มัทธิว 9:1-13

มัทธิว 9:1-13 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

ฝ่ายพระเยซูก็เสด็จลงเรือข้ามฟากไปยังเมืองของพระองค์ ดูเถิด เขาหามคนง่อยคนหนึ่งซึ่งนอนอยู่บนที่นอนมาหาพระองค์ เมื่อพระเยซูทรงเห็นความเชื่อของเขาทั้งหลาย จึงตรัสกับคนง่อยว่า <<ลูกเอ๋ย จงชื่นใจเถิด บาปของเจ้าได้รับอภัยแล้ว>> เมื่อได้ยินตรัสดังนั้น พวกธรรมาจารย์บางคนคิดในใจว่า <<คนนี้พูดหมิ่นประมาทพระเจ้า>> ฝ่ายพระเยซูทรงทราบความคิดของเขา จึงตรัสว่า <<เหตุไฉนท่านทั้งหลายคิดชั่วอยู่ในใจเล่า ที่จะว่า <เจ้าได้รับอภัยเรื่องบาปของเจ้าแล้ว> และจะว่า <จงลุกขึ้นเดินไปเถิด> นั้นข้างไหนจะง่ายกว่ากัน แต่เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รู้ว่า บุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจในโลกที่จะโปรดยกความผิดบาปได้>> พระองค์จึงตรัสสั่งคนง่อยว่า <<จงลุกขึ้นยกที่นอนกลับไปบ้านเถิด>> เขาจึงลุกขึ้นไปบ้าน เมื่อประชาชนเห็นดังนั้นเขาก็ตระหนกตกใจ แล้วพากันสรรเสริญพระเจ้า ผู้ได้ทรงประทานสิทธิอำนาจเช่นนั้นแก่มนุษย์ ครั้นพระเยซูเสด็จเลยตำบลนั้นไป ก็เห็นคนหนึ่งชื่อมัทธิวนั่งอยู่ที่ด่านภาษี จึงตรัสกับเขาว่า <<จงตามเรามาเถิด>> เขาก็ลุกขึ้นตามพระองค์ไป เมื่อพระองค์ประทับเสวยพระกระยาหารอยู่ในเรือน มีคนเก็บภาษีและคนบาปอื่นๆหลายคน เข้ามาร่วมสำรับกับพระเยซู และกับพวกสาวกของพระองค์ เมื่อพวกฟาริสีเห็นแล้ว ก็กล่าวแก่สาวกของพระองค์ว่า <<ทำไมอาจารย์ของท่านจึงรับประทานอาหารด้วยกันกับคนเก็บภาษีและคนนอกรีตเล่า>> เมื่อพระเยซูทรงทราบดังนั้นแล้วก็ตรัสว่า <<คนเจ็บต้องการหมอ แต่คนสบายไม่ต้องการ ท่านทั้งหลายจงไปเรียนคัมภีร์ข้อนี้ให้เข้าใจ ที่ว่า เราประสงค์ความเมตตา ไม่ประสงค์เครื่องสัตวบูชา ด้วยว่าเรามิได้มาเพื่อจะเรียกคนที่เห็นว่าตัวชอบธรรม แต่มาเรียกคนที่พวกท่านว่านอกรีต>>

