2 ซามูเอล 15:1-14
2 ซามูเอล 15:1-14 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
หลังจากนั้นอับซาโลมได้หารถรบและพวกม้าสำหรับตัวเขาเอง และเขามีชายห้าสิบคนวิ่งนำหน้ารถของเขา เขาจะตื่นแต่เช้ามายืนอยู่ข้างถนนที่ตรงไปยังประตูเมือง เมื่อมีคนเดินผ่านมาพร้อมกับปัญหา เพื่อจะเอาไปให้กษัตริย์ดาวิดตัดสินให้ อับซาโลมก็จะร้องถามคนๆนั้นว่ามาจากที่ไหน คนๆนั้นก็ตอบว่าเขามาจากเผ่าอะไรในอิสราเอล แล้วอับซาโลมก็จะพูดกับเขาว่า “ข้อกล่าวหาของท่านมีเหตุผลและเหมาะสมดี แต่ไม่มีตัวแทนของกษัตริย์ที่จะมาฟังท่านหรอก” อับซาโลมก็จะพูดอีกว่า “ถ้าเพียงแต่เราได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ตัดสินในเมืองนี้ล่ะก็ ทุกๆคนที่มีปัญหาหรือมีคดีก็จะสามารถมาหาเรา และเราจะให้ความเป็นธรรมกับเขา” และเมื่อใดก็ตามที่มีคนมาหาเขาและคำนับลงต่อหน้าเขา อับซาโลมก็จะยื่นมือออกไปรับตัวคนนั้นมาจูบ อับซาโลมทำอย่างนี้กับชาวอิสราเอลทุกคนที่มาหากษัตริย์ดาวิดเพื่อขอให้ตัดสินคดี อย่างนี้ เขาจึงชนะใจของคนอิสราเอลทั้งหลาย สี่ปี ผ่านไป อับซาโลมพูดกับกษัตริย์ว่า “ขออนุญาตไปเมืองเฮโบรนเพื่อไปแก้บนตามที่ลูกเคยบนไว้กับพระยาห์เวห์ด้วยเถิด ตอนที่ลูกผู้รับใช้ท่านยังอยู่ที่เมืองเกชูร์ในอารัม ลูกได้บนไว้ว่า ‘ถ้าพระยาห์เวห์พาลูกกลับเยรูซาเล็มได้ ลูกจะนมัสการพระยาห์เวห์ในเมืองเฮโบรน’” กษัตริย์พูดกับเขาว่า “ขอให้ไปเป็นสุขเถิด” เขาจึงไปเมืองเฮโบรน อับซาโลมได้ส่งคนส่งข่าวลับไปถึงทุกๆเผ่าของอิสราเอลว่า “ทันทีที่พวกท่านได้ยินเสียงแตร ให้พูดว่า ‘อับซาโลมคือกษัตริย์ของเมืองเฮโบรน’” ชายสองร้อยคนจากเยรูซาเล็มไปกับอับซาโลมด้วย พวกเขาได้รับเชิญไปเป็นแขกและไปโดยไม่รู้ว่าอับซาโลมวางแผนอะไรอยู่ ขณะที่อับซาโลมถวายเครื่องเผาบูชา เขาได้ส่งคนไปชวนอาหิโธเฟลชาวกิโลห์ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของดาวิดให้มาจากกิโลห์เมืองของเขา ดังนั้นแผนการชั่วนี้กำลังไปได้ด้วยดีและผู้ติดตามอับซาโลมก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คนส่งข่าวคนหนึ่งมาบอกดาวิดว่า “ใจของคนอิสราเอลได้ไปอยู่กับอับซาโลมแล้ว” ดาวิดจึงพูดกับเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่อยู่กับเขาในเยรูซาเล็มว่า “ไปกันเถิด พวกเราต้องหนีแล้ว ไม่อย่างนั้นจะไม่มีพวกเราสักคนที่หนีอับซาโลมไปได้ พวกเราต้องรีบไปทันที ไม่อย่างนั้น เขาจะมาจับพวกเราอย่างรวดเร็วและทำลายพวกเราและทำลายเมือง”
