เอสเธอร์ 3:3-13

เอสเธอร์ 3:3-13 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

พวก​เจ้าหน้าที่​ของ​กษัตริย์​ที่​รับใช้​อยู่​ใน​วัง​จึง​ถาม​โมรเดคัย​ว่า “ทำไม​เจ้า​ถึง​ไม่​คุกเข่า​ลง​ก้ม​กราบ​ฮามาน​ตาม​คำสั่ง​ของ​กษัตริย์” พวกเขา​ได้​พูด​เรื่องนี้​กับ​โมรเดคัย​หลาย​ครั้ง​หลาย​หน แต่​โมรเดคัย​ก็​ยัง​ไม่ฟัง​พวกเขา พวกเขา​จึง​ไป​ฟ้อง​ฮามาน พวกเขา​อยาก​รู้​ว่า​ข้อแก้ตัว​ที่​โมรเดคัย​ให้​นั้น​ฟัง​ขึ้น​หรือ​เปล่า เพราะ​โมรเดคัย​บอก​กับ​พวกเขา​ว่า​โมรเดคัย​เป็น​ชาวยิว เมื่อ​ฮามาน​เห็น​ว่า​โมรเดคัย​ไม่ยอม​คุกเข่า​ลง​ก้ม​กราบ​เขา เขา​ก็​โกรธ​มาก เพราะ​เขา​รู้​ว่า​โมรเดคัย​เป็น​คนยิว เขา​จึง​คิด​ว่า​ฆ่า​แค่​โมรเดคัย​คนเดียว​ไม่พอ ต้อง​กำจัด​คน​ของ​โมรเดคัย​ด้วย คือ​ชาวยิว​ทุกคน​ที่​อาศัย​อยู่​ทั่ว​ราช​อาณาจักร​ของ​กษัตริย์​อาหสุเอรัส ใน​ปี​ที่​สิบสอง​ที่​กษัตริย์​อาหสุเอรัส​ครองราชย์ ใน​เดือน​แรก คือ​เดือน​นิสาน ฮามาน​ได้​ทำการ​เสี่ยงทาย​เพื่อ​หา​วัน​และ​เดือน​ที่​จะ​กำจัด​ชาวยิว และ​มัน​ก็​ตก​เป็น​วัน​ที่​สิบสาม​ของ​เดือน​สิบสอง​คือ​เดือน​อาดาร์ (ใน​สมัย​นั้น​สิ่ง​ที่​ใช้​ใน​การ​เสี่ยงทาย​นี้ มี​ชื่อ​เรียกว่า “เปอร์”) ฮามาน​พูด​กับ​กษัตริย์​อาหสุเอรัส​ว่า “มี​คน​อยู่​กลุ่ม​หนึ่ง​ที่​กระจัด​กระจาย​อาศัย​อยู่​ทั่ว​ทุก​มณฑล​ใน​ราช​อาณาจักร​ของ​พระองค์ แต่​พวกเขา​แยกตัว​ออก​จาก​คนอื่น กฎหมาย​ของ​พวกเขา​แตกต่าง​จาก​กฎหมาย​ของ​คนอื่นๆ​ทั้งหมด พวกนี้​ไม่ยอม​เชื่อฟัง​กฎหมาย​ของ​พระองค์ ดังนั้น​มัน​ไม่มี​ประโยชน์​อะไร​สำหรับ​พระองค์​ที่​จะ​เก็บ​คน​พวกนั้น​ไว้ ถ้า​พระองค์​เห็นดี​ด้วย ขอ​พระองค์​เขียน​เป็น​กฎ​ออกมา​ให้​ทำลาย​คน​พวกนี้​เสีย และ​ข้าพเจ้า​จะ​ถวาย​เงิน​ประมาณ​สามร้อย​สี่สิบห้า​ตัน ให้​กับ​เจ้าหน้าที่​ของ​กษัตริย์​เพื่อ​เอา​ไป​เก็บ​ไว้​ใน​คลัง​หลวง” กษัตริย์​จึง​ถอด​แหวน​จาก​นิ้วมือ​ของ​พระองค์ มอบ​ให้​กับ​ฮามาน ลูกชาย​ของ​ฮัมเมดาธา ชาว​อากัก ฮามาน​เป็น​ศัตรู​ของ​ชาวยิว กษัตริย์​พูด​กับ​ฮามาน​ว่า “เรา​จะ​มอบ​เงิน​และ​คน​เหล่านั้น​ให้​กับ​เจ้า เจ้า​อยาก​จะ​ทำ​อะไร​กับ​พวกเขา