โยบ 3:6-26
โยบ 3:6-26 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
คืนนั้นน่ะ ขอให้ความมืดทึบฉวยมันไว้ อย่าให้มันเข้าส่วนท่ามกลางบรรดาวันของปี อย่านับมันเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเดือนเลย เออ ขอให้คืนนั้นเป็นหมัน ขออย่าให้เสียงร้องอันชื่นบานได้ยินในคืนนั้น ขอให้บรรดาผู้สาปวันได้สาปคืนนั้นด้วย คือผู้มีฝีมือที่จะปลุกเลวีอาธานขึ้นมา ขอให้ดาวเวลารุ่งสางของมันมืดมิด ขอให้มันรอความสว่าง แต่ไม่พบ อย่าให้มันเห็นแสงอรุณ เพราะว่ามันมิได้ปิดประตูครรภ์มารดาของข้า หรือซ่อนความยากลำบากไว้จากดวงตาของข้า “ทำไมข้าไม่ตายเสียตั้งแต่ออกจากครรภ์? ทำไมข้าไม่ออกจากครรภ์มารดาแล้วสิ้นใจ? ไฉนมีหัวเข่ารับข้าไว้? ไฉนมีหัวนมให้ข้าดูด? ไม่เช่นนั้น ข้าจะนอนแน่นิ่ง ข้าจะล่วงหลับ แล้วจะได้หยุดพัก กับบรรดาพระราชาและที่ปรึกษาของแผ่นดินโลก ผู้ได้สร้างที่ปรักหักพังขึ้นใหม่สำหรับตัวเอง หรือกับเจ้านายผู้มีทองคำ ผู้บรรจุเงินไว้เต็มบ้าน หรือทำไมข้าไม่เป็นอย่างลูกที่แท้งซึ่งถูกซ่อนไว้ อย่างทารกซึ่งไม่เคยเห็นแสงสว่าง? ที่นั่นคนอธรรมหยุดดิ้นรน และที่นั่นผู้เหนื่อยอ่อนได้หยุดพัก ที่นั่นผู้ถูกจองจำก็สบายด้วยกัน พวกเขาไม่ได้ยินเสียงของนายงาน ผู้น้อยและผู้ใหญ่ก็อยู่ที่นั่น และทาสก็เป็นอิสระพ้นจากนายของเขา “ไฉนประทานแสงสว่างแก่ผู้ทนทุกขเวทนา และประทานชีวิตแก่ผู้มีใจระทมทุกข์? ผู้คอยความตาย แต่มันก็ไม่มา และขุดหามันยิ่งกว่าหาทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ ผู้เปรมปรีดิ์อย่างยิ่ง และยินดีเมื่อเขาพบหลุมศพ ไฉนประทานความสว่างแก่ผู้ที่ทางของเขาซ่อนอยู่ ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงล้อมรั้วกั้นไว้? เพราะการถอนหายใจของข้ามาแทนอาหาร และการครวญครางของข้าก็เทออกมาเหมือนน้ำ เพราะสิ่งที่ข้ากลัวก็มาเหนือข้า และสิ่งที่ข้าครั่นคร้ามก็ตกแก่ข้า ข้าไม่สบายใจเลย และข้าไม่สงบ ข้าไม่ได้หยุดพัก แต่ความวุ่นวายได้มาหา”
โยบ 3:6-26 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
คืนนั้นน่ะ ขอให้ความมืดทึบฉวยมันไว้ อย่าให้มันเข้าส่วนท่ามกลางบรรดาวันของปี อย่าให้นับมันเข้าเป็นส่วนของเดือนต่อไปเลย เออ ขอให้คืนนั้นเป็นหมัน ขออย่าให้เสียงร้องอันชื่นบาน ได้ยินในคืนนั้น ขอให้บรรดาผู้ที่สาปวัน ได้สาปคืนนั้นด้วย ผู้มีฝีมือที่จะปลุกเลวีอาธานขึ้นมา ขอให้ดาวเวลารุ่งสางของมันมืด ขอให้มันหวังความสว่าง แต่ไม่พบ อย่าให้เห็นแสงอรุณรุ่งเช้า