2 ซามูเอล 15:1-14 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
ต่อมาภายหลัง อับซาโลมจัดรถรบและม้ากับทหารวิ่งนำหน้า 50 คนให้ตนเอง อับซาโลมตื่นบรรทมแต่เช้าตรู่ ทรงยืนริมทางเข้าประตูเมือง ถ้าใครมีเรื่องถวายพระราชาให้ทรงตัดสิน อับซาโลมก็เรียกผู้นั้น ถามว่า “เจ้ามาจากเมืองไหน?” และเมื่อเขาทูลตอบว่า “ผู้รับใช้ของท่านเป็นคนเผ่าหนึ่งในอิสราเอล” อับซาโลมจะบอกเขาว่า “ดูสิ คำร้องของเจ้าก็ดีและถูกต้อง แต่พระราชาไม่ได้ทรงตั้งใครไว้ฟังเจ้า” อับซาโลมเคยกล่าวยิ่งกว่านั้นว่า “เออ ถ้าใครตั้งข้าเป็นผู้พิพากษาในแผ่นดินนี้ก็จะดี เมื่อใครมีข้อขัดแย้งหรือต้องการคำตัดสินจะได้มาหาข้า และข้าจะให้ความยุติธรรมแก่เขา” เมื่อมีใครเข้ามาใกล้จะย่อตัวลงคำนับท่าน ท่านจะยื่นมือพยุงคนนั้นไว้และจูบเขา อับซาโลมทำอย่างนี้แก่คนอิสราเอลทั้งหมด ที่มาเฝ้าพระราชาเพื่อขอการพิพากษา อับซาโลมก็ชนะใจบรรดาคนอิสราเอล เมื่อล่วงมาได้ 4 ปี อับซาโลมทูลพระราชาว่า “ขอทรงอนุญาตให้ข้าพระบาทไปแก้บน ซึ่งข้าพระบาทได้บนไว้ต่อพระยาห์เวห์ที่เมืองเฮโบรน เพราะว่าผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทได้บนไว้ เมื่อครั้งยังอยู่ในเมืองเกชูร์ประเทศซีเรียว่า ‘ถ้าพระยาห์เวห์ทรงนำข้าพระองค์กลับมายังกรุงเยรูซาเล็มจริงแล้ว ข้าพระองค์จะถวายนมัสการพระยาห์เวห์’ ” พระราชาตรัสตอบท่านว่า “จงไปเป็นสุขเถิด” ท่านก็ลุกขึ้นไปยังเมืองเฮโบรน แต่อับซาโลมได้ส่งผู้สื่อสารลับไปทั่วอิสราเอลทุกเผ่าว่า “พวกท่านได้ยินเสียงเขาสัตว์เมื่อไร จงกล่าวกันว่า ‘อับซาโลมเป็นกษัตริย์ที่เฮโบรน’ ” มีชาย 200 คนไปกับอับซาโลมจากกรุงเยรูซาเล็ม เป็นคนที่ถูกเชิญไป คนเหล่านี้ไปอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่รู้เรื่องทั้งสิ้นเลย ขณะเมื่ออับซาโลมถวายสัตวบูชาอยู่ ท่านส่งคนไปเชิญอาหิโธเฟลชาวกิโลห์ที่ปรึกษาของดาวิดมาจากเมืองของเขา คือกิโลห์ การคบคิดกันนั้นก็เพิ่มกำลังขึ้น คนที่มาฝักใฝ่อยู่กับอับซาโลมก็มากขึ้น ผู้สื่อสารคนหนึ่งมาเฝ้าดาวิด ทูลให้ทรงทราบว่า “ใจของคนอิสราเอลคล้อยตามอับซาโลมไปแล้ว” แล้วดาวิดรับสั่งแก่บรรดาข้าราชการที่อยู่กับพระองค์ ณ เยรูซาเล็มว่า “จงลุกขึ้น ให้เราหนีไปเถอะ มิฉะนั้นเราจะไม่มีทางหนีจากอับซาโลม จงรีบไป เกรงว่าเขาจะรีบมาและตามเราทันและนำเหตุร้ายมาถึงเรา และทำลายกรุงนี้เสียด้วยคมดาบ”
