ยอห์น 16:16-33
ยอห์น 16:16-33 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
“อีกประเดี๋ยวหนึ่งพวกคุณก็จะไม่เห็นเราแล้ว และหลังจากนั้นอีกประเดี๋ยวหนึ่งคุณก็จะเห็นเราอีก” พวกศิษย์บางคนถามกันเองว่า “อาจารย์หมายถึงอะไรที่พูดว่า ‘อีกประเดี๋ยวหนึ่งพวกคุณก็จะไม่เห็นเราแล้ว และหลังจากนั้นอีกประเดี๋ยวหนึ่งคุณก็จะเห็นเราอีก’ กับที่ว่า ‘เรากำลังจะไปหาพระบิดา’” พวกเขาก็ยังถามกันอีกว่า “อาจารย์หมายถึงอะไรที่พูดว่า ‘อีกประเดี๋ยวหนึ่ง’ ไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่าอาจารย์พูดถึงอะไร” พระเยซูรู้ว่าพวกเขาอยากจะถามเรื่องนี้ พระองค์จึงถามว่า “พวกคุณกำลังสงสัยกันอยู่ใช่ไหมว่า เราหมายถึงอะไรที่พูดว่า ‘อีกประเดี๋ยวหนึ่งพวกคุณก็จะไม่เห็นเราแล้ว และหลังจากนั้นอีกประเดี๋ยวหนึ่งคุณก็จะเห็นเราอีก’ เราจะบอกให้รู้ว่า คุณจะร้องไห้ โศกเศร้าเสียใจ แต่โลกจะรื่นเริงยินดี คุณจะทุกข์ใจ แต่ความทุกข์ใจนั้นจะกลับกลายมาเป็นความดีใจ เหมือนกับผู้หญิงที่ถึงกำหนดคลอดก็เป็นทุกข์เพราะความเจ็บปวดทรมาน แต่เมื่อเธอคลอดลูกแล้วก็ลืมความเจ็บปวดไปหมด เพราะดีใจที่ได้เห็นลูกเกิดมาในโลกนี้ พวกคุณก็เหมือนกัน ตอนนี้คุณทุกข์ใจ แต่เมื่อเรากลับมาหาคุณอีก คุณก็จะดีใจ แล้วไม่มีใครจะแย่งเอาความดีใจนั้นไปจากคุณได้ ในวันนั้นคุณจะไม่ต้องถามอะไรเราอีกแล้ว เราจะบอกให้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณขอเพราะคุณเป็นคนของเรา พระบิดาก็จะให้กับคุณ ตั้งแต่คุณเป็นคนของเรามาจนถึงเดี๋ยวนี้ พวกคุณยังไม่เคยขออะไรในฐานะคนของเรา ขอสิแล้วคุณจะได้ เพื่อคุณจะได้มีความสุขอย่างเต็มที่” “เราได้เล่าเรื่องเหล่านี้โดยใช้เรื่องเปรียบเทียบ อีกไม่นานเราจะไม่ใช้เรื่องเปรียบเทียบแล้ว แต่เราจะบอกพวกคุณตรงๆเลยเกี่ยวกับพระบิดา ในวันนั้นพวกคุณจะไม่ต้องขออะไรโดยผ่านทางเราอีกแล้ว คุณขอจากพระเจ้าได้โดยตรง เพราะคุณเป็นคนของเรา เพราะพระบิดาเองก็รักพวกคุณ พระองค์รักพวกคุณทุกคนเพราะว่าคุณรักเรา และเชื่อว่าเรามาจากพระเจ้า เรามาจากพระบิดา และเข้ามาในโลกนี้ ตอนนี้เรากำลังจะไปจากโลกนี้เพื่อกลับไปหาพระบิดา” แล้วพวกศิษย์ก็พูดว่า “ดูสิ อาจารย์พูดกับเราตรงๆโดยไม่ได้ใช้เรื่องเปรียบเทียบแล้ว ตอนนี้พวกเรารู้แล้วว่าอาจารย์รู้ทุกอย่าง อาจารย์รู้ว่าจะตอบอะไรก่อนที่เราจะถามเสียอีก ถึงไม่ถาม อาจารย์ก็รู้อยู่แล้วว่าเราคิดอะไร