2 ซามูเอล 15:1-14

2 ซามูเอล 15:1-14 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

หลังจากนั้น​อับซาโลม​ได้​หา​รถ​รบ​และ​พวก​ม้า​สำหรับ​ตัว​เขา​เอง และ​เขา​มี​ชาย​ห้า​สิบ​คน​วิ่ง​นำ​หน้า​รถ​ของ​เขา เขา​จะ​ตื่น​แต่​เช้า​มา​ยืน​อยู่​ข้าง​ถนน​ที่​ตรง​ไป​ยัง​ประตู​เมือง เมื่อ​มี​คน​เดิน​ผ่าน​มา​พร้อม​กับ​ปัญหา เพื่อ​จะ​เอา​ไป​ให้​กษัตริย์​ดาวิด​ตัดสิน​ให้ อับซาโลม​ก็​จะ​ร้อง​ถาม​คนๆ​นั้น​ว่า​มา​จาก​ที่​ไหน คนๆ​นั้น​ก็​ตอบ​ว่า​เขา​มา​จาก​เผ่า​อะไร​ใน​อิสราเอล แล้ว​อับซาโลม​ก็​จะ​พูด​กับ​เขา​ว่า “ข้อ​กล่าว​หา​ของ​ท่าน​มี​เหตุผล​และ​เหมาะ​สมดี แต่​ไม่​มี​ตัวแทน​ของ​กษัตริย์​ที่​จะ​มา​ฟัง​ท่าน​หรอก” อับซาโลม​ก็​จะ​พูด​อีก​ว่า “ถ้า​เพียง​แต่​เรา​ได้รับ​การ​แต่งตั้ง​ให้​เป็น​ผู้ตัดสิน​ใน​เมืองนี้​ล่ะ​ก็ ทุกๆ​คน​ที่​มี​ปัญหา​หรือ​มี​คดี​ก็​จะ​สามารถ​มาหา​เรา และ​เรา​จะ​ให้​ความ​เป็น​ธรรม​กับ​เขา” และ​เมื่อ​ใด​ก็​ตาม​ที่​มี​คน​มาหา​เขา​และ​คำนับ​ลง​ต่อหน้า​เขา อับซาโลม​ก็​จะ​ยื่น​มือ​ออก​ไป​รับ​ตัว​คน​นั้น​มา​จูบ อับซาโลม​ทำ​อย่าง​นี้​กับ​ชาว​อิสราเอล​ทุก​คน​ที่​มา​หา​กษัตริย์​ดาวิด​เพื่อ​ขอ​ให้​ตัดสิน​คดี อย่าง​นี้ เขา​จึง​ชนะใจ​ของ​คน​อิสราเอล​ทั้งหลาย สี่​ปี ผ่าน​ไป อับซาโลม​พูด​กับ​กษัตริย์​ว่า “ขอ​อนุญาต​ไป​เมือง​เฮโบรน​เพื่อ​ไป​แก้บน​ตาม​ที่​ลูก​เคย​บน​ไว้​กับ​พระยาห์เวห์​ด้วย​เถิด ตอน​ที่​ลูก​ผู้รับใช้​ท่าน​ยัง​อยู่​ที่​เมือง​เกชูร์​ใน​อารัม ลูก​ได้​บน​ไว้​ว่า ‘ถ้า​พระยาห์เวห์​พา​ลูก​กลับ​เยรูซาเล็ม​ได้ ลูก​จะ​นมัสการ​พระยาห์เวห์​ใน​เมือง​เฮโบรน’” กษัตริย์​พูด​กับ​เขา​ว่า “ขอ​ให้​ไป​เป็น​สุข​เถิด” เขา​จึง​ไป​เมือง​เฮโบรน อับซาโลม​ได้​ส่ง​คน​ส่งข่าว​ลับ​ไป​ถึง​ทุกๆ​เผ่า​ของ​อิสราเอล​ว่า “ทันที​ที่​พวก​ท่าน​ได้ยิน​เสียง​แตร ให้​พูด​ว่า ‘อับซาโลม​คือ​กษัตริย์​ของ​เมือง​เฮโบรน’” ชาย​สอง​ร้อย​คน​จาก​เยรูซาเล็ม​ไป​กับ​อับซาโลม​ด้วย พวก​เขา​ได้รับ​เชิญ​ไป​เป็น​แขก​และ​ไป​โดย​ไม่​รู้​ว่า​อับซาโลม​วางแผน​อะไร​อยู่ ขณะ​ที่​อับซาโลม​ถวาย​เครื่อง​เผา​บูชา เขา​ได้​ส่ง​คน​ไป​ชวน​อาหิโธเฟล​ชาว​กิโลห์​ซึ่ง​เป็น​ที่ปรึกษา​ของ​ดาวิด​ให้​มา​จาก​กิโลห์​เมือง​ของ​เขา