2 ซามูเอล 15:1-14 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
อยู่มาภายหลังอับซาโลมได้เตรียมรถรบและม้ากับทหารวิ่งนำหน้าห้าสิบคน อับซาโลมตื่นบรรทมแต่เช้าตรู่ไปประทับริมทางไปยังประตูเมือง ถ้าผู้ใดมีเรื่องที่จะถวายกษัตริย์ให้ทรงตัดสิน อับซาโลมก็เรียกผู้นั้น ถามว่า “เจ้ามาจากเมืองไหน” และเมื่อเขาทูลตอบว่า “ผู้รับใช้ของท่านเป็นคนตระกูลหนึ่งในอิสราเอล” อับซาโลมจึงจะบอกเขาว่า “ดูซิ ข้อหาของเจ้าก็ดีและถูกต้อง แต่กษัตริย์มิได้ทรงตั้งผู้ใดไว้ฟังคดีของเจ้า” อับซาโลมเคยกล่าวยิ่งกว่านั้นว่า “โอ ถ้าข้าเป็นผู้พิพากษาในแผ่นดินนี้ก็ดี เมื่อใครมีข้อหาหรือคดีจะได้มาหาข้า ข้าจะตัดสินให้ความยุติธรรมแก่เขา” เมื่อมีผู้ใดเข้ามาใกล้จะกราบถวายบังคมท่าน ท่านจะยื่นมือออกจับคนนั้นไว้และจุบเขา อับซาโลมกระทำอย่างนี้แก่บรรดาคนอิสราเอลผู้มาเฝ้ากษัตริย์เพื่อขอการพิพากษา อับซาโลมก็ลอบเอาใจคนอิสราเอลอย่างนี้ ครั้นล่วงมาได้สี่สิบปี อับซาโลมกราบทูลกษัตริย์ว่า “ขอโปรดทรงอนุญาตให้ข้าพระองค์ไปทำตามคำปฏิญาณที่เมืองเฮโบรน ซึ่งข้าพระองค์ได้ปฏิญาณไว้ต่อพระเยโฮวาห์ เพราะว่าผู้รับใช้ของพระองค์ได้ปฏิญาณไว้เมื่อครั้งอยู่ในเมืองเกชูร์ประเทศซีเรียว่า ‘ถ้าพระเยโฮวาห์ทรงโปรดนำข้าพระองค์มายังกรุงเยรูซาเล็มจริงแล้ว ข้าพระองค์จะปรนนิบัติพระเยโฮวาห์’” กษัตริย์ตรัสตอบท่านว่า “จงไปเป็นสุขเถิด” ท่านก็ลุกขึ้นไปยังเมืองเฮโบรน แต่อับซาโลมได้ส่งผู้สื่อสารไปทั่วอิสราเอลทุกตระกูลว่า “ท่านทั้งหลายได้ยินเสียงแตรเมื่อไร จงกล่าวกันว่า ‘อับซาโลมเป็นกษัตริย์ที่กรุงเฮโบรน’” มีชายสองร้อยคนไปกับอับซาโลมจากกรุงเยรูซาเล็ม เป็นคนที่ถูกเชิญให้ไป คนเหล่านี้ก็ไปกันเฉยๆ หาทราบเรื่องอะไรไม่ ขณะเมื่ออับซาโลมถวายสัตวบูชาอยู่ ท่านส่งคนไปเชิญอาหิโธเฟลชาวกิโลห์ที่ปรึกษาของดาวิดมาจากนครของเขาคือกิโลห์ การที่คบคิดกันนั้นก็เพิ่มกำลังขึ้น คนที่มาฝักใฝ่อยู่กับอับซาโลมก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผู้สื่อสารคนหนึ่งมาเฝ้าดาวิดกราบทูลว่า “ใจของคนอิสราเอลได้คล้อยตามอับซาโลมไปแล้ว” แล้วดาวิดรับสั่งแก่บรรดาข้าราชการที่อยู่กับพระองค์ ณ เยรูซาเล็มว่า “จงลุกขึ้นให้เราหนีไปเถิด มิฉะนั้นเราจะหนีไม่พ้นจากอับซาโลมสักคนเดียว จงรีบไป เกรงว่าเขาจะตามเราทันโดยเร็วและนำเหตุร้ายมาถึงเรา และทำลายกรุงนี้เสียด้วยคมดาบ”
