เฉลยธรรมบัญญัติ 5:16-33
เฉลยธรรมบัญญัติ 5:16-33 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
ให้เคารพพ่อแม่ของเจ้าตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าได้สั่งเจ้าไว้ เพื่อเจ้าจะได้มีอายุยืนยาวและเจริญรุ่งเรืองในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้ากำลังให้กับเจ้านี้ เจ้าต้องไม่ฆ่าคน เจ้าต้องไม่เป็นชู้ เจ้าต้องไม่ขโมย เจ้าต้องไม่เป็นพยานเท็จ ปรักปรำเพื่อนบ้านของเจ้า เจ้าต้องไม่อยากได้เมียของเพื่อนบ้าน เจ้าต้องไม่โลภอยากได้ของของเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่นา ทาสชายหญิง วัว หรือลา หรืออะไรก็ตามที่เป็นของของเพื่อนบ้านเจ้า’” โมเสสพูดอีกว่า “คำสั่งพวกนี้ พระยาห์เวห์ได้พูดด้วยเสียงอันดังกับพวกท่านทั้งหมดที่มาประชุมกันอยู่ที่ภูเขา พระองค์พูดจากท่ามกลางไฟ เมฆและหมอกหนาทึบ หลังจากนั้น พระองค์ก็ไม่พูดอะไรอีกเลย พระองค์ได้เขียนคำสั่งนี้ไว้บนแผ่นหินสองแผ่นและเอามาให้กับเรา เมื่อพวกท่านได้ยินเสียงจากความมืด ขณะที่ภูเขาลุกไหม้เป็นไฟ พวกท่านทั้งหลาย ที่เป็นหัวหน้าเผ่าและผู้อาวุโส ก็ได้เข้ามาหาเรา และพวกท่านพูดว่า ‘ดูสิ พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา ได้แสดงสง่าราศีและความยิ่งใหญ่ของพระองค์ให้พวกเราเห็น และพวกเราก็ได้ยินเสียงของพระองค์ออกมาจากกลางไฟด้วย วันนี้พวกเราได้เห็นแล้วว่า พระเจ้าพูดกับคนได้โดยที่คนยังมีชีวิตอยู่ แล้วทำไมเราจะต้องมาเสี่ยงกับความตายตอนนี้ด้วย ไฟนี้จะต้องทำลายพวกเราอย่างแน่นอน ถ้าพวกเราได้ยินเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราอีก เราจะต้องตาย เพราะมีมนุษย์คนไหนบ้างที่เคยได้ยินเสียงของพระเจ้าเที่ยงแท้ จากท่ามกลางไฟเหมือนพวกเรา แล้วยังมีชีวิตอยู่อีก ไม่มีแน่ โมเสส ท่านเข้าไปใกล้ๆพระองค์และให้ฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราจะพูด แล้วให้มาบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราบอกท่าน แล้วเราจะฟังและทำตามนั้น’ พระยาห์เวห์ได้ยินสิ่งที่พวกท่านพูดกับเรา พระองค์พูดกับเราว่า ‘เราได้ยินคำพูดที่ประชาชนพวกนี้พูดกับเจ้า สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นดี เราอยากให้พวกเขาทั้งหลายเกรงกลัวเรา และเชื่อฟังคำสั่งทั้งหมดของเราเสมอ เพื่อทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี ทั้งกับตัวพวกเขาเองและกับลูกหลานของพวกเขาตลอดไป ไปบอกพวกเขาว่า “กลับไปเต็นท์ของพวกเจ้าได้แล้ว” แต่เจ้าอยู่ที่นี่กับเราก่อนและเราจะบอกถึงคำสั่ง กฎและข้อบังคับทั้งหมดกับเจ้า และเจ้าจะต้องเอาไปสอนพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้เอาไปทำในแผ่นดินที่เราจะให้พวกเขาเป็นเจ้าของ’ ดังนั้น พวกท่านต้องระวังที่จะทำตามสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านสั่งท่านไว้ พวกท่านต้องไม่หลงไปทางซ้ายหรือทางขวา พวกท่านต้องเดินตามทางที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านสั่งท่านไว้ เพื่อพวกท่านจะได้มีชีวิตอยู่และเจริญรุ่งเรือง และมีอายุยืนยาวในแผ่นดินที่พวกท่านจะได้เป็นเจ้าของนั้น
