มาระโก 10:10-45

มาระโก 10:10-45 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

เมื่อ​พวก​เขา​อยู่​กัน​ตาม​ลำพัง​ใน​บ้าน พวก​ศิษย์​ก็​ถาม​พระเยซู​เกี่ยวกับ​เรื่องนี้ พระองค์​ตอบ​ว่า “ใคร​ก็​ตาม​ที่​หย่า​กับ​ภรรยา​แล้ว​ไป​แต่งงาน​ใหม่ ก็​ถือ​ว่า​มี​ชู้ และ​ถ้า​หญิง​ที่​หย่า​กับ​สามี​แล้ว​ไป​แต่งงาน​ใหม่ ก็​ถือ​ว่า​นาง​มี​ชู้​เหมือน​กัน” ผู้คน​ต่าง​พา​เด็ก​เล็กๆ​มา​ให้​พระองค์​แตะต้อง​ตัว แต่​พวก​ศิษย์​ได้​ต่อว่า​พวก​เขา​ไป เมื่อ​พระองค์​เห็น​ก็​ไม่​พอใจ จึง​พูด​กับ​พวก​ศิษย์​ว่า “ปล่อย​ให้​พวก​เด็ก​เล็กๆ​เข้า​มา​หา​เรา อย่า​ห้าม​พวก​เขา เพราะ​อาณาจักร​ของ​พระเจ้า​เป็น​ของ​คน​ที่​เป็น​เหมือน​กับ​เด็ก​เล็กๆ​พวกนี้ เรา​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ถ้า​คน​ไหน​ไม่​ยอมรับ​อาณาจักร​ของ​พระเจ้า​เหมือน​กับ​ที่​เด็ก​เล็กๆ​พวกนี้​ยอมรับ คน​นั้น​จะ​ไม่​ได้​เข้า​ใน​อาณาจักร​ของ​พระเจ้า​แน่ๆ” แล้ว​พระองค์​ก็​โอบ​เด็กๆ​ไว้​ใน​อ้อมแขน​และ​วางมือ​อวยพร​ให้​กับ​พวก​เขา ใน​ขณะ​ที่​พระองค์​เริ่ม​ออก​เดิน​ทาง​นั้น​ก็​มี​ชาย​หนุ่ม​คน​หนึ่ง​วิ่ง​เข้า​มา​คุกเข่า​ลง​ต่อหน้า​พระองค์ แล้ว​ถาม​ว่า “อาจารย์​ผู้​ประเสริฐ ผม​จะ​ต้อง​ทำ​ยังไง​ถึง​จะ​มี​ชีวิต​กับ​พระเจ้า​ตลอด​ไป​ครับ” พระเยซู​ตอบ​ว่า “คุณ​เรียก​เรา​ว่า​ผู้​ประเสริฐ​ทำไม ไม่​มี​ใคร​ประเสริฐ​หรอก นอก​จาก​พระเจ้า​เท่า​นั้น คุณ​ก็​รู้​กฎปฏิบัติ​ดี​อยู่​แล้ว​นี่ ที่​ว่า​อย่า​ฆ่า​คน อย่า​มี​ชู้ อย่า​ขโมย อย่า​เป็น​พยาน​เท็จ อย่า​โกง และ​ให้​เคารพ​นับถือ​พ่อ​แม่” คน​หนุ่ม​คน​นั้น​ก็​ว่า “อาจารย์​ครับ ผม​รักษา​กฎ​ทุก​ข้อนี้​มา​ตั้ง​แต่​เด็ก​แล้ว​ครับ” พระเยซู​มอง​เขา​ด้วย​ความรัก​และ​พูด​ว่า “แต่​คุณ​ยัง​ขาด​อยู่​อีก​อย่าง​หนึ่ง คือ​ให้​ไป​ขาย​ทรัพย์​สมบัติ​ทุก​อย่าง​ที่​คุณ​มี แล้ว​เอา​เงิน​ไป​แจก​จ่าย​ให้​กับ​คน​ยากจน คุณ​ก็​จะ​มี​ทรัพย์​สมบัติ​อยู่​ใน​สวรรค์ แล้ว​มา​ติดตาม​เรา” เมื่อ​ได้ยิน​พระเยซู​พูด​อย่างนี้ เขา​ก็​เดิน​จาก​ไป​ด้วย​ความเศร้า เพราะ​เขา​ร่ำรวย​มาก พระเยซู​มอง​ไป​รอบๆ​และ​พูด​กับ​พวก​ศิษย์​ว่า “มัน​ยาก​มาก​ที่​คน​รวย​จะ​ได้​เข้า​ไป​ใน​อาณาจักร​ของ​พระเจ้า” พวก​ศิษย์​ต่าง​ก็​งง​ที่​ได้ยิน​พระองค์​พูด​อย่าง​นั้น แต่​พระเยซู​พูด​ต่อว่า “ลูกๆ​เอ๋ย​รู้​ไหม​ว่า อาณาจักร​ของ​พระเจ้า​นี่​เข้า​ยาก​จริงๆ จะ​ให้​อูฐ​ลอด​รูเข็ม ก็​ยัง​จะ​ง่าย​กว่า​ที่​จะ​ให้​คน​รวย​เข้า​ไป​ใน​อาณาจักร​ของ​พระเจ้า” พวก​ศิษย์​ก็​ยิ่ง​งง​กัน​ไป​ใหญ่​และ​พูด​กัน​เอง​ว่า “ถ้า​อย่าง​นั้น​ใคร​จะ​ไป​รอด​ได้” พระเยซู​มอง​ดู​พวก​เขา​แล้ว​พูด​ว่า “สำหรับ​มนุษย์​ก็​เป็น​ไป​ไม่​ได้​เลย แต่​สำหรับ​พระเจ้า​ก็​เป็น​ไป​ได้ เพราะ​ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง​เป็น​ไป​ได้​สำหรับ​พระเจ้า” เปโตร​พูด​กับ​พระองค์​ว่า “ดู​สิ​ครับ พวก​เรา​ได้​สละ​ทุกสิ่ง​ทุกอย่าง​เพื่อ​มา​ติดตาม​อาจารย์” พระเยซู​พูด​ว่า “เรา​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า คน​ที่​ได้​สละ​บ้าน​เรือน พี่น้อง​ชาย​หญิง พ่อ​แม่ ลูกๆ​หรือ​ไร่นา​เพื่อ​มา​ติด​ตาม​เรา​และ​ข่าวดี​ของ​เรา คนๆ​นั้น​จะ​ได้รับ​ผล​ตอบแทน​คืน​เป็น​ร้อย​เท่า​ของ​สิ่ง​ที่​เขา​มี​ใน​โลกนี้ ทั้ง​บ้าน​เรือน พี่น้อง​ชาย​หญิง พ่อ​แม่ ลูกๆ​และ​ไร่นา รวม​ถึง​ว่า​พวก​เขา​จะ​ต้อง​ถูกกดขี่​ข่มเหง​ด้วย แต่​พวก​เขา​จะ​มี​ชีวิต​กับ​พระเจ้า​ตลอด​ไป​ใน​โลก​หน้าที่​จะ​มา​ถึง คน​ที่​เป็น​ใหญ่​เป็น​โต​ที่สุด​ใน​ตอนนี้​จะ​กลาย​เป็น​คน​ที่​ต่ำต้อย​ที่สุด ส่วน​คน​ที่​ต่ำต้อย​ที่สุด​ใน​ตอนนี้​จะ​ได้​กลาย​เป็น​ใหญ่​เป็น​โต​ที่สุด” พวก​เขา​มุ่ง​หน้า​ไป​เมือง​เยรูซาเล็ม พระเยซู​เดิน​นำ​หน้า พวก​ศิษย์​ต่าง​ก็​แปลกใจ ส่วน​พวก​ที่​ติดตาม​มา​ก็​หวาดกลัว พระองค์​พา​ศิษย์​ทั้ง​สิบสอง​คน​ปลีกตัว​ออก​มา​ข้างๆ​และ​เริ่ม​เล่า​เรื่อง​ที่​จะ​เกิด​ขึ้น​กับ​พระองค์​ให้​พวก​เขา​ฟัง​อีก​ครั้ง พระองค์​บอก​ว่า “ฟัง​นะ พวก​เรา​กำลัง​จะ​ขึ้น​ไป​เมือง​เยรูซาเล็ม และ​บุตร​มนุษย์​จะ​ถูก​จับ​ส่ง​ตัว​ไป​ให้​พวก​ผู้นำ​นักบวช และ​พวก​ครู​สอน​กฎปฏิบัติ พวก​เขา​จะ​ตัดสิน​ประหาร​ชีวิต​เขา และ​พวก​นั้น​จะ​จับ​เขา​ส่ง​ไป​ให้​กับ​คน​ที่​ไม่​ใช่​ชาวยิว แล้ว​พวก​นั้น​ก็​จะ​หัวเราะ​เยาะ ถ่ม​น้ำลาย​ใส่ เฆี่ยน​ตี และ​ใน​ที่​สุด​ก็​จะ​ฆ่า​เขา แต่​เขา​ก็​จะ​ฟื้น​ขึ้น​จาก​ความตาย​ใน​วันที่​สาม” ยากอบ​และ​ยอห์น ลูก​ของ​เศเบดี​เข้า​มา​พูด​กับ​พระเยซู​ว่า “อาจารย์​ครับ ช่วย​พวก​เรา​สัก​เรื่อง​ได้​ไหม​ครับ” พระเยซู​ถาม​ว่า “จะ​ให้​ทำ​อะไร​ล่ะ” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “พอ​อาจารย์​ได้รับ​เกียรติยศ​อัน​สูงส่ง​อย่าง​กษัตริย์​แล้ว ขอ​ให้​เรา​ได้​นั่ง​ข้าง​ขวา​อาจารย์​คน​หนึ่ง​และ​ข้าง​ซ้าย​อีก​คน​หนึ่ง​นะ​ครับ” พระเยซู​ตอบ​ว่า “พวก​คุณ​ไม่​รู้​หรอก​ว่า​กำลัง​ขอ​อะไร​อยู่ พวก​คุณ​จะ​ดื่ม​จาก​จอก​ที่​เรา​ต้อง​ดื่ม​นี้​ได้​หรือ ความทรมาน​นี้​ที่​เรา​ต้อง​รับ คุณ​จะ​รับ​ได้​หรือ” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “ได้​ครับ” พระเยซู​จึง​พูด​ว่า “จริงอยู่​ที่​คุณ​จะ​ดื่ม​จาก​จอก​ที่​เรา​จะ​ต้อง​ดื่ม และ​คุณ​จะ​ทน​ทุกข์ทรมาน​แบบ​เดียว​กับ​ที่​เรา​จะ​ต้อง​ทน แต่​จะ​ให้​ใคร​นั่ง​ทาง​ขวา​หรือ​ทาง​ซ้าย​ของ​เรา​นั้น เรา​ไม่​ได้​เป็น​คน​เลือก พระเจ้า​จะ​เป็น​ผู้​เลือก​เอง” เมื่อ​ศิษย์​อีก​สิบ​คน​รู้​เรื่องนี้ ก็​โกรธ​ยากอบ​และ​ยอห์น พระเยซู​เลย​เรียก​พวก​เขา​เข้า​มาหา​และ​พูด​ว่า “พวก​คุณ​ก็​รู้​ว่า​กษัตริย์​ของ​พวก​คน​ต่าง​ชาติ​ทำตัว​เป็นเจ้า​เป็นนาย​เหนือ​ประชาชน และ​พวก​ข้าราชการ​ระดับ​สูง​ก็​ชอบ​ใช้​อำนาจ​ต่อ​ประชาชน แต่​ใน​พวก​คุณ​มัน​จะ​ไม่​เป็น​อย่าง​นั้น คน​ไหน​ที่​อยาก​จะ​เป็น​ใหญ่ ก็​ให้​เขา​เป็น​ผู้​รับใช้​พวก​คุณ และ​คน​ไหน​อยาก​เป็น​คน​สำคัญ​ที่สุด ก็​ให้​เขา​เป็น​ทาส​รับใช้​ทุก​คน เพราะ​แม้แต่​บุตร​มนุษย์ ก็​ยัง​ไม่​ได้​มา​เพื่อ​จะ​ให้​คน​อื่น​รับใช้ แต่​มา​เพื่อ​จะ​รับใช้​คน​อื่น และ​ยอม​สละ​ชีวิต​เพื่อ​ปลดปล่อย​ให้​คน​มากมาย​เป็น​อิสระ”

มาระโก 10:10-45 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

เมื่อเข้าไปในบ้านแล้ว พวกสาวกทูลถามพระองค์อีกถึงเรื่องนั้น พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า “ถ้าใครหย่าภรรยาของตนแล้วไปมีภรรยาใหม่ คนนั้นก็ทำผิดประเวณีต่อภรรยาเดิม และถ้าผู้หญิงจะหย่าสามีของตนแล้วไปมีสามีใหม่ นางก็ทำผิดประเวณี” ขณะนั้นมีบางคนพาเด็กเล็กๆ มาหาพระองค์เพื่อจะให้พระองค์สัมผัสตัวเด็กเหล่านั้น แต่พวกสาวกห้ามไว้ เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นอย่างนั้นก็ไม่พอพระทัย ตรัสกับพวกสาวกว่า “จงยอมให้เด็กเล็กๆ เข้ามาหาเรา อย่าห้ามเขาเลย เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้าเป็นของคนอย่างพวกเขา เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ใครที่ไม่ยอมรับแผ่นดินของพระเจ้าเหมือนเด็กเล็กๆ จะเข้าในแผ่นดินนั้นไม่ได้” แล้วพระองค์ทรงอุ้มเด็กเล็กๆ เหล่านั้น วางพระหัตถ์บนตัวพวกเขา แล้วทรงอวยพรให้พวกเขา เมื่อพระองค์กำลังจะเสด็จออกไปนั้น มีคนหนึ่งวิ่งมาหาพระองค์ คุกเข่าลงทูลถามพระองค์ว่า “อาจารย์ผู้ประเสริฐ ข้าพเจ้าจะทำอย่างไร ถึงจะได้ชีวิตนิรันดร์?” พระเยซูตรัสกับคนนั้นว่า “ท่านใช้คำว่าประเสริฐทำไม? ไม่มีใครประเสริฐนอกจากพระเจ้าองค์เดียว ท่านก็รู้จักบัญญัติแล้วที่ว่า ‘ห้ามฆ่าคน ห้ามล่วงประเวณีผัวเมียเขา ห้ามลักทรัพย์ ห้ามเป็นพยานเท็จ ห้ามโกงเขา จงให้เกียรติบิดามารดาของเจ้า’ ” คนนั้นจึงทูลพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ บัญญัติเหล่านั้นข้าพเจ้าถือรักษาไว้ตั้งแต่เด็ก” พระเยซูทอดพระเนตรดูคนนั้น ทรงเอ็นดูเขาแล้วตรัสว่า “ท่านยังขาดอยู่อย่างหนึ่ง จงไปขายบรรดาสิ่งของที่ท่านมีอยู่ แจกจ่ายให้กับคนยากจน ท่านจึงจะมีทรัพย์สมบัติในสวรรค์ แล้วจงกลับมาติดตามเรา” เมื่อเขาได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของเขาก็สลด แล้วออกไปเป็นทุกข์ เพราะเขามีทรัพย์สิ่งของจำนวนมาก พระเยซูจึงทอดพระเนตรรอบๆ แล้วตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “คนมั่งมีจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าก็ยากจริงๆ” เหล่าสาวกก็ประหลาดใจเพราะถ้อยคำของพระองค์ แล้วพระเยซูตรัสกับพวกเขาอีกว่า “ลูกเอ๋ยการเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าก็ยากจริงๆ อูฐจะลอดรูเข็มก็ง่ายกว่าคนมั่งมีจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้า” เหล่าสาวกก็ประหลาดใจอย่างยิ่ง พูดกันเองว่า “ถ้าอย่างนั้นใครจะรอดได้?” พระเยซูทอดพระเนตรพวกเขาแล้วตรัสว่า “ส่วนมนุษย์ก็เหลือกำลังที่จะทำได้ แต่ไม่เหลือกำลังของพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงทำให้สำเร็จได้ทุกสิ่ง” เปโตรจึงเริ่มทูลพระองค์ว่า “นี่แน่ะ ข้าพระองค์ทั้งหลายยอมสละสิ่งสารพัดและติดตามพระองค์มา” พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ใครก็ตามที่สละบ้าน หรือพี่น้องชายหญิง หรือบิดามารดา หรือลูก หรือไร่นา เพราะเห็นแก่เราและข่าวประเสริฐของเรา คนนั้นจะได้รับผลตอบแทนร้อยเท่าในยุคนี้คือ บ้าน พี่น้องชายหญิง มารดา ลูก และไร่นา