มัทธิว 20:1-19

มัทธิว 20:1-19 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

อาณาจักร​แห่ง​สวรรค์​เปรียบ​เหมือน​กับ​เจ้า​ของ​สวน​คน​หนึ่ง ที่​ออก​จาก​บ้าน​ไป​แต่​เช้าตรู่ เพื่อ​ไป​จ้าง​คน​งาน​มา​ทำงาน​ใน​สวนองุ่น​ของ​เขา เขา​ตกลง​ที่​จะ​จ่าย​ค่าแรง​หนึ่ง​เหรียญ​เงิน ต่อ​วัน เขา​ก็​ส่ง​พวก​คน​งาน​เข้า​ไป​ทำงาน​ใน​สวนองุ่น ประมาณ​เก้า​โมง​เช้า เจ้า​ของ​สวน​เข้า​ไป​ที่​ตลาด​อีก และ​เห็น​บางคน​ยืน​อยู่​เฉยๆ​ไม่​ได้​ทำ​อะไร เขา​พูด​ว่า ‘ถ้า​พวก​เจ้า​ไป​ทำงาน​ใน​สวนองุ่น​ของ​ข้า ข้า​จะ​ให้​ค่าจ้าง​อย่าง​ยุติธรรม’ คน​พวก​นั้น​ตกลง​ไป และ​เจ้า​ของ​สวน​ได้​ออก​ไป​อีก​ตอน​ประมาณ​เที่ยง​และ​บ่าย​สาม​โมง แล้ว​ทำ​เหมือน​เดิม ประมาณ​ห้า​โมง​เย็น เจ้า​ของ​สวน​ออก​ไป​ตลาด​อีก​ครั้ง​หนึ่ง และ​เห็น​บางคน​ยืน​อยู่​เฉยๆ​ไม่​ได้​ทำ​อะไร เขา​เข้า​ไป​ถาม​ว่า ‘ทำไม​พวก​เจ้า​ถึง​ยืน​อยู่​เฉยๆ​ทั้ง​วัน​แบบนี้’ คน​เหล่า​นั้น​ตอบ​ว่า ‘ไม่​มี​ใคร​จ้าง​พวก​เรา’ เจ้า​ของ​สวน​ก็​เลย​ชวน​ว่า ‘ไป​ทำงาน​ที่​สวนองุ่น​ของ​ข้า​สิ’ เย็น​วัน​นั้น​เจ้า​ของ​สวน​สั่ง​หัวหน้า​คน​งาน​ว่า ‘ไป​เรียก​คน​งาน​มา แล้ว​จ่าย​ค่าแรง​ให้​พวก​เขา จ่าย​คน​ที่​เพิ่ง​มา​ทำ​ทีหลัง​นี้​ก่อน แล้ว​ค่อยๆ​จ่าย​ไป​จน​ถึง​คน​แรก’ คน​งาน​ที่​เพิ่ง​จ้าง​มา​ตอน​ห้า​โมง​เย็น​ได้​ค่าแรง​ไป​คนละ​หนึ่ง​เหรียญ​เงิน แล้ว​พวก​คน​งาน​ที่​จ้าง​มา​ก่อน​ก็​เข้า​มา​รับ​ค่าแรง เขา​คิด​ว่า​จะ​ได้​มาก​กว่า​คน​อื่นๆ​แต่​กลับ​ได้​แค่​คนละ​หนึ่ง​เหรียญ​เงิน​เท่า​กัน เมื่อ​รับ​ค่าแรง​แล้ว พวก​เขา​ก็​ไป​ต่อว่า​เจ้า​ของ​สวน​ว่า ‘พวก​นั้น​ทำงาน​แค่​ชั่วโมง​เดียว แต่​นาย​จ่าย​ค่าแรง​ให้​เท่า​กับ​พวก​เรา​ที่​ทำงาน​กลาง​แดด​ร้อนๆ​มา​ทั้ง​วัน’ เจ้า​ของ​ไร่​ตอบ​คน​หนึ่ง​ไป​ว่า ‘เพื่อน​เอ๋ย ข้า​ไม่​ได้​โกง​เจ้า​นะ เจ้า​ตกลง​ค่าแรง​ไว้​หนึ่ง​เหรียญ​เงิน​ไม่​ใช่​หรือ รับ​ค่าแรง​ของ​เจ้า​แล้ว​ไป​ซะ ข้า​พอใจ​จะ​จ่าย​คน​ที่​ข้า​จ้าง​มา​หลัง​สุด​เท่า​กับ​ที่​ข้า​จ่าย​เจ้า ข้า​ไม่​มี​สิทธิ์​ที่​จะ​ใช้​เงิน​ของ​ข้า​ตามใจ​ตัวเอง​หรือ​ยังไง เจ้า​อิจฉา​เพราะ​ข้า​ใจดี​หรือ’ อย่าง​นี้​แหละ คน​สุดท้าย​จะ​กลับ​เป็น​คน​แรก และ​คน​แรก​จะ​กลับ​เป็น​คน​สุดท้าย” ขณะ​ที่​พระเยซู​กำลัง​เดิน​ทาง​ไป​เมือง​เยรูซาเล็ม พระองค์​พา​ศิษย์​ทั้ง​สิบสอง​คน​ปลีก​ตัว​ออก​มา​อยู่​กัน​ตาม​ลำพัง และ​พูด​กับ​พวก​เขา​ว่า “ฟัง​นะ พวก​เรา​กำลัง​จะ​ขึ้น​ไป​เมือง​เยรูซาเล็ม และ​บุตร​มนุษย์​จะ​ถูก​จับ​ส่ง​ไป​ให้​กับ​พวก​หัวหน้า​นักบวช และ​ครู​สอน​กฎปฏิบัติ แล้ว​พวก​นั้น​จะ​ตัดสิน​ประหาร​ชีวิต​เขา จาก​นั้น​ก็​จะ​ส่ง​มอบ​เขา​ไป​ให้​กับ​คน​ที่​ไม่​ใช่​ชาว​ยิว เพื่อ​พวก​นั้น​จะ​ได้​หัวเราะ​เยาะ​เขา เฆี่ยน​ตี​เขา และ​ตรึง​เขา​ที่​กางเขน แต่​เขา​ก็​จะ​ฟื้น​ขึ้น​จาก​ความ​ตาย​ใน​วันที่​สาม”

มัทธิว 20:1-19 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

“เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นเหมือนเจ้าของสวนคนหนึ่ง ที่ออกไปจ้างคนงานเพื่อสวนองุ่นของตนตั้งแต่เวลาเช้าตรู่ เมื่อตกลงกับคนงานวันละเดนาริอันแล้ว ก็ใช้ให้ไปทำงานในสวนองุ่น พอเวลาประมาณเก้าโมง เจ้าของสวนก็ออกไปอีก เห็นบางคนยืนอยู่ว่างๆ กลางตลาด จึงพูดกับเขาทั้งหลายว่า ‘พวกท่านก็ไปทำงานในสวนองุ่นด้วยเถิด เราจะให้ค่าจ้างแก่ท่านตามสมควร’ แล้วพวกเขาก็พากันไป พอเวลาเที่ยงและเวลาบ่ายสามโมง เจ้าของสวนก็ออกไปอีก และทำเหมือนเดิม ประมาณห้าโมงเย็นก็ออกไปอีกครั้งหนึ่งและพบอีกพวกหนึ่งยืนอยู่ จึงพูดกับเขาทั้งหลายว่า ‘พวกท่านยืนอยู่ว่างๆ ที่นี่ทั้งวันทำไม?’ เขาทั้งหลายตอบว่า ‘เพราะว่าไม่มีใครจ้างเรา’ เจ้าของสวนบอกว่า ‘ท่านก็จงไปทำงานในสวนองุ่นด้วยเถิด’ เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ เจ้าของสวนสั่งผู้จัดการว่า ‘ไปเรียกพวกคนงานมา แล้วให้ค่าจ้างแก่พวกเขา เริ่มจากพวกสุดท้ายจนถึงพวกแรก’ พวกที่มาทำงานเวลาประมาณห้าโมงเย็นนั้นได้ค่าจ้างคนละหนึ่งเดนาริอัน พวกแรกจึงคิดว่าเขาจะได้มากกว่านั้น แต่ก็ได้คนละหนึ่งเดนาริอันเหมือนกัน เมื่อพวกเขารับเงินแล้วก็บ่นต่อว่าเจ้าของสวน ว่า ‘พวกสุดท้ายทำงานแค่ชั่วโมงเดียว แต่ท่านกลับให้ค่าจ้างพวกเขาเท่ากับเราที่ทำงานตรากตรำกลางแดดตลอดวัน’ เจ้าของสวนก็ตอบคนหนึ่งในพวกนั้นว่า ‘เพื่อนเอ๋ย เราไม่ได้โกงท่านเลย ท่านตกลงกับเราวันละหนึ่งเดนาริอันไม่ใช่หรือ? รับค่าจ้างของท่านไปเถิด เราต้องการจะให้กับคนสุดท้ายนี้เท่ากับท่าน เราจะใช้เงินทองของเราตามใจตัวเองไม่ได้หรือ? ทำไมท่านอิจฉาเมื่อเห็นเราใจดี?’ อย่างนั้นแหละ คนที่เป็นคนสุดท้ายจะกลับเป็นคนแรก และคนที่เป็นคนแรกจะกลับเป็นคนสุดท้าย” ขณะพระเยซูกำลังเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงพาสาวกสิบสองคนไปกันตามลำพังและตรัสกับเขาทั้งหลายตามทางว่า “ฟังนะ พวกเราจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และบุตรมนุษย์จะถูกมอบไว้กับพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ และพวกเขาจะลงโทษท่านถึงตาย ทั้งจะมอบตัวท่านไว้กับพวกต่างชาติเพื่อให้เยาะเย้ย เฆี่ยนตีและตรึงไว้ที่กางเขน และวันที่สามจะเป็นขึ้นมาใหม่”

มัทธิว 20:1-19 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

“ด้วยว่าอาณาจักรแห่งสวรรค์เปรียบเหมือนเจ้าของบ้านคนหนึ่งออกไปจ้างคนทำงานในสวนองุ่นของตนแต่เวลาเช้าตรู่ ครั้นตกลงกั​บลู​กจ้างวันละเดนาริอันแล้ว จึงใช้​ให้​ไปทำงานในสวนองุ่นของเขา พอเวลาประมาณสามโมงเช้า เจ้​าของบ้านก็ออกไปอีก เห​็นคนอื่นยืนอยู่​เปล​่าๆกลางตลาด จึงพู​ดก​ับเขาว่า ‘ท่านทั้งหลายจงไปทำงานในสวนองุ่นด้วยเถิด เราจะให้ค่าจ้างแก่พวกท่านตามสมควร’ แล​้วเขาก็พากันไป พอเวลาเที่ยงวันและเวลาบ่ายสามโมง เจ้​าของบ้านก็ออกไปอีก ทำเหมือนก่อน ประมาณบ่ายห้าโมงก็ออกไปอีกครั้งหนึ่ง พบอีกพวกหนึ่งยืนอยู่​เปล​่าๆจึงพู​ดก​ับเขาว่า ‘พวกท่านยืนอยู่​ที่นี่​เปล​่าๆตลอดวันทำไม’ พวกเขาตอบเจ้าของบ้านว่า ‘เพราะไม่​มี​ใครจ้างพวกข้าพเจ้า’ เจ้​าของบ้านบอกพวกเขาว่า ‘ท่านทั้งหลายจงไปทำงานในสวนองุ่นด้วยเถิด และท่านจะได้รับค่าจ้างตามสมควร’ ครั้นถึงเวลาพลบค่ำเจ้าของสวนองุ่นจึงสั่งเจ้าพนักงานว่า ‘จงเรียกคนทำงานมาและให้ค่าจ้างแก่​เขา ตั้งแต่​คนมาทำงานสุดท้าย