เฉลยธรรมบัญญัติ 5:16-33 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
‘จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า ดังที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าทรงบัญชาเจ้าไว้ เพื่อเจ้าจะมีชีวิตยืนนาน และจะเป็นการดีต่อเจ้าในแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าประทานแก่เจ้า ‘ห้ามฆ่าคน ‘ห้ามล่วงประเวณีผัวเมียเขา ‘ห้ามลักขโมย ‘ห้ามเป็นพยานเท็จใส่ร้ายเพื่อนบ้าน ‘ห้ามโลภภรรยาของเพื่อนบ้าน และห้ามละโมบบ้านของเพื่อนบ้าน ไร่นาของเขา หรือทาสของเขา หรือทาสีของเขา โคของเขา หรือลาของเขา หรือสิ่งใดๆ ซึ่งเป็นของของเพื่อนบ้าน’ “พระยาห์เวห์ได้ตรัสพระวจนะเหล่านี้ด้วยพระสุรเสียงกึกก้องแก่ชุมนุมชนทั้งหมดของพวกท่านที่ภูเขา ออกมาจากท่ามกลางเพลิง เมฆ และความมืดครึ้มหนาทึบ และไม่ได้ทรงเพิ่มเติมสิ่งใดอีก แล้วพระองค์ทรงจารึกลงบนแผ่นศิลาสองแผ่นและประทานแก่ข้าพเจ้า “เมื่อท่านทั้งหลายได้ยินพระสุรเสียงออกมาจากท่ามกลางความมืด ขณะเมื่อภูเขานั้นมีเพลิงลุกอยู่ ท่านทั้งหลายเข้ามาใกล้ข้าพเจ้า คือหัวหน้าเผ่าของท่านทั้งหมด และพวกผู้ใหญ่ของท่าน และท่านทั้งหลายกล่าวว่า ‘นี่แน่ะ พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้ทรงสำแดงพระสิริและความยิ่งใหญ่ของพระองค์ และเราได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์จากท่ามกลางเพลิง ในวันนี้เราได้เห็นพระเจ้าตรัสกับมนุษย์ และมนุษย์ยังมีชีวิตอยู่ได้ ดังนั้นทำไมเราจะต้องตาย? เพราะเพลิงยิ่งใหญ่นี้จะเผาผลาญเรา ถ้าเราได้ยินพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราอีก เราก็จะต้องตาย เพราะในบรรดามนุษย์ทั้งหลาย ใครเล่าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ตรัสออกมาจากท่ามกลางเพลิงอย่างที่เราได้ยิน และยังมีชีวิตอยู่ได้? ท่านจงเข้าไปใกล้ และฟังทุกสิ่งซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราตรัส และนำพระวจนะที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราตรัสแก่ท่านนั้นมากล่าวแก่เรา และเราจะฟังและทำตาม’ “เมื่อท่านทั้งหลายพูดกับข้าพเจ้านั้น พระยาห์เวห์ทรงสดับเสียงถ้อยคำของท่าน และพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘เราได้ยินเสียงถ้อยคำของชนชาตินี้ซึ่งเขาพูดกับเจ้าแล้ว ซึ่งเขาพูดกับเจ้าเช่นนั้นก็ดีอยู่ โอ อยากให้พวกเขามีใจเช่นนี้อยู่เสมอ คือใจที่ยำเกรงเราและรักษาบัญญัติทั้งสิ้นของเรา เพื่อจะเป็นการดีต่อพวกเขาตลอดชั่วลูกหลานของเขาเป็นนิตย์ จงไปบอกพวกเขาว่า “พวกเจ้าจงกลับไปเต็นท์ของตนทุกคนเถิด” แต่ตัวเจ้า จงยืนอยู่ที่นี่ใกล้เรา และเราจะบอกบัญญัติและกฎเกณฑ์และกฎหมายทั้งสิ้นแก่เจ้า ซึ่งเจ้าจะต้องสอนเขาทั้งหลายเพื่อเขาจะทำตามในแผ่นดินซึ่งเราให้เขายึดครองนั้น’ ฉะนั้นท่านทั้งหลายจงระวังที่จะทำตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงบัญชานั้น อย่าหันไปทางขวาหรือทางซ้ายเลย จงดำเนินตามวิถีทางทั้งสิ้นซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงบัญชาท่าน เพื่อท่านจะมีชีวิตอยู่และเพื่อจะเป็นการดีต่อท่าน และท่านจะมีชีวิตยืนนานอยู่ในแผ่นดินซึ่งท่านจะยึดครองนั้น
