เอสเธอร์ 3:3-13
เอสเธอร์ 3:3-13 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
พวกเจ้าหน้าที่ของกษัตริย์ที่รับใช้อยู่ในวังจึงถามโมรเดคัยว่า “ทำไมเจ้าถึงไม่คุกเข่าลงก้มกราบฮามานตามคำสั่งของกษัตริย์” พวกเขาได้พูดเรื่องนี้กับโมรเดคัยหลายครั้งหลายหน แต่โมรเดคัยก็ยังไม่ฟังพวกเขา พวกเขาจึงไปฟ้องฮามาน พวกเขาอยากรู้ว่าข้อแก้ตัวที่โมรเดคัยให้นั้นฟังขึ้นหรือเปล่า เพราะโมรเดคัยบอกกับพวกเขาว่าโมรเดคัยเป็นชาวยิว เมื่อฮามานเห็นว่าโมรเดคัยไม่ยอมคุกเข่าลงก้มกราบเขา เขาก็โกรธมาก เพราะเขารู้ว่าโมรเดคัยเป็นคนยิว เขาจึงคิดว่าฆ่าแค่โมรเดคัยคนเดียวไม่พอ ต้องกำจัดคนของโมรเดคัยด้วย คือชาวยิวทุกคนที่อาศัยอยู่ทั่วราชอาณาจักรของกษัตริย์อาหสุเอรัส ในปีที่สิบสองที่กษัตริย์อาหสุเอรัสครองราชย์ ในเดือนแรก คือเดือนนิสาน ฮามานได้ทำการเสี่ยงทายเพื่อหาวันและเดือนที่จะกำจัดชาวยิว และมันก็ตกเป็นวันที่สิบสามของเดือนสิบสองคือเดือนอาดาร์ (ในสมัยนั้นสิ่งที่ใช้ในการเสี่ยงทายนี้ มีชื่อเรียกว่า “เปอร์”) ฮามานพูดกับกษัตริย์อาหสุเอรัสว่า “มีคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่กระจัดกระจายอาศัยอยู่ทั่วทุกมณฑลในราชอาณาจักรของพระองค์ แต่พวกเขาแยกตัวออกจากคนอื่น กฎหมายของพวกเขาแตกต่างจากกฎหมายของคนอื่นๆทั้งหมด พวกนี้ไม่ยอมเชื่อฟังกฎหมายของพระองค์ ดังนั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับพระองค์ที่จะเก็บคนพวกนั้นไว้ ถ้าพระองค์เห็นดีด้วย ขอพระองค์เขียนเป็นกฎออกมาให้ทำลายคนพวกนี้เสีย และข้าพเจ้าจะถวายเงินประมาณสามร้อยสี่สิบห้าตัน ให้กับเจ้าหน้าที่ของกษัตริย์เพื่อเอาไปเก็บไว้ในคลังหลวง” กษัตริย์จึงถอดแหวนจากนิ้วมือของพระองค์ มอบให้กับฮามาน ลูกชายของฮัมเมดาธา ชาวอากัก ฮามานเป็นศัตรูของชาวยิว กษัตริย์พูดกับฮามานว่า “เราจะมอบเงินและคนเหล่านั้นให้กับเจ้า เจ้าอยากจะทำอะไรกับพวกเขา ก็ไปทำได้เลย” แล้วในวันที่สิบสามของเดือนแรก ฮามานได้เรียกพวกเสมียนของกษัตริย์มา และให้พวกเสมียนเขียนทุกอย่างตามที่เขาสั่ง พวกเขาเขียนเป็นภาษาของคนต่างๆเหล่านั้น และส่งไปยังพวกผู้ควบคุมภาค พวกผู้ว่าราชการของแต่ละมณฑล รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของประชาชนทุกคนในทุกมณฑล คำสั่งนี้ได้เขียนขึ้นภายใต้ชื่อของกษัตริย์อาหสุเอรัส และประทับตราด้วยแหวนของพระองค์ แล้วพวกผู้ส่งสารก็นำจดหมายเหล่านี้ไปแจกจ่ายตามมณฑลต่างๆทั่วทุกแห่งที่อยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ ในจดหมายเขียนว่า “ให้ทำลายล้างและฆ่าชาวยิวทุกคนให้พินาศสิ้นไป ทั้งคนหนุ่มและคนแก่ ทั้งผู้หญิงและเด็กเล็กๆ ให้ลงมือในวันที่สิบสามของเดือนสิบสอง ซึ่งเป็นเดือนอาดาร์ และให้ยึดข้าวของทั้งหมดของพวกเขาไว้
เอสเธอร์ 3:3-13 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
พวกมหาดเล็กซึ่งอยู่ที่ประตูพระราชวังจึงพูดกับโมรเดคัยว่า “ทำไมท่านละเมิดพระบัญชาของกษัตริย์?” ต่อมาเมื่อเขาทั้งหลายพูดกับท่านวันแล้ววันเล่า และท่านไม่ฟัง พวกเขาจึงไปเรียนฮามานเพื่อดูว่าถ้อยคำของโมรเดคัยจะชนะหรือไม่? เพราะท่านบอกพวกเขาว่าท่านเป็นยิว เมื่อฮามานเห็นว่าโมรเดคัยไม่กราบลงหรือแสดงความเคารพ ฮามานก็เดือดดาล แต่เห็นว่าเป็นการเสียเกียรติที่จะจับกุมโมรเดคัยคนเดียว เพราะพวกเขาแจ้งให้ทราบเรื่องชนชาติของโมรเดคัย ฮามานจึงหาทางทำลายคนยิวทั้งหมด คือชนชาติของโมรเดคัย ทั่วราชอาณาจักรของอาหสุเอรัส ในเดือนแรกซึ่งเป็นเดือนนิสาน ปีที่สิบสองแห่งรัชกาลกษัตริย์อาหสุเอรัส เขาพากันทอดสลากต่อหน้าฮามานเพื่อหาวันหาเดือน เขาได้เดือนที่สิบสอง คือเดือนอาดาร์ แล้วฮามานทูลกษัตริย์อาหสุเอรัสว่า “มีชนชาติหนึ่งกระจายและแยกกันอยู่ท่ามกลางชนชาติต่างๆ ในทุกมณฑลแห่งราชอาณาจักรของพระองค์ กฎหมายของพวกเขาต่างกับกฎหมายของชนชาติอื่นทั้งสิ้น และพวกเขาไม่รักษากฎหมายของกษัตริย์ การที่กษัตริย์ทรงปล่อยพวกเขาไว้เช่นนี้ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่พระองค์ ถ้าเป็นที่พอพระทัยกษัตริย์ ขอทรงออกกฤษฎีกาให้ทำลายล้างพวกเขาเสีย และข้าพระบาทจะถวายเงิน 10,000 ตะลันต์ใส่มือผู้ดูแลพระราชกิจเพื่อจะเก็บเข้าพระคลังหลวง” กษัตริย์จึงทรงถอดแหวนตราจากพระหัตถ์ ประทานแก่ฮามานบุตรฮัมเมดาธา คนอากัก ศัตรูของพวกยิว และตรัสกับฮามานว่า “เรามอบเงินนั้นและประชาชนนั้นแก่ท่าน เพื่อจะทำกับพวกเขาตามที่ท่านเห็นดี” แล้วทรงเรียกราชอาลักษณ์เข้ามาในวันที่สิบสามเดือนที่หนึ่ง ให้เขียนกฤษฎีกาตามที่ฮามานบัญชาไว้ทุกประการ ส่งไปถึงสมุหเทศาภิบาลของกษัตริย์และถึงข้าหลวงประจำทุกมณฑล และถึงเจ้านายของชนทุกชาติ ทุกมณฑล เป็นตัวอักษรของชนทุกชาติตามภาษาของเขา เขียนในพระนามของกษัตริย์อาหสุเอรัส และประทับตราด้วยแหวนตราของกษัตริย์ ให้ผู้ถือสารนำจดหมายเหล่านี้ไปยังทุกมณฑลของกษัตริย์ สั่งให้ทำลาย สังหารและกวาดล้างคนยิวทั้งสิ้น ทั้งหนุ่มและแก่ ทั้งเด็กและผู้หญิงในวันเดียวกัน คือวันที่สิบสามเดือนสิบสองคือเดือนอาดาร์ และให้ริบเอาข้าวของของพวกเขาด้วย
เอสเธอร์ 3:3-13 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
ข้าราชการของกษัตริย์ซึ่งอยู่ที่ประตูของกษัตริย์จึงพูดกับโมรเดคัยว่า “ทำไมท่านละเมิดพระบัญชาของกษัตริย์” อยู่มาเมื่อเขาทั้งหลายพูดกับท่านวันแล้ววันเล่า และท่านไม่ฟังเขา เขาก็ไปเรียนฮามานเพื่อจะดูว่าถ้อยคำของโมรเดคัยจะชนะหรือไม่ เพราะท่านบอกเขาว่าท่านเป็นยิว เมื่อฮามานเห็นว่าโมรเดคัยไม่กราบลงหรือแสดงความเคารพต่อท่าน ฮามานก็เดือดดาล แต่ท่านเห็นว่าเป็นการเสียเกียรติที่จะจับกุมโมรเดคัยคนเดียว เพราะมีคนเรียนท่านให้ทราบถึงชนชาติของโมรเดคัย ฮามานจึงหาช่องที่จะทำลายยิวทั้งหมด คือชนชาติของโมรเดคัยทั่วราชอาณาจักรของอาหสุเอรัส ในเดือนแรกซึ่งเป็นเดือนนิสานปีที่สิบสองแห่งรัชกาลกษัตริย์อาหสุเอรัส เขาพากันทอดเปอร์ คือสลาก ต่อหน้าฮามานเพื่อหาวัน และเพื่อหาเดือน ได้เดือนที่สิบสอง คือเป็นเดือนอาดาร์ แล้วฮามานทูลกษัตริย์อาหสุเอรัสว่า “มีชนชาติหนึ่งกระจายอยู่ทั่ว และแยกกันอยู่ท่ามกลางชนชาติทั้งหลายในมณฑลทั้งหลายแห่งราชอาณาจักรของพระองค์ กฎหมายของเขาผิดกับกฎหมายของชนชาติอื่นทั้งสิ้น และพวกนี้ไม่รักษากฎหมายของกษัตริย์ การที่กษัตริย์ทรงปล่อยเขาไว้นี้ไม่บังเกิดประโยชน์แก่พระองค์ ถ้าเป็นที่พอพระทัยกษัตริย์ ขอทรงออกกฤษฎีกาให้ทำลายล้างเขาเสียเถิด และข้าพระองค์จะถวายเงินหนึ่งหมื่นตะลันต์ใส่มือบรรดาผู้ที่ดูแลพระราชกิจของกษัตริย์ เพื่อเขาจะได้ใส่ในพระคลังของกษัตริย์” กษัตริย์จึงถอดพระธำมรงค์ตราออกจากพระหัตถ์ของพระองค์มอบแก่ฮามานบุตรชายฮัมเมดาธา คนอากัก ศัตรูของพวกยิว และกษัตริย์ตรัสกับฮามานว่า “เรามอบเงินนั้นให้แก่ท่าน และมอบประชาชนแก่ท่านด้วย เพื่อจะทำแก่เขาตามที่ท่านเห็นดี” แล้วทรงเรียกราชอาลักษณ์เข้ามาในวันที่สิบสามเดือนต้น ให้เขียนกฤษฎีกาตามที่ฮามานบัญชาไว้ทุกประการ ส่งไปยังสมุหเทศาภิบาลของกษัตริย์และของเจ้าเมืองมณฑลทั้งปวงและถึงเจ้านายแห่งชนชาติทั้งปวง ถึงทุกมณฑลเป็นอักขระของมณฑลนั้น และถึงชนทุกชาติเป็นภาษาของเขา เขียนในพระนามของกษัตริย์อาหสุเอรัส และประทับตราด้วยพระธำมรงค์ของกษัตริย์ ให้คนเดินข่าวจดหมายเหล่านี้ไปถึงมณฑลของกษัตริย์ทั้งสิ้นสั่งให้ทำลาย สังหารและทำให้ยิวทั้งปวงพินาศไป ทั้งหนุ่มและแก่ เด็กและผู้หญิงในวันเดียวกัน คือวันที่สิบสามเดือนที่สิบสองซึ่งเป็นเดือนอาดาร์ และให้ริบเอาข้าวของของเขาไปหมด
เอสเธอร์ 3:3-13 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
ข้าราชการซึ่งอยู่ที่ประตูพระราชวังจึง พูดกับโมรเดคัยว่า <<ทำไมท่านละเมิดพระบัญชาของพระราชา>> อยู่มาเมื่อเขาทั้งหลายพูดกับท่านวันแล้ววันเล่า และท่านไม่ฟังเขา เขาก็ไปเรียนฮามานเพื่อจะดู ว่าถ้อยคำของโมรเดคัยจะชนะหรือไม่ เพราะท่านบอกเขาว่าท่านเป็นยิว เมื่อฮามานเห็นว่าโมรเดคัยไม่กราบลง หรือแสดงความเคารพต่อท่านก็เดือดดาล แต่ท่านเห็นว่าเป็นการเสียเกียรติที่ จะจับกุมโมรเดคัยคนเดียว ฮามานจึงหาช่องที่จะทำลายยิวทั้งหมด คือชนชาติของโมรเดคัย ทั่วราชอาณาจักรของอาหสุเอรัส ในเดือนแรกซึ่งเป็น เดือนนิสานปีที่สิบสองแห่งรัชกาลกษัตริย์อาหสุเอรัส เขาพากันทอดเปอร์ คือสลาก ต่อหน้าฮามานเพื่อหาวัน และเขาทอดเปอร์เพื่อหาเดือน ได้วันที่สิบสามและเดือนที่สิบสอง คือเป็นเดือนอาดาร์ แล้วฮามานทูลกษัตริย์อาหสุเอรัสว่า <<มีชนชาติหนึ่งกระจายอยู่ทั่ว และแยกกันอยู่ท่ามกลางชนชาติทั้งหลายในมณฑล แห่งราชอาณาจักรของพระองค์ กฎหมายของเขาผิดกับกฎหมายของชนชาติอื่นทั้งสิ้น และพวกนี้ไม่รักษากฎหมายของพระราชา การที่พระราชาทรงปล่อยเขาไว้นี้ไม่บังเกิด ประโยชน์แก่พระองค์ ถ้าเป็นที่พอพระทัยพระราชา ขอทรงออกกฤษฎีกาให้ทำลายล้างเขาเสียเถิด และข้าบาทจะถวายเงินหนึ่งหมื่นตะลันต์ ใส่มือบรรดาผู้ที่ดูแลพระราชกิจของ พระราชาเพื่อเขาจะได้ใส่ในพระคลังของพระราชา>> พระราชาจึงถอดพระธำมรงค์ตราออกจากพระหัตถ์ ของพระองค์มอบแก่ฮามานบุตรฮัมเมดาธา คนอากัก ศัตรูของพวกยิว และตรัสกับฮามานว่า <<เรามอบเงินนั้นให้แก่ท่าน และมอบประชาชนแก่ท่านด้วย เพื่อจะทำแก่เขาตามที่ท่านเห็นดี>> แล้วทรงเรียกราชอาลักษณ์เข้ามาในวันที่ สิบสามเดือนต้น ให้เขียนกฤษฎีกาตามที่ฮามานบัญชาไว้ทุกประการ ส่งไปยังสมุหเทศาภิบาลของพระราชาและของ เจ้าเมืองมณฑลทั้งปวง และถึงเจ้านายแห่งชนชาติทั้งปวง ถึงทุกมณฑลเป็นอักขระของมณฑลนั้น และถึงชนทุกชาติเป็นภาษาของเขา เขียนในพระนามของกษัตริย์อาหสุเอรัส และประทับตราด้วยธำมรงค์ของพระราชา ให้คนเดินข่าวจดหมายเหล่านี้ไปถึง มณฑลของพระราชาทั้งสิ้น สั่งให้ทำลาย สังหารและล้างยิวทั้งปวงทั้งหนุ่มและแก่ เด็กและผู้หญิงในวันเดียวกัน คือวันที่สิบสามเดือนที่สิบสองซึ่งเป็นเดือนอาดาร์ และให้ริบเอาข้าวของของเขาไปหมด
เอสเธอร์ 3:3-13 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
แล้วเหล่าข้าราชบริพารที่ประตูวังถามโมรเดคัยว่า “ทำไมท่านจึงฝ่าฝืนพระบัญชาของกษัตริย์?” พวกเขาพากันพูดวันแล้ววันเล่าแต่โมรเดคัยยังไม่ยอมทำตาม ในที่สุดคนเหล่านั้นไปบอกฮามานเพื่อดูว่าโมรเดคัยจะลอยนวลไปได้หรือไม่ เพราะโมรเดคัยเคยบอกคนเหล่านั้นว่าเขาเป็นชาวยิว เมื่อฮามานเห็นว่าโมรเดคัยไม่ยอมคุกเข่าหรือให้เกียรติตนก็โกรธจัด แต่เมื่อฮามานรู้ว่าโมรเดคัยเป็นชาวยิว เขาก็รู้สึกไม่สาแก่ใจที่จะกำจัดโมรเดคัยเพียงคนเดียว ฮามานจึงหาช่องทางทำลายล้างชาวยิวซึ่งเป็นชนชาติของโมรเดคัยให้หมดสิ้นไปจากราชอาณาจักรของเซอร์ซีส ในเดือนนิสานซึ่งเป็นเดือนที่หนึ่งในปีที่สิบสองแห่งรัชกาลของกษัตริย์เซอร์ซีส พวกเขาทอดเปอร์ (คือสลาก) ต่อหน้าฮามานเพื่อหาวันและเดือน สลากนั้นตกที่เดือนอาดาร์ซึ่งเป็นเดือนที่สิบสอง แล้วฮามานเข้าไปกราบทูลกษัตริย์เซอร์ซีสว่า “มีชนชาติหนึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกมณฑลในราชอาณาจักรของพระองค์ ขนบธรรมเนียมของเขาก็แตกต่างจากชนชาติอื่นๆ ทั้งปวง และพวกเขาไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมายของกษัตริย์ ฉะนั้นจะไม่เป็นผลดีแก่ฝ่าพระบาทที่จะยอมผ่อนปรนให้พวกเขา หากพระองค์ทรงเห็นชอบด้วย ขอทรงออกพระราชกฤษฎีกาให้ทำลายล้างคนเหล่านี้ และข้าพระบาทจะขอถวายเงินหนักประมาณ 345 ตันเข้าพระคลังหลวงสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการนี้” กษัตริย์จึงถอดแหวนตราประทานแก่ฮามานบุตรฮัมเมดาธาชาวอากักศัตรูของชนชาติยิว และตรัสว่า “เก็บเงินไว้เถิด เจ้าจะทำอะไรกับชนชาตินั้นก็ได้ตามใจชอบ” ฉะนั้นในวันที่สิบสามของเดือนที่หนึ่ง ฮามานเรียกตัวเหล่าอาลักษณ์หลวงมาให้ออกพระราชสาส์นในพระนามกษัตริย์เซอร์ซีสถึงบรรดาผู้ว่าการและขุนนางมณฑลต่างๆ ทั่วจักรวรรดิ ใช้ภาษาถิ่นของแต่ละมณฑล แล้วประทับด้วยแหวนตรา จากนั้นผู้ส่งสาส์นเชิญพระราชสาส์นไปยังทุกมณฑลในจักรวรรดิ เป็นพระราชโองการประกาศให้ฆ่าและทำลายล้างชาวยิวทั้งหมดไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ ตลอดจนผู้หญิงและเด็กเล็กภายในวันเดียว คือวันที่สิบสามของเดือนอาดาร์ซึ่งเป็นเดือนที่สิบสอง แล้วริบทรัพย์สมบัติของพวกเขา