ดังนั้น​แผนการ​ชั่วนี้​กำลัง​ไป​ได้​ด้วย​ดี​และ​ผู้ติดตาม​อับซาโลม​ก็​เพิ่ม​ขึ้น​เรื่อยๆ คน​ส่งข่าว​คน​หนึ่ง​มา​บอก​ดาวิด​ว่า “ใจ​ของ​คน​อิสราเอล​ได้​ไป​อยู่​กับ​อับซาโลม​แล้ว” ดาวิด​จึง​พูด​กับ​เจ้าหน้าที่​ทั้งหมด​ที่​อยู่​กับ​เขา​ใน​เยรูซาเล็ม​ว่า “ไป​กัน​เถิด พวก​เรา​ต้อง​หนี​แล้ว ไม่​อย่าง​นั้น​จะ​ไม่​มี​พวก​เรา​สัก​คน​ที่​หนี​อับซาโลม​ไป​ได้ พวก​เรา​ต้อง​รีบ​ไป​ทันที ไม่​อย่างนั้น เขา​จะ​มา​จับ​พวก​เรา​อย่าง​รวดเร็ว​และ​ทำลาย​พวก​เรา​และ​ทำลาย​เมือง”

2 ซามูเอล 15:1-14 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

ต่อมาภายหลัง อับซาโลมจัดรถรบและม้ากับทหารวิ่งนำหน้า 50 คนให้ตนเอง อับซาโลมตื่นบรรทมแต่เช้าตรู่ ทรงยืนริมทางเข้าประตูเมือง ถ้าใครมีเรื่องถวายพระราชาให้ทรงตัดสิน อับซาโลมก็เรียกผู้นั้น ถามว่า “เจ้ามาจากเมืองไหน?” และเมื่อเขาทูลตอบว่า “ผู้รับใช้ของท่านเป็นคนเผ่าหนึ่งในอิสราเอล” อับซาโลมจะบอกเขาว่า “ดูสิ คำร้องของเจ้าก็ดีและถูกต้อง แต่พระราชาไม่ได้ทรงตั้งใครไว้ฟังเจ้า” อับซาโลมเคยกล่าวยิ่งกว่านั้นว่า “เออ ถ้าใครตั้งข้าเป็นผู้พิพากษาในแผ่นดินนี้ก็จะดี เมื่อใครมีข้อขัดแย้งหรือต้องการคำตัดสินจะได้มาหาข้า และข้าจะให้ความยุติธรรมแก่เขา” เมื่อมีใครเข้ามาใกล้จะย่อตัวลงคำนับท่าน ท่านจะยื่นมือพยุงคนนั้นไว้และจูบเขา อับซาโลมทำอย่างนี้แก่คนอิสราเอลทั้งหมด ที่มาเฝ้าพระราชาเพื่อขอการพิพากษา อับซาโลมก็ชนะใจบรรดาคนอิสราเอล เมื่อล่วงมาได้ 4 ปี อับซาโลมทูลพระราชาว่า “ขอทรงอนุญาตให้ข้าพระบาทไปแก้บน ซึ่งข้าพระบาทได้บนไว้ต่อพระยาห์เวห์ที่เมืองเฮโบรน เพราะว่าผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทได้บนไว้ เมื่อครั้งยังอยู่ในเมืองเกชูร์ประเทศซีเรียว่า ‘ถ้าพระยาห์เวห์ทรงนำข้าพระองค์กลับมายังกรุงเยรูซาเล็มจริงแล้ว ข้าพระองค์จะถวายนมัสการพระยาห์เวห์’ ” พระราชาตรัสตอบท่านว่า “จงไปเป็นสุขเถิด” ท่านก็ลุกขึ้นไปยังเมืองเฮโบรน แต่อับซาโลมได้ส่งผู้สื่อสารลับไปทั่วอิสราเอลทุกเผ่าว่า “พวกท่านได้ยินเสียงเขาสัตว์เมื่อไร จงกล่าวกันว่า ‘อับซาโลมเป็นกษัตริย์ที่เฮโบรน’ ” มีชาย 200 คนไปกับอับซาโลมจากกรุงเยรูซาเล็ม เป็นคนที่ถูกเชิญไป