2 ซามูเอล 15:1-14 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
อยู่มาภายหลัง อับซาโลมได้รถรบและม้ากับทหารวิ่งนำหน้าห้าสิบคน อับซาโลมตื่นบรรทมแต่เช้าตรู่ไปประทับริมทาง ไปยังประตูเมือง ถ้าผู้ใดมีเรื่องที่จะถวายพระราชาให้ทรงตัดสิน อับซาโลมก็เรียกผู้นั้น ถามว่า <<เจ้ามาจากเมืองไหน>> และเมื่อเขาทูลตอบว่า <<ผู้รับใช้ของท่านเป็นคนเผ่าหนึ่งในอิสราเอล>> อับซาโลมจึงจะบอกเขาว่า <<ดูซิ ข้อหาของเจ้าก็ดีและถูกต้อง แต่พระราชามิได้ทรงตั้งผู้ใดไว้ฟังคดีของเจ้า>> อับซาโลมเคยกล่าวยิ่งกว่านั้นว่า <<เออ ถ้าข้าเป็นผู้พิพากษาในแผ่นดินนี้ก็ดี เมื่อใครมีข้อหาหรือคดีจะได้มาหาข้า ข้าจะตัดสินให้ความยุติธรรมแก่เขา>> เมื่อมีผู้ใดเข้ามาใกล้จะกราบถวายบังคมท่าน ท่านจะยื่นมือออกจับคนนั้นไว้และจุบเขา อับซาโลมกระทำอย่างนี้แก่บรรดาคนอิสราเอล ผู้มาเฝ้าพระราชาเพื่อขอการพิพากษา อับซาโลมก็ลอบเอาใจคนอิสราเอลอย่างนี้ ครั้นล่วงมาได้สี่สิบปี อับซาโลมกราบทูลพระราชาว่า <<ขอโปรดทรงอนุญาตให้ข้าพระบาทไปแก้บนที่เมืองเฮโบรน ซึ่งข้าพระบาทได้บนไว้ต่อพระเจ้า เพราะว่าข้าพระบาทได้บนไว้เมื่อ ครั้งยังอยู่ในเมืองเกชูร์ประเทศซีเรียว่า <ถ้าพระเจ้าทรงโปรดนำข้าพระองค์มา ยังกรุงเยรูซาเล็มจริงแล้ว ข้าพระองค์จะถวายนมัสการพระเจ้า> >> พระราชาตรัสตอบท่านว่า <<จงไปเป็นสุขเถิด>> ท่านก็ลุกขึ้นไปยังเมืองเฮโบรน แต่อับซาโลมได้ส่งผู้สื่อสารไป ทั่วอิสราเอลทุกเผ่าว่า <<ท่านทั้งหลายได้ยินเสียงเขาสัตว์เมื่อไร จงกล่าวกันว่า <อับซาโลมเป็นกษัตริย์ที่กรุงเฮโบรน> >> มีชายสองร้อยคนไปกับอับซาโลมจากกรุงเยรูซาเล็ม เป็นคนที่ถูกเชิญให้ไป คนเหล่านี้ก็ไปกันเฉยๆ หาทราบเรื่องอะไรไม่ ขณะเมื่ออับซาโลมถวายสัตวบูชาอยู่ ท่านส่งคนไปเชิญอาหิโธเฟลชาวกิโลห์ที่ ปรึกษาของดาวิดมาจากนครของเขา คือกิโลห์ การที่คบคิดกันนั้นก็เพิ่มกำลังขึ้น คนที่มาฝักใฝ่อยู่กับอับซาโลมก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผู้สื่อสารคนหนึ่งมาเฝ้าดาวิดกราบทูลว่า <<ใจของคนอิสราเอล ได้คล้อยตามอับซาโลมไปแล้ว>> แล้วดาวิดรับสั่งแก่บรรดาข้าราชการที่อยู่กับพระองค์ ณ เยรูซาเล็มว่า <<จงลุกขึ้นให้เราหนีไปเถิด มิฉะนั้นเราจะหนีไม่พ้นจากอับซาโลมสักคนเดียว จงรีบไป เกรงว่าเขาจะตามเราทันโดยเร็วและนำเหตุร้ายมาถึงเรา และทำลายกรุงนี้เสียด้วยคมดาบ>>
2 ซามูเอล 15:1-14 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