แค่นี้เราก็เชื่อแล้วว่าอาจารย์มาจากพระเจ้า” พระเยซูตอบพวกเขาว่า “ในที่สุดพวกคุณก็เชื่อแล้วหรือ คอยดูสิ เวลากำลังจะมาถึง ที่จริงเวลามาถึงแล้วด้วยซ้ำ เป็นเวลาที่พวกคุณทุกคนจะหนีกระเจิดกระเจิงไปทางใครทางมัน และจะทิ้งเราไว้คนเดียว แต่เราไม่ได้อยู่คนเดียวหรอก เพราะพระบิดาอยู่กับเราด้วย เราพูดเรื่องพวกนี้เพื่อว่าคุณจะได้มีสันติสุขเพราะคุณมีส่วนร่วมในตัวเรา ในโลกนี้คุณจะมีปัญหาเดือดร้อนสารพัด แต่ให้เข้มแข็งไว้ เพราะเราชนะโลกแล้ว”
ยอห์น 16:16-33 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
“อีกหน่อยพวกท่านจะไม่เห็นเรา และต่อไปอีกหน่อย พวกท่านก็จะเห็นเรา” สาวกของพระองค์บางคนพูดกันว่า “พระองค์หมายความว่าอะไรที่ตรัสกับเราว่า ‘อีกหน่อยพวกท่านจะไม่เห็นเรา และต่อไปอีกหน่อยพวกท่านก็จะเห็นเรา’ และ ‘เพราะเราไปถึงพระบิดา’” พวกเขาพูดกันว่า “ ‘อีกหน่อย’ นั้นหมายความว่าอะไร? เราไม่ทราบว่า ‘อีกหน่อย’ ที่พระองค์ตรัสนั้น หมายความว่าอะไร” พระเยซูทรงทราบว่าพวกเขาอยากทูลถามพระองค์ พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “พวกท่านถามกันอยู่หรือว่าเราหมายความว่าอะไรที่พูดว่า ‘อีกหน่อยพวกท่านจะไม่เห็นเรา และต่อไปอีกหน่อยพวกท่านก็จะเห็นเรา?’ เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ท่านจะร้องไห้และคร่ำครวญ แต่โลกจะชื่นชมยินดี พวกท่านจะเป็นทุกข์ แต่ความทุกข์ของท่านจะกลับกลายเป็นความชื่นชมยินดี เมื่อผู้หญิงจะคลอดบุตร นางก็มีแต่ความทุกข์เพราะถึงกำหนด แต่เมื่อคลอดบุตรแล้ว นางก็ไม่คิดถึงความเจ็บปวดนั้นเลย เพราะมีความชื่นชมยินดีที่คนหนึ่งเกิดมาในโลก ดังนั้นขณะนี้พวกท่านจึงมีความทุกข์ แต่เราจะมาหาท่านอีก และใจของท่านจะชื่นชมยินดี และจะไม่มีใครช่วงชิงความชื่นชมยินดีไปจากท่านได้ ในวันนั้นพวกท่านจะไม่ถามอะไรเราอีก เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ถ้าท่านขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระองค์จะประทานสิ่งนั้นแก่ท่าน จนบัดนี้พวกท่านก็ยังไม่ได้ขอสิ่งใดในนามของเรา จงขอเถิดแล้วจะได้ เพื่อความชื่นชมยินดีของท่านจะมีเต็มเปี่ยม “เราพูดเรื่องนี้กับพวกท่านโดยใช้เรื่องเปรียบเทียบ วันนั้นจะมาถึงเมื่อเราจะไม่พูดกับท่านโดยใช้เรื่องเปรียบเทียบอีก แต่จะบอกท่านถึงเรื่องพระบิดาอย่างแจ่มแจ้ง ในวันนั้นพวกท่านจะทูลขอในนามของเรา และเราจะไม่บอกท่านว่าเราจะอ้อนวอนพระบิดาเพื่อท่าน เพราะว่าพระบิดาเองก็ทรงรักพวกท่าน