คนเหล่านี้ไปอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่รู้เรื่องทั้งสิ้นเลย ขณะเมื่ออับซาโลมถวายสัตวบูชาอยู่ ท่านส่งคนไปเชิญอาหิโธเฟลชาวกิโลห์ที่ปรึกษาของดาวิดมาจากเมืองของเขา คือกิโลห์ การคบคิดกันนั้นก็เพิ่มกำลังขึ้น คนที่มาฝักใฝ่อยู่กับอับซาโลมก็มากขึ้น ผู้สื่อสารคนหนึ่งมาเฝ้าดาวิด ทูลให้ทรงทราบว่า “ใจของคนอิสราเอลคล้อยตามอับซาโลมไปแล้ว” แล้วดาวิดรับสั่งแก่บรรดาข้าราชการที่อยู่กับพระองค์ ณ เยรูซาเล็มว่า “จงลุกขึ้น ให้เราหนีไปเถอะ มิฉะนั้นเราจะไม่มีทางหนีจากอับซาโลม จงรีบไป เกรงว่าเขาจะรีบมาและตามเราทันและนำเหตุร้ายมาถึงเรา และทำลายกรุงนี้เสียด้วยคมดาบ”

2 ซามูเอล 15:1-14 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

อยู่​มาภายหลั​งอ​ับซาโลมได้เตรียมรถรบและม้ากับทหารวิ่งนำหน้าห้าสิบคน อับซาโลมตื่นบรรทมแต่​เช้าตรู่​ไปประทับริมทางไปยังประตู​เมือง ถ้าผู้ใดมีเรื่องที่จะถวายกษั​ตริ​ย์​ให้​ทรงตัดสิน อับซาโลมก็เรียกผู้​นั้น ถามว่า “​เจ้​ามาจากเมืองไหน” และเมื่อเขาทูลตอบว่า “​ผู้รับใช้​ของท่านเป็นคนตระกูลหนึ่งในอิสราเอล” อับซาโลมจึงจะบอกเขาว่า “​ดู​ซิ ข้อหาของเจ้าก็​ดี​และถูกต้อง แต่​กษัตริย์​มิได้​ทรงตั้งผู้ใดไว้ฟังคดีของเจ้า” อับซาโลมเคยกล่าวยิ่งกว่านั้​นว​่า “​โอ ถ้าข้าเป็นผู้พิพากษาในแผ่นดินนี้​ก็ดี เมื่อใครมีข้อหาหรือคดีจะได้มาหาข้า ข้าจะตัดสินให้ความยุ​ติ​ธรรมแก่​เขา​” เมื่​อม​ี​ผู้​ใดเข้ามาใกล้จะกราบถวายบังคมท่าน ท่านจะยื่​นม​ือออกจับคนนั้นไว้และจุบเขา อับซาโลมกระทำอย่างนี้​แก่​บรรดาคนอิสราเอลผู้มาเฝ้ากษั​ตริ​ย์เพื่อขอการพิพากษา อับซาโลมก็ลอบเอาใจคนอิสราเอลอย่างนี้ ครั้นล่วงมาได้​สี​่​สิ​บปี อับซาโลมกราบทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า “ขอโปรดทรงอนุญาตให้ข้าพระองค์ไปทำตามคำปฏิญาณที่เมืองเฮโบรน ซึ่งข้าพระองค์​ได้​ปฏิญาณไว้ต่อพระเยโฮวาห์ เพราะว่าผู้​รับใช้​ของพระองค์​ได้​ปฏิญาณไว้เมื่อครั้งอยู่ในเมืองเกชูร์ประเทศซี​เรียว​่า ‘ถ้าพระเยโฮวาห์ทรงโปรดนำข้าพระองค์​มาย​ังกรุงเยรูซาเล็มจริงแล้ว ข้าพระองค์จะปรนนิบั​ติ​พระเยโฮวาห์’” กษัตริย์​ตรัสตอบท่านว่า “จงไปเป็นสุขเถิด” ท่านก็​ลุ​กขึ้นไปยังเมืองเฮโบรน