เอสเธอร์ 3:3-13 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
บรรดาเจ้าหน้าที่ของกษัตริย์ที่ประตูราชวังถามโมร์เดคัยว่า “ทำไมท่านจึงไม่เชื่อฟังคำสั่งของกษัตริย์” พวกเขาพูดกับโมร์เดคัยวันแล้ววันเล่า แต่โมร์เดคัยก็ไม่ฟัง พวกเขาจึงไปบอกฮามาน เพื่อดูว่า ฮามานจะทำอย่างไรต่อโมร์เดคัย เพราะเขาได้อ้างว่า เขาเป็นชาวยิว ส่วนฮามาน เมื่อเห็นว่าโมร์เดคัยไม่ก้มแสดงความเคารพเขา เขาก็เดือดดาลนัก แต่เขารู้สึกว่าการที่จะกำจัดโมร์เดคัยเพียงผู้เดียวนั้นยังไม่พอ จึงได้หาทางจะกำจัดชาวยิวทั้งสิ้นซึ่งเป็นคนของโมร์เดคัยด้วย ตามที่เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ทราบถึงคนของโมร์เดคัยที่อาศัยอยู่ทั่วไปในอาณาจักรของอาหสุเอรัส ในปีที่สิบสองของกษัตริย์อาหสุเอรัส ในเดือนแรกคือเดือนนิสาน มีการเสี่ยงปูร์ (คือการจับฉลาก) ต่อหน้าฮามาน เพื่อเลือกวันและเดือน และเสี่ยงได้เป็นเดือนสิบสองคือเดือนอาดาร์ ฮามานบอกกษัตริย์อาหสุเอรัสว่า “มีประชาชนกลุ่มหนึ่งที่กระจัดกระจายไปต่างแดน และแทรกตัวอาศัยอยู่ในหมู่ประชาชนทุกแคว้นในอาณาจักรของท่าน กฎของพวกเขาต่างจากกฎของชนกลุ่มอื่นๆ และพวกเขาไม่ปฏิบัติตามกฎของกษัตริย์ ฉะนั้นไม่เป็นประโยชน์อันใด ที่กษัตริย์จะต้องทนพวกเขา ถ้าเป็นที่พอใจของกษัตริย์ ขอโปรดออกกฤษฎีกาให้กำจัดพวกเขาเสีย และข้าพเจ้าจะมอบเงิน 10,000 ตะลันต์ไว้ในคลังของกษัตริย์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับคนที่จะดำเนินการ” ดังนั้น กษัตริย์ถอดแหวนตราจากนิ้วมือท่าน และมอบให้แก่ฮามานชาวอากัก บุตรของฮัมเมดาธา ศัตรูของชาวยิว และกษัตริย์กล่าวกับฮามานว่า “จงเก็บเงินของเจ้าไว้ ส่วนประชาชนนั้น กระทำต่อพวกเขาตามที่เจ้าเห็นชอบ” ในวันที่สิบสามของเดือนแรก บรรดาเลขาของกษัตริย์ถูกเรียกมาเขียนกฤษฎีกาตามทุกสิ่งที่ฮามานสั่งไว้ และส่งไปให้แก่ผู้ปกครองแคว้นต่างๆ ของกษัตริย์ และแก่ผู้ว่าราชการที่ดูแลแต่ละแคว้น และแก่เจ้านายชั้นผู้ใหญ่ของแต่ละชนชาติ สำหรับแต่ละแคว้นตามอักษรที่ระบุไว้ และแต่ละชนชาติตามภาษา ลงในนามกษัตริย์อาหสุเอรัส และผนึกด้วยแหวนตราของกษัตริย์ บรรดาคนเดินข่าวด่วนก็ส่งจดหมายไปยังแคว้นต่างๆ ของกษัตริย์ พร้อมกับระบุว่าให้ทำลาย ฆ่า และกำจัดชาวยิวจนหมดสิ้น ทั้งคนหนุ่มและคนชรา ผู้หญิงและเด็กๆ ในวันเดียว คือในวันที่สิบสามของเดือนสิบสองคือเดือนอาดาร์ และริบทุกสิ่งที่เป็นของพวกเขา