เพราะท่านรักเราและเชื่อว่าเรามาจากพระเจ้า เรามาจากพระบิดาและเข้ามาในโลกแล้ว เราจะจากโลกนี้ไปหาพระบิดาอีก” พวกสาวกของพระองค์ทูลว่า “ตอนนี้พระองค์ตรัสอย่างแจ่มแจ้ง ไม่ได้ตรัสโดยใช้เรื่องเปรียบเทียบ ตอนนี้พวกข้าพระองค์รู้แล้วว่าพระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง และไม่จำเป็นที่ใครจะทูลถามพระองค์อีก เพราะเหตุนี้พวกข้าพระองค์จึงเชื่อว่าพระองค์ทรงมาจากพระเจ้า” พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า “ตอนนี้พวกท่านเชื่อแล้วหรือ? นี่แน่ะ วันนั้นจะมา และเวลานั้นก็มาถึงแล้ว ที่พวกท่านจะต้องกระจัดกระจายไปยังที่อยู่ของท่านแต่ละคนและจะทิ้งเราไว้คนเดียว แต่เราไม่ได้อยู่คนเดียว เพราะพระบิดาสถิตอยู่กับเรา เราบอกเรื่องนี้กับพวกท่าน เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงมีใจกล้าเถิด เพราะว่าเราชนะโลกแล้ว”
ยอห์น 16:16-33 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
อีกหน่อยท่านทั้งหลายก็จะไม่เห็นเรา และต่อไปอีกหน่อยท่านก็จะเห็นเรา เพราะเราไปถึงพระบิดา” สาวกบางคนของพระองค์จึงพูดกันว่า “ที่พระองค์ตรัสกับเราว่า ‘อีกหน่อยท่านทั้งหลายก็จะไม่เห็นเรา และต่อไปอีกหน่อยท่านก็จะเห็นเรา’ และ ‘เพราะเราไปถึงพระบิดา’ เหล่านี้หมายความว่าอะไร” เขาจึงพูดกันว่า “นั้นหมายความว่าอะไรที่พระองค์ตรัสว่า ‘อีกหน่อย’ เราไม่ทราบว่า สิ่งที่พระองค์ตรัสนั้นหมายความว่าอะไร” พระเยซูทรงทราบว่าเขาอยากทูลถามพระองค์ จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายถามกันอยู่หรือว่า เราหมายความว่าอะไรที่พูดว่า ‘อีกหน่อยท่านก็จะไม่เห็นเรา และต่อไปอีกหน่อยท่านก็จะเห็นเรา’ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านจะร้องไห้และคร่ำครวญ แต่โลกจะชื่นชมยินดี และท่านทั้งหลายจะทุกข์โศก แต่ความทุกข์โศกของท่านจะกลับกลายเป็นความชื่นชมยินดี เมื่อผู้หญิงกำลังจะคลอดบุตร นางก็มีความทุกข์ เพราะถึงกำหนดแล้ว แต่เมื่อคลอดบุตรแล้ว นางก็ไม่ระลึกถึงความเจ็บปวดนั้นเลย เพราะมีความชื่นชมยินดีที่คนหนึ่งเกิดมาในโลก ฉันใดก็ดีขณะนี้ท่านทั้งหลายมีความทุกข์โศก แต่เราจะเห็นท่านอีก และใจท่านจะชื่นชมยินดี และไม่มีผู้ใดช่วงชิงความชื่นชมยินดีไปจากท่านได้ ในวันนั้นท่านจะไม่ถามอะไรเราอีก เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระองค์จะทรงประทานสิ่งนั้นให้แก่ท่าน