แต่​อับซาโลมได้ส่งผู้สื่อสารไปทั่​วอ​ิสราเอลทุกตระกูลว่า “ท่านทั้งหลายได้ยินเสียงแตรเมื่อไร จงกล่าวกั​นว​่า ‘อับซาโลมเป็นกษั​ตริ​ย์​ที่​กรุ​งเฮโบรน’” มี​ชายสองร้อยคนไปกับอับซาโลมจากกรุงเยรูซาเล็ม เป็นคนที่​ถู​กเชิญให้​ไป คนเหล่านี้​ก็​ไปกันเฉยๆ หาทราบเรื่องอะไรไม่ ขณะเมื่​ออ​ับซาโลมถวายสัตวบูชาอยู่ ท่านส่งคนไปเชิญอาหิโธเฟลชาวกิโลห์​ที่​ปรึกษาของดาวิดมาจากนครของเขาคื​อก​ิโลห์ การที่คบคิ​ดก​ันนั้​นก​็เพิ่มกำลังขึ้น คนที​่มาฝักใฝ่​อยู่​กับอับซาโลมก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผู้​สื่อสารคนหนึ่งมาเฝ้าดาวิดกราบทูลว่า “ใจของคนอิสราเอลได้คล้อยตามอับซาโลมไปแล้ว” แล​้วดาวิดรับสั่งแก่บรรดาข้าราชการที่​อยู่​กับพระองค์ ณ เยรูซาเล็มว่า “จงลุกขึ้นให้เราหนีไปเถิด มิ​ฉะนั้นเราจะหนี​ไม่​พ้นจากอับซาโลมสักคนเดียว จงรีบไป เกรงว่าเขาจะตามเราทันโดยเร็วและนำเหตุร้ายมาถึงเรา และทำลายกรุงนี้​เสียด​้วยคมดาบ”

2 ซามูเอล 15:1-14 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

อยู่มาภายหลัง อับซาโลมได้รถรบและม้ากับทหารวิ่งนำหน้าห้าสิบคน อับซาโลมตื่นบรรทมแต่เช้าตรู่ไปประทับริมทาง ไปยังประตูเมือง ถ้าผู้ใดมีเรื่องที่จะถวายพระราชาให้ทรงตัดสิน อับซาโลมก็เรียกผู้นั้น ถามว่า <<เจ้ามาจากเมืองไหน>> และเมื่อเขาทูลตอบว่า <<ผู้รับใช้ของท่านเป็นคนเผ่าหนึ่งในอิสราเอล>> อับซาโลมจึงจะบอกเขาว่า <<ดูซิ ข้อหาของเจ้าก็ดีและถูกต้อง แต่พระราชามิได้ทรงตั้งผู้ใดไว้ฟังคดีของเจ้า>> อับซาโลมเคยกล่าวยิ่งกว่านั้นว่า <<เออ ถ้าข้าเป็นผู้พิพากษาในแผ่นดินนี้ก็ดี เมื่อใครมีข้อหาหรือคดีจะได้มาหาข้า ข้าจะตัดสินให้ความยุติธรรมแก่เขา>> เมื่อมีผู้ใดเข้ามาใกล้จะกราบถวายบังคมท่าน ท่านจะยื่นมือออกจับคนนั้นไว้และจุบเขา อับซาโลมกระทำอย่างนี้แก่บรรดาคนอิสราเอล ผู้มาเฝ้าพระราชาเพื่อขอการพิพากษา อับซาโลมก็ลอบเอาใจคนอิสราเอลอย่างนี้ ครั้นล่วงมาได้สี่สิบปี อับซาโลมกราบทูลพระราชาว่า <<ขอโปรดทรงอนุญาตให้ข้าพระบาทไปแก้บนที่เมืองเฮโบรน ซึ่งข้าพระบาทได้บนไว้ต่อพระเจ้า เพราะว่าข้าพระบาทได้บนไว้เมื่อ ครั้งยังอยู่ในเมืองเกชูร์ประเทศซีเรียว่า <ถ้าพระเจ้าทรงโปรดนำข้าพระองค์มา ยังกรุงเยรูซาเล็มจริงแล้ว