เฉลยธรรมบัญญัติ 5:16-33 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า ดังที่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าทรงบัญชาเจ้าไว้ เพื่อเจ้าจะมีชีวิตยืนนาน และเจ้าจะไปดีมาดีในแผ่นดินซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าประทานให้แก่เจ้า อย่าฆ่าคน อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา อย่าลักทรัพย์ อย่าเป็นพยานเท็จใส่ร้ายเพื่อนบ้าน อย่าอยากได้ภรรยาของเพื่อนบ้าน และอย่าโลภครัวเรือนของเพื่อนบ้าน คือไร่นาของเขา หรือทาสทาสีของเขา หรือวัว ลาของเขา หรือสิ่งใดๆซึ่งเป็นของของเพื่อนบ้าน’ พระวจนะเหล่านี้พระเยโฮวาห์ได้ตรัสแก่ชุมนุมชนทั้งปวงของท่านที่ภูเขา ออกมาจากท่ามกลางเพลิง เมฆและความมืดคลุ้มหนาทึบ ด้วยพระสุรเสียงอันดัง และมิได้ทรงเพิ่มเติมสิ่งใดอีก และพระองค์ทรงจารึกไว้บนแผ่นศิลาสองแผ่นและประทานแก่ข้าพเจ้า ต่อมาเมื่อท่านทั้งหลายได้ยินพระสุรเสียงออกมาจากท่ามกลางความมืดนั้น (ขณะเมื่อภูเขานั้นมีเพลิงลุกอยู่) ท่านทั้งหลายเข้ามาใกล้ข้าพเจ้า คือหัวหน้าตระกูลของท่านทั้งหมด และพวกผู้ใหญ่ของท่าน และท่านทั้งหลายกล่าวว่า ‘ดูเถิด พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราได้ทรงสำแดงสง่าราศีและความใหญ่ยิ่งของพระองค์ และเราได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์จากท่ามกลางเพลิง ในวันนี้เราได้เห็นพระเจ้าตรัสกับมนุษย์ และมนุษย์ยังคงชีวิตอยู่ได้ ฉะนั้นบัดนี้เราทั้งหลายจะต้องตายเสียทำไม เพราะเพลิงใหญ่ยิ่งนี้จะเผาผลาญเรา ถ้าเราได้ยินพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราอีก เราก็จะต้องตาย เพราะในบรรดามนุษย์ทั้งหลายใครเล่า ผู้ได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ตรัสออกมาจากท่ามกลางเพลิงอย่างที่เราได้ยินและยังมีชีวิตอยู่ได้ ท่านจงเข้าไปใกล้ และฟังทุกสิ่งซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราตรัส และนำพระวจนะทั้งสิ้นที่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราตรัสแก่ท่านนั้นมากล่าวแก่เราทั้งหลาย และเราทั้งหลายจะฟังและกระทำตาม’ เมื่อท่านทั้งหลายพูดกับข้าพเจ้านั้น พระเยโฮวาห์ทรงสดับเสียงแห่งถ้อยคำของท่านทั้งหลาย และพระเยโฮวาห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘เราได้ยินเสียงแห่งถ้อยคำของชนชาติซึ่งเขาพูดกับเจ้าแล้ว สารพัดซึ่งเขาพูดกับเจ้าเช่นนั้นก็ดีอยู่ โอ อยากให้มีจิตใจเช่นนี้อยู่เสมอไปหนอ คือที่จะยำเกรงเราและรักษาบัญญัติทั้งสิ้นของเรา เขาทั้งหลายก็จะสุขเจริญอยู่ตลอดชั่วลูกหลานของเขาเป็นนิตย์ จงกลับไปบอกแก่เขาว่า “เจ้าจงกลับไปเต็นท์ของเจ้าทุกคนเถิด” แต่ตัวเจ้าจงยืนอยู่ที่นี่ใกล้เรา และเราจะบอกข้อบัญญัติและกฎเกณฑ์และคำตัดสินทั้งสิ้นแก่เจ้า ซึ่งเจ้าจะต้องสอนเขาทั้งหลายเพื่อเขาทั้งหลายจะกระทำตามในแผ่นดินซึ่งเราให้เขายึดครองนั้น’ เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงระวังที่จะกระทำดังที่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายได้ทรงบัญชาไว้นั้น ท่านทั้งหลายอย่าหันไปทางขวามือหรือทางซ้ายเลย ท่านจงดำเนินตามวิถีทางทั้งสิ้นซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านได้ทรงบัญชาท่านไว้ เพื่อท่านจะมีชีวิตอยู่และเพื่อท่านจะไปดีมาดี และมีชีวิตยืนนานอยู่ในแผ่นดินซึ่งท่านจะยึดครองนั้น”