แม้จนบัดนี้ท่านยังไม่ได้ขอสิ่งใดในนามของเรา จงขอเถิดแล้วจะได้ เพื่อความชื่นชมยินดีของท่านจะมีเต็มเปี่ยม เราพูดเรื่องนี้กับท่านเป็นคำอุปมา แต่วันหนึ่งเราจะไม่พูดกับท่านเป็นคำอุปมาอีก แต่จะบอกท่านถึงเรื่องพระบิดาอย่างแจ่มแจ้ง ในวันนั้นพวกท่านจะทูลขอในนามของเรา และเราจะไม่บอกท่านว่า เราจะอ้อนวอนพระบิดาเพื่อท่าน เพราะว่าพระบิดาเองก็ทรงรักท่านทั้งหลาย เพราะท่านรักเราและเชื่อว่าเรามาจากพระเจ้า เรามาจากพระบิดาและได้เข้ามาในโลกแล้ว เราจะจากโลกนี้ไปถึงพระบิดาอีก” เหล่าสาวกของพระองค์ทูลพระองค์ว่า “ดูเถิด บัดนี้พระองค์ตรัสอย่างแจ่มแจ้งแล้ว มิได้ตรัสเป็นคำอุปมา เดี๋ยวนี้พวกข้าพระองค์รู้แน่ว่า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง และไม่จำเป็นที่ผู้ใดจะทูลถามพระองค์อีก ด้วยเหตุนี้ข้าพระองค์เชื่อว่าพระองค์ทรงมาจากพระเจ้า” พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เดี๋ยวนี้ท่านทั้งหลายเชื่อแล้วหรือ ดูเถิด เวลาจะมา เวลานั้นก็ถึงแล้ว ที่ท่านจะต้องกระจัดกระจายไปยังที่ของท่านทุกคน และจะทิ้งเราไว้แต่ผู้เดียว แต่เราหาได้อยู่ผู้เดียวไม่ เพราะพระบิดาทรงสถิตอยู่กับเรา เราได้บอกเรื่องนี้แก่ท่าน เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงชื่นใจเถิด เพราะว่าเราได้ชนะโลกแล้ว”
ยอห์น 16:16-33 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
<<อีกหน่อยท่านทั้งหลายก็จะไม่เห็นเรา และต่อไปอีกหน่อยท่านก็จะเห็นเรา>> สาวกบางคนของพระองค์พูดกันว่า <<ที่พระองค์ตรัสกับเราว่า <อีกหน่อยท่านทั้งหลายก็จะไม่เห็นเรา และต่อไปอีกหน่อยท่านก็จะเห็นเรา> และ <เพราะเราไปถึงพระบิดา> เหล่านี้หมายความว่าอะไร>> เขาพูดกันว่า << <อีกหน่อย> นั้นหมายความว่าอะไร เราไม่ทราบว่า <อีกหน่อย> ที่พระองค์ตรัสนั้น หมายความว่าอะไร>> พระเยซูทรงทราบว่า เขาอยากทูลถามพระองค์ พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า <<ท่านทั้งหลายถามกันอยู่หรือว่า เราหมายความว่าอะไรที่พูดว่า <อีกหน่อยท่านก็จะไม่เห็นเรา และต่อไปอีกหน่อยท่านก็จะเห็นเรา> เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านจะร้องไห้และคร่ำครวญ แต่โลกจะชื่นชมยินดี ท่านทั้งหลายจะทุกข์โศก แต่ความทุกข์โศกของท่านจะกลับกลายเป็นความชื่นชมยินดี เมื่อผู้หญิงจะคลอดบุตรนางก็มีแต่ความทุกข์ เพราะถึงกำหนดแล้ว แต่เมื่อคลอดบุตรแล้ว นางก็ไม่คิดถึงความเจ็บปวดนั้นเลย