ข้าพระองค์จะถวายนมัสการพระเจ้า> >> พระราชาตรัสตอบท่านว่า <<จงไปเป็นสุขเถิด>> ท่านก็ลุกขึ้นไปยังเมืองเฮโบรน แต่อับซาโลมได้ส่งผู้สื่อสารไป ทั่วอิสราเอลทุกเผ่าว่า <<ท่านทั้งหลายได้ยินเสียงเขาสัตว์เมื่อไร จงกล่าวกันว่า <อับซาโลมเป็นกษัตริย์ที่กรุงเฮโบรน> >> มีชายสองร้อยคนไปกับอับซาโลมจากกรุงเยรูซาเล็ม เป็นคนที่ถูกเชิญให้ไป คนเหล่านี้ก็ไปกันเฉยๆ หาทราบเรื่องอะไรไม่ ขณะเมื่ออับซาโลมถวายสัตวบูชาอยู่ ท่านส่งคนไปเชิญอาหิโธเฟลชาวกิโลห์ที่ ปรึกษาของดาวิดมาจากนครของเขา คือกิโลห์ การที่คบคิดกันนั้นก็เพิ่มกำลังขึ้น คนที่มาฝักใฝ่อยู่กับอับซาโลมก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผู้สื่อสารคนหนึ่งมาเฝ้าดาวิดกราบทูลว่า <<ใจของคนอิสราเอล ได้คล้อยตามอับซาโลมไปแล้ว>> แล้วดาวิดรับสั่งแก่บรรดาข้าราชการที่อยู่กับพระองค์ ณ เยรูซาเล็มว่า <<จงลุกขึ้นให้เราหนีไปเถิด มิฉะนั้นเราจะหนีไม่พ้นจากอับซาโลมสักคนเดียว จงรีบไป เกรงว่าเขาจะตามเราทันโดยเร็วและนำเหตุร้ายมาถึงเรา และทำลายกรุงนี้เสียด้วยคมดาบ>>

2 ซามูเอล 15:1-14 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ต่อมาอับซาโลมได้จัดหารถม้าศึกและมีคนห้าสิบคนคอยวิ่งนำหน้ารถ อับซาโลมจะตื่นแต่เช้ามายืนอยู่ริมทางเข้าประตูเมือง เมื่อใดก็ตามที่มีคนนำเรื่องมาร้องทุกข์เพื่อให้กษัตริย์ตัดสิน อับซาโลมก็จะเรียกคนนั้นมาพบและถามว่า “ท่านมาจากเมืองไหน?” เขาจะตอบว่า “ผู้รับใช้ของท่านมาจากเผ่าหนึ่งในอิสราเอล” อับซาโลมก็จะพูดกับเขาว่า “คำร้องของท่านมีมูลและควรแก่การพิจารณา แต่น่าเสียดายที่กษัตริย์ไม่มีตัวแทนมารับฟังท่าน” แล้วอับซาโลมจะกล่าวเสริมว่า “ถ้าเพียงแต่เราได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้พิพากษาในแผ่นดินนี้! ใครมีคดีความหรือเรื่องร้องทุกข์จะได้มาหาเรา แล้วเราจะให้ความยุติธรรมแก่เขา” และเมื่อมีใครมาค้อมคำนับอับซาโลม อับซาโลมจะจับมือกับเขา โอบและจูบเขา อับซาโลมทำอย่างนี้กับอิสราเอลทุกคนที่มาขอความยุติธรรมจากกษัตริย์ จึงชนะใจชนอิสราเอลทั้งปวง สี่ปีผ่านไป อับซาโลมทูลกษัตริย์ว่า “ข้าพระบาทขออนุญาตไปเมืองเฮโบรน เพื่อทำตามที่ได้ถวายปฏิญาณไว้ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อตอนที่ข้าพระบาทอยู่ที่เมืองเกชูร์ในอารัมได้ถวายปฏิญาณไว้ว่า ‘หากองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำข้าพระองค์กลับมายังเยรูซาเล็ม ข้าพระองค์จะนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าที่เมืองเฮโบรน’ ” กษัตริย์ดาวิดตรัสว่า “ขอให้ไปโดยสวัสดิภาพเถิด” อับซาโลมจึงไปเมืองเฮโบรน จากนั้นอับซาโลมลอบส่งคนไปบอกกับทุกเผ่าในอิสราเอลว่า “ทันทีที่ได้ยินเสียงแตร จงกล่าวว่า ‘อับซาโลมเป็นกษัตริย์ในเมืองเฮโบรน’ ” อับซาโลมได้เชิญคนจากกรุงเยรูซาเล็มสองร้อยคนไปร่วมด้วยในฐานะแขก พวกเขาไม่ระแคะระคายแผนการของอับซาโลม ขณะกำลังถวายเครื่องบูชา อับซาโลมให้คนไปเชิญอาหิโธเฟลชาวกิโลห์ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของดาวิดมาจากกิโลห์บ้านเกิดของเขา ทำให้การสมรู้ร่วมคิดครั้งนี้มีพลังมากยิ่งขึ้น และมีคนมาเป็นพวกอับซาโลมมากขึ้นเรื่อยๆ มีผู้สื่อสารมาทูลดาวิดว่า “จิตใจชาวอิสราเอลหันไปฝักใฝ่อยู่กับอับซาโลมแล้ว” ดาวิดจึงตรัสกับข้าราชการทั้งปวงที่อยู่ด้วยในเยรูซาเล็มว่า “เราต้องหนีแล้ว มิฉะนั้นจะไม่มีใครสักคนรอดพ้นจากเงื้อมมืออับซาโลม เราต้องหนีทันที มิฉะนั้นเขาจะบุกมาเล่นงานเราอย่างรวดเร็ว ทำให้เราย่อยยับกันหมดและทลายเมืองนี้ลงด้วยคมดาบ”

2 ซามูเอล 15:1-14 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

จาก​นั้น​ต่อ​มา อับซาโลม​ก็​หา​รถ​ศึก​และ​ม้า​ไว้​ใช้ และ​มี​ทหาร​วิ่ง​นำ​หน้า​เขา​ไป 50 คน อับซาโลม​มัก​จะ​ตื่น​นอน​แต่​เช้าตรู่ และ​ไป​ยืน​ที่​ข้าง​ทาง​ประตู​เมือง เมื่อ​ผู้​ใด​มี​เรื่อง​ขัดแย้ง​ที่​ต้อง​มา​ให้​กษัตริย์​ตัดสิน อับซาโลม​จะ​เรียก​ถาม​เขา​ว่า “เจ้า​มา​จาก​เมือง​ไหน” และ​เมื่อ​เขา​พูด​ว่า “ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน​เป็น​คน​จาก​เผ่า​นั้น​เผ่า​นี้​ใน​อิสราเอล” อับซาโลม​จะ​พูด​ว่า “ดู​สิ ข้อหา​ของ​เจ้า​ก็​ดี​และ​ถูกต้อง แต่​ว่า​กษัตริย์​ไม่​ได้​แต่ง​ตั้ง​ใคร​ให้​ฟัง​เรื่อง​ของ​เจ้า” แล้ว​อับซาโลม​ก็​พูด​ว่า “ถ้าหาก​ว่า​เรา​เป็น​ผู้​วินิจฉัย​ใน​แผ่นดิน​แล้ว ทุก​คน​ที่​มี​เรื่อง​ขัดแย้ง​หรือ​ข้อหา​ใดๆ ก็​มา​หา​เรา​ได้ และ​เรา​จะ​ให้​ความ​เป็น​ธรรม​แก่​เขา” และ​เมื่อ​ใด​ที่​คน​เข้า​มา​ใกล้​เขา​เพื่อ​แสดง​ความ​เคารพ เขา​ก็​จะ​ยื่น​มือ​ออก​ไป​จับ​ตัว​คน​นั้น และ​จูบ​แก้ม​เขา อับซาโลม​กระทำ​เช่น​นั้น​กับ​ชาว​อิสราเอล​ทุก​คน​ที่​มา​หา​กษัตริย์ เพื่อ​ให้​ท่าน​ตัดสิน​ความ อับซาโลม​จึง​ชนะ​ใจ​ชาว​อิสราเอล เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป 4 ปี​เต็ม อับซาโลม​พูด​กับ​กษัตริย์​ว่า “ขอ​ได้​โปรด​ให้​ข้าพเจ้า​ไป​มอบ​ของ​ถวาย​ที่​เฮโบรน​ตาม​คำ​สัญญา​ของ​ข้าพเจ้า ที่​ได้​ให้​ไว้​กับ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​เถิด เพราะ​ว่า​ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน​ได้​ให้​คำ​สัญญา​ขณะ​อยู่​ที่​เมือง​เกชูร์​ใน​อารัม​ว่า ‘ถ้า​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​จะ​นำ​ข้าพเจ้า​กลับ​มา​ยัง​เมือง​เยรูซาเล็ม​อย่าง​แน่​แท้​แล้ว ข้าพเจ้า​จะ​นมัสการ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า’” กษัตริย์​กล่าว​ว่า “จง​ไป​อย่าง​สันติสุข​เถิด” เขา​จึง​ไป​ยัง​เมือง​เฮโบรน แต่​อับซาโลม​ได้​ให้​บรรดา​ผู้​ส่ง​ข่าว​ไป​ทั่ว​ทุก​เผ่า​ของ​อิสราเอล​เป็น​การ​ลับ ไป​บอก​ว่า “ทันที​ที่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้ยิน​เสียง​แตร​งอน จง​พูด​ว่า ‘อับซาโลม​เป็น​กษัตริย์​ที่​เฮโบรน’” เมื่อ​อับซาโลม​ออก​ไป​จาก​เยรูซาเล็ม เขา​ได้​เชิญ​ชาย​จำนวน 200 คน​ไป​เป็น​แขก​รับเชิญ​ด้วย เขา​เหล่า​นั้น​ไป​ด้วย​โดย​ไม่​ทราบ​ว่า​เพราะ​เหตุ​ใด ใน​ขณะ​ที่​อับซาโลม​กำลัง​มอบ​ของ​ถวาย เขา​ให้​คน​ไป​ตาม​อาหิโธเฟล​ชาว​กิโลห์​ผู้​ปรึกษา​ของ​ดาวิด ให้​มา​จาก​กิโลห์​เมือง​ของ​เขา และ​แผนการ​ร้าย​ที่​คบคิด​ก็​แข็งกร้าว​ยิ่ง​ขึ้น บรรดา​คน​ที่​เห็น​ชอบ​ด้วย​กับ​อับซาโลม​ก็​เพิ่ม​มาก​ขึ้น ผู้​ส่ง​ข่าว​คน​หนึ่ง​มา​หา​ดาวิด​และ​เรียน​ว่า “ใจ​ของ​ชาว​อิสราเอล​ไป​อยู่​กับ​อับซาโลม​เสีย​แล้ว” ดาวิด​จึง​กล่าว​กับ​บรรดา​ผู้​รับใช้​ทั้ง​ปวง​ที่​อยู่​กับ​ท่าน​ที่​เยรูซาเล็ม​ว่า “ลุก​ขึ้น​เถิด พวก​เรา​หนี​ไป​ได้​แล้ว มิ​ฉะนั้น​พวก​เรา​จะ​ไม่​มี​ทาง​หนี​รอด​อับซาโลม​ไป​ได้ ให้​ออก​ไป​โดย​เร็ว กลัว​ว่า​เขา​จะ​จับ​เรา​ได้​อย่าง​รวดเร็ว​และ​ทำ​ให้​พวก​เรา​พินาศ และ​ฆ่า​คน​ใน​เมือง​จน​ราบ​เป็น​หน้า​กลอง”