มัทธิว 7:15-29
มัทธิว 7:15-29 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
ให้ระวังผู้พูดแทนพระเจ้าตัวปลอม ที่มาหาคุณในคราบลูกแกะเชื่องๆแต่ใจนั้นร้ายเหมือนหมาป่า ผลของการกระทำของเขาจะบอกให้รู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร ไม่มีใครเก็บองุ่นจากต้นหนาม หรือเก็บลูกมะเดื่อจากพืชที่มีหนามหรอก เหมือนกับที่ต้นไม้ดีย่อมออกผลดี และต้นไม้เลวก็ย่อมออกผลเลว ต้นไม้ดีจะออกผลเลวไม่ได้ และต้นไม้เลวจะออกผลดีไม่ได้ ต้นไม้ทุกต้นที่ไม่ออกผลดี จะถูกตัดทิ้งและโยนเผาไฟ ดังนั้นจะรู้ว่าผู้พูดแทนพระเจ้านั้นเป็นตัวปลอมหรือเปล่า ก็ดูจากผลของการกระทำของเขา ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า ‘องค์เจ้าชีวิต องค์เจ้าชีวิต’ แล้วจะได้เข้าในอาณาจักรแห่งสวรรค์ แต่คนที่ทำตามความต้องการของพระบิดาที่อยู่บนสวรรค์เท่านั้น ถึงจะเข้าไปได้ เมื่อถึงวันพิพากษาก็จะมีคนเป็นจำนวนมากบอกกับเราว่า ‘องค์เจ้าชีวิต องค์เจ้าชีวิต พวกเราได้อ้างชื่อของพระองค์เมื่อพูดแทนพระเจ้า เมื่อขับไล่ผีและเมื่อทำสิ่งอัศจรรย์มากมาย’ แต่เราจะบอกพวกเขาว่า ‘เราไม่รู้จักพวกแกเลย ไปให้พ้นไอ้พวกทำชั่ว’ คนที่ได้ยินและทำตามคำสอนนี้ของเรา ก็เหมือนกับคนฉลาดที่สร้างบ้านอยู่บนฐานที่เป็นหิน ถึงแม้ฝนจะตกหนัก น้ำจะไหลเชี่ยว และมีลมพายุแรงพัดปะทะตัวบ้าน แต่บ้านก็ไม่พัง เพราะมีรากฐานอยู่บนหินที่มั่นคง แต่คนที่ได้ฟังคำสอนเหล่านี้ของเรา แล้วไม่ทำตาม เขาก็เหมือนกับคนโง่ที่สร้างบ้านอยู่บนทราย เมื่อฝนตกหนัก น้ำไหลเชี่ยว และมีลมพายุแรงพัดมาปะทะตัวบ้าน บ้านนั้นก็พังทลายลงอย่างราบคาบ” เมื่อพระเยซูพูดจบ ชาวบ้านก็ทึ่งในคำสอนของพระองค์ เพราะพระองค์สอนเด็ดขาดอย่างผู้มีสิทธิอำนาจไม่เหมือนกับพวกครูสอนกฎปฏิบัติคนอื่นๆ
มัทธิว 7:15-29 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
<<ท่านทั้งหลายจงระวังผู้เผยพระวจนะเท็จ ที่มาหาท่านนุ่งห่มดุจแกะ แต่ภายในเขาร้ายกาจดุจหมาป่า ท่านจะรู้จักเขาได้ด้วยผลของเขา ผลองุ่นนั้นเก็บได้จากต้นไม้มีหนามหรือ หรือว่าผลมะเดื่อนั้นเก็บได้จากพืชหนาม ต้นไม้ดีย่อมให้แต่ผลดี ต้นไม้เลวก็ย่อมให้ผลเลว ต้นไม้ดีจะเกิดผลเลวไม่ได้ หรือต้นไม้เลวจะเกิดผลดีก็ไม่ได้ ต้นไม้ซึ่งไม่เกิดผลดีย่อมต้องถูกฟันลงและทิ้งเสียในไฟ เหตุฉะนั้น ท่านจะรู้จักเขาได้เพราะผลของเขา <<มิใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า <พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า> จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้ทรงสถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้ เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนเป็นอันมากร้องแก่เราว่า <พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์กล่าวพระวจนะในพระนามของพระองค์ และได้ขับผีออกในพระนามของพระองค์ และได้กระทำการมหัศจรรย์เป็นอันมากในพระนามของพระองค์ มิใช่หรือ> เมื่อนั้นเราจะได้กล่าวแก่เขาว่า <เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย เจ้าผู้กระทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา> <<เหตุฉะนั้นผู้ใดที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเรา และประพฤติตาม เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่มีสติปัญญาสร้างเรือนของตนไว้บนศิลา ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลเชี่ยว ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น แต่เรือนมิได้พังลง เพราะว่ารากตั้งอยู่บนศิลา แต่ผู้ที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและไม่ประพฤติตามเล่า เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่โง่เขลา สร้างเรือนของตนไว้บนทราย ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลเชี่ยว ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น เรือนนั้นก็พังทลายลง และการซึ่งพังทลายนั้นก็ใหญ่ยิ่ง>> ครั้นพระเยซูตรัสคำเหล่านี้เสร็จแล้ว ประชาชนทั้งปวงก็อัศจรรย์ใจด้วยคำสั่งสอนของพระองค์ เพราะว่าพระองค์ได้ทรงสั่งสอนเขาด้วยสิทธิอำนาจ หาเหมือนพวกธรรมาจารย์ของเขาไม่
มัทธิว 7:15-29 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
“ท่านทั้งหลายจงระวังพวกผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จ ที่มาหาท่านนุ่งห่มเหมือนแกะ แต่ภายในนั้นร้ายกาจเหมือนหมาป่า พวกท่านจะรู้จักพวกเขาได้ด้วยผลของพวกเขา ผลองุ่นนั้นเก็บได้จากต้นไม้มีหนามหรือ? และผลมะเดื่อนั้นเก็บได้จากพืชหนามหรือ? ต้นไม้ดีย่อมให้แต่ผลดี ต้นไม้เลวก็ย่อมให้ผลเลว ต้นไม้ดีจะเกิดผลเลวไม่ได้ หรือต้นไม้เลวจะเกิดผลดีก็ไม่ได้ ต้นไม้ซึ่งไม่เกิดผลดีย่อมต้องถูกฟันลงและทิ้งเสียในไฟ เพราะฉะนั้น พวกท่านจะรู้จักเขาได้เพราะผลของพวกเขา “ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า’ จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้ เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนจำนวนมากร้องแก่เราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ได้เผยพระวจนะในพระนามของพระองค์ และได้ขับผีออกในพระนามของพระองค์ และได้ทำการแห่งฤทธานุภาพมากมายในพระนามของพระองค์ไม่ใช่หรือ?’ เมื่อนั้นเราจะกล่าวแก่พวกเขาว่า ‘เราไม่เคยรู้จักพวกเจ้าเลย เจ้าผู้ทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา’ “เพราะฉะนั้น ทุกคนที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและประพฤติตาม ก็เปรียบเสมือนผู้ที่มีสติปัญญาสร้างบ้านของตนไว้บนศิลา แล้วฝนก็ตกและน้ำก็ไหลเชี่ยว ลมก็พัดปะทะบ้านนั้น แต่บ้านไม่ได้พังลง เพราะว่ารากตั้งอยู่บนศิลา แต่ทุกคนที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและไม่ประพฤติตาม ก็เปรียบเสมือนคนที่โง่เขลา สร้างบ้านของตนไว้บนทราย แล้วฝนก็ตกและน้ำก็ไหลเชี่ยว ลมก็พัดปะทะบ้านนั้น บ้านนั้นก็พังทลายลง และการพังทลายนั้นก็ยิ่งใหญ่” เมื่อพระเยซูตรัสคำเหล่านี้เสร็จแล้ว ฝูงชนก็อัศจรรย์ใจด้วยคำสั่งสอนของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสั่งสอนพวกเขาอย่างผู้มีสิทธิอำนาจ ไม่เหมือนบรรดาธรรมาจารย์ของเขา