จนถึงคนที่มาแรก’ คนที​่มาทำงานเวลาประมาณบ่ายห้าโมงนั้น ได้​ค่าจ้างคนละหนึ่งเดนาริ​อัน ส่วนคนที่มาทีแรกนึกว่าเขาคงจะได้มากกว่านั้น แต่​ก็ได้​คนละหนึ่งเดนาริอันเหมือนกัน เมื่อเขารับเงินไปแล้​วก​็บ่นต่อว่าเจ้าของบ้าน ว่า ‘พวกที่มาสุดท้ายได้ทำงานชั่วโมงเดียว และท่านได้​ให้​ค่าจ้างแก่เขาเท่ากั​นก​ับพวกเราที่ทำงานตรากตรำกลางแดดตลอดวัน’ ฝ่ายเจ้าของบ้านก็ตอบแก่คนหนึ่งในพวกนั้​นว​่า ‘สหายเอ๋ย เรามิ​ได้​โกงท่านเลย ท่านได้ตกลงกับเราแล้​วว​ันละหนึ่งเดนาริอั​นม​ิ​ใช่​หรือ รับค่าจ้างของท่านไปเถิด เราพอใจจะให้​คนที​่มาทำงานหลังที่สุดนั้นเท่ากั​นก​ั​บท​่าน เราปรารถนาจะทำอะไรกับสิ่งที่เป็นของเราเองนั้นไม่​ถู​กต้องตามพระราชบัญญั​ติ​หรือ ทำไมท่านอิจฉาตาร้อนเมื่อเห็นเราใจดี’ อย่างนั้นแหละคนที่เป็นคนสุดท้ายจะกลับเป็นคนต้น และคนที่เป็นคนต้นจะกลับเป็นคนสุดท้าย ด้วยว่าผู้​ที่​ได้​รับเชิญก็​มาก แต่​ผู้​ที่​ทรงเลือกก็​น้อย​” เมื่อพระเยซูจะเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ขณะอยู่ตามหนทางได้พาเหล่าสาวกสิบสองคนไปแต่​ลำพัง และตรัสกับเขาว่า “​ดู​เถิด เราทั้งหลายจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และบุตรมนุษย์จะถูกทรยศให้​อยู่​กับพวกปุโรหิตใหญ่และพวกธรรมาจารย์ และเขาเหล่านั้นจะปรับโทษท่านถึงตาย และจะมอบท่านไว้กับคนต่างชาติ​ให้​เยาะเย้ยเฆี่ยนตี และให้ตรึงไว้​ที่​กางเขน และวั​นที​่สามท่านจึงจะกลับฟื้นขึ้นมาใหม่”

มัทธิว 20:1-19 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

<<ด้วยแผ่นดินสวรรค์อุปมาเหมือน เจ้าของสวนคนหนึ่ง ออกไปจ้างคนทำงานในสวนองุ่นของตนแต่เวลาเช้าตรู่ ครั้นตกลงกับลูกจ้างวันละเดนาริอันแล้ว จึงใช้ให้ไปทำงานในสวนองุ่น พอเวลาประมาณสามโมงเช้า เจ้าของสวนก็ออกไปอีก เห็นคนอื่นยืนอยู่เปล่าๆกลางตลาด จึงพูดกับเขาว่า <ท่านทั้งหลายจงไปทำงานในสวนองุ่นด้วยเถิด เราจะให้ค่าจ้างแก่พวกท่านตามสมควร> แล้วเขาก็พากันไป พอเวลาเที่ยงวัน และเวลาบ่ายสามโมง เจ้าของสวนก็ออกไปอีก ทำเหมือนก่อน ประมาณบ่ายห้าโมงก็ออกไปอีกครั้งหนึ่ง