มัทธิว 9:1-13 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

แล้ว​พระเยซู​ได้​ลง​เรือ​ข้าม​ฟาก​กลับ​ไป​เมือง​ของ​พระองค์ มี​คน​หาม​คน​เป็น​อัมพาต​นอน​อยู่​บน​เปล​มา​หา​พระองค์ เมื่อ​พระเยซู​เห็น​ความ​เชื่อ​ของ​พวก​เขา ก็​พูด​กับ​คน​ที่​เป็น​อัมพาต​ว่า “ลูกเอ๋ย สบายใจ​ได้​แล้ว เพราะ​บาป​ของ​ลูก​ได้รับ​การ​อภัย​แล้ว” ครู​สอน​กฎปฏิบัติ​บางคน​ก็​คิด​ใน​ใจ​ว่า “ไอ้​หมอ​นี่ พูดจา​ดู​หมิ่น​พระเจ้า​ชัดๆ” พระเยซู​รู้​ว่า​พวก​เขา​คิด​อะไร​อยู่ จึง​พูด​ขึ้น​ว่า “ทำไม​พวก​คุณ​ถึง​คิด​ชั่วร้าย​อย่างนี้​ใน​ใจ จะ​ให้​เรา​พูด​ว่า ‘ความบาป​ของ​คุณ​ได้รับ​การ​อภัย​แล้ว’ หรือ ‘ลุก​ขึ้น​เดิน​ซะ’ อัน​ไหน​จะ​ง่าย​กว่า​กัน เดี๋ยว​เรา​จะ​พิสูจน์​ให้​เห็น​ว่า บุตรมนุษย์​มี​สิทธิอำนาจ​ใน​โลกนี้​ที่​จะ​อภัย​บาป​ได้” แล้ว​พระเยซู​ก็​พูด​กับ​คน​ง่อย​ว่า “ลุก​ขึ้น เก็บ​ที่​นอน แล้ว​กลับ​ไป​บ้าน​ได้​แล้ว” ชาย​คน​นั้น​ก็​ลุก​ขึ้น​เดิน​กลับ​บ้าน เมื่อ​เห็น​อย่าง​นั้น ทุก​คน​ก็​ตกตะลึง และ​พา​กัน​สรรเสริญ​พระเจ้า​ที่​ให้​มนุษย์​มี​สิทธิอำนาจ​ทำ​อย่าง​นั้น​ได้ เมื่อ​พระเยซู​ออก​มา​จาก​ที่​นั่น ก็​เห็น​ชาย​คน​หนึ่ง​ชื่อ​มัทธิว นั่ง​อยู่​ที่​ด่าน​เก็บ​ภาษี พระองค์​บอก​เขา​ว่า “ตาม​เรา​มา” มัทธิว​ก็​ลุก​ขึ้น​ตาม​พระองค์​ไป เมื่อ​พระเยซู​กิน​อาหาร​อยู่​ที่​บ้าน​ของ​มัทธิว มี​คน​เก็บ​ภาษี และ​คน​บาป​หลาย​คน​มา​กิน​อาหาร​ร่วม​กับ​พระเยซู​และ​พวก​ศิษย์​ของ​พระองค์ เมื่อ​พวก​ฟาริสี​เห็น​อย่าง​นั้น ก็​พูด​กับ​พวก​ศิษย์​ของ​พระองค์​ว่า “ทำไม​อาจารย์​ของ​คุณ​ถึง​กิน​อาหาร​กับ​พวก​คน​เก็บ​ภาษี​และ​พวก​คน​บาป” เมื่อ​พระเยซู​ได้ยิน จึง​ตอบ​ว่า “คน​ที่​สบาย​ดี​ไม่​ต้องการ​หมอ แต่​คน​เจ็บ​ป่วย​ต่าง​หาก​ที่​ต้องการ พวก​คุณ​ไป​ศึกษา​ดู​สิ​ว่า พระคัมภีร์​ข้อนี้​หมาย​ถึง​อะไร​ที่​ว่า ‘เรา​อยาก​จะ​เห็น​ความ​เมตตา ไม่​ใช่​เครื่อง​บูชา’ เพราะ​เรา​ไม่​ได้​มา​เพื่อ​เรียก​คนดี แต่​มา​เพื่อ​เรียก​คน​บาป”

มัทธิว 9:1-13 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

พระเยซูเสด็จลงเรือข้ามฟากไปยังเมืองของพระองค์ นี่แน่ะ เขาทั้งหลายหามคนง่อยคนหนึ่งซึ่งนอนอยู่บนที่นอนมาหาพระองค์ เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นความเชื่อของพวกเขา จึงตรัสกับคนง่อยว่า “ลูกเอ๋ย จงชื่นใจเถิด บาปของเจ้าได้รับอภัยแล้ว” เมื่อได้ยินดังนั้น พวกธรรมาจารย์บางคนคิดในใจว่า “คนนี้หมิ่นประมาทพระเจ้า” พระเยซูทรงทราบความคิดของพวกเขา จึงตรัสว่า “ทำไมพวกท่านจึงคิดการชั่วอยู่ในใจ? การที่พูดว่า ‘บาปต่างๆ ของท่านได้รับอภัยแล้ว’ กับการพูดว่า ‘จงลุกขึ้นเดินไปเถิด’ แบบไหนจะง่ายกว่ากัน? ทั้งนี้เพื่อให้ท่านรู้ว่า บุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจในโลกที่จะอภัยบาปได้” พระองค์จึงตรัสสั่งคนง่อยว่า “จงลุกขึ้นยกที่นอนกลับไปบ้านของท่าน” เขาจึงลุกขึ้นไปบ้าน เมื่อฝูงชนเห็นดังนั้น พวกเขาก็เกรงกลัว แล้วพากันสรรเสริญพระเจ้า ผู้ประทานสิทธิอำนาจเช่นนั้นแก่มนุษย์ เมื่อพระเยซูเสด็จเลยตำบลนั้นไป ก็ทอดพระเนตรเห็นคนหนึ่งชื่อมัทธิวนั่งอยู่ที่ด่านภาษี จึงตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” เขาก็ลุกขึ้นตามพระองค์ไป เมื่อพระองค์ประทับและเสวยอาหารอยู่ในบ้าน มีคนเก็บภาษีและคนบาปอื่นๆ หลายคน เข้ามาร่วมรับประทานอาหารกับพระเยซู และกับบรรดาสาวกของพระองค์ เมื่อพวกฟาริสีเห็นแล้ว ก็กล่าวกับพวกสาวกของพระองค์ว่า “ทำไมอาจารย์ของพวกท่านจึงรับประทานอาหารด้วยกันกับพวกคนเก็บภาษี และพวกคนบาป?” เมื่อพระเยซูทรงได้ยินแล้วก็ตรัสว่า “คนแข็งแรงไม่ต้องการหมอ แต่คนเจ็บป่วยต้องการ ท่านจงไปเรียนความหมายของคัมภีร์ข้อนี้ ที่ว่า ‘เราประสงค์ความเมตตา ไม่ประสงค์เครื่องสัตวบูชา’ ด้วยว่าเราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเรียกคนบาป”

มัทธิว 9:1-13 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

และพระองค์​ก็​เสด็จลงเรือข้ามฟากไปยังเมืองของพระองค์ ดู​เถิด เขาหามคนอัมพาตคนหนึ่งซึ่งนอนอยู่บนที่นอนมาหาพระองค์ เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นความเชื่อของเขาทั้งหลาย จึงตรัสกับคนอัมพาตว่า “ลูกเอ๋ย จงชื่นใจเถิด บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว” ดู​เถิด พวกธรรมาจารย์บางคนคิดในใจว่า “คนนี้​พู​ดหมิ่นประมาท” ฝ่ายพระเยซูทรงทราบความคิดของเขาจึงตรั​สว​่า “​เหตุ​ไฉนท่านทั้งหลายคิดชั่วอยู่ในใจเล่า ที่​จะว่า ‘บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว’ หรือจะว่า ‘จงลุกขึ้นเดินไปเถิด’ นั้น ข้างไหนจะง่ายกว่ากัน แต่​เพื่อท่านทั้งหลายจะได้​รู้​ว่า บุ​ตรมนุษย์​มี​สิทธิ​อำนาจในโลกที่จะโปรดยกความผิดบาปได้” (​พระองค์​จึงตรั​สส​ั่งคนอัมพาตว่า) “จงลุกขึ้นยกที่นอนกลับไปบ้านเถิด” เขาจึงลุกขึ้นไปบ้านของตน เมื่อประชาชนเป็​นอ​ันมากเห็นดังนั้น เขาก็​อัศจรรย์​ใจ แล​้วพากันสรรเสริญพระเจ้า ผู้​ได้​ทรงประทานสิทธิอำนาจเช่นนั้นแก่​มนุษย์ ครั้นพระเยซูเสด็จเลยที่นั่นไป ก็​ทอดพระเนตรเห็นชายคนหนึ่งชื่​อม​ัทธิ​วน​ั่งอยู่​ที่​ด่านเก็บภาษี จึงตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” เขาก็​ลุ​กขึ้นตามพระองค์​ไป ต่อมาเมื่อพระเยซูเอนพระกายลงเสวยอยู่ในเรือน ดู​เถิด มี​คนเก็บภาษีและคนบาปอื่นๆหลายคนเข้ามาเอนกายลงร่วมสำรั​บก​ับพระองค์และกับพวกสาวกของพระองค์ เมื่อพวกฟาริ​สี​เห​็นแล้ว ก็​กล​่าวแก่พวกสาวกของพระองค์​ว่า “ทำไมอาจารย์ของท่านจึงรับประทานอาหารร่วมกับคนเก็บภาษีและคนบาปเล่า” เมื่อพระเยซูทรงได้ยินเช่นนั้นจึงตรัสกับพวกเขาว่า “คนปกติ​ไม่​ต้องการหมอ แต่​คนเจ็บป่วยต้องการหมอ ท่านทั้งหลายจงไปเรียนรู้ความหมายของข้อความที่​ว่า ‘เราประสงค์​ความเมตตา ไม่​ประสงค์​เครื่องสัตวบู​ชา​’ ด้วยว่าเรามิ​ได้​มาเพื่อจะเรียกคนชอบธรรม แต่​มาเรียกคนบาปให้​กล​ับใจเสียใหม่”