เพราะมีความชื่นชมยินดี ที่คนหนึ่งเกิดมาในโลก ฉันใดก็ดี ขณะนี้ท่านทั้งหลายมีความทุกข์ แต่เราจะมาหาท่านอีก และใจท่านจะชื่นชมยินดี และไม่มีผู้ใดจะช่วงชิงความชื่นชมยินดีไปจากท่านได้ ในวันนั้นท่านจะไม่ถามอะไรเราอีก เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านขอสิ่งใดจากพระบิดา พระองค์จะประทานสิ่งนั้นให้แก่ท่านในนามของเรา แม้จนบัดนี้ท่านยังไม่ได้ขอสิ่งใดในนามของเรา จงขอเถิดแล้วจะได้ เพื่อความชื่นชมยินดีของท่านจะมีเต็มเปี่ยม <<เราพูดเรื่องนี้กับท่านเป็นคำอรรถ วันหนึ่งเราจะไม่พูดกับท่านเป็นคำอรรถอีก แต่จะบอกท่านถึงเรื่องพระบิดาอย่างแจ่มแจ้ง ในวันนั้นพวกท่านจะทูลขอในนามของเรา และเราจะไม่บอกท่านว่า เราจะอ้อนวอนพระบิดาเพื่อท่าน เพราะว่าพระบิดาเองก็ทรงรักท่านทั้งหลาย เพราะท่านรักเราและเชื่อว่าเรามาจากพระบิดา เรามาจากพระบิดาและได้เข้ามาในโลกแล้ว เราจะจากโลกนี้ไปถึงพระบิดาอีก>> เหล่าสาวกของพระองค์ทูลว่า <<นี่แน่ะ บัดนี้พระองค์ตรัสอย่างแจ่มแจ้งแล้ว มิได้ตรัสเป็นคำอรรถ เดี๋ยวนี้พวกข้าพระองค์รู้แน่ว่า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง และไม่จำเป็นที่ผู้ใดจะทูลถามพระองค์อีก ด้วยเหตุนี้ข้าพระองค์เชื่อว่าพระองค์ทรงมาจากพระเจ้า>> พระเยซูตรัสตอบเขาว่า <<เดี๋ยวนี้ท่านทั้งหลายเชื่อแล้วหรือ ดูเถิด เวลาจะมา และเวลานั้นก็ถึงแล้ว ที่ท่านจะต้องกระจัดกระจายไปยังที่อยู่ของท่านทุกคน และจะทิ้งเราไว้แต่ผู้เดียว แต่เราหาได้อยู่ผู้เดียวไม่ เพราะพระบิดาทรงสถิตอยู่กับเรา เราได้บอกเรื่องนี้แก่ท่าน เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงชื่นใจเถิด เพราะว่าเราได้ชนะโลกแล้ว>>
ยอห์น 16:16-33 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
“อีกไม่นาน ท่านจะไม่เห็นเรา และจากนั้นไม่นานท่านจะเห็นเรา” สาวกของพระองค์บางคนพูดกันว่า “พระองค์ทรงหมายความว่าอย่างไรที่ตรัสว่า ‘อีกไม่นานพวกท่านจะไม่เห็นเรา และจากนั้นไม่นานพวกท่านจะเห็นเรา’? และที่ว่า ‘เพราะเรากำลังจะไปหาพระบิดา’?” พวกเขาเฝ้าถามกันว่า “ที่พระองค์ตรัสว่า ‘อีกไม่นาน’ นั้นหมายความว่าอะไร? เราไม่เข้าใจสิ่งที่พระองค์ตรัสเลย” พระเยซูทรงเห็นว่าพวกเขาอยากทูลถามพระองค์เรื่องนี้ จึงตรัสกับพวกเขาว่า “พวกท่านถามกันอยู่ใช่ไหมว่าเราหมายความว่าอะไรที่พูดว่า ‘อีกไม่นาน พวกท่านจะไม่เห็นเรา และจากนั้นไม่นานพวกท่านจะเห็นเรา’? เราบอกความจริงแก่พวกท่านว่า