พบอีกพวกหนึ่งยืนอยู่ จึงพูดกับเขาว่า <พวกท่านยืนอยู่ที่นี่เปล่าๆวันยังค่ำทำไม> เขาตอบว่า <เพราะไม่มีใครจ้างพวกข้าพเจ้า> เจ้าของสวนบอกว่า <ท่านทั้งหลาย จงไปทำงานในสวนองุ่นด้วยเถิด> ครั้นถึงเวลาพลบค่ำ เจ้าของสวนจึงสั่งเจ้าพนักงานว่า <จงเรียกคนทำงานมา และให้ค่าจ้างแก่เขา ตั้งแต่คนมาทำงานสุดท้าย จนถึงคนที่มาแรก> คนที่มาทำงานเวลาประมาณบ่ายห้าโมงนั้น ได้ค่าจ้างคนละหนึ่งเดนาริอัน ส่วนคนที่มาแรกนึกว่าเขาคงจะได้มากกว่านั้น แต่ก็ได้คนละหนึ่งเดนาริอันเหมือนกัน เมื่อเขารับเงินไปแล้วก็บ่นต่อว่าเจ้าของสวน ว่า <พวกที่มาสุดท้ายได้ทำงานชั่วโมงเดียว และท่านได้ให้ค่าจ้างแก่เขาเท่ากันกับพวกเราที่ทำงานตรากตรำกลางแดดตลอดวัน> ฝ่ายเจ้าของสวนก็ตอบแก่คนหนึ่งในพวกนั้นว่า <สหายเอ๋ย เรามิได้โกงท่านเลย ท่านได้ตกลงกันแล้ววันละหนึ่งเดนาริอัน มิใช่หรือ รับค่าจ้างของท่านไปเถิด เราพอใจจะให้คนที่มาทำงานหลังที่สุดนั้นเท่ากันกับท่าน เราจะใช้เงินทองของเราตามใจของเราเองไม่ได้หรือ ทำไมท่านอิจฉาเมื่อเห็นเราใจดี> อย่างนั้นแหละ คนที่เป็นคนสุดท้ายจะกลับเป็นคนต้น และคนที่เป็นคนต้นจะกลับเป็นคนสุดท้าย>> เมื่อพระเยซูจะเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ก็พาเหล่าสาวกสิบสองคนไปแต่ลำพัง และตรัสกับเขาตามทางว่า <<เราทั้งหลายจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และเขาจะมอบบุตรมนุษย์ไว้กับพวกมหาปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ และเขาเหล่านั้นจะปรับโทษท่านถึงตาย และจะมอบท่านไว้กับคนต่างชาติให้เยาะเย้ยเฆี่ยนตี และให้ตรึงไว้ที่กางเขน และวันที่สาม ท่านจึงจะกลับฟื้นขึ้นมาใหม่>>

มัทธิว 20:1-19 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