ต่อมาอับซาโลมได้จัดหารถม้าศึกและมีคนห้าสิบคนคอยวิ่งนำหน้ารถ อับซาโลมจะตื่นแต่เช้ามายืนอยู่ริมทางเข้าประตูเมือง เมื่อใดก็ตามที่มีคนนำเรื่องมาร้องทุกข์เพื่อให้กษัตริย์ตัดสิน อับซาโลมก็จะเรียกคนนั้นมาพบและถามว่า “ท่านมาจากเมืองไหน?” เขาจะตอบว่า “ผู้รับใช้ของท่านมาจากเผ่าหนึ่งในอิสราเอล” อับซาโลมก็จะพูดกับเขาว่า “คำร้องของท่านมีมูลและควรแก่การพิจารณา แต่น่าเสียดายที่กษัตริย์ไม่มีตัวแทนมารับฟังท่าน” แล้วอับซาโลมจะกล่าวเสริมว่า “ถ้าเพียงแต่เราได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้พิพากษาในแผ่นดินนี้! ใครมีคดีความหรือเรื่องร้องทุกข์จะได้มาหาเรา แล้วเราจะให้ความยุติธรรมแก่เขา” และเมื่อมีใครมาค้อมคำนับอับซาโลม อับซาโลมจะจับมือกับเขา โอบและจูบเขา อับซาโลมทำอย่างนี้กับอิสราเอลทุกคนที่มาขอความยุติธรรมจากกษัตริย์ จึงชนะใจชนอิสราเอลทั้งปวง สี่ปีผ่านไป อับซาโลมทูลกษัตริย์ว่า “ข้าพระบาทขออนุญาตไปเมืองเฮโบรน เพื่อทำตามที่ได้ถวายปฏิญาณไว้ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อตอนที่ข้าพระบาทอยู่ที่เมืองเกชูร์ในอารัมได้ถวายปฏิญาณไว้ว่า ‘หากองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำข้าพระองค์กลับมายังเยรูซาเล็ม ข้าพระองค์จะนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าที่เมืองเฮโบรน’ ” กษัตริย์ดาวิดตรัสว่า “ขอให้ไปโดยสวัสดิภาพเถิด” อับซาโลมจึงไปเมืองเฮโบรน จากนั้นอับซาโลมลอบส่งคนไปบอกกับทุกเผ่าในอิสราเอลว่า “ทันทีที่ได้ยินเสียงแตร จงกล่าวว่า ‘อับซาโลมเป็นกษัตริย์ในเมืองเฮโบรน’ ” อับซาโลมได้เชิญคนจากกรุงเยรูซาเล็มสองร้อยคนไปร่วมด้วยในฐานะแขก พวกเขาไม่ระแคะระคายแผนการของอับซาโลม ขณะกำลังถวายเครื่องบูชา อับซาโลมให้คนไปเชิญอาหิโธเฟลชาวกิโลห์ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของดาวิดมาจากกิโลห์บ้านเกิดของเขา ทำให้การสมรู้ร่วมคิดครั้งนี้มีพลังมากยิ่งขึ้น และมีคนมาเป็นพวกอับซาโลมมากขึ้นเรื่อยๆ มีผู้สื่อสารมาทูลดาวิดว่า “จิตใจชาวอิสราเอลหันไปฝักใฝ่อยู่กับอับซาโลมแล้ว” ดาวิดจึงตรัสกับข้าราชการทั้งปวงที่อยู่ด้วยในเยรูซาเล็มว่า “เราต้องหนีแล้ว มิฉะนั้นจะไม่มีใครสักคนรอดพ้นจากเงื้อมมืออับซาโลม เราต้องหนีทันที มิฉะนั้นเขาจะบุกมาเล่นงานเราอย่างรวดเร็ว ทำให้เราย่อยยับกันหมดและทลายเมืองนี้ลงด้วยคมดาบ”