มัทธิว 9:1-13 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

พระเยซูจึงเสด็จลงเรือข้ามฟากไปยังเมืองของพระองค์ มีผู้หามคนเป็นอัมพาตซึ่งนอนอยู่บนที่นอนมาหาพระเยซู เมื่อทรงเห็นความเชื่อของพวกเขาก็ตรัสกับคนเป็นอัมพาตนั้นว่า “ลูกเอ๋ยจงชื่นใจเถิด บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว” พวกธรรมาจารย์บางคนได้ยินเช่นนั้นก็คิดในใจว่า “ชายคนนี้กำลังพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า!” พระเยซูทรงทราบความคิดของเขาจึงตรัสว่า “เหตุใดพวกท่านจึงคิดชั่วอยู่ในใจ? ที่จะพูดว่า ‘บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว’ กับ ‘จงลุกขึ้นเดินไป’ อย่างไหนจะง่ายกว่ากัน? แต่ทั้งนี้ก็เพื่อให้พวกท่านรู้ว่าบุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจในโลกที่จะอภัยบาป” แล้วพระองค์ตรัสกับคนเป็นอัมพาตว่า “จงลุกขึ้นแบกที่นอนกลับไปบ้านเถิด” และชายคนนั้นก็ลุกขึ้นกลับไปบ้าน เมื่อฝูงชนเห็นดังนี้ก็ยำเกรงและสรรเสริญพระเจ้าผู้ประทานสิทธิอำนาจเช่นนี้แก่มนุษย์ เมื่อพระเยซูเสด็จจากที่นั่น พระองค์ทรงเห็นชายคนหนึ่งชื่อ มัทธิวนั่งอยู่ที่ด่านเก็บภาษี จึงตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามา” มัทธิวก็ลุกขึ้นติดตามพระองค์ไป ขณะพระเยซูเสวยพระกระยาหารที่บ้านของมัทธิว คนเก็บภาษีและ “คนบาป” หลายคนมาร่วมรับประทานกับพระองค์และเหล่าสาวก เมื่อพวกฟาริสีเห็นเช่นนั้นก็ถามสาวกของพระองค์ว่า “ทำไมอาจารย์ของท่านจึงรับประทานอาหารร่วมกับคนเก็บภาษีและ ‘คนบาป’?” เมื่อพระเยซูทรงได้ยินเช่นนี้จึงตรัสว่า “คนสุขภาพดีไม่ต้องการหมอ แต่คนป่วยต้องการ จงไปศึกษาให้เข้าใจความหมายของข้อความที่ว่า ‘เราประสงค์ความเมตตา ไม่ใช่เครื่องบูชา’ เพราะเราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเพื่อเรียกคนบาป”