เพราะว่ามันมิได้ปิดประตูแห่งครรภ์มารดาของข้า หรือซ่อนความยากลำบากจากตาของข้า <<ทำไมข้าไม่ตายเสียแต่กำเนิด ทำไมข้าไม่ขาดใจเสีย เมื่อข้าออกมาจากครรภ์แล้วก็สิ้นไป ทำไมหัวเข่าจึงรับข้าไว้ หรือทำไมหัวนมมีให้ข้าดูด ถ้าหาไม่แล้ว ข้าจะนอนเงียบสงบอยู่ ข้าจะหลับ แล้วข้าจะได้หยุดพักอยู่ กับบรรดาพระราชาและที่ปรึกษาของแผ่นดินโลก ผู้ได้สร้างที่ปรักหักพังขึ้นใหม่สำหรับตัวเอง หรือกับเจ้านายผู้มีทองคำ ผู้บรรจุเงินไว้เต็มบ้าน หรือทำไมข้าไม่เป็นอย่างลูกที่แท้ง ซึ่งซ่อนไว้ อย่างทารกซึ่งไม่เคยเห็นแสงสว่าง ที่นั่นคนชั่วร้ายหยุดดิ้นรน และที่นั่นผู้ที่เหนื่อยอ่อนได้หยุดพัก ที่นั่นผู้ถูกจำจองก็สบายด้วยกัน เขาทั้งหลายไม่ได้ยินเสียงของนายงาน ผู้น้อยและผู้ใหญ่ก็อยู่ที่นั่น และทาสก็เป็นอิสระพ้นจากนายของเขา <<ไฉนหนอผู้ที่ทนทุกข์เวทนาอย่างนี้ ยังได้รับแสงสว่าง และผู้ที่มีใจระทมทุกข์ได้รับชีวิต ผู้คอยความตาย แต่มันก็ไม่มา และขุดหามันมากกว่าหาทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ ผู้ซึ่งเปรมปรีดิ์อย่างยิ่ง และยินดี เมื่อเขาพบหลุมฝังศพ ไฉนจึงประทานความสว่างแก่ผู้ที่ทางของเขาซ่อนอยู่ ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงล้อมรั้วกั้นไว้ เพราะการถอนหายใจของข้ามีมาก่อนอาหารของข้า และการครวญครางของข้าก็เทออกมาเหนือข้า เพราะสิ่งที่ข้ากลัวก็มาเหนือข้า และสิ่งที่ข้าครั่นคร้ามก็ตกแก่ข้า ข้าไม่สบายใจเลย ทั้งข้าก็ไม่สงบ ข้าไม่ได้หยุดพัก แต่ความทรมานก็มาหา>>
โยบ 3:6-26 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
ความหมองหม่นน่าจะยึดเอาคืนนั้นที่ข้าก่อเกิดขึ้นในท้องไปซะ คืนนั้นไม่น่าจะเชื่อมต่อกับวันอื่นๆของปีเลย วันนั้นไม่น่าจะถูกนับรวมอยู่ในเดือนต่างๆเลย ความจริงแล้วคืนนั้นน่าจะเป็นหมันไป ไม่น่าจะมีเสียงร้องอย่างมีความสุขในคืนนั้นเลย คนที่สาปแช่งวันน่าจะร่ายเวทมนตร์ใส่คืนนั้นด้วย คนที่เก่งในการปลุกเรียกตัวเลวีอาธาน ขึ้นมา น่าจะสาปแช่งคืนนั้นด้วย ดวงดาวในยามรุ่งสางน่าจะมืดไป คืนนั้นที่รอแสงสว่างอย่างตื่นเต้นไม่น่าจะได้พบแสงสว่างเลย คืนนั้นไม่น่าจะได้พบกับแสงสว่างแห่งยามรุ่งสางเลย เพราะคืนนั้นไม่ได้ปิดครรภ์ของแม่ข้าไว้ เพราะคืนนั้นไม่ได้ซ่อนความทุกข์ยากไปจากสายตาข้า ทำไมข้าถึงไม่ตายตั้งแต่เกิด ทำไมข้าถึงไม่คลอดออกมาแล้วสิ้นใจไปเลย ทำไมตักของแม่จึงรองรับข้าไว้ และทำไมถึงมีเต้านมให้ข้าดูด เพราะถ้าข้าตายไปเสียตั้งแต่แรกเกิด