พวกท่านจะร้องไห้คร่ำครวญขณะที่โลกเปรมปรีดิ์ พวกท่านจะทุกข์โศกแต่ความทุกข์โศกของพวกท่านจะกลับกลายเป็นความชื่นชมยินดี ผู้หญิงที่จะคลอดลูกย่อมเจ็บปวดเพราะถึงกำหนดแล้ว แต่เมื่อทารกคลอดออกมานางก็ลืมความเจ็บปวดทรมานเพราะชื่นชมยินดีที่เด็กคนหนึ่งได้เกิดมาในโลก พวกท่านก็เช่นกัน ขณะนี้คือเวลาทุกข์โศกของพวกท่านแต่เราจะมาหาพวกท่านอีกและพวกท่านจะชื่นชมยินดี และจะไม่มีใครเอาความชื่นชมยินดีของพวกท่านไปได้ ในวันนั้นพวกท่านจะไม่ถามอะไรเราอีก เราบอกความจริงแก่พวกท่านว่า สิ่งใดที่พวกท่านขอในนามของเรา พระบิดาจะประทานแก่พวกท่าน จนถึงบัดนี้พวกท่านยังไม่ได้ขอสิ่งใดในนามของเราเลย จงขอเถิดแล้วพวกท่านจะได้และความชื่นชมยินดีของพวกท่านจะเต็มบริบูรณ์ “แม้เราเคยพูดเป็นโวหารเปรียบเทียบมาตลอดแต่อีกไม่นานเราจะไม่ใช้ภาษาแบบนี้อีกต่อไป แต่เราจะบอกพวกท่านตรงๆ เกี่ยวกับพระบิดาของเรา ในวันนั้นพวกท่านจะทูลขอพระบิดาในนามของเรา เราไม่ได้พูดว่าเราจะทูลขอพระบิดาแทนพวกท่าน เปล่าเลย พระบิดาเองทรงรักพวกท่าน เพราะพวกท่านรักเราและเชื่อว่าเรามาจากพระเจ้า เรามาจากพระบิดาและเข้ามาในโลก บัดนี้เรากำลังจะไปจากโลกและกลับไปหาพระบิดา” แล้วเหล่าสาวกของพระเยซูจึงทูลว่า “บัดนี้พระองค์ตรัสตรงๆ โดยไม่มีโวหารเปรียบเทียบ เดี๋ยวนี้พวกข้าพระองค์รู้ว่าพระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง และพระองค์ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใดมาทูลถามพระองค์ สิ่งนี้ทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเชื่อว่าพระองค์ทรงมาจากพระเจ้า” พระเยซูตรัสว่า “ในที่สุดพวกท่านก็เชื่อ! แต่วาระนั้นกำลังจะมาและได้มาถึงแล้ว เมื่อพวกท่านแต่ละคนจะกระจัดกระจายไปยังบ้านของตน พวกท่านจะทิ้งเราไว้คนเดียว กระนั้นเราก็ไม่ได้อยู่แต่ลำพังเพราะพระบิดาของเราสถิตกับเรา “เราบอกสิ่งเหล่านี้แก่พวกท่านเพื่อพวกท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้พวกท่านจะมีความทุกข์ยากแต่จงชื่นใจเถิด! เราได้ชนะโลกแล้ว”
ยอห์น 16:16-33 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
อีกเพียงประเดี๋ยวหนึ่งพวกเจ้าก็จะไม่เห็นเราอีก และอีกเพียงประเดี๋ยวหนึ่งพวกเจ้าก็จะได้เห็นเราอีก” สาวกบางคนของพระองค์พูดโต้ตอบกันว่า “สิ่งที่พระองค์กำลังบอกพวกเราคืออะไร ‘เพียงประเดี๋ยวหนึ่งพวกเจ้าจะไม่เห็นเรา และอีกประเดี๋ยวหนึ่งพวกเจ้าก็จะได้เห็นเราอีก’ และ ‘เพราะเราไปหาพระบิดา’” ดังนั้นพวกเขาจึงพูดว่า “สิ่งที่พระองค์พูดคืออะไร ‘เพียงประเดี๋ยวหนึ่ง’ เราไม่ทราบว่าพระองค์พูดถึงอะไร” พระเยซูทราบว่าบรรดาสาวกปรารถนาที่จะถามพระองค์ พระองค์จึงกล่าวกับพวกเขาว่า “พวกเจ้าถามกันไปมาในเรื่องที่เราพูดหรือว่า ‘เพียงประเดี๋ยวหนึ่งพวกเจ้าจะไม่เห็นเราอีก และอีกเพียงประเดี๋ยวหนึ่งพวกเจ้าก็จะได้เห็นเราอีก’ เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ขณะที่พวกเจ้าร้องไห้และคร่ำครวญ โลกก็จะชื่นชมยินดี เจ้าจะมีความเศร้า แต่ความเศร้าของเจ้าก็จะกลับกลายเป็นความยินดี เมื่อไรก็ตามที่ผู้หญิงจะคลอดบุตร นางมีความทุกข์ก็เพราะถึงกำหนด แต่เมื่อนางคลอดแล้วก็ไม่คิดถึงความเจ็บปวดอีกเลย เพราะยินดีที่ลูกได้เกิดมาในโลกแล้ว บัดนี้พวกเจ้ามีความเศร้า แต่เราจะเห็นพวกเจ้าอีก และใจของเจ้าจะชื่นชมยินดี ไม่มีผู้ใดเอาความยินดีไปจากเจ้าได้ ในวันนั้นพวกเจ้าจะไม่ถามเราอีก เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ถ้าเจ้าจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระองค์จะมอบสิ่งนั้นให้แก่เจ้า จนบัดนี้พวกเจ้ายังไม่ได้ขอสิ่งใดในนามของเรา จงขอเถิดแล้วเจ้าจะได้รับ เพื่อความชื่นชมยินดีของเจ้าจะได้เต็มเปี่ยม เราได้พูดถึงสิ่งเหล่านี้กับเจ้าเป็นความเปรียบ จะถึงเวลาที่เราไม่ต้องพูดกับพวกเจ้าเป็นความเปรียบอีกต่อไปแล้ว และบอกเรื่องของพระบิดาอย่างแจ่มแจ้งได้ ในวันนั้นพวกเจ้าจะขอในนามของเรา และไม่ได้หมายความว่าเราจะขอจากพระบิดาให้เจ้า ด้วยว่าพระบิดาเองรักพวกเจ้า เพราะเจ้ารักเราและเชื่อว่าเรามาจากพระบิดา เรามาจากพระบิดาและเข้ามาในโลก และบัดนี้เรากำลังจะจากโลกนี้ไปหาพระบิดา” บรรดาสาวกของพระองค์พูดว่า “ดูเถิด บัดนี้พระองค์กล่าวอย่างแจ่มแจ้ง ไม่ได้กล่าวเป็นความเปรียบ บัดนี้พวกเราเห็นแล้วว่าพระองค์ทราบถึงทุกสิ่ง และไม่จำเป็นต้องมีผู้ใดซักถามพระองค์ ด้วยเหตุนี้พวกเราเชื่อว่าพระองค์มาจากพระเจ้า” พระเยซูตอบพวกเขาว่า “บัดนี้พวกเจ้าเชื่อแล้วหรือ ดูเถิด จวนจะถึงเวลา และในที่สุดก็ถึงเวลาแล้วที่พวกเจ้าจะต้องกระจัดกระจายไปยังบ้านของตน และทิ้งเราไว้เพียงลำพัง แต่อย่างไรก็ตามเราไม่ได้อยู่เพียงลำพัง เพราะว่าพระบิดาอยู่กับเรา เราพูดถึงสิ่งเหล่านี้กับเจ้าเพื่อเจ้าจะได้มีสันติสุขในเรา พวกเจ้าจะประสบกับความทุกข์ยากในโลกนี้ แต่จงทำใจให้กล้าหาญเถิด เรามีชัยชนะต่อโลกแล้ว”