1 ทิโมธี 5:1-21
1 ทิโมธี 5:1-21 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
ในการตักเตือนนั้น อย่าตำหนิชายผู้มีอาวุโส แต่จงขอร้องเขาเสมือนเป็นบิดา จงถือว่าคนหนุ่มๆทั้งหลายเป็นเสมือนพี่หรือน้อง และผู้หญิงผู้มีอาวุโสเป็นเสมือนมารดา และส่วนหญิงสาวๆก็ให้เป็นเสมือนพี่สาวน้องสาว มีใจบริสุทธิ์ต่อเขา จงให้เกียรติแก่แม่ม่ายไร้ที่พึ่ง ถ้าแม่ม่ายคนใดมีลูกหลาน ก็ให้ลูกหลานนั้นหัดปฏิบัติหน้าที่ทางศาสนา โดยปฏิบัติกับครอบครัวของตนก่อน และให้ตอบแทนคุณบิดามารดา เพราะว่าการกระทำเช่นนี้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ฝ่ายผู้หญิงที่เป็นแม่ม่ายไร้ที่พึ่ง และอยู่แต่ลำพังผู้เดียวนั้นก็ย่อมมอบความหวังไว้กับพระเจ้า และวิงวอนอธิษฐานทั้งกลางวันกลางคืนไม่ขาด ส่วนผู้หญิงที่ปล่อยตัวนั้นก็ตายทั้งเป็น จงกำชับข้อนี้ เพื่อเขาจะไม่ถูกตำหนิ ถ้าแม้ผู้ใดไม่เลี้ยงดูวงศ์ญาติของตน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในบ้านเรือนของตน ผู้นั้นก็ได้ปฏิเสธพระศาสนาเสียแล้ว และชั่วยิ่งกว่าคนที่ไม่ได้เชื่อเสียอีก อย่าให้แม่ม่ายคนใดที่อายุต่ำกว่าหกสิบปี หรือผู้ที่ได้ทำการสมรสมากกว่าหนึ่งครั้ง ลงชื่อในทะเบียนแม่ม่าย และจะต้องเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าได้กระทำดี เช่นได้เอาใจใส่เลี้ยงดูลูก ได้มีน้ำใจรับรองแขก ได้ล้างเท้าธรรมิกชน ได้สงเคราะห์คนที่มีความทุกข์ยากและได้บำเพ็ญคุณความดี แต่แม่ม่ายสาวๆนั้น อย่ารับขึ้นทะเบียน เพราะว่าเมื่อเขาหลงระเริงห่างจากพระคริสต์ไปแล้ว ก็ใคร่จะสมรสอีก เขาจะต้องถูกตำหนิ เพราะเขาได้ละเมิดคำปฏิญาณเดิมของเขา นอกจากนั้นเขาก็จะกลายเป็นคนเกียจคร้าน เที่ยวไปบ้านนี้บ้านนั้น และมิใช่แต่เกียจคร้านเท่านั้น แต่ปากบอนด้วย และเที่ยวยุ่งกับเรื่องของผู้อื่น พูดสิ่งซึ่งไม่ควรจะพูด เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าปรารถนาให้พวกแม่ม่ายสาวๆนั้นมีสามี มีบุตรและดูแลบ้านเรือน เพื่อมิให้ศัตรูมีช่องทางนินทาได้ ด้วยว่ามีบางคนได้หลงตามพญามารไปแล้ว ถ้าหญิงผู้มีความเชื่อคนใดมีญาติพี่น้องที่เป็นแม่ม่าย ก็ให้เขาช่วยเลี้ยงดู อย่าให้เป็นภาระของคริสตจักรเลย เพื่อคริสตจักรจะได้สงเคราะห์คนที่เป็นแม่ม่ายไร้ที่พึ่งจริงๆ จงถือว่าผู้ปกครองที่ปกครองดีนั้นสมควรได้รับเกียรติสองเท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ปกครองที่เทศนาและสั่งสอน เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า อย่าเอาตะกร้อครอบปากวัว เมื่อมันกำลังนวดข้าวอยู่ และ คนงานสมควรจะได้รับค่าจ้างของตน อย่ายอมรับคำกล่าวหาผู้ปกครองคนใด เว้นเสียแต่จะมีพยานสองสามคน สำหรับผู้ที่ยังคงกระทำบาป จงว่ากล่าวเขาต่อหน้าคนทั้งปวง เพื่อผู้อื่นจะได้เกรงกลัว ข้าพเจ้ากำชับท่านต่อพระพักตร์พระเจ้า พระเยซูคริสต์ และเหล่าทูตสวรรค์ที่ทรงเลือกไว้แล้วนั้น ให้ท่านรักษาระเบียบเหล่านี้ไว้โดยไม่เห็นแก่หน้าผู้ใด และไม่กระทำการใดๆด้วยใจลำเอียง