“ด้วยว่าอาณาจักรสวรรค์เป็นเช่นเจ้าของสวนซึ่งออกไปแต่เช้าเพื่อจ้างคนมาทำงานในสวนองุ่นของตน เมื่อเขาตกลงว่าจะจ่ายค่าจ้างวันละหนึ่งเดนาริอันแล้วก็ให้พวกเขามาทำงานในสวนองุ่น “ราวสามโมงเช้าเขาออกไปเห็นหลายคนยืนอยู่ว่างๆ ที่ตลาด จึงชวนว่า ‘มาทำงานในสวนองุ่นของเราสิ เราจะให้ค่าจ้างตามสมควร’ พวกเขาก็มา “ตอนเที่ยงวันและบ่ายสามโมงเจ้าของสวนออกไปทำเช่นเดิมอีก ราวห้าโมงเย็นเขาออกไปพบคนยืนอยู่จึงถามว่า ‘ทำไมมายืนอยู่ว่างๆ ทั้งวันที่นี่?’ “พวกนั้นตอบว่า ‘เพราะไม่มีใครจ้างเรา’ “เขาจึงพูดว่า ‘มาทำงานที่สวนของเราสิ’ “พอพลบค่ำเจ้าของสวนองุ่นก็สั่งหัวหน้าคนงานว่า ‘ไปเรียกคนงานมารับค่าจ้าง ตั้งแต่คนหลังสุดไปจนถึงคนแรกสุด’ “ลูกจ้างที่มาเริ่มทำงานตอนประมาณห้าโมงเย็นรับเงินไปคนละหนึ่งเดนาริอัน ฝ่ายคนที่มาก่อนนึกว่าตนจะได้มากกว่านั้น แต่ก็ได้คนละหนึ่งเดนาริอันเหมือนกัน เมื่อพวกเขารับเงินแล้วจึงบ่นต่อว่าเจ้าของสวน ‘คนมาทีหลังทำงานแค่ชั่วโมงเดียวกลับได้เท่าๆ กับเราที่ตรากตรำกรำแดดมาทั้งวัน’ “แต่เจ้าของสวนตอบคนหนึ่งในพวกนั้นว่า ‘เพื่อนเอ๋ย เราไม่ได้โกงนะ ก็ตกลงกันไว้ว่าหนึ่งเดนาริอันไม่ใช่หรือ? รับค่าจ้างและไปเถิด เราพอใจจะให้คนมาทีหลังได้เท่าๆ กันกับท่าน เงินของเรา เราไม่มีสิทธิ์ใช้ตามใจชอบหรือ? หรือว่าท่านอิจฉาเพราะเห็นเราใจกว้าง?’ “ดังนั้นคนสุดท้ายจะเป็นคนต้นและคนต้นจะเป็นคนสุดท้าย” ขณะพระเยซูกำลังเสด็จไปเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงพาสาวกสิบสองคนเลี่ยงออกมาและตรัสว่า “พวกเรากำลังขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และบุตรมนุษย์จะถูกทรยศและมอบให้พวกหัวหน้าปุโรหิตกับธรรมาจารย์ พวกเขาจะตัดสินประหารพระองค์ และจะมอบพระองค์ให้คนต่างชาติเยาะเย้ยโบยตีและตรึงตายบนไม้กางเขน แล้วในวันที่สามพระเจ้าจะทรงให้พระองค์คืนพระชนม์!”

มัทธิว 20:1-19 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

อาณาจักร​แห่ง​สวรรค์​เปรียบ​เสมือน​เจ้าของ​ที่​ดิน​คน​หนึ่ง​ที่​ออก​ไป​จ้าง​คน​มา​ทำงาน​ใน​สวน​องุ่น​ของ​เขา​แต่​เช้าตรู่ เมื่อ​เขา​ได้​ตกลง​จ่าย​คน​งาน 1 เหรียญ​เดนาริอัน​สำหรับ​วัน​นั้น​แล้ว ก็​ให้​พวก​คน​งาน​ไป​ใน​สวน​องุ่น​ของ​เขา ประมาณ 9 โมง​เช้า เขา​ก็​ออก​ไป​อีก เห็น​คน​ยืนออ​กัน​ใน​ย่าน​ตลาด​โดย​ไม่​ทำ​อะไร​เลย เขา​พูด​กับ​คน​เหล่า​นั้น​ว่า ‘ท่าน​ไป​ทำงาน​ใน​สวน​องุ่น​ได้​เช่น​กัน