ตอนนี้ข้าคงนอนเหยียดยาวอยู่และไม่ถูกรบกวน ข้าคงนอนหลับอยู่และคงได้พักผ่อน อยู่ร่วมกับพวกกษัตริย์และบรรดาที่ปรึกษาแห่งแผ่นดินที่เคยสร้างเมืองปรักหักพังขึ้นใหม่สำหรับพวกเขาเอง หรืออยู่กับพวกเจ้านายในวัง ที่เคยมีทองคำและเงินเต็มบ้าน ทำไมข้าถึงไม่ถูกฝังเหมือนกับเด็กที่ตายในท้อง หรือเป็นทารกที่ไม่เคยเห็นแสงสว่าง ที่หลุมศพนั้นคนชั่วจะหยุดก่อปัญหา ที่นั่นผู้ที่เหนื่อยล้าจะได้พักผ่อน ที่นั่นเหล่าเชลยจะอยู่กันอย่างสบาย เพราะพวกเขาจะไม่ได้ยินเสียงร้องตะโกนของผู้คุม ทั้งผู้น้อยและผู้ใหญ่ก็อยู่ที่นั่น ส่วนทาสก็เป็นอิสระจากเจ้านาย ทำไมถึงให้แสงสว่างกับคนที่ทุกข์ทรมาน ทำไมถึงให้ชีวิตกับคนที่จมอยู่กับความขมขื่น ทำไมไม่ยอมให้คนที่อยากตายได้ตายซะ พวกเขาขุดหาความตายยิ่งกว่าขุดหาทรัพย์สมบัติเสียอีก พวกเขาดีใจแทบตายเมื่อเขาพบหลุมศพของตน พวกเขาร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน ทำไมถึงให้ชีวิตกับคนที่ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม คือคนที่พระเจ้าได้ปิดกั้นรอบด้าน อาหารของข้าคือการถอนหายใจ น้ำดื่มของข้าคือเสียงร้องคร่ำครวญ เพราะสิ่งที่ข้ากลัวมากที่สุดนั้นก็ได้เกิดขึ้นกับข้า สิ่งที่ข้าหวาดผวาก็ได้ตกอยู่บนข้า ข้าไม่มีความสงบสุข ไม่มีความเงียบสงบ ข้าไม่ได้พักผ่อน ข้ามีแต่ความว้าวุ่นใจ”
โยบ 3:6-26 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
คืนนั้นน่ะ ขอให้ความมืดทึบฉวยมันไว้ อย่าให้มันเข้าส่วนท่ามกลางบรรดาวันของปี อย่าให้นับมันเข้าเป็นส่วนของเดือนต่อไปเลย ดูเถิด ขอให้คืนนั้นเป็นหมัน ขออย่าให้เสียงร้องอันชื่นบานได้ยินในคืนนั้น ขอให้บรรดาผู้ที่สาปวันได้สาปคืนนั้นด้วย คือผู้ที่พร้อมจะเปล่งเสียงร้องคร่ำครวญ ขอให้ดาวเวลารุ่งสางของมันมืด ขอให้มันหวังความสว่าง แต่ไม่พบ อย่าให้เห็นแสงอรุณรุ่งเช้า เพราะว่ามันมิได้ปิดประตูแห่งครรภ์มารดาของข้า หรือซ่อนความเศร้าโศกจากตาของข้า ทำไมข้าไม่ตายเสียแต่กำเนิด ทำไมข้าไม่ขาดใจเสียเมื่อข้าออกมาจากครรภ์แล้วก็สิ้นไป ทำไมหัวเข่าจึงรับข้าไว้ หรือทำไมหัวนมมีให้ข้าดูด ถ้าหาไม่แล้ว ข้าจะนอนเงียบสงบอยู่ ข้าจะหลับ แล้วข้าจะได้หยุดพักอยู่ กับพวกกษัตริย์และพวกที่ปรึกษาของแผ่นดินโลก ผู้ได้สร้างที่โดดเดี่ยวอ้างว้างไว้สำหรับตัวเอง หรือกับเจ้านายผู้มีทองคำ ผู้บรรจุเงินไว้เต็มบ้าน หรือทำไมข้าไม่เป็นอย่างลูกที่แท้งซึ่งซ่อนไว้ อย่างทารกซึ่งไม่เคยเห็นแสงสว่าง ที่นั่นคนชั่วร้ายหยุดดิ้นรน