มัทธิว 9:1-13 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

พระ​เยซู​ลง​เรือ​ข้าม​ฟาก​ไป​ยัง​เมือง​ของ​พระ​องค์ มี​ผู้​คน​พา​ชาย​ง่อย​คนหนึ่ง​นอน​บน​เปลหาม​มา พอ​พระ​องค์​เห็น​ความ​เชื่อ​ของ​พวก​เขา​จึง​กล่าว​กับ​คน​ง่อย​ว่า “ลูกเอ๋ย จง​ทำใจ​ให้ดี​ไว้ บาป​ทั้ง​หลาย​ของ​เจ้า​ได้​รับ​การ​ยกโทษ​แล้ว” พวก​อาจารย์​ฝ่าย​กฎ​บัญญัติ​บาง​คน​พูด​ต่อ​กัน​และ​กัน​ว่า “ชาย​ผู้นี้​พูดจา​หมิ่นประมาท​พระ​เจ้า” พระ​เยซู​ทราบ​ความ​คิด​ของ​พวก​เขา​จึง​กล่าว​ว่า “ทำไม​พวก​ท่าน​จึง​คิดชั่ว​อยู่​ใน​ใจ​เล่า พูด​อย่างไร​จึง​จะ​ง่าย​กว่ากัน​ระหว่าง ‘บาป​ทั้ง​หลาย​ของ​เจ้า​ได้​รับ​การ​ยกโทษ​แล้ว’ หรือ​จะ​พูด​ว่า ‘จง​ลุก​ขึ้น​เดิน​เถิด’ แต่​เพื่อ​พวก​ท่าน​จะ​ได้​รู้​ว่า บุตรมนุษย์​มี​สิทธิ​อำนาจ​ใน​โลก​ที่​จะ​ยกโทษ​บาป​ทั้ง​หลาย” แล้ว​พระ​องค์​กล่าว​กับ​คน​ง่อย​นั้น​ว่า “จง​ลุก​ขึ้น แล้ว​ยก​เปลหาม​กลับ​ไป​บ้าน​เถิด” เขา​จึง​ลุกขึ้น​แล้ว​กลับบ้าน​ไป เมื่อ​ฝูง​ชน​เห็น​เช่นนั้น​ก็​กลัว​ยิ่งนัก แล้ว​ต่างก็​พา​กัน​สรรเสริญ​พระ​เจ้า​ที่​มอบ​สิทธิ​อำนาจ​เช่นนั้น​ให้แก่​มนุษย์ ขณะที่​พระ​เยซู​ไป​จาก​ที่นั่น พระ​องค์​เห็น​ชาย​คนหนึ่ง​ชื่อ​มัทธิว กำลัง​นั่งอยู่​ที่​ด่าน​เก็บ​ภาษี จึง​กล่าว​กับ​เขา​ว่า “จง​ติดตาม​เรา​มาเถิด” เขา​ก็​ลุกขึ้น​และ​ติดตาม​พระ​องค์​ไป ขณะ​ที่​พระ​องค์​กำลัง​เอน​กาย​อยู่ที่​บ้าน มี​คน​เก็บ​ภาษี​และ​คนบาป​จำนวน​มาก​มา และ​กำลัง​รับประทาน​อาหาร​ร่วมกับ​พระ​เยซู​และ​เหล่า​สาวก​ของ​พระ​องค์ ครั้น​พวก​ฟาริสี​เห็น​ดังนั้น​จึง​พูด​กับ​เหล่า​สาวก​ของ​พระ​องค์​ว่า “ทำไม​อาจารย์​ของ​ท่าน​จึง​รับประทาน​ร่วมกับ​พวก​คน​เก็บ​ภาษี​และ​คนบาป​เล่า” เมื่อ​พระ​องค์​ได้ยิน​จึง​กล่าว​ว่า “คน​ที่​มี​สุขภาพ​ดี​ไม่​จำเป็น​ต้อง​หา​แพทย์ ยกเว้น​แต่​ผู้ป่วย จง​ไป​เถิด และ​เรียนรู้​ว่า​คำ​พูด​นี้​มี​ความ​หมาย​ว่า​อย่างไร ‘เรา​ต้องการ​ความ​เมตตา ไม่​ต้องการ​เครื่อง​สักการะ’ เพราะ​เรา​ไม่​ได้​มา​เพื่อ​เรียก​คน​ที่​คิด​ว่า​ตน​มี​ความ​ชอบธรรม แต่​มา​เพื่อ​เรียก​คนบาป”