เรา​จะ​จ่าย​ท่าน​อย่าง​ยุติธรรม’ ดังนั้น​พวก​เขา​ก็​ไป เวลา​เที่ยง​วัน​และ​บ่าย 3 โมง​เขา​ก็​ออก​ไป​อีก ทำ​เหมือน​เดิม ประมาณ 5 โมง​เย็น เขา​ออก​ไป​พบ​คน​อื่น​ยืน​อยู่ จึง​ถาม​ว่า ‘ทำไม​ท่าน​ยืน​กัน​อยู่​ที่​นี่​ทั้ง​วัน​โดย​ไม่​ทำ​อะไร​เลย’ พวก​เขา​พูด​ว่า ‘เพราะ​ไม่​มี​ใคร​จ้าง​เรา’ เจ้าของ​สวน​พูด​ว่า ‘ท่าน​ไป​ทำงาน​ใน​สวน​องุ่น​ได้​เช่น​กัน’ พอ​ตก​เย็น เจ้าของ​สวน​องุ่น​พูด​กับ​หัวหน้า​คน​งาน​ว่า ‘จง​เรียก​พวก​คน​งาน​มา และ​จ่าย​ค่าจ้าง​แก่​เขา ให้​คน​กลุ่ม​หลัง​สุด​มา​ก่อน ไล่​ไป​จนถึง​คน​แรก​สุด’ เมื่อ​พวก​คน​ที่​รับจ้าง​ตอน 5 โมง​เย็น​มา เขา​ทุก​คน​ได้​รับ 1 เหรียญ​เดนาริอัน พอ​ถึง​พวก​คน​ที่​รับจ้าง​ตอน​แรก​สุด​มา พวก​เขา​คิด​ว่า​จะ​ได้​รับ​มาก​กว่า แต่​ทุก​คน​ได้​รับ 1 เหรียญ​เดนาริอัน​เช่น​กัน เมื่อ​พวก​เขา​ได้​รับ​แล้ว​ก็​บ่น​พึมพำ​กับ​เจ้าของ​สวน​ว่า ‘คน​พวก​สุดท้าย​นี้​ทำงาน​เพียง​ชั่วโมง​เดียว แล้ว​ท่าน​จ่าย​ให้​เท่า​กับ​เรา​ขณะที่​เรา​ต้อง​ตรากตรำ​ทน​แดด​มา​ทั้ง​วัน’ เจ้าของ​สวน​พูด​ตอบ​คน​หนึ่ง​ใน​พวก​นั้น​ว่า ‘เพื่อน​เอ๋ย เรา​ไม่​ได้​กระทำ​ผิด​ต่อ​ท่าน​เลย ท่าน​ไม่​ได้​ตกลง​รับ 1 เหรียญ​เดนาริอัน​จาก​เรา​หรือ จง​รับ​ส่วน​ที่​เป็น​ของ​ท่าน​ไป​เถิด เรา​ต้องการ​ให้​แก่​คน​พวก​สุดท้าย​นี้​เท่าๆ กับ​ที่​เรา​ให้​แก่​ท่าน เรา​ไม่​มี​สิทธิ์​ทำ​ตามที่​เรา​ต้องการ​กับ​สิ่ง​ที่​เป็น​ของ​เรา​หรือ หรือ​ว่า​ท่าน​อิจฉา​เพราะ​เรา​เอื้อเฟื้อ’ ฉะนั้น​คน​สุดท้าย​จะ​เป็น​คน​แรก และ​คน​แรก​เป็น​คน​สุดท้าย” ขณะ​ที่​พระ​เยซู​กำลัง​ขึ้น​ไป​ยัง​เมือง​เยรูซาเล็ม พระ​องค์​พา​เพียง​สาวก​ทั้ง​สิบ​สอง​ไป​พูด​ตาม​ลำพัง​ว่า “ดู​เถิด พวก​เรา​กำลัง​จะ​ขึ้น​ไป​ยัง​เมือง​เยรูซาเล็ม บุตรมนุษย์​จะ​ถูก​มอบตัว​ให้​แก่​พวก​มหา​ปุโรหิต​และ​อาจารย์​ฝ่าย​กฎ​บัญญัติ และ​พวก​เขา​จะ​กล่าว​โทษ​ให้​ท่าน​ถึง​แก่​ความ​ตาย และ​จะ​มอบ​ตัว​ท่าน​ให้​บรรดา​คนนอก​ล้อเลียน โบย​และ​ตรึง​บน​ไม้​กางเขน แล้ว​ใน​วัน​ที่​สาม​จะ​ฟื้น​คืนชีวิต”