และที่นั่นผู้ที่เหนื่อยอ่อนได้หยุดพัก ที่นั่นผู้ถูกจองจำก็สบายด้วยกัน เขาทั้งหลายไม่ได้ยินเสียงของผู้กดขี่ ผู้น้อยและผู้ใหญ่ก็อยู่ที่นั่น และทาสก็เป็นอิสระพ้นจากนายของเขา ไฉนหนอผู้ที่ทนทุกข์เวทนาอย่างนี้ ยังได้รับแสงสว่าง และผู้ที่มีใจขมขื่นได้รับชีวิต ผู้คอยความตาย แต่มันไม่มา และขุดหามันมากกว่าหาทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ ผู้ซึ่งเปรมปรีดิ์อย่างยิ่งและยินดี เมื่อเขาพบหลุมฝังศพ ไฉนจึงประทานความสว่างแก่ผู้ที่ทางของเขาซ่อนอยู่ ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงล้อมรั้วต้นไม้กั้นไว้ เพราะการถอนหายใจของข้ามีมาก่อนอาหารของข้า และการครวญครางของข้าก็เทออกมาเหมือนน้ำทั้งหลาย เพราะสิ่งที่ข้ากลัวมากก็มาเหนือข้า และสิ่งที่ข้าครั่นคร้ามก็ตกแก่ข้า ข้าไม่สบายใจเลย ทั้งข้าก็ไม่สงบ ข้าไม่ได้หยุดพัก แต่ความทรมานก็มาหา”
โยบ 3:6-26 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
ขอให้ความมืดกลืนค่ำคืนที่ข้าได้เกิดมานั้น ขอให้ลบวันนั้นออกจากปฏิทิน อย่านับมันเข้ากับวันหรือเดือนใดๆ อีกเลย ขอให้คืนนั้นเป็นหมัน อย่าให้ได้ยินเสียงโห่ร้องยินดี ขอให้ผู้มีอาคมสาปแช่งวันทั้งหลาย ผู้พร้อมจะปลุกเรียกเลวีอาธาน ขึ้นมาสาปแช่งวันนั้น ขอให้ดาวรุ่งในเช้านั้นอับแสงไป ขอให้ความหวังที่จะได้เห็นแสงสว่างนั้นสูญเปล่า และไม่มีวันได้เห็นแสงอรุณ จงสาปแช่งวันนั้น เพราะมันไม่ยอมปิดครรภ์มารดาของข้า ปล่อยให้ข้าเกิดมารู้เห็นความทุกข์นี้ “ทำไมหนอข้าจึงไม่ตายตั้งแต่เกิด? ทำไมไม่สิ้นลมตั้งแต่คลอด? ทำไมหนอจึงมีตักที่รองรับข้าไว้ มีอ้อมอกที่เลี้ยงดู? ไม่เช่นนั้นป่านนี้ข้าคงได้นอนอย่างสงบ ข้าคงได้หลับและพักอย่างสบาย กับบรรดากษัตริย์และที่ปรึกษาของโลก ผู้สร้างสถานที่สำหรับตนซึ่งบัดนี้ปรักหักพัง กับบรรดาผู้ครอบครอง ซึ่งมีเงินทองเต็มบ้าน ทำไมหนอข้าจึงไม่ถูกดินกลบหน้าเหมือนทารกที่ตายตั้งแต่ยังไม่คลอด ที่ไม่เคยเห็นเดือนเห็นตะวัน? ที่นั่นคนชั่วหยุดวุ่นวาย และคนเหนื่อยอ่อนก็ได้พักสงบ เชลยอยู่อย่างสบาย ไม่ได้ยินเสียงตะคอกจากนายทาสอีกต่อไป ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยอยู่ที่นั่น และทาสก็เป็นอิสระจากนาย “ทำไมหนอจึงยังให้แสงสว่างแก่ผู้ที่ทุกข์ลำเค็ญ และให้ชีวิตแก่ผู้ที่ขมขื่นในดวงวิญญาณ? แก่ผู้ที่กระหายหาความตายแต่ไม่พบ ทั้งๆ ที่เขาเสาะหามันยิ่งกว่าขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ ผู้เต็มไปด้วยความเปรมปรีดิ์ และชื่นชมยินดีเมื่อพวกเขาได้ไปถึงหลุมฝังศพ ทำไมยังให้ชีวิต กับชายจนตรอก ผู้ที่พระเจ้าทรงปิดทางออกของชีวิตไว้? เพราะการทอดถอนใจมาถึงข้าแทนข้าวปลาอาหาร เสียงครวญครางของข้าพรั่งพรูออกมาเหมือนสายน้ำ สิ่งที่ข้ากลัวได้มาถึงข้า สิ่งที่ข้าหวาดหวั่นเกิดขึ้นกับข้าแล้ว ข้าไม่มีสันติสุข ไม่มีความสงบ ข้าไม่ได้พักผ่อน มีแต่ความวุ่นวายเท่านั้น”
โยบ 3:6-26 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
ในคืนนั้น ขอให้ความมืดมิดยึดเอาวันนั้นไป อย่าให้คืนนั้นรวมเข้ากับวันอื่นๆ ของปี หรือรวมอยู่ในเดือนใดๆ ดูเถิด ขอให้คืนนั้นอย่ามีใครตั้งครรภ์เลย อย่าให้มีเสียงยินดีเปล่งขึ้นในคืนนั้น ให้พวกที่สาปแช่งวันเวลา สาปแช่งวันนั้น ซึ่งพร้อมจะปลุกตัวเหราขึ้นมา ขอให้ดวงดาวยามย่ำรุ่งมืดไปเสีย ให้มันหวังในแสงสว่าง แต่ก็ไม่ได้รับ และไม่เห็นแสงอรุณรุ่ง เพราะคืนนั้นไม่ได้ปิดประตูครรภ์มารดาของฉัน และไม่ได้ซ่อนความยากลำบากจากดวงตาของฉัน ทำไมฉันจึงไม่ตายตอนเกิดออกจากครรภ์ แล้วก็ล่วงลับไป ทำไมรับฉันขึ้นไว้บนเข่า หรือว่า ทำไมอกแม่จึงได้เลี้ยงนมฉัน ฉันควรจะได้นอนแน่นิ่ง ฉันควรจะนอนหลับ แล้วฉันก็คงจะได้หยุดพัก ร่วมกับบรรดากษัตริย์หรือที่ปรึกษาของแผ่นดินในโลก ผู้ได้สร้างที่อยู่สำหรับตัวเอง และบัดนี้ ก็กลายเป็นสถานที่ร้าง หรือกับบรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ที่เคยมีทองคำ และสะสมเงินไว้เต็มบ้านของตน หรือทำไมฉันจึงไม่เป็นเด็กที่เกิดไม่ตรงตามกำหนดซึ่งถูกนำไปฝังไว้ อย่างเช่นเด็กอ่อนที่ไม่เคยเห็นแสงสว่าง อันเป็นที่ซึ่งคนชั่วหยุดก่อความวุ่นวาย เป็นที่ซึ่งคนเหนื่อยอ่อนได้พักผ่อน อันเป็นที่ซึ่งบรรดานักโทษอยู่ด้วยกันอย่างสบายใจ พวกเขาไม่ได้ยินเสียงตะคอกของผู้คุมทาส ผู้น้อยและผู้ใหญ่ก็อยู่ที่นั่น และบรรดาทาสเป็นอิสระจากเจ้านายของเขา ทำไมจึงให้คนที่อยู่ในความทุกข์มีชีวิตอยู่ต่อไป และทำไมชีวิตจึงยังอยู่กับคนที่มีจิตวิญญาณอันขมขื่น กับคนที่แสวงหาความตายแต่ก็ไม่พบ และขุดหามันยิ่งกว่าหาสมบัติที่ซ่อนไว้ พวกเขายินดียิ่งนัก และดีใจเมื่อพบหลุมฝังศพ ทำไมจึงให้ความสว่างแก่วิถีทาง ซึ่งถูกซ่อนเร้นไปจากเขาแล้ว พระเจ้าได้ปิดกั้นเขาไว้ ด้วยว่าฉันถอนใจเมื่อถึงเวลาอาหาร และการคร่ำครวญก็เทออกดั่งน้ำ ด้วยว่าสิ่งที่ฉันหวั่นกลัวก็เกิดขึ้นกับฉัน และสิ่งที่ฉันหวั่นหวาดก็ตกอยู่กับฉัน ฉันไม่สบายใจและไม่อาจอยู่นิ่ง ฉันพักผ่อนไม่ได้ ความยากลำบากถาโถมเข้ามาถึงตัวฉัน”