ก็​ไป​ทำ​ได้เลย” แล้ว​ใน​วันที่​สิบสาม​ของ​เดือน​แรก ฮามาน​ได้​เรียก​พวก​เสมียน​ของ​กษัตริย์​มา และ​ให้​พวก​เสมียน​เขียน​ทุกอย่าง​ตาม​ที่​เขาสั่ง พวกเขา​เขียน​เป็น​ภาษา​ของ​คน​ต่างๆ​เหล่านั้น และ​ส่ง​ไป​ยัง​พวก​ผู้​ควบคุม​ภาค พวก​ผู้ว่า​ราชการ​ของ​แต่ละ​มณฑล รวมทั้ง​เจ้าหน้าที่​ของ​ประชาชน​ทุกคน​ใน​ทุก​มณฑล คำสั่ง​นี้​ได้​เขียน​ขึ้น​ภายใต้​ชื่อ​ของ​กษัตริย์​อาหสุเอรัส และ​ประทับ​ตรา​ด้วย​แหวน​ของ​พระองค์ แล้ว​พวก​ผู้​ส่งสาร​ก็​นำ​จดหมาย​เหล่านี้​ไป​แจกจ่าย​ตาม​มณฑล​ต่างๆ​ทั่ว​ทุกแห่ง​ที่​อยู่​ภายใต้​การ​ปกครอง​ของ​กษัตริย์ ใน​จดหมาย​เขียน​ว่า “ให้​ทำลาย​ล้าง​และ​ฆ่า​ชาวยิว​ทุกคน​ให้​พินาศ​สิ้นไป ทั้ง​คนหนุ่ม​และ​คนแก่ ทั้ง​ผู้หญิง​และ​เด็ก​เล็กๆ ให้​ลงมือ​ใน​วันที่​สิบสาม​ของ​เดือน​สิบสอง ซึ่ง​เป็น​เดือน​อาดาร์ และ​ให้​ยึด​ข้าวของ​ทั้งหมด​ของ​พวกเขา​ไว้

เอสเธอร์ 3:3-13 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

พวกมหาดเล็กซึ่งอยู่ที่ประตูพระราชวังจึงพูดกับโมรเดคัยว่า “ทำไมท่านละเมิดพระบัญชาของกษัตริย์?” ต่อมาเมื่อเขาทั้งหลายพูดกับท่านวันแล้ววันเล่า และท่านไม่ฟัง พวกเขาจึงไปเรียนฮามานเพื่อดูว่าถ้อยคำของโมรเดคัยจะชนะหรือไม่? เพราะท่านบอกพวกเขาว่าท่านเป็นยิว เมื่อฮามานเห็นว่าโมรเดคัยไม่กราบลงหรือแสดงความเคารพ ฮามานก็เดือดดาล แต่เห็นว่าเป็นการเสียเกียรติที่จะจับกุมโมรเดคัยคนเดียว เพราะพวกเขาแจ้งให้ทราบเรื่องชนชาติของโมรเดคัย ฮามานจึงหาทางทำลายคนยิวทั้งหมด คือชนชาติของโมรเดคัย ทั่วราชอาณาจักรของอาหสุเอรัส ในเดือนแรกซึ่งเป็นเดือนนิสาน ปีที่สิบสองแห่งรัชกาลกษัตริย์อาหสุเอรัส เขาพากันทอดสลากต่อหน้าฮามานเพื่อหาวันหาเดือน เขาได้เดือนที่สิบสอง คือเดือนอาดาร์ แล้วฮามานทูลกษัตริย์อาหสุเอรัสว่า “มีชนชาติหนึ่งกระจายและแยกกันอยู่ท่ามกลางชนชาติต่างๆ ในทุกมณฑลแห่งราชอาณาจักรของพระองค์ กฎหมายของพวกเขาต่างกับกฎหมายของชนชาติอื่นทั้งสิ้น และพวกเขาไม่รักษากฎหมายของกษัตริย์ การที่กษัตริย์ทรงปล่อยพวกเขาไว้เช่นนี้ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่พระองค์ ถ้าเป็นที่พอพระทัยกษัตริย์ ขอทรงออกกฤษฎีกาให้ทำลายล้างพวกเขาเสีย และข้าพระบาทจะถวายเงิน 10,000 ตะลันต์ใส่มือผู้ดูแลพระราชกิจเพื่อจะเก็บเข้าพระคลังหลวง” กษัตริย์จึงทรงถอดแหวนตราจากพระหัตถ์ ประทานแก่ฮามานบุตรฮัมเมดาธา คนอากัก ศัตรูของพวกยิว และตรัสกับฮามานว่า “เรามอบเงินนั้นและประชาชนนั้นแก่ท่าน เพื่อจะทำกับพวกเขาตามที่ท่านเห็นดี” แล้วทรงเรียกราชอาลักษณ์เข้ามาในวันที่สิบสามเดือนที่หนึ่ง ให้เขียนกฤษฎีกาตามที่ฮามานบัญชาไว้ทุกประการ ส่งไปถึงสมุหเทศาภิบาลของกษัตริย์และถึงข้าหลวงประจำทุกมณฑล และถึงเจ้านายของชนทุกชาติ ทุกมณฑล เป็นตัวอักษรของชนทุกชาติตามภาษาของเขา เขียนในพระนามของกษัตริย์อาหสุเอรัส และประทับตราด้วยแหวนตราของกษัตริย์ ให้ผู้ถือสารนำจดหมายเหล่านี้ไปยังทุกมณฑลของกษัตริย์ สั่งให้ทำลาย สังหารและกวาดล้างคนยิวทั้งสิ้น ทั้งหนุ่มและแก่ ทั้งเด็กและผู้หญิงในวันเดียวกัน คือวันที่สิบสามเดือนสิบสองคือเดือนอาดาร์ และให้ริบเอาข้าวของของพวกเขาด้วย

เอสเธอร์ 3:3-13 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ข้าราชการของกษั​ตริ​ย์ซึ่งอยู่​ที่​ประตู​ของกษั​ตริ​ย์จึงพู​ดก​ับโมรเดคัยว่า “ทำไมท่านละเมิดพระบัญชาของกษั​ตริ​ย์” อยู่​มาเมื่อเขาทั้งหลายพู​ดก​ั​บท​่านวันแล้​วว​ันเล่า และท่านไม่ฟังเขา เขาก็ไปเรียนฮามานเพื่อจะดูว่าถ้อยคำของโมรเดคัยจะชนะหรือไม่ เพราะท่านบอกเขาว่าท่านเป็นยิว เมื่อฮามานเห็​นว​่าโมรเดคัยไม่กราบลงหรือแสดงความเคารพต่อท่าน ฮามานก็​เดือดดาล แต่​ท่านเห็​นว​่าเป็นการเสียเกียรติ​ที่​จะจั​บก​ุมโมรเดคัยคนเดียว เพราะมีคนเรียนท่านให้ทราบถึงชนชาติของโมรเดคัย ฮามานจึงหาช่องที่จะทำลายยิ​วท​ั้งหมด คือชนชาติของโมรเดคัยทั่วราชอาณาจักรของอาหสุเอรัส ในเดือนแรกซึ่งเป็นเดือนนิสานปี​ที่​สิ​บสองแห่งรัชกาลกษั​ตริ​ย์อาหสุเอรัส เขาพากันทอดเปอร์ คือสลาก ต่อหน้าฮามานเพื่อหาวัน และเพื่อหาเดือน ได้​เดือนที่​สิบสอง คือเป็นเดือนอาดาร์ แล​้วฮามานทูลกษั​ตริ​ย์อาหสุเอรั​สว​่า “​มี​ชนชาติ​หน​ึ่งกระจายอยู่​ทั่ว และแยกกันอยู่ท่ามกลางชนชาติทั้งหลายในมณฑลทั้งหลายแห่งราชอาณาจักรของพระองค์ กฎหมายของเขาผิ​ดก​ับกฎหมายของชนชาติอื่นทั้งสิ้น และพวกนี้​ไม่​รักษากฎหมายของกษั​ตริ​ย์ การที่​กษัตริย์​ทรงปล่อยเขาไว้​นี้​ไม่​บังเกิดประโยชน์​แก่​พระองค์ ถ้าเป็​นที​่พอพระทัยกษั​ตริ​ย์ ขอทรงออกกฤษฎีกาให้ทำลายล้างเขาเสียเถิด และข้าพระองค์จะถวายเงินหนึ่งหมื่นตะลันต์​ใส่​มือบรรดาผู้​ที่​ดู​แลพระราชกิจของกษั​ตริ​ย์ เพื่อเขาจะได้​ใส่​ในพระคลังของกษั​ตริ​ย์” กษัตริย์​จึงถอดพระธำมรงค์ตราออกจากพระหัตถ์ของพระองค์มอบแก่ฮามานบุตรชายฮัมเมดาธา คนอากัก ศัตรู​ของพวกยิว และกษั​ตริ​ย์ตรัสกับฮามานว่า “เรามอบเงินนั้นให้​แก่​ท่าน และมอบประชาชนแก่ท่านด้วย เพื่อจะทำแก่เขาตามที่ท่านเห็นดี” แล​้วทรงเรียกราชอาลักษณ์​เข​้ามาในวั​นที​่​สิ​บสามเดือนต้น ให้​เข​ียนกฤษฎีกาตามที่ฮามานบัญชาไว้​ทุ​กประการ ส่งไปยังสมุหเทศาภิบาลของกษั​ตริ​ย์และของเจ้าเมืองมณฑลทั้งปวงและถึงเจ้านายแห่งชนชาติ​ทั้งปวง ถึงทุกมณฑลเป็​นอ​ักขระของมณฑลนั้น และถึงชนทุกชาติเป็นภาษาของเขา เข​ียนในพระนามของกษั​ตริ​ย์อาหสุเอรัส และประทับตราด้วยพระธำมรงค์ของกษั​ตริ​ย์ ให้​คนเดินข่าวจดหมายเหล่านี้ไปถึงมณฑลของกษั​ตริ​ย์ทั้งสิ้นสั่งให้​ทำลาย สังหารและทำให้ยิ​วท​ั้งปวงพินาศไป ทั้งหนุ่มและแก่ เด็กและผู้หญิงในวันเดียวกัน คือวั​นที​่​สิ​บสามเดือนที่​สิ​บสองซึ่งเป็นเดือนอาดาร์ และให้ริบเอาข้าวของของเขาไปหมด

เอสเธอร์ 3:3-13 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

ข้าราชการซึ่งอยู่ที่ประตูพระราชวังจึง พูดกับโมรเดคัยว่า <<ทำไมท่านละเมิดพระบัญชาของพระราชา>> อยู่มาเมื่อเขาทั้งหลายพูดกับท่านวันแล้ววันเล่า และท่านไม่ฟังเขา เขาก็ไปเรียนฮามานเพื่อจะดู ว่าถ้อยคำของโมรเดคัยจะชนะหรือไม่ เพราะท่านบอกเขาว่าท่านเป็นยิว เมื่อฮามานเห็นว่าโมรเดคัยไม่กราบลง หรือแสดงความเคารพต่อท่านก็เดือดดาล แต่ท่านเห็นว่าเป็นการเสียเกียรติที่ จะจับกุมโมรเดคัยคนเดียว ฮามานจึงหาช่องที่จะทำลายยิวทั้งหมด คือชนชาติของโมรเดคัย ทั่วราชอาณาจักรของอาหสุเอรัส ในเดือนแรกซึ่งเป็น เดือนนิสานปีที่สิบสองแห่งรัชกาลกษัตริย์อาหสุเอรัส เขาพากันทอดเปอร์ คือสลาก ต่อหน้าฮามานเพื่อหาวัน และเขาทอดเปอร์เพื่อหาเดือน ได้วันที่สิบสามและเดือนที่สิบสอง