พร้อมการข่มเหงด้วย และในยุคหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร์ แต่หลายคนที่เป็นคนแรกจะกลับไปเป็นคนสุดท้าย และคนสุดท้ายจะกลับไปเป็นคนแรก” ขณะที่กำลังเดินทางขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มนั้น พระเยซูเสด็จนำหน้าพวกเขา พวกสาวกก็พากันประหลาดใจ และคนที่เดินตามมาก็หวาดกลัว พระองค์จึงทรงพาสาวกสิบสองคนแยกออกมาอีก แล้วตรัสให้พวกเขาทราบถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดกับพระองค์นั้นว่า “นี่แน่ะ พวกเราจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และบุตรมนุษย์จะทรงถูกมอบไว้กับพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ และเขาเหล่านั้นจะลงโทษท่านถึงตาย และจะมอบท่านไว้กับบรรดาคนต่างชาติ คนต่างชาติเหล่านั้นจะเยาะเย้ยท่าน ถ่มน้ำลายรดท่าน จะเฆี่ยนตีท่านและจะฆ่าท่าน และหลังจากนั้นสามวันแล้วท่านจะเป็นขึ้นมาใหม่” ยากอบกับยอห์นบุตรของเศเบดีเข้ามาทูลพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ข้าพระองค์ทั้งสองอยากจะขอให้พระองค์ทำตามคำทูลขอของพวกข้าพระองค์” พระองค์จึงตรัสถามเขาทั้งสองว่า “ท่านทั้งสองอยากจะให้เราทำอะไรให้พวกท่าน?” พวกเขาจึงทูลตอบว่า “เมื่อพระองค์จะทรงรับเกียรตินั้น ขอให้พวกข้าพระองค์นั่งที่เบื้องขวาพระหัตถ์คนหนึ่ง เบื้องซ้ายคนหนึ่ง” พระเยซูจึงตรัสกับเขาทั้งสองว่า “พวกท่านไม่เข้าใจสิ่งที่พวกท่านขอ ถ้วยที่เราดื่มนั้นพวกท่านดื่มได้หรือ? และบัพติศมาที่เรารับ พวกท่านจะรับได้หรือ?” เขาทั้งสองทูลตอบว่า “พวกข้าพระองค์ทำได้” พระเยซูจึงตรัสกับพวกเขาว่า “ถ้วยที่เราดื่มนั้นพวกท่านจะดื่ม และบัพติศมาที่เรารับนั้นท่านจะรับก็จริง แต่การที่จะให้นั่งข้างขวาหรือข้างซ้ายของเรานั้น ไม่ใช่เราเป็นผู้จัด แต่ให้กับใครก็จะให้แก่คนนั้น” เมื่อสาวกสิบคนได้ยินเรื่องนี้ก็มีความขุ่นเคืองยากอบและยอห์น พระเยซูจึงทรงเรียกเขาทั้งหลายมาตรัสว่า “ท่านทั้งหลายรู้อยู่แล้วว่า คนที่นับว่าเป็นผู้ครอบครองของคนต่างชาติย่อมเป็นเจ้านายอยู่เหนือเขาทั้งหลาย และพวกที่เป็นใหญ่ก็ใช้อำนาจบังคับพวกเขา ในพวกท่านจะไม่เป็นเช่นนั้น แต่ถ้ามีใครต้องการจะเป็นใหญ่ท่ามกลางท่าน คนนั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติของท่านทั้งหลาย และถ้าใครต้องการจะเป็นนาย คนนั้นจะต้องเป็นทาสของคนทั้งหลาย เพราะว่าบุตรมนุษย์ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อจะปรนนิบัติคนอื่น และให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่คนจำนวนมาก”