เฉลยธรรมบัญญัติ 5:16-33 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
<< <จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของ เจ้า ดังที่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าทรงบัญชาเจ้าไว้ เพื่อเจ้าจะมีชีวิตยืนนาน และเจ้าจะไปดีมาดีในแผ่นดินซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้า ของเจ้าประทานให้แก่เจ้า << <อย่าฆ่าคน << <อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา << <อย่าลัก ทรัพย์ << <อย่าเป็นพยานเท็จใส่ร้ายเพื่อนบ้าน << <อย่าโลภภรรยาของเพื่อนบ้าน และอย่าอยากได้บ้านของเพื่อนคือไร่นา ทาส ทาสี วัว ลา หรือสิ่งใดๆซึ่งเป็นของของเพื่อนบ้าน> <<พระวจนะเหล่านี้พระเจ้า ได้ตรัสแก่ชุมนุมชนทั้งปวงของท่านที่ภูเขา ออกมาจากท่ามกลางเพลิงเมฆ และความมืดคลุ้มหนาทึบ ด้วยพระสุรเสียงอันดัง และมิได้ทรงเพิ่มเติมสิ่งใดอีก และพระองค์ทรงจารึกไว้บน แผ่นศิลาสองแผ่นและประทานแก่ข้าพเจ้า <<เมื่อท่านทั้งหลายได้ยินพระสุรเสียงออกมาจากความมืด ขณะเมื่อภูเขานั้นมีเพลิงลุกอยู่ ท่านทั้งหลายเข้ามาหาข้าพเจ้า คือหัวหน้าเผ่าของท่านทั้งหมด และพวกผู้ใหญ่ของท่าน และท่านทั้งหลายกล่าวว่า <ดูเถิด พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราได้ทรงสำแดง พระสิริและความใหญ่ยิ่งของพระองค์ และเราได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์จากท่ามกลางเพลิง ในวันนี้เราได้เห็นพระเจ้าตรัสกับมนุษย์ และมนุษย์ยังคงชีวิตอยู่ได้ เหตุฉะนี้เราทั้งหลายจะต้องตายเสียทำไม เพราะเพลิงใหญ่ยิ่งนี้จะเผาผลาญเรา ถ้าเราได้ยินพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราอีก เราก็จะต้องตาย เพราะในบรรดามนุษย์ทั้งหลาย ใครเล่าผู้ได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ตรัส ออกมาจากท่ามกลางเพลิงอย่างที่เราได้ยิน และยังมีชีวิตอยู่ได้ ท่านจงเข้าไปใกล้ และฟังทุกสิ่งซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราตรัส และนำพระวจนะที่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราตรัส แก่ท่านนั้นมากล่าวแก่เราทั้งหลาย และเราทั้งหลายจะฟังและกระทำตาม> <<เมื่อท่านทั้งหลายพูดกับข้าพเจ้านั้น พระเจ้าทรงทราบถ้อยคำของท่านทั้งหลาย และพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า <เราได้ยินถ้อยคำของชนชาติซึ่งเขาพูดกับเจ้าแล้ว ซึ่งเขาพูดกับเจ้าเช่นนั้นก็ดีอยู่ โอ อยากให้มีจิตใจเช่นนี้อยู่เสมอไปหนอ คือที่จะยำเกรงเราและรักษาบัญญัติทั้งสิ้นของเรา เขาทั้งหลายก็จะสุขเจริญอยู่ตลอดชั่วลูกหลานของเขาเป็นนิตย์ จงกลับไปบอกแก่เขาว่า <<เจ้าจงกลับไปเต็นท์ของเจ้าทุกคนเถิด>> แต่ตัวเจ้า จงยืนอยู่ที่นี่ใกล้เรา และเราจะบอกข้อบัญญัติและกฎเกณฑ์และกฎหมายทั้งสิ้นแก่เจ้า ซึ่งเจ้าจะต้องสอนเขาทั้งหลายเพื่อเขาทั้งหลายจะกระทำตาม ในแผ่นดินซึ่งเราให้เขายึดครองนั้น> เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงระวังที่จะกระทำดังที่ พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายได้ทรงบัญชาไว้นั้น ท่านทั้งหลายอย่าหันไปทางขวามือหรือทางซ้ายเลย ท่านจงดำเนินตามวิถีทางทั้งสิ้นซึ่งพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของท่านได้ทรงบัญชาท่านไว้เพื่อท่านจะมี ชีวิตอยู่และเพื่อท่านจะไปดีมาดี และมีชีวิตยืนนานอยู่ในแผ่นดินซึ่งท่านจะยึดครองนั้น