คือเป็นเดือนอาดาร์ แล้วฮามานทูลกษัตริย์อาหสุเอรัสว่า <<มีชนชาติหนึ่งกระจายอยู่ทั่ว และแยกกันอยู่ท่ามกลางชนชาติทั้งหลายในมณฑล แห่งราชอาณาจักรของพระองค์ กฎหมายของเขาผิดกับกฎหมายของชนชาติอื่นทั้งสิ้น และพวกนี้ไม่รักษากฎหมายของพระราชา การที่พระราชาทรงปล่อยเขาไว้นี้ไม่บังเกิด ประโยชน์แก่พระองค์ ถ้าเป็นที่พอพระทัยพระราชา ขอทรงออกกฤษฎีกาให้ทำลายล้างเขาเสียเถิด และข้าบาทจะถวายเงินหนึ่งหมื่นตะลันต์ ใส่มือบรรดาผู้ที่ดูแลพระราชกิจของ พระราชาเพื่อเขาจะได้ใส่ในพระคลังของพระราชา>> พระราชาจึงถอดพระธำมรงค์ตราออกจากพระหัตถ์ ของพระองค์มอบแก่ฮามานบุตรฮัมเมดาธา คนอากัก ศัตรูของพวกยิว และตรัสกับฮามานว่า <<เรามอบเงินนั้นให้แก่ท่าน และมอบประชาชนแก่ท่านด้วย เพื่อจะทำแก่เขาตามที่ท่านเห็นดี>> แล้วทรงเรียกราชอาลักษณ์เข้ามาในวันที่ สิบสามเดือนต้น ให้เขียนกฤษฎีกาตามที่ฮามานบัญชาไว้ทุกประการ ส่งไปยังสมุหเทศาภิบาลของพระราชาและของ เจ้าเมืองมณฑลทั้งปวง และถึงเจ้านายแห่งชนชาติทั้งปวง ถึงทุกมณฑลเป็นอักขระของมณฑลนั้น และถึงชนทุกชาติเป็นภาษาของเขา เขียนในพระนามของกษัตริย์อาหสุเอรัส และประทับตราด้วยธำมรงค์ของพระราชา ให้คนเดินข่าวจดหมายเหล่านี้ไปถึง มณฑลของพระราชาทั้งสิ้น สั่งให้ทำลาย สังหารและล้างยิวทั้งปวงทั้งหนุ่มและแก่ เด็กและผู้หญิงในวันเดียวกัน คือวันที่สิบสามเดือนที่สิบสองซึ่งเป็นเดือนอาดาร์ และให้ริบเอาข้าวของของเขาไปหมด

เอสเธอร์ 3:3-13 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

แล้วเหล่าข้าราชบริพารที่ประตูวังถามโมรเดคัยว่า “ทำไมท่านจึงฝ่าฝืนพระบัญชาของกษัตริย์?” พวกเขาพากันพูดวันแล้ววันเล่าแต่โมรเดคัยยังไม่ยอมทำตาม ในที่สุดคนเหล่านั้นไปบอกฮามานเพื่อดูว่าโมรเดคัยจะลอยนวลไปได้หรือไม่ เพราะโมรเดคัยเคยบอกคนเหล่านั้นว่าเขาเป็นชาวยิว เมื่อฮามานเห็นว่าโมรเดคัยไม่ยอมคุกเข่าหรือให้เกียรติตนก็โกรธจัด แต่เมื่อฮามานรู้ว่าโมรเดคัยเป็นชาวยิว เขาก็รู้สึกไม่สาแก่ใจที่จะกำจัดโมรเดคัยเพียงคนเดียว ฮามานจึงหาช่องทางทำลายล้างชาวยิวซึ่งเป็นชนชาติของโมรเดคัยให้หมดสิ้นไปจากราชอาณาจักรของเซอร์ซีส ในเดือนนิสานซึ่งเป็นเดือนที่หนึ่งในปีที่สิบสองแห่งรัชกาลของกษัตริย์เซอร์ซีส พวกเขาทอดเปอร์ (คือสลาก) ต่อหน้าฮามานเพื่อหาวันและเดือน สลากนั้นตกที่เดือนอาดาร์ซึ่งเป็นเดือนที่สิบสอง แล้วฮามานเข้าไปกราบทูลกษัตริย์เซอร์ซีสว่า “มีชนชาติหนึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกมณฑลในราชอาณาจักรของพระองค์ ขนบธรรมเนียมของเขาก็แตกต่างจากชนชาติอื่นๆ ทั้งปวง และพวกเขาไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมายของกษัตริย์ ฉะนั้นจะไม่เป็นผลดีแก่ฝ่าพระบาทที่จะยอมผ่อนปรนให้พวกเขา หากพระองค์ทรงเห็นชอบด้วย ขอทรงออกพระราชกฤษฎีกาให้ทำลายล้างคนเหล่านี้ และข้าพระบาทจะขอถวายเงินหนักประมาณ 345 ตันเข้าพระคลังหลวงสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการนี้” กษัตริย์จึงถอดแหวนตราประทานแก่ฮามานบุตรฮัมเมดาธาชาวอากักศัตรูของชนชาติยิว และตรัสว่า “เก็บเงินไว้เถิด เจ้าจะทำอะไรกับชนชาตินั้นก็ได้ตามใจชอบ” ฉะนั้นในวันที่สิบสามของเดือนที่หนึ่ง ฮามานเรียกตัวเหล่าอาลักษณ์หลวงมาให้ออกพระราชสาส์นในพระนามกษัตริย์เซอร์ซีสถึงบรรดาผู้ว่าการและขุนนางมณฑลต่างๆ ทั่วจักรวรรดิ ใช้ภาษาถิ่นของแต่ละมณฑล แล้วประทับด้วยแหวนตรา จากนั้นผู้ส่งสาส์นเชิญพระราชสาส์นไปยังทุกมณฑลในจักรวรรดิ เป็นพระราชโองการประกาศให้ฆ่าและทำลายล้างชาวยิวทั้งหมดไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ ตลอดจนผู้หญิงและเด็กเล็กภายในวันเดียว คือวันที่สิบสามของเดือนอาดาร์ซึ่งเป็นเดือนที่สิบสอง แล้วริบทรัพย์สมบัติของพวกเขา

เอสเธอร์ 3:3-13 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

บรรดา​เจ้าหน้าที่​ของ​กษัตริย์​ที่​ประตู​ราชวัง​ถาม​โมร์เดคัย​ว่า “ทำไม​ท่าน​จึง​ไม่​เชื่อฟัง​คำ​สั่ง​ของ​กษัตริย์” พวก​เขา​พูด​กับ​โมร์เดคัย​วัน​แล้ว​วัน​เล่า แต่​โมร์เดคัย​ก็​ไม่​ฟัง พวก​เขา​จึง​ไป​บอก​ฮามาน เพื่อ​ดู​ว่า ฮามาน​จะ​ทำ​อย่างไร​ต่อ​โมร์เดคัย เพราะ​เขา​ได้​อ้าง​ว่า เขา​เป็น​ชาว​ยิว ส่วน​ฮามาน เมื่อ​เห็น​ว่า​โมร์เดคัย​ไม่​ก้ม​แสดง​ความ​เคารพ​เขา เขา​ก็​เดือดดาล​นัก แต่​เขา​รู้สึก​ว่า​การ​ที่​จะ​กำจัด​โมร์เดคัย​เพียง​ผู้​เดียว​นั้น​ยัง​ไม่​พอ จึง​ได้​หา​ทาง​จะ​กำจัด​ชาว​ยิว​ทั้ง​สิ้น​ซึ่ง​เป็น​คน​ของ​โมร์เดคัย​ด้วย ตาม​ที่​เจ้าหน้าที่​ได้​แจ้ง​ให้​ทราบ​ถึง​คน​ของ​โมร์เดคัย​ที่​อาศัย​อยู่​ทั่ว​ไป​ใน​อาณา​จักร​ของ​อาหสุเอรัส ใน​ปี​ที่​สิบ​สอง​ของ​กษัตริย์​อาหสุเอรัส ใน​เดือน​แรก​คือ​เดือน​นิสาน มี​การ​เสี่ยง​ปูร์ (คือ​การ​จับ​ฉลาก) ต่อ​หน้า​ฮามาน เพื่อ​เลือก​วัน​และ​เดือน และ​เสี่ยง​ได้​เป็น​เดือน​สิบ​สอง​คือ​เดือน​อาดาร์ ฮามาน​บอก​กษัตริย์​อาหสุเอรัส​ว่า “มี​ประชาชน​กลุ่ม​หนึ่ง​ที่​กระจัด​กระจาย​ไป​ต่าง​แดน และ​แทรก​ตัว​อาศัย​อยู่​ใน​หมู่​ประชาชน​ทุก​แคว้น​ใน​อาณา​จักร​ของ​ท่าน กฎ​ของ​พวก​เขา​ต่าง​จาก​กฎ​ของ​ชน​กลุ่ม​อื่นๆ และ​พวก​เขา​ไม่​ปฏิบัติ​ตาม​กฎ​ของ​กษัตริย์ ฉะนั้น​ไม่​เป็น​ประโยชน์​อัน​ใด ที่​กษัตริย์​จะ​ต้อง​ทน​พวก​เขา ถ้า​เป็น​ที่​พอใจ​ของ​กษัตริย์ ขอ​โปรด​ออก​กฤษฎีกา​ให้​กำจัด​พวก​เขา​เสีย และ​ข้าพเจ้า​จะ​มอบ​เงิน 10,000 ตะลันต์​ไว้​ใน​คลัง​ของ​กษัตริย์ เพื่อ​เป็น​ค่า​ใช้​จ่าย​สำหรับ​คน​ที่​จะ​ดำเนิน​การ” ดังนั้น กษัตริย์​ถอด​แหวน​ตรา​จาก​นิ้ว​มือ​ท่าน และ​มอบ​ให้​แก่​ฮามาน​ชาว​อากัก บุตร​ของ​ฮัมเมดาธา ศัตรู​ของ​ชาว​ยิว และ​กษัตริย์​กล่าว​กับ​ฮามาน​ว่า “จง​เก็บ​เงิน​ของ​เจ้า​ไว้ ส่วน​ประชาชน​นั้น กระทำ​ต่อ​พวก​เขา​ตาม​ที่​เจ้า​เห็น​ชอบ” ใน​วัน​ที่​สิบ​สาม​ของ​เดือน​แรก บรรดา​เลขา​ของ​กษัตริย์​ถูก​เรียก​มา​เขียน​กฤษฎีกา​ตาม​ทุก​สิ่ง​ที่​ฮามาน​สั่ง​ไว้ และ​ส่ง​ไป​ให้​แก่​ผู้​ปกครอง​แคว้น​ต่างๆ ของ​กษัตริย์ และ​แก่​ผู้ว่า​ราชการ​ที่​ดูแล​แต่​ละ​แคว้น และ​แก่​เจ้า​นาย​ชั้น​ผู้​ใหญ่​ของ​แต่​ละ​ชนชาติ สำหรับ​แต่​ละ​แคว้น​ตาม​อักษร​ที่​ระบุ​ไว้ และ​แต่​ละ​ชนชาติ​ตาม​ภาษา ลง​ใน​นาม​กษัตริย์​อาหสุเอรัส และ​ผนึก​ด้วย​แหวน​ตรา​ของ​กษัตริย์ บรรดา​คน​เดิน​ข่าว​ด่วน​ก็​ส่ง​จดหมาย​ไป​ยัง​แคว้น​ต่างๆ ของ​กษัตริย์ พร้อม​กับ​ระบุ​ว่า​ให้​ทำลาย ฆ่า และ​กำจัด​ชาว​ยิว​จน​หมด​สิ้น ทั้ง​คน​หนุ่ม​และ​คน​ชรา ผู้​หญิง​และ​เด็กๆ ใน​วัน​เดียว คือ​ใน​วัน​ที่​สิบ​สาม​ของ​เดือน​สิบ​สอง​คือ​เดือน​อาดาร์ และ​ริบ​ทุก​สิ่ง​ที่​เป็น​ของ​พวก​เขา