2 ซามูเอล 15:1-14 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
จากนั้นต่อมา อับซาโลมก็หารถศึกและม้าไว้ใช้ และมีทหารวิ่งนำหน้าเขาไป 50 คน อับซาโลมมักจะตื่นนอนแต่เช้าตรู่ และไปยืนที่ข้างทางประตูเมือง เมื่อผู้ใดมีเรื่องขัดแย้งที่ต้องมาให้กษัตริย์ตัดสิน อับซาโลมจะเรียกถามเขาว่า “เจ้ามาจากเมืองไหน” และเมื่อเขาพูดว่า “ผู้รับใช้ของท่านเป็นคนจากเผ่านั้นเผ่านี้ในอิสราเอล” อับซาโลมจะพูดว่า “ดูสิ ข้อหาของเจ้าก็ดีและถูกต้อง แต่ว่ากษัตริย์ไม่ได้แต่งตั้งใครให้ฟังเรื่องของเจ้า” แล้วอับซาโลมก็พูดว่า “ถ้าหากว่าเราเป็นผู้วินิจฉัยในแผ่นดินแล้ว ทุกคนที่มีเรื่องขัดแย้งหรือข้อหาใดๆ ก็มาหาเราได้ และเราจะให้ความเป็นธรรมแก่เขา” และเมื่อใดที่คนเข้ามาใกล้เขาเพื่อแสดงความเคารพ เขาก็จะยื่นมือออกไปจับตัวคนนั้น และจูบแก้มเขา อับซาโลมกระทำเช่นนั้นกับชาวอิสราเอลทุกคนที่มาหากษัตริย์ เพื่อให้ท่านตัดสินความ อับซาโลมจึงชนะใจชาวอิสราเอล เมื่อเวลาผ่านไป 4 ปีเต็ม อับซาโลมพูดกับกษัตริย์ว่า “ขอได้โปรดให้ข้าพเจ้าไปมอบของถวายที่เฮโบรนตามคำสัญญาของข้าพเจ้า ที่ได้ให้ไว้กับพระผู้เป็นเจ้าเถิด เพราะว่าผู้รับใช้ของท่านได้ให้คำสัญญาขณะอยู่ที่เมืองเกชูร์ในอารัมว่า ‘ถ้าพระผู้เป็นเจ้าจะนำข้าพเจ้ากลับมายังเมืองเยรูซาเล็มอย่างแน่แท้แล้ว ข้าพเจ้าจะนมัสการพระผู้เป็นเจ้า’” กษัตริย์กล่าวว่า “จงไปอย่างสันติสุขเถิด” เขาจึงไปยังเมืองเฮโบรน แต่อับซาโลมได้ให้บรรดาผู้ส่งข่าวไปทั่วทุกเผ่าของอิสราเอลเป็นการลับ ไปบอกว่า “ทันทีที่ท่านทั้งหลายได้ยินเสียงแตรงอน จงพูดว่า ‘อับซาโลมเป็นกษัตริย์ที่เฮโบรน’” เมื่ออับซาโลมออกไปจากเยรูซาเล็ม เขาได้เชิญชายจำนวน 200 คนไปเป็นแขกรับเชิญด้วย เขาเหล่านั้นไปด้วยโดยไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด ในขณะที่อับซาโลมกำลังมอบของถวาย เขาให้คนไปตามอาหิโธเฟลชาวกิโลห์ผู้ปรึกษาของดาวิด ให้มาจากกิโลห์เมืองของเขา และแผนการร้ายที่คบคิดก็แข็งกร้าวยิ่งขึ้น บรรดาคนที่เห็นชอบด้วยกับอับซาโลมก็เพิ่มมากขึ้น ผู้ส่งข่าวคนหนึ่งมาหาดาวิดและเรียนว่า “ใจของชาวอิสราเอลไปอยู่กับอับซาโลมเสียแล้ว” ดาวิดจึงกล่าวกับบรรดาผู้รับใช้ทั้งปวงที่อยู่กับท่านที่เยรูซาเล็มว่า “ลุกขึ้นเถิด พวกเราหนีไปได้แล้ว มิฉะนั้นพวกเราจะไม่มีทางหนีรอดอับซาโลมไปได้ ให้ออกไปโดยเร็ว กลัวว่าเขาจะจับเราได้อย่างรวดเร็วและทำให้พวกเราพินาศ และฆ่าคนในเมืองจนราบเป็นหน้ากลอง”