มัทธิว 7:15-29 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
จงระวังผู้พยากรณ์เท็จที่มาหาท่านนุ่งห่มดุจแกะ แต่ภายในเขาร้ายกาจดุจสุนัขป่า ท่านจะรู้จักเขาได้ด้วยผลของเขา มนุษย์เก็บผลองุ่นจากต้นไม้หนามหรือ หรือว่าเก็บผลมะเดื่อจากต้นผักหนาม ดังนั้นแหละต้นไม้ดีทุกต้นย่อมให้แต่ผลดี ต้นไม้เลวก็ย่อมให้ผลเลว ต้นไม้ดีจะเกิดผลเลวไม่ได้ หรือต้นไม้เลวจะเกิดผลดีก็ไม่ได้ ต้นไม้ทุกต้นซึ่งไม่เกิดผลดีย่อมต้องถูกฟันลงและทิ้งเสียในไฟ เหตุฉะนั้น ท่านจะรู้จักเขาได้เพราะผลของเขา มิใช่ทุกคนที่ร้องแก่เราว่า ‘พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า’ จะได้เข้าในอาณาจักรแห่งสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้ เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนเป็นอันมากร้องแก่เราว่า ‘พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ได้พยากรณ์ในพระนามของพระองค์ และได้ขับผีออกในพระนามของพระองค์ และได้กระทำการมหัศจรรย์เป็นอันมากในพระนามของพระองค์มิใช่หรือ’ เมื่อนั้นเราจะแจ้งแก่เขาว่า ‘เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย เจ้าผู้กระทำความชั่วช้า จงไปเสียให้พ้นจากเรา’ เหตุฉะนั้นผู้ใดที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและประพฤติตาม เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่มีสติปัญญาสร้างเรือนของตนไว้บนศิลา ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลท่วม ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น แต่เรือนมิได้พังลง เพราะว่ารากตั้งอยู่บนศิลา แต่ผู้ที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและไม่ประพฤติตาม เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่โง่เขลาสร้างเรือนของตนไว้บนทราย ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลท่วม ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น เรือนนั้นก็พังทลายลง และการซึ่งพังทลายนั้นก็ใหญ่ยิ่งนัก” ต่อมาครั้นพระเยซูตรัสถ้อยคำเหล่านี้เสร็จแล้ว ประชาชนก็อัศจรรย์ใจด้วยคำสั่งสอนของพระองค์ เพราะว่าพระองค์ได้ทรงสั่งสอนเขาด้วยสิทธิอำนาจ ไม่เหมือนพวกธรรมาจารย์
มัทธิว 7:15-29 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
“จงระวังผู้เผยพระวจนะเท็จ เขามาหาพวกท่านในคราบแกะ แต่ภายในคือสุนัขป่าดุร้าย ท่านจะรู้จักเขาโดยผลของเขา กอหนามจะออกผลเป็นองุ่นและพุ่มหนามจะออกผลเป็นมะเดื่อได้หรือ? ในทำนองเดียวกัน ต้นไม้ที่ดีทุกต้นย่อมให้ผลที่ดี ส่วนต้นไม้เลวย่อมให้ผลที่เลว ต้นไม้ดีไม่อาจให้ผลเลวและต้นไม้เลวไม่อาจให้ผลดี ต้นไม้ทุกต้นที่ไม่ให้ผลดีก็ถูกโค่นและโยนลงในไฟ ฉะนั้นท่านจะรู้จักเขาได้จากผลของเขา “ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า ‘พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า’ จะได้เข้าอาณาจักรสวรรค์ แต่คนที่ทำตามพระประสงค์ของพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์เท่านั้นที่จะได้เข้า หลายคนจะพูดกับเราในวันนั้นว่า ‘พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า พวกข้าพระองค์เผยพระวจนะในพระนามของพระองค์ ขับผีในพระนามของพระองค์ และทำการอัศจรรย์มากมายมิใช่หรือ?’ เมื่อนั้นเราจะบอกเขาอย่างตรงไปตรงมาว่า ‘เราไม่รู้จักเจ้าเลย เจ้าคนทำชั่ว จงไปให้พ้น!’ “ฉะนั้นทุกคนที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและนำไปปฏิบัติก็เป็นเหมือนคนฉลาดที่สร้างบ้านของตนบนศิลา ถึงฝนตก กระแสน้ำท่วมท้นขึ้นมา และลมพัดกระหน่ำบ้านนั้นแต่บ้านก็ไม่ได้พังลงเพราะมีฐานรากอยู่บนศิลา ส่วนผู้ที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราแต่ไม่ได้นำไปปฏิบัติก็เป็นเหมือนคนโง่ที่สร้างบ้านของตนบนทราย เมื่อฝนตก กระแสน้ำท่วมท้นขึ้นมา และลมพัดกระหน่ำบ้านนั้นบ้านก็พังทลายลง” เมื่อพระเยซูตรัสสิ่งเหล่านี้จบแล้ว ฝูงชนก็พากันเลื่อมใสในคำสอนของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสอนพวกเขาอย่างผู้มีสิทธิอำนาจต่างจากพวกธรรมาจารย์ของพวกเขา
มัทธิว 7:15-29 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
จงระวังบรรดาผู้เผยคำกล่าวจอมปลอมซึ่งสวมรอยเป็นลูกแกะ แต่แท้จริงแล้วคือสุนัขป่าร้ายกาจ ท่านจะทราบได้โดยดูจากการกระทำของเขา ผลองุ่นไม่ได้มาจากพุ่มไม้ประเภทหนาม หรือมะเดื่อจากพืชพันธุ์ไม้หนาม ดังนั้นไม้ดีย่อมให้ผลดี และไม้เลวให้ผลเลว ไม้ดีย่อมไม่ให้ผลเลว ไม้เลวจะให้ผลดีก็ไม่ได้เช่นกัน ไม้ทุกต้นที่ไม่ให้ผลดีถูกฟันลงแล้วทิ้งไปในไฟเสีย ดังนั้นท่านจะทราบได้โดยดูจากการกระทำของเขา มิใช่ว่าทุกคนที่เรียกเราว่า ‘พระองค์ท่าน พระองค์ท่าน’ แล้วจะเข้าสู่อาณาจักรแห่งสวรรค์ได้ แต่จะเป็นคนที่กระทำตามความประสงค์ของพระบิดาในสวรรค์ของเรา จะมีคนจำนวนมากที่พูดกับเราในวันนั้นว่า ‘พระองค์ท่าน พระองค์ท่าน พวกเราได้เผยคำกล่าวในพระนามของพระองค์ ขับพวกมารออกจากผู้คน และแสดงสิ่งอัศจรรย์หลายสิ่งในพระนามของพระองค์มิใช่หรือ’ แล้วเราจะประกาศว่า ‘เราไม่เคยรู้จักเจ้า ไปให้พ้น พวกเจ้าคนชั่ว’ ฉะนั้น ทุกคนที่ได้ยินคำของเราแล้วปฏิบัติตาม ก็เปรียบเสมือนคนที่มีสติปัญญา ที่สร้างบ้านของเขาบนฐานรากที่เป็นหิน ฝนกระหน่ำลง น้ำสาดท่วม พายุพัดปะทะบ้านหลังนั้น แต่ก็ไม่พังลงเพราะสร้างฐานรากไว้บนหิน ทุกคนที่ได้ยินคำของเรา แล้วไม่ปฏิบัติตาม ก็เปรียบเสมือนคนโง่เขลาที่สร้างบ้านบนฐานรากที่เป็นทราย ฝนกระหน่ำลง น้ำสาดท่วม พายุพัดปะทะบ้านหลังนั้น บ้านก็พังทลายลง” เมื่อพระเยซูกล่าวสิ่งเหล่านั้นจบแล้ว ฝูงชนก็พากันอัศจรรย์ใจกับการสอนของพระองค์ ด้วยว่าพระองค์สั่งสอนพวกเขาดังเช่นผู้มีสิทธิอำนาจ ซึ่งไม่เหมือนบรรดาอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติของพวกเขา