เยเรมีย์ 31:2-40
เยเรมีย์ 31:2-40 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “ชนชาติที่รอดตายจากดาบ ได้รับความโปรดปรานในถิ่นทุรกันดาร เมื่ออิสราเอลแสวงหาการหยุดพัก พระยาห์เวห์ทรงปรากฏแก่เขาจากที่ไกล ตรัสว่า เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์ เพราะฉะนั้น เราจึงนำเจ้ามาด้วยความรักมั่นคง เราจะสร้างเจ้าอีก และเจ้าจะถูกสร้างใหม่ โอ อิสราเอลพรหมจารี เจ้าจะหยิบรำมะนาขึ้นมาอีก และจะออกไปเต้นรำกับผู้ที่สนุกสนานกัน เจ้าจะปลูกสวนองุ่น บนภูเขาสะมาเรียอีก ผู้ปลูกก็จะปลูก และใช้ผลนั้น เพราะว่าจะมีวันเมื่อคนเฝ้ายามจะร้องเรียก อยู่ในเขตแดนเทือกเขาเอฟราอิมว่า ‘จงลุกขึ้น ให้เราไปยังศิโยนเถิด ไปเฝ้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา’ ” เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “จงร้องเพลงด้วยความยินดีเพื่อยาโคบ และเปล่งเสียงโห่ร้องท่ามกลางประมุขของบรรดาประชาชาติ จงป่าวร้องสรรเสริญ และกล่าวว่า ‘ขอพระยาห์เวห์ทรงช่วยประชากรของพระองค์ให้รอดเถิด คือคนที่เหลืออยู่ของอิสราเอล’ นี่แน่ะ เราจะนำพวกเขามาจากแดนเหนือ และรวบรวมเขาจากส่วนที่ไกลที่สุดของพิภพ มีคนตาบอด คนขาเขยกอยู่ท่ามกลางเขา ผู้หญิงที่มีครรภ์และผู้หญิงที่กำลังจะคลอดบุตรจะมาด้วยกัน เขาจะกลับมาที่นี่เป็นหมู่ใหญ่ เขาจะมาด้วยการร้องไห้ และเราจะนำเขากลับด้วยการปลอบใจ เราจะให้เขาเดินข้ามลำธารน้ำ ในทางราบซึ่งเขาจะไม่สะดุด เพราะเราเป็นบิดาแก่อิสราเอล และเอฟราอิมเป็นบุตรหัวปีของเรา “บรรดาประชาชาติเอ๋ย จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ และจงประกาศพระวจนะนั้นในแผ่นดินชายทะเลที่ห่างออกไป จงกล่าวว่า ‘พระองค์ผู้ทรงกระจายอิสราเอลนั้นจะรวบรวมเขา และจะดูแลเขาอย่างกับผู้เลี้ยงแกะดูแลฝูงแกะของตน’ เพราะพระยาห์เวห์ทรงไถ่ยาโคบไว้แล้ว และได้ไถ่มาจากมือที่แข็งแรงเกินกว่าเขา เขาทั้งหลายจะมาร้องเพลงอยู่บนที่สูงแห่งศิโยน และเขาจะปลาบปลื้มเพราะสิ่งดีของพระยาห์เวห์ เพราะเมล็ดข้าว เหล้าองุ่น และน้ำมัน เพราะลูกแกะและโค ชีวิตของพวกเขาจะเหมือนกับสวนที่มีน้ำรด และเขาจะไม่อ่อนระอาอีกต่อไป แล้วพวกหญิงพรหมจารีจะเปรมปรีดิ์ในการเต้นรำ ทั้งคนหนุ่มและคนแก่จะรื่นเริง เราจะกลับความโศกเศร้าของเขาให้เป็นความชื่นบาน เราจะปลอบโยนเขาและให้ความยินดีแก่เขาแทนการไว้ทุกข์ เราจะให้ปุโรหิตอิ่มด้วยความอุดมสมบูรณ์ และประชากรของเราจะพอใจด้วยสิ่งดีของเรา พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “ได้ยินเสียงในเมืองรามาห์ เป็นเสียงโอดครวญและร่ำไห้ นางราเชลร้องไห้คร่ำครวญ เพราะบุตรทั้งหลายของตน นางไม่รับคำปลอบโยนในเรื่องบุตรทั้งหลายของตน เพราะว่าบุตรทั้งหลายนั้นไม่มีแล้ว” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “ระงับเสียงร้องไห้คร่ำครวญไว้เสียเถิด และระงับน้ำตาจากตาของเจ้าเสีย เพราะว่าการงานของเจ้าจะได้รับรางวัล พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ และเขาทั้งหลายจะกลับมาจากแผ่นดินของศัตรู” พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เรื่องอนาคตของเจ้ายังมีหวัง และพวกลูกของเจ้าจะกลับมายังประเทศของเขาเอง “เราได้ยินเอฟราอิมคร่ำครวญว่า ‘พระองค์ทรงตีสอนข้าพระองค์ และข้าพระองค์ก็ถูกตีสอน อย่างลูกโคที่ยังไม่เชื่อง ขอทรงนำข้าพระองค์กลับ เพื่อข้าพระองค์จะได้กลับสู่สภาพเดิม เพราะพระองค์ทรงเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ เพราะหลังจากที่ข้าพระองค์หันกลับ ข้าพระองค์ก็กลับใจ และหลังจากที่ข้าพระองค์รับคำสั่งสอนแล้ว ข้าพระองค์ก็ตีขาตัวเองด้วยความเสียใจอย่างยิ่ง ข้าพระองค์อับอาย และขายหน้า เพราะข้าพระองค์ต้องทนรับความเสื่อมเสีย ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อยังหนุ่มอยู่นั้น’ เอฟราอิมเป็นบุตรชายที่รักของเรา เป็นลูกที่เราชื่นชมไม่ใช่หรือ? เพราะเราจะพูดกล่าวโทษเขาตราบใด เราก็ยังระลึกถึงเขาอยู่ตราบนั้น เพราะฉะนั้น จิตใจของเราจึงถวิลหาเขา เราจะมีความเมตตาต่อเขาแน่” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ “จงปักป้ายชี้ทางไว้สำหรับตน จงทำป้ายนำทางไว้สำหรับตัว จงพิจารณาให้ดีถึงทางหลวง คือทางซึ่งเจ้าดำเนินไปนั้น อิสราเอลพรหมจารีเอ๋ย จงกลับเถิด จงกลับมายังเมืองเหล่านี้ของเจ้า ลูกสาว ผู้กลับสัตย์เอ๋ย เจ้าจะเถลไถลอยู่อีกนานสักเท่าใด? เพราะพระยาห์เวห์ทรงสร้างสิ่งใหม่บนพิภพ คือ ผู้หญิงล้อมผู้ชาย” พระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า “เมื่อเราให้เขากลับสู่สภาพเดิม เขาจะใช้ถ้อยคำต่อไปนี้ในแผ่นดินของยูดาห์ และในเมืองทั้งหลายอีกครั้งหนึ่ง คือ ‘โอ ที่อยู่แห่งความชอบธรรมเอ๋ย ภูเขาบริสุทธิ์เอ๋ย ขอพระยาห์เวห์ทรงอวยพรเจ้า’ ยูดาห์และเมืองทั้งสิ้นนั้น ทั้งบรรดาชาวนา บรรดาผู้ที่ท่องเที่ยวไปมาพร้อมกับฝูงแกะของเขา จะอาศัยอยู่ด้วยกันที่นั่น เพราะเราจะให้จิตใจที่อ่อนแรงนั้นอิ่ม และทุกจิตใจที่อ่อนระอาเราจะให้อิ่มบริบูรณ์” เมื่อนั้น ข้าพเจ้าตื่นขึ้นและมองดู และการนอนหลับของข้าพเจ้าก็เป็นที่ชื่นใจข้าพเจ้า พระยาห์เวห์ตรัสว่า “นี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึง เมื่อเราจะหว่านเมล็ดพันธุ์ทั้งของคนและของสัตว์ในเชื้อสายของอิสราเอลและเชื้อสายของยูดาห์ และเมื่อเราเฝ้าดูเขาเพื่อจะถอนออก พังลง คว่ำเสีย ทำลาย และนำเหตุร้ายมาอย่างไร เราจะเฝ้าดูเขาเพื่อจะสร้างขึ้นและปลูกฝังอย่างนั้น” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ “ในสมัยนั้น เขาจะไม่กล่าวต่อไปอีกว่า ‘พ่อกินองุ่นเปรี้ยวแล้วลูกก็เข็ดฟัน’ แต่ทุกคนจะต้องตายเพราะความผิดบาปของตนเอง มนุษย์ทุกคนที่รับประทานองุ่นเปรี้ยว ก็จะเข็ดฟัน” พระยาห์เวห์ตรัสว่า “นี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึง ซึ่งเราจะทำพันธสัญญาใหม่กับเชื้อสายของอิสราเอลและเชื้อสายของยูดาห์ ไม่เหมือนกับพันธสัญญาซึ่งเราได้ทำกับบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย เมื่อเราจูงมือเขาเพื่อนำเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เป็นพันธสัญญาของเราซึ่งเขาฝ่าฝืน ถึงแม้ว่าเราได้เป็นสามีของเขา” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ “แต่นี่จะเป็นพันธสัญญาซึ่งเราจะทำกับเชื้อสายของอิสราเอลภายหลังสมัยนั้น” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ “เราจะบรรจุธรรมบัญญัติไว้ในเขาทั้งหลาย และเราจะจารึกมันไว้บนดวงใจของเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา และทุกคนจะไม่สอนเพื่อนบ้านและพี่น้องของตนแต่ละคนอีกว่า ‘จงรู้จักพระยาห์เวห์’ เพราะเขาทุกคนจะรู้จักเราตั้งแต่คนเล็กน้อยที่สุดถึงคนใหญ่โตที่สุด” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ “เพราะเราจะให้อภัยความผิดบาปของเขา และจะไม่จดจำบาปของเขาอีกต่อไป” พระยาห์เวห์ผู้ทรงให้ดวงอาทิตย์เป็นแสงสว่างตอนกลางวัน และทรงให้กฎเกณฑ์แก่ดวงจันทร์ และทรงให้บรรดาดวงดาวเป็นแสงสว่างตอนกลางคืน ผู้ทรงกวนทะเลให้คลื่นกำเริบ พระนามของพระองค์ คือพระยาห์เวห์จอมทัพ ตรัสดังนี้ว่า “หากระเบียบตายตัวนี้จะพรากไปจากหน้าเรา แล้วเชื้อสายของอิสราเอลจึงจะสิ้นสุด จากการเป็นชนชาติหนึ่งต่อหน้าเราเป็นนิตย์” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “หากฟ้าสวรรค์เบื้องบนเป็นที่วัดได้ และรากฐานของพิภพเบื้องล่างเป็นที่ให้สำรวจได้ แล้วเราจึงจะปลดเชื้อสายทั้งสิ้นของอิสราเอลทิ้งไปเสีย เพราะทุกสิ่งซึ่งเขาได้ทำนั้น” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “นี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึงที่เมืองนี้จะถูกสร้างขึ้นใหม่เพื่อพระยาห์เวห์ ตั้งแต่หอคอยฮานันเอลไปถึงประตูมุม และเชือกวัดจะไปไกลกว่านั้นตรงไปถึงเนินเขากาเรบ แล้วจะเลี้ยวไปถึงตำบลโกอาห์ และทั่วทั้งหุบเขาแห่งซากศพและขี้เถ้า และทุ่งนาทั้งหมดไกลไปจนถึงลำธารขิดโรน จนถึงมุมประตูม้าไปทางตะวันออก จะเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์แด่พระยาห์เวห์ จะไม่ถูกถอนรากหรือคว่ำอีกต่อไปเป็นนิตย์”
เยเรมีย์ 31:2-40 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้ “คนที่รอดชีวิตจากคมดาบจะได้รับเกียรติในทะเลทราย อิสราเอลแสวงหาที่หยุดพัก” พระยาห์เวห์ปรากฏให้เขาเห็นจากที่ไกลๆ พระองค์พูดว่า “เรารักเจ้าแล้วด้วยความรักที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย ดังนั้น เราถึงยังแสดงความรักความเมตตากับเจ้าอยู่ เราจะสร้างเจ้าขึ้นใหม่ เจ้าจะได้ถูกสร้างขึ้นอีกครั้ง อิสราเอล หญิงสาวบริสุทธิ์เอ๋ย เจ้าจะยกกลองรำมะนาขึ้นอีกครั้ง แล้วเจ้าก็จะออกไปเต้นรำกับคนที่เฉลิมฉลองกัน เจ้าจะปลูกพวกสวนองุ่นบนภูเขาสะมาเรียอีกครั้ง และคนที่ปลูกก็จะมีความสุขจากผลของมัน เพราะจะมีวันหนึ่งที่คนเฝ้ายามร้องตะโกนก้องจากภูเขาเอฟราอิมว่า ‘ลุกขึ้นเร็ว ขึ้นไปหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราที่ศิโยนกันเถอะ’” ใช่แล้ว พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้ “มาร้องเพลงเฉลิมฉลองให้ยาโคบกัน และมาชื่นชมยินดีกับผู้นำของชนชาติต่างๆ ตะโกนก้อง สรรเสริญ และร้องว่า พระยาห์เวห์ได้ช่วยกู้คนของพระองค์แล้ว คือคนอิสราเอลที่หลงเหลืออยู่ เราจะนำพวกเขามาจากแผ่นดินทางเหนือ และจะรวบรวมพวกเขามาจากสุดปลายโลก ในพวกของเขาจะมีคนเหล่านี้รวมอยู่ด้วยคือ คนตาบอด คนง่อย ผู้หญิงท้อง และผู้หญิงที่กำลังจะคลอดลูก พวกเขาจะกลับมาเป็นชนกลุ่มใหญ่ ขณะที่พวกเขากลับมา พวกเขาก็ร้องไห้กัน และเราจะปลอบประโลมพวกเขาตอนที่นำพวกเขากลับมา ในขณะที่พวกเขากำลังอธิษฐานขอให้เราเมตตาปรานี เราจะทำให้เขาเดินอยู่ริมๆแม่น้ำบนถนนตรง ที่พวกเขาจะไม่สะดุดล้ม เพราะเราจะเป็นพ่อของคนอิสราเอล และเอฟราอิมจะเป็นลูกชายหัวปีของเรา ชนชาติทั้งหลาย ให้ฟังถ้อยคำของพระยาห์เวห์ และให้ประกาศไปถึงดินแดนชายฝั่งที่ห่างไกล ให้ประกาศว่า ‘พระองค์ผู้ที่ทำให้อิสราเอลกระจัดกระจายไปจะรวบรวมพวกเขา และดูแลพวกเขาเหมือนผู้เลี้ยงแกะที่เฝ้าระวังฝูงแกะของตัวเอง’ เพราะพระยาห์เวห์ได้จ่ายหนี้แทนยาโคบแล้ว และได้ช่วยไถ่เขาให้พ้นเงื้อมมือคนที่แข็งแกร่งกว่าเขา พวกอิสราเอลจะกลับมาร้องเพลงกันอย่างสนุกสนานบนที่สูงศิโยน และพวกเขาจะส่องสว่างไสว เพราะความใจดีของพระยาห์เวห์ ส่องสว่างเหนือข้าว เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมันมะกอก และส่องสว่างเหนือพวกลูกแกะและฝูงวัวด้วย ชีวิตของพวกเขาจะเป็นเหมือนสวนที่มีน้ำผันเข้ามารด และพวกเขาจะไม่เป็นลมอีก ในเวลานั้นพวกหญิงสาวจะเต้นรำฉลอง กับคนหนุ่มและคนแก่ เราจะเปลี่ยนเสียงร้องไห้ของเขาเป็นเสียงร้องเพลง เราจะปลอบโยนพวกเขาให้สุขสบาย และเราจะทำให้พวกเขาเฉลิมฉลองกันแทนที่จะร้องไห้กัน เราจะให้พวกนักบวชดื่มจนเหลือเฟือ และคนของเราจะพอใจกับข้าวของที่เราให้” พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้ “มีเสียงดังมาจากรามาห์ เป็นเสียงร้องไห้และคร่ำครวญอย่างขมขื่น ราเชลกำลังร้องไห้ให้พวกลูกชายของเธอ เธอไม่ยอมให้ใครมาปลอบโยนเรื่องลูกของเธอเลย เพราะว่าลูกของเธอหายไปหมดแล้ว” พระยาห์เวห์พูดว่า “หยุดร้องไห้เถิด และหยุดเสียน้ำตาได้แล้ว เพราะเจ้าจะได้รับรางวัลชดเชยให้กับความพยายามของเจ้า” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น “และพวกลูกเจ้าจะกลับมาจากแผ่นดินของศัตรู แล้วเจ้าก็จะมีความหวังให้กับอนาคตของเจ้า” พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น “และลูกๆก็จะกลับเข้ามาในเขตแดนของพวกเขาเอง เราได้ยินเสียงร้องไห้ของเอฟราอิมจริงๆ เขาพูดว่า ‘พระองค์ตีสอนข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ถูกตีสอนเหมือนลูกวัวที่ยังไม่เชื่อง นำข้าพเจ้ากลับมาเถิดเพื่อข้าพเจ้าจะได้กลับมา เพราะพระองค์ พระยาห์เวห์ คือพระเจ้าของข้าพเจ้า เพราะหลังจากที่ข้าพเจ้าหันไปจากพระองค์ ข้าพเจ้าก็สำนึกผิด และเมื่อข้าพเจ้าได้รับการสอน ข้าพเจ้าก็ตบต้นขาตัวเองด้วยความละอาย ข้าพเจ้าละอายและอัปยศอดสู เพราะข้าพเจ้าได้แบกสิ่งที่ผิดๆที่น่าละอายที่ข้าพเจ้าได้ทำไปตอนเป็นเด็ก’” พระเจ้าพูดว่า “เอฟราอิมไม่ใช่ลูกที่รักของเราหรือ เขาไม่ใช่ลูกชายคนโปรดของเราหรือ ถึงเราจะด่าว่าเขาไว้มาก แต่เราก็ยังคิดถึงเขาได้เสมอ ส่วนลึกในเรานั้นมีแต่ความอบอุ่นให้เขา เราเมตตาเอ็นดูเขามากจริงๆ” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น “สร้างเสาป้ายบอกทางให้กับตัวเจ้าเอง สร้างป้ายบอกทางให้กับตัวเจ้าเอง เอาใจจดจ่ออยู่กับทางหลวง จดจ่ออยู่กับทางที่เจ้าเดิน อิสราเอลที่รัก กลับมาเถิด กลับมายังเมืองพวกนี้ของเจ้าเถอะ เจ้าเป็นผู้หญิงที่นอกใจสามี เราจะต้องรออีกนานแค่ไหน กว่าเจ้าจะกลับมา แต่เรา ยาห์เวห์ จะทำให้เรื่องแปลกใหม่เกิดขึ้น คือผู้หญิงจะเริ่มจีบผู้ชายก่อน” พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าของอิสราเอลพูดว่า “เมื่อเราพลิกสถานการณ์ให้กับเมืองต่างๆของยูดาห์ พวกเขาจะพูดกันในแผ่นดินและบ้านเมืองของยูดาห์อีกครั้งว่า ‘ขอให้พระยาห์เวห์อวยพรพวกคุณเถิด ทุ่งหญ้าอันชอบธรรม และภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์’” “ผู้คนจะอยู่อาศัยกันที่ยูดาห์และทุกเมืองของมัน จะมีชาวนา และพวกที่เร่ร่อนไปกับฝูงสัตว์อาศัยอยู่ เพราะเราจะทำให้จิตใจที่อ่อนล้ากระปรี้กระเปร่า และเราจะทำให้จิตใจที่อ่อนแอทั้งหลายเข้มแข็ง” ขณะนั้นเองผมก็ตื่นขึ้น และมองไปรอบๆ ผมนอนหลับสบายเหลือเกิน พระยาห์เวห์พูดว่า “วันนั้นใกล้จะมาถึงแล้ว เมื่อเราจะปลูกคนและสัตว์ในเมืองอิสราเอลและยูดาห์ขึ้นใหม่” พระยาห์เวห์พูดว่า “แต่ก่อน เราได้เฝ้าดูอิสราเอลและยูดาห์ เพื่อที่จะถอนรากถอนโคนพวกเขา ดึงพวกเขาลง คว่ำพวกเขาลง และทำลายพวกเขา รวมทั้งทำให้พวกเขาได้รับความทุกข์ทรมาน แต่ตอนนี้ เราจะเฝ้าดูพวกเขาเพื่อที่จะสร้างพวกเขา และปลูกพวกเขาขึ้นใหม่” “ในวันเหล่านั้น ผู้คนจะไม่พูดอย่างนี้อีกแล้ว ที่ว่า ‘พวกพ่อกินองุ่นเปรี้ยว แต่กลับเป็นพวกลูกที่เข็ดฟัน’ แต่ต่อไปนี้ ต่างคนต่างต้องตายเพราะความผิดบาปของตัวเอง คนไหนกินองุ่นเปรี้ยว คนนั้นก็ต้องเข็ดฟันเอง” พระยาห์เวห์พูดว่า “วันนั้นจวนจะมาถึงแล้ว เมื่อเราจะทำข้อตกลงใหม่กับครอบครัวของอิสราเอลและครอบครัวของยูดาห์ ข้อตกลงนี้จะไม่เหมือนกับข้อตกลงที่เราเคยทำไว้กับบรรพบุรุษของเจ้าในวันที่เราจูงมือพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ มันจะไม่เหมือนกับข้อตกลงของเราที่พวกเขาไม่ได้รักษา ทั้งๆที่เราเป็นสามีของพวกเขา” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น พระยาห์เวห์พูดว่า “ในอนาคต ข้อตกลงที่เราจะทำกับครอบครัวของอิสราเอลก็จะเป็นแบบนี้ คือเราจะใส่กฎของเราเข้าไปในตัวพวกเขา และเราจะเขียนไว้ในใจของพวกเขา เราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาก็จะเป็นคนของเรา พวกเพื่อนๆและญาติพี่น้องก็จะไม่ต้องสอนกันอีกแล้ว ว่าให้รู้จักพระยาห์เวห์ เพราะพวกเขาทุกคนตั้งแต่คนเล็กที่สุดไปถึงคนใหญ่ที่สุดก็จะรู้จักเรา เราจะยกโทษให้กับความผิดบาปของพวกเขาและจะไม่จดจำบาปของพวกเขาอีกต่อไป” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น พระยาห์เวห์พูดว่า “ผู้ที่สั่งดวงอาทิตย์ให้ส่องสว่างในเวลากลางวัน ผู้ที่สั่งดวงจันทร์และดวงดาวให้ส่องสว่างในเวลากลางคืน ผู้ที่ทำให้ทะเลปั่นป่วนจนเกิดคลื่นเสียงดัง พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นคือชื่อของพระองค์ผู้นั้น” พระยาห์เวห์พูดอย่างนี้ว่า “ถึงแม้คำสั่งต่างๆเหล่านี้จะหายไปจากสายตาเรา เชื้อสายของอิสราเอลก็ยังจะเป็นชนชาติหนึ่งต่อหน้าเราตลอดไป” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้ “ถ้ามีใครสามารถวัดท้องฟ้าเบื้องบนได้ และสามารถสำรวจรากฐานใต้โลกได้ เมื่อนั้นเราก็จะปฏิเสธเชื้อสายของอิสราเอลสำหรับทุกอย่างที่เขาได้ทำลงไป” พระยาห์เวห์พูดว่า “วันเหล่านั้นใกล้มาถึงแล้ว คือวันที่เมืองทั้งเมืองตั้งแต่หอคอยฮานันเอลไปจนถึงประตูมุม จะถูกสร้างขึ้นใหม่เพื่อพระยาห์เวห์ และเส้นวัดเขตแดนก็จะขยายออกไปไกลถึงภูเขากาเรบและเลี้ยวไปจนถึงโกอาห์อีกครั้งหนึ่ง และหุบเขาทั้งหุบเขา ที่ตอนนี้มีแต่ซากศพและเถ้ากระดูก และท้องทุ่งที่เป็นขั้นบันไดลดหลั่นลงไปไกลถึงลำธารแห้งขิดโรน และไกลไปถึงมุมประตูม้าทางตะวันออก ดินแดนทั้งหมดนี้จะถูกแยกไว้สำหรับพระยาห์เวห์โดยเฉพาะ มันจะไม่มีวันถูกถอนรากถอนโคน และไม่มีวันถูกรื้อถอน”
เยเรมีย์ 31:2-40 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้ว่า “ชนชาติที่รอดตายจากดาบได้ประสบพระกรุณาคุณที่ในถิ่นทุรกันดาร คืออิสราเอล เมื่อเราให้เขาหยุดพัก พระเยโฮวาห์ทรงปรากฏแก่ข้าพเจ้าแต่ก่อน ตรัสว่า ‘เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์ เพราะฉะนั้นเราจึงชวนเจ้ามาด้วยความเมตตา เราจะสร้างเจ้าอีก และเจ้าจะถูกสร้างใหม่นะ โอ อิสราเอลพรหมจารีเอ๋ย เจ้าจะตกแต่งตัวเจ้าด้วยรำมะนาอีก และจะออกไปเต้นรำกับผู้ที่สนุกสนานกัน เจ้าจะปลูกสวนองุ่นที่บนภูเขาสะมาเรียอีก ผู้ปลูกก็จะปลูก และจะกินผลนั้น’ เพราะว่าจะมีวันเมื่อคนเฝ้ายามที่อยู่บนแดนเทือกเขาเอฟราอิมจะร้องเรียกว่า ‘จงลุกขึ้น ให้เราไปยังศิโยนเถิด ไปเฝ้าพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของเรา’” เพราะพระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้ว่า “จงร้องเพลงด้วยความยินดีเพราะยาโคบ และเปล่งเสียงโห่ร้องเพราะประมุขของบรรดาประชาชาติ จงป่าวร้อง สรรเสริญ และกล่าวว่า ‘โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ขอทรงช่วยประชาชนของพระองค์ให้รอด คือคนที่เหลืออยู่ของอิสราเอล’ ดูเถิด เราจะนำเขามาจากแดนเหนือ และรวบรวมเขาจากส่วนที่ไกลที่สุดของพิภพ มีคนตาบอด คนง่อยอยู่ท่ามกลางเขา ผู้หญิงที่มีครรภ์และผู้หญิงที่คลอดบุตรจะมาด้วยกัน เขาจะกลับมาที่นี่เป็นหมู่ใหญ่ เขาจะมาด้วยการร้องไห้ และด้วยการทูลวิงวอนเราก็จะนำเขา เราจะให้เขาเดินตามแม่น้ำเป็นทางตรง ซึ่งเขาจะไม่สะดุด เพราะเราเป็นบิดาแก่อิสราเอล และเอฟราอิมเป็นบุตรหัวปีของเรา โอ บรรดาประชาชาติเอ๋ย จงฟังพระวจนะของพระเยโฮวาห์ และจงประกาศพระวจนะนั้นในเกาะทั้งหลายที่ห่างออกไป จงกล่าวว่า ‘ท่านที่กระจายอิสราเอลนั้นจะรวบรวมเขา และจะดูแลเขาอย่างกับผู้เลี้ยงแกะดูแลฝูงแกะของเขา’ เพราะพระเยโฮวาห์ทรงไถ่ยาโคบไว้แล้ว และได้ไถ่เขามาจากมือที่แข็งแรงเกินกว่าเขา เขาทั้งหลายจึงจะมาร้องเพลงอยู่บนที่สูงแห่งศิโยน และเขาจะไปอย่างราบรื่นเพราะความดีของพระเยโฮวาห์ เพราะเมล็ดข้าว น้ำองุ่น และน้ำมัน และเพราะลูกของแกะและวัว ชีวิตของเขาทั้งหลายจะเหมือนกับสวนที่มีน้ำรด และเขาจะไม่โศกเศร้าอีกต่อไป แล้วพวกพรหมจารีจะเปรมปรีดิ์ในการเต้นรำ ทั้งคนหนุ่มกับคนแก่ด้วยกัน เราจะกลับความโศกเศร้าของเขาให้เป็นความชื่นบาน เราจะปลอบโยนเขา และให้ความยินดีแก่เขาแทนความเศร้าโศก เราจะเลี้ยงจิตใจของปุโรหิตด้วยความอุดมสมบูรณ์ และประชาชนของเราจะพอใจด้วยความดีของเรา” พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้แหละ พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้ว่า “ได้ยินเสียงในรามา เป็นเสียงโอดครวญและร่ำไห้ ราเชลร้องไห้คร่ำครวญเพราะบุตรทั้งหลายของตน นางไม่รับคำเล้าโลมในเรื่องบุตรทั้งหลายของตน เพราะว่าบุตรทั้งหลายนั้นไม่มีแล้ว” พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้ว่า “ระงับเสียงร้องไห้คร่ำครวญไว้ และระงับน้ำตาจากตาของเจ้าเสีย เพราะว่าการงานของเจ้าจะได้รับรางวัล พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้แหละ และเขาทั้งหลายจะกลับมาจากแผ่นดินของศัตรู” พระเยโฮวาห์ตรัสว่า “เรื่องอนาคตของเจ้ายังมีหวัง ว่าลูกหลานของเจ้าจะกลับมายังพรมแดนของเขาเอง เราได้ยินเอฟราอิมคร่ำครวญว่า ‘พระองค์ทรงตีสอนข้าพระองค์ และข้าพระองค์ก็ถูกตีสอน อย่างลูกวัวที่ยังไม่เชื่อง ขอทรงนำข้าพระองค์กลับ เพื่อข้าพระองค์จะได้กลับสู่สภาพเดิม เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ เพราะแน่นอนหลังจากที่ข้าพระองค์หันไปเสีย ข้าพระองค์ก็กลับใจ และหลังจากที่ข้าพระองค์รับคำสั่งสอนแล้ว ข้าพระองค์ก็ทุบตีต้นขาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์อับอาย และข้าพระองค์ก็ขายหน้า เพราะว่าข้าพระองค์ได้ทนความหยามน้ำหน้าซึ่งเกิดขึ้นเมื่อยังหนุ่มอยู่’” พระเยโฮวาห์ตรัสว่า “เอฟราอิมเป็นบุตรชายที่รักของเราหรือ เขาเป็นลูกที่รักของเราหรือ เพราะตั้งแต่เราพูดกล่าวโทษเขาตราบใด เราก็ยังระลึกถึงเขาอยู่ตราบนั้น เพราะฉะนั้นจิตใจของเราจึงอาลัยเขา เราจะมีความกรุณาต่อเขาแน่ จงปักเสากรุยทางไว้สำหรับตน จงทำป้ายบอกทางไว้สำหรับตัว จงปักใจให้ดีถึงทางหลวง คือทางซึ่งเจ้าได้ไปนั้น โอ อิสราเอลพรหมจารีเอ๋ย จงกลับเถิด จงกลับมายังหัวเมืองเหล่านี้ของเจ้า โอ บุตรสาวผู้กลับสัตย์เอ๋ย เจ้าจะเถลไถลอยู่อีกนานสักเท่าใด เพราะพระเยโฮวาห์ได้สร้างสิ่งใหม่บนพิภพแล้ว คือ ผู้หญิงจะล้อมผู้ชาย” พระเยโฮวาห์จอมโยธา พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า “เมื่อเราจะให้การเป็นเชลยของเขากลับสู่สภาพเดิม เขาจะใช้ถ้อยคำต่อไปนี้ในแผ่นดินของยูดาห์ และในหัวเมืองทั้งหลายอีกครั้งหนึ่ง คือ โอ ที่อยู่แห่งความเที่ยงธรรมเอ๋ย ภูเขาบริสุทธิ์เอ๋ย ขอพระเยโฮวาห์ทรงอำนวยพระพรเจ้า ยูดาห์และหัวเมืองทั้งสิ้นนั้น ทั้งบรรดาชาวนา บรรดาผู้ที่ท่องเที่ยวไปมาพร้อมกับฝูงแกะของเขา จะอาศัยอยู่ด้วยกันที่นั่น เพราะเราจะให้จิตใจที่อ่อนระอานั้นอิ่ม และจิตใจที่โศกเศร้าทุกดวงเราจะให้บริบูรณ์” เมื่อนั้น ข้าพเจ้าตื่นขึ้นและมองดู และการหลับนอนของข้าพเจ้าก็เป็นที่ชื่นใจข้าพเจ้า พระเยโฮวาห์ตรัสว่า “ดูเถิด วันเวลาจะมาถึง เมื่อเราจะหว่านพืชคนและพืชสัตว์ในวงศ์วานอิสราเอลและวงศ์วานยูดาห์ และจะเป็นไปอย่างนี้ คือเมื่อเราเฝ้าดูเขา เพื่อจะถอนออกและพังลงคว่ำเสีย ทำลาย และนำเหตุร้ายมาฉันใด เราจะเฝ้าดูเหนือเขาเพื่อจะสร้างขึ้นและปลูกฝังฉันนั้น” พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้แหละ “ในสมัยนั้น เขาจะไม่กล่าวต่อไปอีกว่า ‘บิดารับประทานองุ่นเปรี้ยวและบุตรก็เข็ดฟัน’ แต่ทุกคนจะต้องตายเพราะความชั่วช้าของตนเอง มนุษย์ทุกคนที่รับประทานองุ่นเปรี้ยว ก็จะเข็ดฟัน” พระเยโฮวาห์ตรัสว่า “ดูเถิด วันเวลาจะมาถึง ซึ่งเราจะทำพันธสัญญาใหม่กับวงศ์วานอิสราเอลและวงศ์วานยูดาห์ ไม่เหมือนกับพันธสัญญาซึ่งเราได้กระทำกับบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย ในวันที่เราจูงมือเขาเพื่อนำเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เป็นพันธสัญญาของเราซึ่งเขาผิด ถึงแม้ว่าเราได้เป็นสามีของเขา” พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้แหละ “แต่นี่จะเป็นพันธสัญญาซึ่งเราจะกระทำกับวงศ์วานอิสราเอล ภายหลังสมัยนั้น” พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้แหละ “เราจะบรรจุราชบัญญัติของเราไว้ภายในเขาทั้งหลาย และเราจะจารึกมันไว้ที่ในดวงใจของเขาทั้งหลาย และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชาชนของเรา และทุกคนจะไม่สอนเพื่อนบ้านของตนและพี่น้องของตนแต่ละคนอีกว่า ‘จงรู้จักพระเยโฮวาห์’ เพราะเขาทั้งหลายจะรู้จักเราหมด ตั้งแต่คนเล็กน้อยที่สุดถึงคนใหญ่โตที่สุด” พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้แหละ “เพราะเราจะให้อภัยความชั่วช้าของเขา และจะไม่จดจำบาปของเขาทั้งหลายอีกต่อไป” พระเยโฮวาห์ผู้ทรงให้ดวงอาทิตย์เป็นสว่างกลางวัน และทรงให้ระเบียบตายตัวของดวงจันทร์ และทรงให้บรรดาดวงดาวเป็นสว่างกลางคืน ผู้ทรงกวนทะเลให้คลื่นกำเริบ พระนามของพระองค์คือพระเยโฮวาห์จอมโยธา ตรัสดังนี้ว่า “ถ้าระเบียบตายตัวนี้ต้องพรากไปจากต่อหน้าเรา แล้วเชื้อสายของอิสราเอลก็จะต้องหยุดยั้งจากการเป็นประชาชาติหนึ่งต่อหน้าเราเป็นนิตย์” พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้แหละ พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้ว่า “ถ้าฟ้าสวรรค์เบื้องบนเป็นที่วัดได้ และรากฐานของพิภพเบื้องล่างเป็นที่ให้สำรวจได้ แล้วเราก็จะเหวี่ยงเชื้อสายอิสราเอลทิ้งไปเสียหมด ด้วยเหตุบรรดาการซึ่งเขาได้กระทำนั้น” พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้แหละ พระเยโฮวาห์ตรัสว่า “ดูเถิด วันเวลาจะมาถึง ที่เมืองนี้จะต้องสร้างขึ้นใหม่เพื่อพระเยโฮวาห์ตั้งแต่หอคอยฮานันเอลไปถึงประตูมุม และเชือกวัดจะไปไกลกว่านั้นตรงไปถึงเนินเขากาเรบ แล้วจะเลี้ยวไปถึงตำบลโกอาห์ หุบเขาแห่งซากศพและขี้เถ้าทั้งสิ้นนั้น และทุ่งนาทั้งหมดไกลไปจนถึงลำธารขิดโรนจนถึงมุมประตูม้าไปทางตะวันออก จะเป็นที่บริสุทธิ์แด่พระเยโฮวาห์ จะไม่เป็นที่ถอนรากหรือคว่ำต่อไปอีกเป็นนิตย์”