เฉลยธรรมบัญญัติ 5:16-33 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
“จงให้เกียรติบิดามารดาของเจ้าตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าได้ทรงบัญชาไว้ เพื่อเจ้าจะมีชีวิตยืนยาวและอยู่เย็นเป็นสุขในดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้ากำลังยกให้เจ้า “อย่าฆ่าคน “อย่าล่วงประเวณี “อย่าลักขโมย “อย่าเป็นพยานเท็จใส่ร้ายเพื่อนบ้าน “อย่าโลภอยากได้ภรรยาของผู้อื่น หรืออยากได้บ้านหรือที่ดิน ทาสชายหญิง วัวหรือลา หรือสิ่งใดๆ ที่เป็นของเพื่อนบ้าน” ทั้งหมดนี้คือบทบัญญัติซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศด้วยพระสุรเสียงอันดังออกมาจากไฟ เมฆ และความมืดมิดแก่พวกท่านทั้งหมดบนภูเขา และพระองค์ไม่ได้ทรงเพิ่มเติมสิ่งใด จากนั้นพระองค์ทรงจารึกบทบัญญัติไว้บนศิลาสองแผ่นและประทานแก่ข้าพเจ้า เมื่อพวกท่านได้ยินพระสุรเสียงจากความมืดทึบ ขณะที่ภูเขามีไฟลุกโชน บรรดาหัวหน้าเผ่าและผู้อาวุโสของพวกท่านมาหาข้าพเจ้า และพวกเขากล่าวว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทรงสำแดงพระเกียรติสิริและพระบารมีของพระองค์ และเราได้ยินพระสุรเสียงจากเปลวไฟ วันนี้เราได้เห็นพระเจ้าตรัสกับมนุษย์และมนุษย์ยังมีชีวิตอยู่ แต่บัดนี้ทำไมเราจะต้องมาตายเล่า? เปลวไฟอันน่ากลัวนี้คงเผาเราเป็นจุลทีเดียว เราจะต้องตายแน่หากเราได้ยินพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราต่อไป มนุษย์คนใดหนอสามารถได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ตรัสจากเปลวไฟเหมือนที่เราได้ยินแล้วยังมีชีวิตรอดอยู่? ท่านจงเข้าไปใกล้และฟังทุกอย่างที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราตรัสเถิด แล้วกลับมาบอกเราถึงสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราตรัสแก่ท่าน เราจะฟังและปฏิบัติตาม” องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงได้ยินสิ่งที่ท่านพูดกับข้าพเจ้าและองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เราได้ยินสิ่งที่คนเหล่านี้พูดกับเจ้าแล้ว ทุกอย่างที่พวกเขาพูดนั้นดีแล้ว เราอยากให้เขามีจิตใจเช่นนี้เสมอไปคือยำเกรงเราและปฏิบัติตามคำบัญชาทั้งปวงของเรา เพื่อทุกอย่างจะเป็นผลดีสำหรับเขาและลูกหลานตลอดไป! “จงไปบอกพวกเขาให้กลับไปยังเต็นท์ของตน ส่วนเจ้าจงอยู่กับเราที่นี่ เพื่อเราจะมอบคำบัญชา กฎหมาย และบทบัญญัติทั้งปวงแก่เจ้า เจ้าจงสั่งสอนเขาให้ปฏิบัติตามในดินแดนที่เรากำลังยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของพวกเขา” ฉะนั้นจงใส่ใจทำตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงบัญชาท่านไว้ อย่าออกนอกลู่นอกทาง จงดำเนินชีวิตตามแนวทางทั้งปวงที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงบัญชาท่านไว้ เพื่อท่านจะมีชีวิตยืนยาวและเจริญรุ่งเรืองในดินแดนซึ่งท่านจะเข้ายึดครอง
เฉลยธรรมบัญญัติ 5:16-33 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
จงให้เกียรติบิดามารดาของเจ้าตามที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้าบัญชาไว้ เพื่อเจ้าจะได้มีชีวิตยืนยาว และทุกสิ่งจะเป็นไปด้วยดีในแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้ามอบให้แก่เจ้า อย่าฆ่าคน อย่าผิดประเวณี อย่าขโมย อย่าเป็นพยานเท็จกล่าวหาเพื่อนบ้านของเจ้า อย่าโลภอยากได้ภรรยาของเพื่อนบ้านเจ้า หรือโลภอยากได้บ้านเรือนของเพื่อนบ้าน หรือไร่นา ผู้รับใช้ชายและหญิงของเขา โคหรือลาของเขา หรืออะไรก็ตามที่เป็นของเพื่อนบ้านของเจ้า’ นี่คือพระบัญญัติที่พระผู้เป็นเจ้าประกาศด้วยเสียงอันดังแก่ที่ประชุมทั้งหมดที่ภูเขา จากใจกลางเพลิง หมอกเมฆและความมืดมิด พระองค์ไม่ได้กล่าวยิ่งไปกว่านั้น แล้วพระองค์เขียนไว้บนศิลา 2 แผ่นมอบให้กับเรา เมื่อท่านได้ยินเสียงจากความมืด และภูเขาก็ลุกเป็นไฟ ท่านและบรรดาหัวหน้าประจำเผ่าและหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของท่านจึงเข้ามาใกล้เรา แล้วพวกท่านพูดว่า ‘พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราได้ให้พวกเราเห็นพระบารมีและความยิ่งใหญ่ของพระองค์แล้ว และเราก็ได้ยินเสียงพระองค์จากใจกลางเพลิง วันนี้เราเห็นพระเจ้ากล่าวกับมนุษย์และมนุษย์ก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ ในเวลานี้ทำไมพวกเราจะต้องเสี่ยงกับความตายเล่า เพลิงไฟขนาดใหญ่เช่นนี้จะทำให้พวกเราไม่รอดแน่ ถ้าหากว่าเราได้ยินเสียงพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราอีก เราจะต้องตายอย่างแน่นอน มีมนุษย์ใดบ้างที่ได้ยินเสียงของพระเจ้าผู้ดำรงอยู่พูดจากเพลิงไฟอย่างที่พวกเราได้ยินและยังมีชีวิตอยู่ได้ ขอให้ท่านเป็นผู้ไปใกล้ๆ เถิด ฟังทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราจะกล่าว แล้วท่านมาบอกให้พวกเราฟังสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราบอกกับท่านในทุกเรื่อง พวกเราจะฟังและปฏิบัติตาม’ พระผู้เป็นเจ้าได้ยินสิ่งที่ท่านพูดกับเรา พระองค์จึงกล่าวกับเราว่า ‘เราได้ยินสิ่งที่ประชาชนพวกนี้พูดกับเจ้า ทุกสิ่งที่พวกเขาพูดมานั้นถูกต้องทีเดียว ถ้าใจของพวกเขาเป็นเช่นนั้นได้เสมอไปก็ดีนะ เกรงกลัวเราและรักษาบัญญัติของเราทุกข้อ เพื่อว่าทุกสิ่งจะเป็นไปด้วยดีสำหรับพวกเขาและลูกหลานของเขาไปตลอดกาล เจ้าจงไปบอกพวกเขาให้กลับไปยังกระโจมของตน แต่เจ้าจงยืนอยู่ที่นี่กับเรา แล้วเราจะบอกเจ้าเรื่องบัญญัติ กฎเกณฑ์ และคำบัญชาทั้งสิ้นที่เจ้าควรจะสอนพวกเขา เพื่อให้เขาปฏิบัติตามในแผ่นดินที่เรามอบให้เขาเพื่อยึดครอง’ ฉะนั้นพวกท่านจงระมัดระวังปฏิบัติตามที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านบัญชาให้ท่านกระทำ อย่าหันเหไปจากการปฏิบัติตามกฎบัญญัติ ท่านควรปฏิบัติตามวิถีทางที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านได้บัญชาไว้ เพื่อจะได้มีชีวิตอยู่ และทุกสิ่งจะเป็นไปด้วยดีสำหรับท่าน และจะมีอายุยืนอยู่ในแผ่นดินที่ท่านจะยึดครอง