราชกิจ พระเนตรของพระองค์เห็นทุกวิถีทางของมนุษย์ ประทานรางวัลแก่ทุกคนตามพฤติการณ์ ของเขาและตามผลแห่งการกระทำของเขา 20ทรงเป็นผู้สำแดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ในแผ่นดินอียิปต์ และจนถึงสมัยนี้ก็ทรงสำแดงในอิสราเอล และท่ามกลางมนุษยชน และทรงทำให้พระนามเลื่องลือไปอย่างทุกวันนี้ 21พระองค์ได้ทรงนำอิสราเอล ประชากรของพระองค์ออกจากแผ่นดินอียิปต์ ด้วยหมายสำคัญและการอัศจรรย์ และด้วยพระหัตถ์เข้มแข็งและพระกรที่เหยียด ออกและด้วยความสยดสยองยิ่งนัก 22และพระองค์ประทานแผ่นดินนี้แก่เขาทั้งหลาย ซึ่งพระองค์ทรงปฏิญาณแก่บรรพบุรุษของเขา ทั้งหลายว่าจะประทานแก่เขา คือแผ่นดินซึ่งมีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ 23และเขาทั้งหลายก็ได้เข้าไปและถือกรรมสิทธิ์แผ่นดินนั้น แต่เขาทั้งหลายมิได้เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ หรือดำเนินตามพระธรรมของพระองค์ สิ่งซึ่งพระองค์ทรงบัญชาเขาให้กระทำนั้น เขาทั้งหลายมิได้กระทำเสียเลย เพราะฉะนั้นพระองค์ทรงกระทำให้เหตุร้ายทั้งสิ้นนี้ มาถึงเขาทั้งหลาย 24ดูเถิด เชิงเทินที่ล้อมอยู่ได้มาถึงกรุงเพื่อจะยึดเอาแล้ว และเพราะเหตุด้วยดาบ การกันดารอาหาร และโรคระบาด เมืองนี้ก็ได้ถูกมอบไว้ในมือของคน เคลเดียผู้กำลังต่อสู้อยู่นั้นแล้ว พระองค์ตรัสสิ่งใดก็เป็นไปอย่างนั้นแล้ว และดูเถิด พระองค์ทอดพระเนตรเห็น 25ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ยังตรัสแก่ข้าพระองค์ว่า <<จงเอาเงินซื้อนาและหาพยานเสีย>> แม้ว่าเมืองนั้นจะถูกมอบไว้ในมือของคนเคลเดีย> >>
26พระวจนะของพระเจ้ามายังเยเรมีย์ว่า 27<<ดูเถิด เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของบรรดามนุษย์และสัตว์ทั้งสิ้น สำหรับเรามีสิ่งใดที่ยากเกินหรือ 28เพราะฉะนั้นพระเจ้าตรัสดังนี้ว่าดูเถิด เราจะมอบเมืองนี้ไว้ในมือของชาวเคลเดีย และในมือของเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่ง บาบิโลนและเขาจะยืดเอาแน่#2 พกษ. 25:1-11; 2 พศด. 36:17-21 29ชาวเคลเดียผู้ต่อสู้กับเมืองนี้ จะมาเผาเมืองนี้เสียด้วยไฟให้ไหม้หมด ทั้งบรรดาบ้านที่เขาเผาเครื่องถวายพระบาอัลที่บนหลังคา และเทเครื่องดื่มบูชาถวายแก่พระอื่น เพื่อยั่วเย้าเราให้กริ้ว 30เพราะพงศ์พันธุ์ของอิสราเอลและพงศ์พันธุ์ของ ยูดาห์ไม่ได้กระทำอะไรเลย นอกจากความชั่วในสายตาของเราตั้งแต่หนุ่มๆมา พระเจ้าตรัสว่า พงศ์พันธุ์อิสราเอลไม่ได้กระทำอะไรเลยนอกจากยั่วเย้า เราให้กริ้วด้วยผลงานแห่งมือของเขา 31เมืองนี้ได้เร้าความกริ้วและความพิโรธของเรา ตั้งแต่วันที่ได้สร้างมันขึ้นจนถึงวันนี้ เพราะฉะนั้นเราจะถอนออกไปเสียจากสายตาของเรา 32เพราะว่าความชั่วทั้งสิ้นของพงศ์พันธุ์อิสราเอล และพงศ์พันธุ์ยูดาห์ซึ่งเขาได้กระทำอันยั่วเย้าให้โกรธ คือทั้งตัวเขา บรรดากษัตริย์และเจ้านายของเขา บรรดาปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะของเขา คนยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็ม 33เขาทั้งหลายได้หันหลังให้เรา มิใช่หันหน้า แม้ว่าเราได้สอนเขาอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง เขาก็มิได้ฟังที่จะรับคำสั่งสอนของเรา 34แต่เขาทั้งหลายได้ตั้งสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนของเขาไว้ในนิเวศ ซึ่งเรียกตามชื่อของเรากระทำให้มี มลทิน#2 พกษ. 23:10; ยรม. 7:30-31; 19:1-6 35เขาทั้งหลายได้สร้างปูชนียสถานสูง สำหรับพระบาอัลในหุบเขาแห่งบุตรชาย ฮินโนม#2 พกษ. 23:10; ยรม. 7:31 เพื่อถวายบุตรชายและบุตรหญิงของเขา แก่พระโมเลค#ลนต. 18:21 โดยให้ลุยไฟ แม้ว่าเรามิได้บัญชาเขา หรือมีอยู่ในจิตใจของเราว่า เขาควรจะกระทำสิ่งน่าเกลียดน่าชังเพื่อให้ยูดาห์ผิดบาป
36<<เพราะฉะนั้นพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสเกี่ยวกับเมืองนี้แก่เจ้าทั้งหลายว่า <เมืองนี้ได้ถูกยกให้ไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลน ด้วยดาบ ด้วยการกันดารอาหาร และด้วยโรคระบาด> 37ดูเถิด เราจะรวบรวมเขามาจากประเทศทั้งปวง ซึ่งเราได้ขับไล่เขาให้ไปอยู่ ด้วยความกริ้ว ด้วยความพิโรธ และความขึ้งโกรธของเรานั้น เราจะนำเขาทั้งหลายกลับมายังที่นี้ และจะกระทำให้เขาอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย 38เขาทั้งหลายจะเป็นประชากรของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา 39เราจะให้ใจเดียวและทางเดียวแก่เขา เพื่อเขาจะยำเกรงเราอยู่เป็นนิตย์ เพื่อเป็นประโยชน์แก่เขาและแก่ลูกหลานของเขาที่ตามเขามา 40เราจะกระทำพันธสัญญานิรันดร์กับเขาทั้งหลาย อันว่าเราจะไม่หันจากการกระทำความดีแก่เขาทั้งหลาย และเราจะบรรจุความยำเกรงเราไว้ในใจของเขาทั้งหลาย เพื่อว่าเขาจะมิได้หันไปจากเรา 41เออ เราจะเปรมปรีดิ์ในการที่จะกระทำความดีแก่เขา และเราจะปลูกเขาไว้ในแผ่นดินนี้ด้วยความหมั่นมั่น ด้วยสุดใจของเราและสุดจิตของเรา
42<<เพราะพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า เราได้นำเอาความร้ายยิ่งใหญ่มาเหนือชนชาตินี้ฉันใด เราก็จะนำความดีทั้งสิ้นซึ่งเราได้สัญญาไว้นั้นมา เหนือเขาฉันนั้น 43เขาจะซื้อขายนากันในแผ่นดิน ซึ่งเจ้ากล่าวถึงว่าเป็นที่ร้างเปล่าไม่มีมนุษย์หรือสัตว์ ถูกมอบไว้ในมือของคนเคลเดีย 44ที่นานั้นจะซื้อกันด้วยเงิน ใบโฉนดก็จะต้องลงนามและประทับตรา และลงนามพยาน ที่ในแผ่นดินของเบนยามิน ในที่ต่างๆ แถบกรุงเยรูซาเล็ม และในหัวเมืองยูดาห์ ในหัวเมืองแถบแดนเมืองเทือกเขา ในหัวเมืองแถบเนินเชเฟลาห์และในหัวเมืองแถบเนเกบ เพราะเราจะให้เขาทั้งหลายกลับสู่สภาพเดิม>> พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ
ที่ได้เลือกล่าสุด:
:
เน้นข้อความ
แบ่งปัน
คัดลอก
ต้องการเน้นข้อความที่บันทึกไว้ตลอดทั้งอุปกรณ์ของคุณหรือไม่? ลงทะเบียน หรือลงชื่อเข้าใช้