เยเรมีย์ 31:2-40 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า <<ชนชาติที่รอดตายจากดาบ ได้ประสบพระกรุณาคุณที่ในถิ่นทุรกันดาร เมื่ออิสราเอลแสวงหาการหยุดพัก พระเจ้าทรงปรากฏแก่เขาจากที่ไกล ตรัสว่า <เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์ เพราะฉะนั้นเราจึงมีความรักมั่นคงต่อเจ้าสืบไป เราจะสร้างเจ้าอีก และเจ้าจะถูกสร้างใหม่ นะ อิสราเอลพรหมจารี เจ้าจะตกแต่งตัวเจ้าด้วยรำมะนาอีก และจะออกไปเต้นรำกับผู้ที่สนุกสนานกัน เจ้าจะปลูกสวนองุ่นที่บนภูเขาสะมาเรียอีก ผู้ปลูกก็จะปลูก และใช้ผลนั้น> เพราะว่าจะมีวันเมื่อคนเฝ้ายามจะร้องเรียก อยู่ในเขตแดนเทือกเขาเอฟราอิมว่า <จงลุกขึ้น ให้เราไปยังศิโยนเถิด ไปเฝ้าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเรา> >> เพราะพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า <<จงร้องเพลงด้วยความยินดีเพราะยาโคบ และเปล่งเสียงโห่ร้องเพราะประมุขของบรรดาประชาชาติ จงป่าวร้อง สรรเสริญ และกล่าวว่า <พระเจ้าทรงช่วยประชากรของพระองค์ให้รอด คือคนที่เหลืออยู่ของอิสราเอล> ดูเถิด เราจะนำเขามาจากแดนเหนือ และรวบรวมเขาจากส่วนที่ไกลที่สุดของพิภพ มีคนตาบอดคนขาเขยกอยู่ท่ามกลางเขา ผู้หญิงที่มีครรภ์และผู้หญิงที่คลอดบุตรจะมาด้วยกัน เขาจะกลับมาที่นี่เป็นหมู่ใหญ่ เขาจะมาด้วยการร้องไห้ และเราจะนำเขากลับด้วยการเล้าโลมใจ เราจะให้เขาเดินข้ามลำธารน้ำ ในทางตรงซึ่งเขาจะไม่สะดุด เพราะเราเป็นบิดาแก่อิสราเอล และเอฟราอิมเป็นบุตรหัวปีของเรา <<บรรดาประชาชาติเอ๋ยจงฟังพระวจนะของพระเจ้า และจงประกาศพระวจนะนั้นในแผ่นดินชายทะเลที่ห่างออกไป จงกล่าวว่า <ท่านที่กระจายอิสราเอลนั้นจะรวบรวมเขา และจะดูแลเขาอย่างกับผู้เลี้ยงแกะดูแลฝูงแกะของเขา> เพราะพระเจ้าทรงไถ่ยาโคบไว้แล้ว และได้ไถ่มาจากมือที่แข็งแรงเกินกว่าเขา เขาทั้งหลายจะมาร้องเพลงอยู่บนที่สูงแห่งศิโยน และเขาจะปลาบปลื้มเพราะของดีของพระเจ้า เพราะเมล็ดข้าว เหล้าองุ่น และน้ำมัน และเพราะลูกของแกะและโค ชีวิตของเขาทั้งหลายจะเหมือนกับสวนที่มีน้ำรด และเขาจะไม่อ่อนระทวยอีกต่อไป แล้วพวกพรหมจารีจะเปรมปรีดิ์ในการเต้นรำ และคนหนุ่มกับคนแก่จะรื่นเริง เราจะกลับความโศกเศร้าของเขาให้เป็นความชื่นบาน เราจะปลอบโยนเขาและให้ความยินดีแก่เขาแทนการไว้ทุกข์ เราจะเลี้ยงจิตใจของปุโรหิตด้วยความอุดมสมบูรณ์ และประชากรของเราจะพอใจด้วยของดีของเราพระเจ้าตรัสดังนี้แหละ>> พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า <<ได้ยินเสียงในรามา เป็นเสียงโอดครวญและร่ำไห้ ราเชลร้องไห้คร่ำครวญ เพราะบุตรทั้งหลายของตน นางไม่รับคำเล้าโลมในเรื่องบุตรทั้งหลายของตน เพราะว่าบุตรทั้งหลายนั้นไม่มีแล้ว>> พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า <<ระงับเสียงร้องไห้คร่ำครวญไว้เสียเถิด และระงับน้ำตาจากตาของเจ้าเสีย เพราะว่าการงานของเจ้าจะได้รับรางวัลพระเจ้า ตรัสดังนี้แหละ และเขาทั้งหลายจะกลับมาจากแผ่นดินของศัตรู พระเจ้าตรัสว่า เรื่องอนาคตของเจ้ายังมีหวัง และลูกหลานของเจ้าจะกลับมายังประเทศของเขาเอง เราได้ยินเอฟราอิมคร่ำครวญว่า พระองค์ทรงตีสอนข้าพระองค์และข้าพระองค์ก็ถูกตีสอน อย่างลูกโคที่ยังไม่เชื่อง ขอทรงนำข้าพระองค์กลับ เพื่อข้าพระองค์จะได้กลับสู่สภาพเดิม เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ เพราะหลังจากที่ข้าพระองค์หันไปเสียข้าพระองค์ก็กลับใจ และหลังจากที่ข้าพระองค์รับคำสั่งสอนแล้ว ข้าพระองค์ก็ทุบตีต้นขาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์อับอาย และข้าพระองค์ก็ขายหน้า เพราะว่าข้าพระองค์ได้ทนความหยามน้ำหน้า ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อยังหนุ่มอยู่ พระเจ้าตรัสว่า เอฟราอิมเป็นบุตรชายที่รักของเราหรือ เขาเป็นลูกที่รักของเราหรือ เพราะเราจะพูดกล่าวโทษเขาตราบใด เราก็ยังระลึกถึงเขาอยู่ตราบนั้น เพราะฉะนั้นจิตใจของเราจึงอาลัยเขา เราจะมีความกรุณาต่อเขาแน่ <<จงปักเสากรุยทางไว้สำหรับตน จงทำป้ายบอกทางไว้สำหรับตัว จงปักใจให้ดีถึงทางหลวง คือทางซึ่งเจ้าได้ไปนั้น อิสราเอลพรหมจารี จงกลับเถิด จงกลับมายังหัวเมืองเหล่านี้ของเจ้า ลูกสาว ผู้กลับสัตย์เอ๋ย เจ้าจะเถลไถลอยู่อีกนานสักเท่าใด เพราะพระเจ้าได้สร้างสิ่งใหม่บนพิภพแล้ว คือ ผู้หญิงล้อมผู้ชาย>> พระเจ้าจอมโยธา พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า <<เมื่อเราให้เขากลับสู่สภาพเดิม เขาจะใช้ถ้อยคำต่อไปนี้ในแผ่นดินของยูดาห์ และในหัวเมืองทั้งหลายอีกครั้งหนึ่ง คือ <โอ ที่อยู่แห่งความชอบธรรมเอ๋ยภูเขาบริสุทธิ์เอ๋ย ขอพระเจ้าทรงอำนวยพระพรเจ้า> ยูดาห์และหัวเมืองทั้งสิ้นนั้น ทั้งบรรดาชาวนา บรรดาผู้ที่ท่องเที่ยวไปมาพร้อมกับฝูงแกะของเขา จะอาศัยอยู่ด้วยกันที่นั่น เพราะเราจะให้จิตใจที่อ่อนระอานั้นอิ่ม และจิตใจที่ อ่อนระทวยทุกดวงเราจะให้บริบูรณ์>> เมื่อนั้น ข้าพเจ้าตื่นขึ้นและมองดู และการหลับนอนของข้าพเจ้าก็เป็นที่ชื่นใจข้าพเจ้า <<พระเจ้าตรัสว่า ดูเถิด วันเวลาจะมาถึง เมื่อเราจะหว่านพืชคนและพืชสัตว์ในประชา อิสราเอลและประชายูดาห์ และจะเป็นไปอย่างนี้ คือเมื่อเราเฝ้าดูเขา เพื่อจะถอนออกและพังลงคว่ำเสีย ทำลาย และนำเหตุร้ายมาฉันใด เราจะเฝ้าดูเหนือเขาเพื่อจะสร้างขึ้นและปลูกฝังฉันนั้น พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ ในสมัยนั้น เขาจะไม่กล่าวต่อไปอีกว่า <บิดารับประทานองุ่นเปรี้ยวและบุตรก็เข็ดฟัน> แต่ทุกคนจะต้องตายเพราะบาปของตนเอง มนุษย์ทุกคนที่รับประทานองุ่นเปรี้ยว ก็จะเข็ดฟัน <<พระเจ้าตรัสว่า ดูเถิด วันเวลาจะมาถึง ซึ่งเราจะทำพันธสัญญา ใหม่กับประชาอิสราเอล และประชายูดาห์ ไม่เหมือนกับพันธสัญญาซึ่งเราได้กระทำกับ บรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย เมื่อเราจูงมือเขาเพื่อนำเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เป็นพันธสัญญาของเราซึ่งเขาผิด ถึงแม้ว่าเราได้เป็นสามีของเขา พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ แต่นี่จะเป็นพันธสัญญาซึ่งเราจะกระทำกับ ประชาอิสราเอลภายหลังสมัยนั้น พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ เราจะบรรจุพระธรรมไว้ในเขาทั้งหลาย และเราจะจารึกมันไว้บนดวงใจของเขาทั้งหลาย และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา และทุกคนจะไม่สอนเพื่อนบ้านของตน และพี่น้องของตนแต่ละคนอีกว่า <จงรู้จักพระเจ้า> เพราะเขาทั้งหลายจะรู้จักเราหมดตั้งแต่คน เล็กน้อยที่สุดถึงคนใหญ่โตที่สุด พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ เพราะเราจะให้อภัยบาปชั่วของเขา และจะไม่จดจำบาปของเขา ทั้งหลายอีกต่อไป>> พระเจ้าผู้ทรงให้ดวงอาทิตย์เป็นสว่างกลางวัน และทรงให้ระเบียบตายตัวของดวงจันทร์ และทรงให้บรรดาดวงดาวเป็นสว่างกลางคืน ผู้ทรงกวนทะเลให้คลื่นกำเริบ พระนามของพระองค์ คือพระเจ้าจอมโยธา ตรัสดังนี้ว่า ถ้าระเบียบตายตัวนี้ต้องพรากไปจากต่อหน้าเรา แล้วเชื้อสายของอิสราเอลก็จะต้องหยุดยั้ง จากการเป็นประชาชาติหนึ่งต่อหน้าเราเป็นนิตย์>> พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า <<ถ้าฟ้าสวรรค์เบื้องบนเป็นที่วัดได้ และรากฐานของพิภพเบื้องล่างเป็นที่ให้สำรวจได้ แล้วเราก็จะเหวี่ยงเชื้อสายอิสราเอลทิ้งไปเสีย ด้วยเหตุบรรดาการซึ่งเขาได้กระทำนั้น>> พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ พระเจ้าตรัสว่า ดูเถิด วันเวลาจะมาถึง ที่เมืองนี้จะต้องสร้างขึ้นใหม่เพื่อพระเจ้าตั้งแต่หอคอย ฮานันเอลไปถึงประตูมุม และเชือกวัดจะไปไกลกว่านั้นตรงไปถึงเนินเขากาเรบ แล้วจะเลี้ยวไปถึงตำบลโกอาห์ หุบเขาแห่งซากศพและขี้เถ้าทั้งสิ้นนั้น และทุ่งนาทั้งหมดไกลไปจนถึงลำธารขิดโรน จนถึงมุมประตูม้าไปทางตะวันออก จะเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์แด่พระเจ้า จะไม่เป็นที่ถอนรากหรือคว่ำต่อไปอีกเป็นนิตย์>>
เยเรมีย์ 31:2-40 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ชนชาติที่รอดชีวิตจากคมดาบ จะได้รับพระคุณในถิ่นกันดาร เราจะมาเพื่อให้อิสราเอลได้พักสงบ” องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปรากฏแก่พวกเราในอดีตและตรัสว่า “เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์ เราได้โน้มนำเจ้าเข้ามาหาเราด้วยความรักความเอ็นดู อิสราเอลพรหมจารีเอ๋ย เราจะสร้างเจ้าขึ้นมาอีก และเจ้าจะได้รับการสร้างขึ้นใหม่ เจ้าจะหยิบรำมะนาขึ้นมาอีกครั้ง และออกไปเต้นรำกับผู้ที่รื่นเริงยินดี เจ้าจะทำไร่องุ่น บนภูเขาของสะมาเรียอีกครั้ง กสิกรจะเพาะปลูก และชื่นชมกับพืชผลที่ได้ จะมีวันหนึ่งซึ่งยามรักษาการณ์ร้องบอก บนภูเขาของเอฟราอิมว่า ‘มาเถิด ให้พวกเราขึ้นไปยังศิโยน ไปเข้าเฝ้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา’ ” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงร้องเพลงรื่นเริงยินดีให้ยาโคบ จงโห่ร้องให้กับผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในหมู่ประชาชาติ จงร้องเพลงสรรเสริญให้ได้ยินทั่วกันว่า ‘ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงช่วยชนหยิบมือที่เหลือของอิสราเอล ประชากรของพระองค์’ ดูเถิด เราจะนำพวกเขามาจากดินแดนทางเหนือ และรวบรวมพวกเขามาจากสุดปลายแผ่นดินโลก ในหมู่พวกเขามีคนตาบอดและคนง่อย หญิงมีครรภ์และผู้หญิงที่กำลังจะคลอดลูก ฝูงชนกลุ่มใหญ่จะกลับมา พวกเขาจะร้องไห้มา พวกเขาจะอธิษฐานขณะที่เรานำพวกเขากลับมา เราจะนำพวกเขาเลียบธารน้ำ มาตามทางราบเรียบซึ่งพวกเขาจะไม่สะดุดล้ม เพราะเราเป็นบิดาของอิสราเอล และเอฟราอิมเป็นลูกชายหัวปีของเรา “ประชาชาติทั้งหลาย จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงประกาศในดินแดนชายฝั่งทะเลอันไกลโพ้นว่า ‘พระองค์ผู้ทรงทำให้ชนอิสราเอลกระจัดกระจายจะทรงรวบรวมพวกเขากลับมา และจะทรงดูแลพวกเขาเหมือนคนเลี้ยงแกะดูแลฝูงแกะของตน’ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงไถ่ยาโคบ จะทรงไถ่พวกเขาออกจากมือของผู้ที่เข้มแข็งกว่าพวกเขา พวกเขาจะมาและโห่ร้องยินดีบนภูเขาศิโยน จะชื่นชมยินดีในสิ่งดีงามจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ทั้งเมล็ดข้าว เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมัน ลูกอ่อนในฝูงแพะแกะและฝูงสัตว์ ใจของพวกเขาจะเป็นเหมือนสวนที่ได้รับน้ำชุ่มฉ่ำ และพวกเขาจะไม่ต้องทุกข์โศกอีกต่อไป หญิงสาวจะร่ายรำและยินดี ผู้ชายทั้งหนุ่มและแก่ก็เช่นกัน เราจะเปลี่ยนความโศกเศร้าของเขาให้กลายเป็นความยินดี เราจะให้การปลอบประโลมและความชื่นชมยินดีแก่เขาแทนความทุกข์โศก เราจะให้ปุโรหิตอิ่มเอมด้วยความอุดมสมบูรณ์ ประชากรของเราจะอิ่มด้วยความอุดมสมบูรณ์จากเรา” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ได้ยินเสียงหนึ่งในรามาห์ เป็นเสียงคร่ำครวญสะอึกสะอื้น ราเชลร่ำไห้ถึงลูกๆ ของนาง และไม่ยอมรับคำปลอบโยนใดๆ เพราะลูกๆ ของนางจากไปเสียแล้ว” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “หยุดร้องไห้ หยุดหลั่งน้ำตาเสียเถิด เพราะผลงานของเจ้าจะได้รับรางวัล” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น “พวกเขาจะกลับมาจากแดนศัตรู ดังนั้นอนาคตของเจ้ายังมีความหวัง” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น “ลูกๆ ของเจ้าจะกลับมายังบ้านเกิดเมืองนอนของตนอีก “แน่ทีเดียว เราได้ยินเสียงเอฟราอิมโอดครวญว่า ‘พระองค์ทรงฝึกข้าพระองค์เหมือนฝึกลูกวัวที่ยังไม่เชื่อง และข้าพระองค์ก็ถูกฝึกฝน โปรดทรงช่วยให้ข้าพระองค์คืนสู่ปกติสุข แล้วข้าพระองค์จะหวนกลับมา เพราะพระองค์ทรงเป็นพระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ เมื่อข้าพระองค์หลงทางไปแล้ว ข้าพระองค์ก็สำนึกผิด เมื่อข้าพระองค์เข้าใจแล้ว ข้าพระองค์ก็ตีอกชกตัว ข้าพระองค์อับอายและตกต่ำ เพราะทนรับความอัปยศอดสูจากบาปที่ทำในวัยหนุ่ม’ เอฟราอิมเป็นลูกชายที่รัก เป็นลูกคนโปรดของเราไม่ใช่หรือ? แม้เราจะพูดตำหนิเขาเนืองๆ แต่เราก็ยังคงคิดถึงเขา ฉะนั้นจิตใจของเราอาลัยหาเขา เราเอ็นดูสงสารเขายิ่งนัก” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น “จงตั้งป้ายริมทางขึ้น ตั้งป้ายชี้ทางไว้ สังเกตทางหลวง เส้นทางที่เจ้าดำเนินไป อิสราเอลพรหมจารีเอ๋ย กลับมาเถิด จงกลับมายังหัวเมืองต่างๆ ของเจ้า ลูกสาวไม่ซื่อเอ๋ย เจ้าจะเตร็ดเตร่ไปนานสักเท่าใด? องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสร้างสิ่งใหม่ในโลกคือ ผู้หญิงคนหนึ่งจะโอบล้อมผู้ชายไว้” พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า “เมื่อเรานำพวกเขากลับมาจากการเป็นเชลย ประชาชนในยูดาห์และหัวเมืองต่างๆ จะกลับมาพูดอย่างแต่ก่อนว่า ‘ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าอวยพรเจ้าเถิด ที่พำนักอันชอบธรรมเอ๋ย ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เอ๋ย’ ผู้คนทั้งชาวนาและผู้ที่โยกย้ายไปกับฝูงสัตว์ของตนจะอาศัยอยู่ร่วมกันในยูดาห์และหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์ เราจะให้คนอ่อนระโหยชุ่มชื่นขึ้นใหม่ และให้คนหมดแรงได้อิ่มเอม” ถึงตอนนี้ข้าพเจ้าก็ตื่นขึ้นมองไปรอบๆ การนอนหลับครั้งนี้ทำให้ข้าพเจ้าชื่นใจ องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เวลานั้นจะมาถึง เมื่อเราจะสร้างพงศ์พันธุ์อิสราเอลและยูดาห์ โดยให้ทั้งมนุษย์และสัตว์มีลูกหลานมากมาย เช่นเดียวกับที่เราจับตาดูพวกเขาเพื่อถอนรากถอนโคนและรื้อโค่น คว่ำทลาย ล้างผลาญและนำภัยพิบัติมา เราก็จะจับตาดูเขาเพื่อปลูกและสร้างขึ้น” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น “เมื่อถึงเวลานั้นผู้คนจะเลิกพูดว่า “ ‘พ่อกินองุ่นเปรี้ยว ลูกๆ ก็เข็ดฟัน’ เพราะแต่ละคนจะตายเพราะบาปของตนเอง ใครกินองุ่นเปรี้ยว คนนั้นก็เข็ดฟัน” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เวลานั้นจะมาถึง เมื่อเราจะทำพันธสัญญาใหม่ กับพงศ์พันธุ์อิสราเอล และกับพงศ์พันธุ์ยูดาห์ เป็นพันธสัญญาซึ่งไม่เหมือนพันธสัญญา ที่เราได้ทำไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา เมื่อเราจูงมือพวกเขา นำออกมาจากดินแดนอียิปต์ เพราะพวกเขาละเมิดพันธสัญญาที่ทำไว้กับเรา ทั้งๆ ที่เราเป็นเจ้านายของพวกเขา” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “นี่คือพันธสัญญาที่เราจะทำกับพงศ์พันธุ์อิสราเอล หลังจากสมัยนั้น คือเราจะใส่บทบัญญัติของเราในจิตใจของพวกเขา จารึกบนหัวใจของพวกเขา เราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา ผู้คนจะไม่สอนเพื่อนบ้าน หรือสอนพี่น้องของตนอีกต่อไปว่า ‘จงรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้า’ เพราะพวกเขาทุกคนจะรู้จักเรา ตั้งแต่ผู้น้อยที่สุดไปจนถึงผู้ใหญ่ที่สุด” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น “เพราะเราจะอภัยความชั่วร้ายของเขา และจะไม่จดจำบาปทั้งหลายของเขาอีกต่อไป” องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงตั้งดวงอาทิตย์ ให้ส่องแสงยามกลางวัน ผู้ทรงบัญชาดวงจันทร์และดวงดาว ให้ส่องแสงยามกลางคืน ผู้ทรงกวนทะเล จนคลื่นคำรามกึกก้อง ทรงพระนามว่า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ องค์พระผู้เป็นเจ้า ประกาศว่า “ตราบใดที่กฎเกณฑ์ธรรมชาติเหล่านี้ยังไม่ลับหายไปต่อหน้าเรา ตราบนั้นวงศ์วานอิสราเอล จะยังคงเป็นประชาชาติหนึ่งต่อหน้าเราเสมอ” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ต่อเมื่อฟ้าสวรรค์เบื้องบนหยั่งถึงได้ และฐานรากของโลกเบื้องล่างถูกค้นพบ เราจึงจะละทิ้งวงศ์วานอิสราเอล เพราะทุกสิ่งที่พวกเขาได้ทำ” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “วันเวลาจะมาถึง เมื่อกรุงนี้จะได้รับการสร้างขึ้นใหม่เพื่อเรา ตั้งแต่หอคอยฮานันเอลถึงประตูมุม สายวัดจะขึงตรงจากที่นั่นจดเนินเขากาเรบ แล้วเลี้ยวไปยังโกอาห์ ทั่วทั้งหุบเขาซึ่งเป็นที่ทิ้งซากศพและเถ้าถ่าน ตลอดจนลาดเขาต่างๆ สู่หุบเขาขิดโรนทางฟากตะวันออก ไปจนถึงมุมประตูม้าจะบริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า กรุงนี้จะไม่ถูกถอนรากถอนโคนหรือล้มล้างอีกต่อไป”
เยเรมีย์ 31:2-40 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “ประชาชนที่รอดจากการสู้รบ พบความกรุณาในถิ่นทุรกันดาร เราจะให้อิสราเอลได้พักผ่อน” พระผู้เป็นเจ้าปรากฏแก่เขาจากที่ไกลโดยกล่าวดังนี้ว่า “เรารักเจ้าด้วยความรักอันมั่นคง ฉะนั้นเราจึงมีความสัตย์จริงต่อเจ้าตลอดมา เราจะสร้างเจ้าขึ้นใหม่อีกครั้ง และเจ้าก็จะถูกสร้าง โอ อิสราเอลผู้บริสุทธิ์ เจ้าจะถือรำมะนาติดตัวไปด้วย และจะร่ายรำไปด้วยความยินดีอีก เจ้าจะปลูกสวนองุ่นบนเทือกเขา แห่งสะมาเรียอีกครั้ง บรรดาผู้ปลูกจะปลูก และจะได้ชื่นชอบกับผลที่ได้รับ ด้วยว่าจะถึงวันเมื่อผู้เฝ้ายามจะส่งเสียงร้อง ที่แถบภูเขาแห่งเอฟราอิมว่า ‘ลุกขึ้นเถิด เราขึ้นไปยังศิโยน ไปหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา’” เพราะพระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ “จงร้องเพลงเสียงดังด้วยความยินดีเพื่อยาโคบ และส่งเสียงตะโกนเพื่อหัวหน้าของบรรดาประชาชาติ จงประกาศ สรรเสริญ และพูดว่า ‘โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดช่วยชนชาติของพระองค์ คือผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ของอิสราเอลให้รอดพ้นเถิด’ ดูเถิด เราจะนำพวกเขาออกจากดินแดนทางเหนือ และรวบรวมพวกเขาจากแดนไกลสุดของแผ่นดินโลก ผู้ที่มากับพวกเขามีทั้งคนตาบอดและคนง่อย ผู้หญิงตั้งครรภ์ และนางใกล้จะคลอด พวกเขาจำนวนมหาศาลจะกลับมาที่นี่ พวกเขาจะมาพร้อมกับเสียงร้องไห้ และด้วยคำอ้อนวอนขอความเมตตา เราก็จะนำพวกเขากลับมา เราจะให้พวกเขาเดินไปที่ธารน้ำ เดินบนทางราบเพื่อเขาจะไม่สะดุด เพราะเราเป็นเสมือนบิดาสำหรับอิสราเอล และเอฟราอิมเป็นบุตรหัวปีของเรา โอ บรรดาประชาชาติเอ๋ย จงฟังคำของพระผู้เป็นเจ้า และประกาศต่อไปในฝั่งทะเลที่อยู่ห่างไกลว่า ‘พระองค์ผู้ทำให้อิสราเอลกระจัดกระจายไปจะรวบรวมพวกเขา และจะดูแลรักษาเขาอย่างผู้เลี้ยงดูฝูงแกะดูแลฝูงแกะของตน’ ด้วยว่า พระผู้เป็นเจ้าได้ไถ่ยาโคบ และได้ช่วยเขาให้รอดจากมือของผู้ที่แข็งแกร่งกว่า พวกเขาจะมาและเปล่งเสียงร้องเพลงบนภูเขาสูงของศิโยน และพวกเขาจะเบิกบานกับสิ่งดีๆ ที่ได้รับจากพระผู้เป็นเจ้า อันได้แก่ธัญพืช เหล้าองุ่น น้ำมัน ลูกแพะแกะ และลูกโค ชีวิตของพวกเขาจะเป็นเหมือนสวนที่ได้น้ำรด และพวกเขาจะไม่อ่อนระอาอีกต่อไป หลังจากนั้น หญิงสาวจะร่ายรำด้วยความร่าเริงใจ ชายหนุ่มและผู้สูงวัยจะมีความสุข เราจะทำให้การร้องคร่ำครวญกลายเป็นความยินดี เราจะปลอบประโลมพวกเขา และให้ความยินดีแทนความเศร้าใจ เราจะให้บรรดาปุโรหิตได้รับอย่างอุดมสมบูรณ์ และชนชาติของเราจะพึงพอใจด้วยสิ่งดีจากเรา” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ “เสียงที่ได้ยินในหมู่บ้านรามาห์ คือเสียงร้องไห้และร้องคร่ำครวญอันดัง นางราเชลร่ำไห้เพราะลูกๆ ของนาง และนางไม่ยอมให้ปลอบใจ เพราะลูกๆ ของนางตายเสียแล้ว” พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ “อย่าส่งเสียงร้องไห้ อย่าให้น้ำตาไหลพราก เพราะมีรางวัลสำหรับสิ่งที่เจ้ากระทำ” พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “ลูกๆ จะกลับจากแผ่นดินของศัตรู อนาคตของเจ้ามีความหวัง” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า “และลูกๆ ของเจ้าจะกลับมายังบ้านเมืองของเขาเอง เราได้ยินเอฟราอิมแสดงความเศร้าใจดังนี้ ‘พระองค์ลงโทษข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ถูกลงโทษ อย่างลูกโคที่ไม่เคยได้รับการฝึกฝน โปรดนำข้าพเจ้ากลับไปเพื่อข้าพเจ้าจะได้กลับมาหาพระองค์ เพราะพระองค์เป็นพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า หลังจากข้าพเจ้าหันหลังให้พระองค์ ข้าพเจ้าก็เปลี่ยนใจ และหลังจากข้าพเจ้าถูกลงโทษแล้ว ข้าพเจ้าตีอกชกหัว ข้าพเจ้าอับอายและถูกเหยียดหยาม เพราะข้าพเจ้าแบกความอัปยศ อันเป็นผลจากครั้งวัยหนุ่ม’ เอฟราอิมเป็นบุตรที่รักของเราหรือ เขาเป็นเด็กที่น่ายินดีของเราหรือ เราพูดติเตียนเขาบ่อยครั้ง เรายังจำเขาได้ ฉะนั้นใจของเราหวนหาเขา เราจะมีเมตตาต่อเขาอย่างแน่นอน” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น “จงติดป้ายถนน ทำเครื่องหมายให้ตัวเจ้าเอง ตั้งใจสังเกตถนนให้ดี ซึ่งเป็นทางที่เจ้าไปแล้ว โอ อิสราเอลผู้บริสุทธิ์เอ๋ย จงกลับไปยังเมืองของเจ้า โอ บุตรหญิงผู้ไม่ภักดีเอ๋ย เจ้าจะไปโดยไร้จุดหมายอีกนานแค่ไหน พระผู้เป็นเจ้าจะสร้างสิ่งใหม่สิ่งหนึ่งบนแผ่นดินโลก ผู้หญิงตีวงล้อมผู้ชาย” พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวดังนี้ “เมื่อเราให้พวกเขาเจริญรุ่งเรืองในแผ่นดินอีก พวกเขาจะใช้คำพูดนี้อีกครั้งในแผ่นดินของยูดาห์และในทุกเมืองของแคว้นว่า ‘ขอพระผู้เป็นเจ้าอวยพรสถานที่ขององค์ผู้กอปรด้วยความชอบธรรม โอ ภูเขาอันบริสุทธิ์’ ยูดาห์กับทุกเมืองของแคว้นจะอาศัยอยู่ด้วยกันที่นั่น พร้อมกับบรรดาชาวไร่และผู้เลี้ยงดูฝูงสัตว์ของพวกเขา เพราะเราจะให้ผู้ที่เหนื่อยล้าได้สดชื่น และผู้ที่หิวกระหายได้ดื่มกินจนพอใจ” ข้าพเจ้าตื่นขึ้นและเห็นว่าข้าพเจ้าหลับสบาย พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ “ดูเถิด จะถึงเวลาที่เราจะหว่านพงศ์พันธุ์อิสราเอลและยูดาห์ด้วยเชื้อสายของมนุษย์และสัตว์ เราได้ถอนรากและโค่นพวกเขาลง กำจัด ทำลายและให้เกิดความพินาศอย่างไร เราก็จะแน่ใจว่าพวกเขาจะได้รับการสร้างและปลูก” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น “เมื่อถึงเวลา พวกเขาจะไม่พูดอีกว่า ‘พ่อได้กินองุ่นเปรี้ยว และลูกๆ ก็เข็ดฟัน’ แต่ทุกคนจะตายเพราะบาปของตนเอง แต่ละคนที่กินองุ่นเปรี้ยว เขาจะเข็ดฟันเอง” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ “ดูเถิด จะถึงเวลาที่เราจะทำพันธสัญญาใหม่กับพงศ์พันธุ์อิสราเอลและยูดาห์ ไม่เป็นเหมือนพันธสัญญาที่เราได้ทำกับบรรพบุรุษของเขาในวันที่เราจูงมือพวกเขาออกไปจากแผ่นดินอียิปต์ พันธสัญญาของเราที่พวกเขาไม่ปฏิบัติตาม แม้ว่าเราเป็นประหนึ่งสามีของพวกเขาก็ตาม” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “แต่นี่เป็นพันธสัญญาที่เราจะทำกับพงศ์พันธุ์อิสราเอล และหลังจากนั้น เราจะเขียนกฎของเราในความคิดของพวกเขา และเราจะจารึกไว้ในใจของพวกเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นชนชาติของเรา และจะไม่มีวันที่แต่ละคนจะสอนเพื่อนบ้านและพี่น้องของตนอีกต่อไปว่า ‘จงรู้จักพระผู้เป็นเจ้า’ เพราะพวกเขาทุกคนจะรู้จักเรา นับจากคนด้อยสุดในพวกเขาจนถึงคนยิ่งใหญ่ที่สุด พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น ด้วยว่า เราจะยกโทษความชั่วของพวกเขา และเราจะไม่จดจำบาปของพวกเขาอีกต่อไป” พระผู้เป็นเจ้า องค์ผู้ให้แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ในยามกลางวัน และกำหนดให้แสงสว่างจากดวงจันทร์กับดวงดาวในยามค่ำคืน องค์ผู้ทำให้ทะเลปั่นป่วน และคลื่นส่งเสียงครืนครั่น พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาคือพระนามของพระองค์ ผู้กล่าวดังนี้ พระองค์ประกาศว่า “ถ้าข้อกำหนดของธรรมชาติไม่อยู่ใต้อำนาจการควบคุมของเราเมื่อใด เชื้อสายของอิสราเอลก็จะหยุดจากการเป็นประชาชาติไปตลอดกาล” พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “ถ้ามนุษย์วัดขนาดฟ้าสวรรค์เบื้องบนได้ และถ้ามนุษย์ค้นพบฐานรากของแผ่นดินโลกได้ เราก็จะไม่ยอมรับพงศ์พันธุ์อิสราเอล เนื่องจากทุกสิ่งที่พวกเขาได้กระทำ” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ “ดูเถิด จะถึงเวลาที่เมืองนี้จะถูกสร้างขึ้นใหม่เพื่อเกียรติของพระผู้เป็นเจ้า ตั้งแต่หอคอยฮานันเอลจนถึงประตูมุม และเส้นแบ่งเขตจะยื่นออกไปจากที่นั่น ตรงไปถึงเนินเขากาเรบ และเลี้ยวไปยังโกอาห์ ทั้งหุบเขาที่ฝังร่างของคนตายและขี้เถ้า และทั้งไร่นาไปจนถึงธารน้ำขิดโรน ถึงมุมประตูม้าทางด้านตะวันออก จะบริสุทธิ์ต่อพระผู้เป็นเจ้า และจะไม่ถูกถอนรากหรือถูกกำจัดอีกต่อไปจนชั่วนิรันดร์”