1 ทิโมธี 5:1-21 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
อย่าด่าว่าคนที่สูงอายุ แต่ให้เตือนเหมือนคนๆนั้นเป็นพ่อ ส่วนพวกหนุ่มๆก็ให้เตือนเหมือนพวกเขาเป็นพี่น้อง ส่วนหญิงสูงอายุก็ให้เตือนเหมือนเธอเป็นแม่ ส่วนสาวๆ ก็ให้เตือนเหมือนพวกเธอเป็นพี่น้อง ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ให้เกียรติพวกแม่ม่ายที่ไม่มีญาติพี่น้อง แต่ถ้าแม่ม่ายคนไหนมีลูกหรือหลาน ให้ลูกหลานพวกนั้นเรียนรู้ที่จะทำตามศาสนาคือ ให้ดูแลครอบครัวของพวกเขา ซึ่งเป็นการตอบแทนบุญคุณผู้ที่เลี้ยงดูเขามา เพราะพระเจ้าชอบให้ทำอย่างนี้ ส่วนแม่ม่ายที่ถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียว เขาฝากความหวังไว้กับพระเจ้าและอธิษฐานอ้อนวอนทั้งวันทั้งคืน แต่แม่ม่ายที่ปล่อยตัวปล่อยใจก็ถือว่าตายทั้งเป็นแล้ว ให้สั่งเรื่องเหล่านี้ด้วย จะได้ไม่มีใครโดนตำหนิ แต่ถ้ามีใครไม่ยอมเลี้ยงดูญาติพี่น้องโดยเฉพาะครอบครัวของตัวเอง เขาก็ได้ทิ้งความเชื่อแล้ว และแย่ยิ่งกว่าคนที่ไม่เชื่อเสียอีก ส่วนแม่ม่ายที่จะขึ้นทะเบียนแม่ม่ายที่หมู่ประชุมสนับสนุนได้นั้น จะต้องมีอายุไม่น้อยกว่าหกสิบปี มีสามีเพียงคนเดียว ต้องมีชื่อเสียงดีในหลายด้าน เช่น เคยเลี้ยงดูลูกๆ เคยต้อนรับแขกแปลกหน้า เคยล้างเท้าให้กับคนเหล่านั้นที่เป็นของพระเจ้า เคยช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก และทุ่มเทในการทำความดีทุกอย่าง แต่อย่าให้แม่ม่ายที่ยังสาวๆอยู่ ขึ้นทะเบียนแม่ม่ายเลย เพราะเมื่อพวกเธอได้อุทิศตัวให้กับพระคริสต์แล้ว แต่เกิดราคะตัณหาขึ้นมาอยากจะแต่งงานใหม่อีก ก็จะถูกประณามได้ว่าผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับพระเจ้าตั้งแต่แรก นอกจากนั้น ยังจะทำให้พวกเธอเป็นคนขี้เกียจสันหลังยาว เที่ยวไปบ้านโน้นบ้านนี้ ไม่ใช่แต่จะขี้เกียจเท่านั้น แต่ยังชอบนินทา ยุ่งเรื่องของชาวบ้านอีกด้วย และชอบพูดในเรื่องที่ไม่ควรพูด ดังนั้น ผมจึงอยากให้แม่ม่ายที่ยังสาวนั้นแต่งงานใหม่และมีลูกเสีย และดูแลบ้านเรือนของพวกเธอเพื่อไม่ให้คนที่ต่อต้านเราตำหนิได้ ที่ผมพูดอย่างนี้เพราะมีแม่ม่ายบางคนได้หันตามซาตานไปแล้ว ถ้าผู้หญิงคนไหนที่เป็นผู้เชื่อ และมีญาติพี่น้องเป็นแม่ม่าย ก็ขอให้เขาช่วยเหลือญาติพวกนั้นด้วย จะได้ไม่เป็นภาระให้กับหมู่ประชุมของพระเจ้า เพื่อหมู่ประชุมนั้นจะได้ไปช่วยเหลือแม่ม่ายที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ผู้นำอาวุโสที่เป็นผู้นำที่ดีนั้น สมควรจะได้รับเกียรติเป็นสองเท่า โดยเฉพาะคนที่ทุ่มเทให้กับการเทศนาและสั่งสอน เพราะมีข้อพระคัมภีร์พูดไว้ว่า “อย่าเอาตะกร้อครอบปากวัว ขณะที่มันกำลังนวดข้าว” และ “คนงานก็สมควรจะได้รับค่าจ้างของตน” ถ้ามีใครมากล่าวหาผู้นำอาวุโสก็อย่าเพิ่งเชื่อ นอกจากจะมีพยานสองสามคนยืนยัน ถ้าผู้นำอาวุโสนั้นยังคงทำบาปต่อไป ให้ประณามเขาต่อหน้าคนทั้งหมู่ประชุมของพระเจ้า เพื่อคนอื่นๆจะได้กลัว ผมขอสั่งอย่างเด็ดขาดต่อหน้าพระเจ้า พระเยซูคริสต์และพวกทูตสวรรค์ที่พระองค์ได้เลือกไว้ว่า คุณจะต้องรักษาและทำตามสิ่งเหล่านี้โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชังและไม่เล่นพรรคเล่นพวก
1 ทิโมธี 5:1-21 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
อย่าต่อว่าผู้ชายอาวุโส แต่จงขอร้องเขาเป็นเหมือนบิดา จงถือว่าพวกชายหนุ่มเป็นเหมือนพี่หรือน้อง และบรรดาผู้หญิงอาวุโสเป็นเหมือนมารดา ส่วนพวกหญิงสาวก็เป็นเหมือนพี่สาวน้องสาว ด้วยความบริสุทธิ์ใจที่สุด จงให้เกียรติแก่บรรดาแม่ม่ายไร้ที่พึ่ง ถ้าแม่ม่ายคนไหนมีลูกหรือหลาน ก็ให้เขาทั้งหลายเรียนรู้การทำหน้าที่ในทางพระเจ้าต่อครอบครัวของตนก่อน และให้ตอบแทนคุณบิดามารดา เพราะว่าการกระทำเช่นนี้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ส่วนผู้หญิงที่เป็นแม่ม่ายไร้ที่พึ่งและอยู่ตามลำพังย่อมหวังในพระเจ้า เฝ้าวิงวอนและอธิษฐานทั้งกลางวันกลางคืนไม่หยุดหย่อน แต่หญิงม่ายที่ปล่อยตัวนั้นก็เหมือนกับตายแล้วแม้ยังเป็นอยู่ จงกำชับในเรื่องเหล่านี้ เพื่อเขาจะไม่ถูกตำหนิ ถ้าใครไม่เลี้ยงดูญาติพี่น้อง และโดยเฉพาะคนในครอบครัวแล้ว คนนั้นก็ปฏิเสธความเชื่อ และชั่วยิ่งกว่าคนที่ไม่เชื่อเสียอีก จงให้แม่ม่ายที่มีอายุไม่ต่ำกว่าหกสิบปี และเคยแต่งงานเพียงครั้งเดียว ลงชื่อในทะเบียน นางต้องมีชื่อเสียงในการทำความดี เช่นเอาใจใส่เลี้ยงดูลูก มีน้ำใจรับรองแขก ล้างเท้าของธรรมิกชนทั้งหลาย สงเคราะห์คนทุกข์ยากและอุทิศตัวในการทำดีทุกอย่าง แต่พวกแม่ม่ายสาวๆ นั้น อย่ารับขึ้นทะเบียน เพราะว่าเมื่อไรที่ความอยากชักนำให้ห่างจากพระคริสต์ไป พวกนางก็อยากจะแต่งงานอีก นางจึงมีโทษ เพราะละเมิดคำปฏิญาณเดิมนั้น นอกจากนี้พวกนางยังทำตัวเป็นคนเกียจคร้าน ชอบแวะเวียนไปตามบ้านต่างๆ และไม่ใช่เพียงแต่เกียจคร้านเท่านั้น แต่ยังชอบนินทาด้วย และเที่ยวยุ่งเรื่องของคนอื่น พูดในสิ่งที่ไม่สมควรจะพูด เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงอยากให้บรรดาแม่ม่ายสาวๆ นั้นมีสามี มีบุตรธิดาและดูแลบ้านเรือน เพื่อไม่ให้ศัตรูมีช่องทางกล่าวร้ายได้ เพราะมีบางคนหลงตามซาตานไปแล้ว ถ้าหญิงที่มีความเชื่อคนไหนมีญาติพี่น้องที่เป็นแม่ม่าย ก็ให้เธอช่วยเลี้ยงดูพวกนาง และอย่าให้เป็นภาระของคริสตจักรเลย เพื่อคริสตจักรจะได้สงเคราะห์พวกที่เป็นแม่ม่ายไร้ที่พึ่งจริงๆ จงถือว่าผู้ปกครองทั้งหลายที่ปกครองดีนั้นสมควรได้รับเกียรติเป็นสองเท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาผู้ปกครองที่ตรากตรำในการเทศนาและสั่งสอน เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า “อย่าเอาตะกร้อครอบปากวัวขณะที่มันกำลังนวดข้าวอยู่” และ “คนงานก็สมควรจะได้รับค่าจ้างของตน” อย่ายอมรับคำกล่าวหาผู้ปกครองคนไหน เว้นแต่จะมีพยานสองสามคน ส่วนพวกที่ยังคงทำบาปอยู่นั้น จงตักเตือนเขาทั้งหลายต่อหน้าทุกคน เพื่อพวกที่เหลือจะได้เกรงกลัวด้วย ข้าพเจ้ากำชับท่านเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและพระเยซูคริสต์ และต่อหน้าบรรดาทูตสวรรค์ที่ทรงเลือกไว้ว่า จงรักษาระเบียบเหล่านี้ไว้โดยไม่ต้องเห็นแก่หน้าใคร และไม่ควรทำสิ่งใดๆ ด้วยใจลำเอียง
1 ทิโมธี 5:1-21 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
อย่าพูดสบประมาทคนมีอาวุโส แต่จงตักเตือนเขาเสมือนเป็นบิดา และคนหนุ่มๆทั้งหลายเป็นเสมือนพี่หรือน้อง และผู้หญิงผู้มีอาวุโสเป็นเสมือนมารดา และส่วนหญิงสาวๆก็ให้เป็นเสมือนพี่สาวน้องสาว ด้วยความบริสุทธิ์ทั้งหมด จงให้เกียรติแก่แม่ม่ายไร้ที่พึ่ง แต่ถ้าแม่ม่ายคนใดมีลูกหลานก็ให้ลูกหลานนั้นเรียนเพื่อให้รู้จักที่จะปฏิบัติกับครอบครัวของตนก่อน และให้ตอบแทนคุณบิดามารดาของตน เพราะว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการดีและเป็นที่ชอบต่อพระพักตร์พระเจ้า ฝ่ายผู้หญิงที่เป็นแม่ม่ายอย่างแท้จริง และอยู่ตามลำพังแต่ผู้เดียวนั้น จงวางใจในพระเจ้า และดำรงอยู่ในการวิงวอนและการอธิษฐานทั้งกลางคืนและกลางวัน ส่วนผู้หญิงที่ปล่อยตัวในการสนุกสนานนั้น ก็ตายแล้วทั้งเป็นๆอยู่ จงกำชับข้อความเหล่านี้ เพื่อเขาจะไม่ถูกตำหนิ แต่ถ้าแม้ผู้ใดไม่เลี้ยงดูวงศ์ญาติของตน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในบ้านเรือนของตน ผู้นั้นก็ได้ปฏิเสธความเชื่อเสียแล้ว และชั่วยิ่งกว่าคนที่ไม่ได้เชื่อเสียอีก อย่าให้แม่ม่ายคนใดที่อายุต่ำกว่าหกสิบปี ลงชื่อในทะเบียนแม่ม่าย จะต้องเป็นภรรยาของชายคนเดียว และจะต้องเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าได้กระทำดี เช่นได้เอาใจใส่เลี้ยงดูลูก ได้มีน้ำใจรับรองแขก ได้ล้างเท้าวิสุทธิชน ได้สงเคราะห์คนที่มีความทุกข์ยาก และได้บำเพ็ญคุณความดีทุกอย่าง แต่แม่ม่ายสาวๆนั้นอย่ารับขึ้นทะเบียน เพราะว่าเมื่อเขาหลงระเริงห่างจากพระคริสต์ไปแล้ว ก็ใคร่จะสมรสอีก เขาจะต้องได้รับพระอาชญา เพราะเขาได้ทิ้งความเชื่อเดิมของเขา นอกจากนั้นเขาก็จะกลายเป็นคนเกียจคร้าน เที่ยวไปบ้านนี้บ้านนั้น และมิใช่แต่เกียจคร้านเท่านั้น แต่ปากบอนด้วย และเที่ยวยุ่งกับเรื่องของผู้อื่น พูดสิ่งซึ่งไม่ควรจะพูด เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าปรารถนาให้พวกแม่ม่ายสาวๆนั้นมีสามี มีบุตร และดูแลบ้านเรือน เพื่อมิให้ศัตรูมีช่องทางนินทาได้ ด้วยว่ามีบางคนได้หลงตามซาตานไปแล้ว ถ้าชายหรือหญิงผู้มีความเชื่อคนใดมีแม่ม่าย ก็ให้เขาช่วยเลี้ยงดู อย่าให้เป็นภาระของคริสตจักรเลย เพื่อคริสตจักรจะได้สงเคราะห์คนที่เป็นแม่ม่ายไร้ที่พึ่งจริงๆ จงถือว่าผู้ปกครองที่ปกครองดีนั้นสมควรได้รับเกียรติสองเท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ปกครองที่ทำงานหนักในการเทศนาและสั่งสอน เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า ‘อย่าเอาตะกร้าครอบปากวัว เมื่อมันกำลังนวดข้าวอยู่’ และ ‘ผู้ทำงานสมควรจะได้รับค่าจ้างของตน’ อย่ายอมรับคำกล่าวหาผู้ปกครองคนใด เว้นเสียแต่จะมีพยานสองสามคน สำหรับผู้ปกครองที่ยังคงกระทำบาป จงว่ากล่าวเขาต่อหน้าคนทั้งปวง เพื่อผู้อื่นจะได้เกรงกลัวด้วย ข้าพเจ้ากำชับท่านต่อพระพักตร์พระเจ้าและต่อพระเยซูคริสต์เจ้า และต่อเหล่าทูตสวรรค์ที่ทรงเลือกสรรไว้แล้วนั้น ให้ท่านรักษาข้อความเหล่านี้ไว้โดยไม่เห็นแก่หน้าผู้ใด และไม่กระทำการใดๆด้วยใจลำเอียง
1 ทิโมธี 5:1-21 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
อย่าตำหนิผู้อาวุโสอย่างรุนแรง แต่จงขอร้องเขาเสมือนว่าเป็นบิดาของท่าน จงปฏิบัติต่อชายหนุ่มที่อ่อนวัยกว่าเสมือนเป็นน้องชาย ต่อหญิงที่สูงวัยเสมือนเป็นมารดา และต่อหญิงสาวที่อ่อนวัยกว่าเสมือนเป็นน้องสาวด้วยความบริสุทธิ์อย่างแท้จริง จงนับถือเอาใจใส่หญิงม่ายผู้ขัดสนตามสมควร แต่ถ้าหญิงม่ายคนใดมีลูกหลาน ก่อนอื่นใดให้ลูกหลานเหล่านั้นพึงปฏิบัติตามหลักธรรมของศาสนา โดยการเอาใจใส่ดูแลครอบครัวของตนเองอันเป็นการตอบแทนคุณบิดามารดาปู่ย่าตายาย เพราะการทำเช่นนี้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า หญิงม่ายผู้ขัดสนจริงๆ และอยู่ลำพังคนเดียวนั้นก็ตั้งความหวังไว้ในพระเจ้า นางพร่ำอธิษฐานและทูลขอพระเจ้าทั้งวันทั้งคืนให้ทรงช่วยเหลือ แต่หญิงม่ายที่อยู่เพื่อหาความสนุกเพลิดเพลินก็ตายทั้งเป็น จงสั่งสอนสิ่งเหล่านี้ด้วยเพื่อจะไม่มีใครถูกตำหนิได้ ถ้าผู้ใดไม่จุนเจือญาติพี่น้องของตนโดยเฉพาะคนในครอบครัวของตนเอง ผู้นั้นก็ได้ปฏิเสธความเชื่อแล้วและเลวยิ่งกว่าผู้ไม่เชื่อ อย่าบันทึกชื่อหญิงม่ายคนใดในทะเบียนรับการอุปถัมภ์ เว้นแต่นางจะมีอายุเกินหกสิบปีและสัตย์ซื่อต่อสามีของนาง และเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงในการทำความดีเช่น เลี้ยงดูลูกๆ มีน้ำใจรับรองแขก ล้างเท้าให้ประชากรของพระเจ้า ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากและอุทิศตนในการทำดีทุกอย่าง ส่วนหญิงม่ายสาวๆ นั้น อย่ารับขึ้นทะเบียน เพราะเมื่อความปรารถนาทางร่างกายมีชัยเหนือการอุทิศตัวแด่พระคริสต์ พวกนางก็อยากแต่งงานอีก อันเป็นเหตุให้นางถูกพิพากษาเพราะละเมิดคำปฏิญาณที่ให้ไว้แต่แรก นอกจากนี้พวกนางจะกลายเป็นคนเกียจคร้านเที่ยวไปบ้านนั้นบ้านนี้ และไม่เพียงเกียจคร้านเท่านั้นแต่ยังชอบซุบซิบนินทาและยุ่งเรื่องชาวบ้าน พูดสิ่งที่ไม่ควรพูด ดังนั้นข้าพเจ้าจึงขอแนะนำหญิงม่ายสาวๆ ให้แต่งงาน ให้มีลูกหลาน ให้ดูแลบ้านช่องเพื่อปิดโอกาสไม่ให้ศัตรูว่าร้ายได้ อันที่จริงบางคนได้เตลิดตามซาตานไปแล้ว ถ้าหญิงผู้เชื่อคนใดมีคนในครอบครัวเป็นม่ายก็จงช่วยเหลือจุนเจือ อย่าปล่อยให้เป็นภาระของคริสตจักร คริสตจักรจะได้ช่วยเหลือหญิงม่ายอื่นๆ ซึ่งขัดสนจริงๆ คณะผู้ปกครองที่บริหารกิจการของคริสตจักรได้ดีควรได้รับเกียรติเป็นสองเท่า โดยเฉพาะบรรดาผู้ทำหน้าที่เทศนาและสั่งสอน เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า “อย่าเอาตะกร้อครอบปากวัวซึ่งนวดข้าวอยู่” และ “คนงานสมควรได้รับค่าจ้างของตน” อย่ารับพิจารณาคำกล่าวหาผู้ปกครองคนใดเว้นแต่จะมีพยานสองสามคน จงว่ากล่าวตักเตือนผู้ที่ทำบาปต่อหน้าคนทั้งหลายเพื่อคนอื่นๆ จะได้ไม่กล้าเอาอย่าง ข้าพเจ้าขอกำชับท่านในสายพระเนตรพระเจ้าและพระเยซูคริสต์และต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์ที่ทรงเลือก ให้ยึดถือข้อปฏิบัติเหล่านี้โดยไม่ลำเอียงและอย่าทำสิ่งใดโดยเลือกที่รักมักที่ชัง
1 ทิโมธี 5:1-21 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
อย่าว่ากล่าวชายผู้มีอาวุโสด้วยความแข็งกระด้าง แต่จงเตือนเสมือนว่าเขาเป็นบิดาของท่านเอง จงปฏิบัติต่อคนหนุ่มๆ เสมือนว่าเขาเป็นพี่น้อง ต่อหญิงผู้มีอาวุโสกว่าเสมือนมารดา และหญิงสาวเสมือนพี่น้องด้วยใจอันบริสุทธิ์ยิ่ง จงให้เกียรติแก่แม่ม่ายผู้ไร้ที่พึ่งจริงๆ แต่ถ้าหญิงม่ายที่มีลูกหลาน ก่อนอื่นใด ลูกหลานเองควรปฏิบัติหน้าที่ในทางของพระเจ้า โดยการดูแลครอบครัวของตนเป็นการตอบแทนพระคุณต่อพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย เพราะการกระทำเช่นนี้เป็นที่พอใจของพระเจ้า หญิงม่ายผู้ไร้ที่พึ่งจริงๆ ที่ถูกทอดทิ้งไว้ตามลำพังก็ตั้งความหวังในพระเจ้า และอธิษฐานขอความช่วยเหลือต่อไปทั้งวันและคืน แต่หญิงม่ายที่ดำเนินชีวิตเพื่อหาความเพลิดเพลินก็เหมือนตายทั้งเป็น จงกำชับสิ่งเหล่านี้กับเขาด้วย เพื่อว่าเขาจะได้ไม่ถูกตำหนิ ถ้าผู้ใดไม่เลี้ยงดูเครือญาติของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่พี่น้องของตนแล้ว ผู้นั้นก็ปฏิเสธความเชื่อและเลวยิ่งกว่าคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า หญิงม่ายที่จะถูกจัดอยู่ในรายชื่อแม่ม่ายได้ จะต้องมีอายุเกิน 60 ปีและมีสามีคนเดียว และการกระทำความดีของนางเป็นที่รู้จักดี เช่นการเลี้ยงดูลูกๆ มีอัธยาศัยดีในการต้อนรับ ล้างเท้าบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า ช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ และอุทิศตนทำความดีประการต่างๆ อย่าจัดม่ายสาวๆ ให้อยู่ในรายชื่อนี้ เพราะเมื่อความต้องการทางกายเกิดมีมากเกินกว่าการอุทิศตนต่อพระคริสต์แล้ว นางก็จะต้องการแต่งงาน ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกนางจะถูกตำหนิ เพราะเป็นการฝ่าฝืนสัญญาข้อแรก นอกจากนั้นแล้วยังติดนิสัยเป็นคนเกียจคร้านเที่ยวไปบ้านนั้นบ้านนี้ และไม่เพียงเป็นคนเกียจคร้านเท่านั้น แต่ซุบซิบนินทาและยุ่งกับเรื่องของผู้อื่น พูดสิ่งที่ไม่ควรจะพูด ดังนั้นข้าพเจ้าปรารถนาให้พวกแม่ม่ายสาวๆ แต่งงานมีบุตรและดูแลบ้านเรือนของตน เพื่อปิดโอกาสไม่ให้ศัตรูกล่าวหาว่าร้ายได้ ความจริงมีบางคนที่ได้หันไปติดตามซาตานแล้วด้วย ถ้ามีหญิงคนใดเป็นผู้ที่มีความเชื่อและมีญาติพี่น้องที่เป็นม่าย ก็ให้เธอช่วยเหลือบรรดาแม่ม่ายโดยไม่ต้องให้เป็นภาระของคริสตจักร เพื่อว่าคริสตจักรจะได้สามารถช่วยหญิงม่ายผู้ไร้ที่พึ่งจริงๆ บรรดาผู้ปกครองที่ปกครองดีสมควรได้รับเกียรติ 2 เท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ประกาศและสั่งสอนข่าวประเสริฐด้วยความขยันขันแข็ง เพราะพระคัมภีร์ระบุว่า “อย่าเอาตะกร้อครอบปากโคขณะที่มันกำลังนวดข้าวอยู่” และ “คนงานสมควรได้รับค่าจ้างของตน” อย่ารับคำกล่าวหาเกี่ยวกับผู้ปกครอง นอกจากจะมีพยาน 2 หรือ 3 คน คนที่ทำบาปต้องถูกว่ากล่าวต่อหน้าคนทั้งปวง เพื่อคนอื่นจะได้เกรงกลัว ข้าพเจ้าขอกำชับท่านต่อหน้าพระเจ้า พระเยซูคริสต์ และบรรดาทูตสวรรค์ที่พระองค์เลือกไว้ว่า ให้ท่านรักษาระเบียบเหล่านี้โดยไม่มีความรังเกียจหรือแสดงความลำเอียง