มาระโก 10:10-45 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

เมื่อเข้าไปในเรือนแล้วเหล่าสาวกของพระองค์ทูลถามพระองค์​อี​กถึงเรื่องนั้น พระองค์​จึงตรัสกับเขาว่า “ถ้าผู้ใดหย่าภรรยาของตน แล​้วไปมีภรรยาใหม่ ผู้​นั้​นก​็​ได้​ผิดประเวณี​ต่อเธอ และถ้าหญิงจะหย่าสามีของตน แล​้วไปมี​สามี​ใหม่ หญิงนั้​นก​็​ผิดประเวณี​” ขณะนั้นเขาพาเด็กเล็กๆมาหาพระองค์ เพื่อจะให้​พระองค์​ทรงถูกต้องตัวเด็กนั้น แต่​เหล่​าสาวกก็ห้ามปรามคนที่พาเด็กมานั้น เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นดังนั้​นก​็​ไม่​พอพระทัย จึงตรัสแก่​เหล่​าสาวกว่า “จงยอมให้เด็กเล็กๆเข้ามาหาเรา อย่าห้ามเขาเลย เพราะว่าอาณาจักรของพระเจ้าย่อมเป็นของคนเช่นเด็กเหล่านั้น เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้​หน​ึ่งผู้ใดมิ​ได้​รับอาณาจักรของพระเจ้าเหมือนเด็กเล็กๆ ผู้​นั้นจะเข้าในอาณาจั​กรน​ั้นไม่​ได้​” แล​้วพระองค์ทรงอุ้มเด็กเล็กๆเหล่านั้น วางพระหัตถ์บนเขา แล​้วทรงอวยพรให้ เมื่อพระองค์กำลังเสด็จออกไปตามทาง มี​คนหนึ่งวิ่งมาหาพระองค์​คุ​กเข่าลงทูลถามพระองค์​ว่า “ท่านอาจารย์​ผู้​ประเสริฐ ข้าพเจ้าจะกระทำประการใดจึงจะได้​ชี​วิ​ตน​ิรันดร์เป็นมรดก” พระเยซู​ตรัสถามคนนั้​นว​่า “ท่านเรียกเราว่าประเสริฐทำไม ไม่มี​ใครประเสริฐเว้นแต่พระเจ้าองค์​เดียว ท่านรู้จักพระบัญญั​ติ​แล​้วซึ่งว่า ‘อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา อย่าฆ่าคน อย่าลักทรัพย์ อย่าเป็นพยานเท็จ อย่าฉ้อเขา จงให้​เกียรติ​แก่​บิ​ดามารดาของตน’” คนนั้นจึงทูลตอบพระองค์​ว่า “​อาจารย์​เจ้าข้า ข้อเหล่านี้ข้าพเจ้าได้ถือรักษาไว้​ตั้งแต่​เป็นเด็กมา” พระเยซู​ทรงเพ่​งด​ูคนนั้น ก็​ทรงรักเขา แล​้วตรัสแก่เขาว่า “ท่านยังขาดอยู่​สิ​่งหนึ่ง จงไปขายบรรดาสิ่งของซึ่งท่านมี​อยู่ แจกจ่ายให้คนอนาถา แล​้​วท​่านจะมี​ทรัพย์สมบัติ​ในสวรรค์ แล​้วจงแบกกางเขน และตามเรามา” เมื่อเขาได้ยินคำนั้​นก​็​เสียใจ แล​้วออกไปเป็นทุกข์เพราะเขามี​ทรัพย์​สิ​่งของเป็​นอ​ันมาก พระเยซู​จึงทอดพระเนตรรอบๆแล้วตรัสแก่​เหล่​าสาวกของพระองค์​ว่า “​คนมั่งมี​จะเข้​าในอาณาจักรของพระเจ้าก็ยากนักหนา” เหล่​าสาวกก็ประหลาดใจด้วยคำตรัสของพระองค์ และพระเยซูตรัสแก่เขาอี​กว่า “ลูกเอ๋ย คนที​่วางใจในทรัพย์​สมบัติ​จะเข้​าในอาณาจักรของพระเจ้าก็ยากนักหนา ตั​วอ​ูฐจะลอดรู​เข​็มก็ง่ายกว่าคนมั่​งม​ี​จะเข้​าในอาณาจักรของพระเจ้า” เหล่​าสาวกก็ประหลาดใจยิ่งนักจึงพู​ดก​ั​นว​่า “ถ้าอย่างนั้นใครจะรอดได้” พระเยซู​ทอดพระเนตรเหล่าสาวกแล้วตรั​สว​่า “ฝ่ายมนุษย์ย่อมเป็นไปไม่​ได้ แต่​ไม่​เป็นแบบนั้​นก​ับพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงกระทำให้​เป็นไปได้​ทุกสิ่ง​” ฝ่ายเปโตรจึงเริ่​มท​ูลพระองค์​ว่า “​ดู​เถิด ข้าพระองค์ทั้งหลายได้สละสิ่งสารพัด และได้​ติ​ดตามพระองค์​มา​” พระเยซู​ตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดได้สละบ้าน หรือพี่น้องชายหญิง หรื​อบ​ิดามารดา หรือภรรยา หรื​อบ​ุตร หรือที่​ดิน เพราะเห็นแก่เราและข่าวประเสริฐนั้น ในเวลานี้​ผู้​นั้นจะได้รับตอบแทนร้อยเท่า คื​อบ​้าน พี่​น้องชายหญิง มารดา บุ​ตรและที่​ดิน ทั้งจะถูกการข่มเหงด้วย และในโลกหน้าจะได้​ชี​วิ​ตน​ิรันดร์ แต่​มี​หลายคนที่เป็นคนต้นจะต้องกลับไปเป็นคนสุดท้าย และที่เป็นคนสุดท้ายจะกลับเป็นคนต้น” เมื่อกำลังเดินทางจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม พระเยซู​ก็​เสด็จนำหน้าเขา ฝ่ายเหล่าสาวกก็พากันคิดประหลาดใจ และขณะที่เขาตามมาก็​หวาดกลัว พระองค์​จึงทรงเรียกสาวกสิบสองคนอีก แล​้วเริ่มตรัสสำแดงให้เขาทราบถึงเหตุ​การณ์​ซึ่งจะเกิดแก่​พระองค์​นั้น ว่า “​ดู​เถิด เราทั้งหลายจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และเขาจะมอบบุตรมนุษย์​ไว้​กับพวกปุโรหิตใหญ่และพวกธรรมาจารย์ และเขาเหล่านั้นจะปรับโทษท่านถึงตาย และจะมอบท่านไว้กับคนต่างชาติ คนต่างชาติ​นั้นจะเยาะเย้ยท่าน จะเฆี่ยนตี​ท่าน จะถ่​มน​้ำลายรดท่าน และจะฆ่าท่านเสีย และวั​นที​่สามท่านจะเป็นขึ้นมาใหม่” ฝ่ายยากอบกับยอห์น บุ​ตรชายของเศเบดี เข​้ามาทูลพระองค์​ว่า “พระอาจารย์​เจ้าข้า ข้าพระองค์ทั้งสองปรารถนาจะขอให้​พระองค์​ทรงกระทำตามคำขอของข้าพระองค์” พระองค์​จึงตรัสถามเขาว่า “ท่านทั้งสองปรารถนาจะให้เราทำสิ่งใดให้​ท่าน​” เขาจึงทูลตอบพระองค์​ว่า “เมื่อพระองค์จะทรงสง่าราศี​นั้น ขอให้​ข้าพระองค์นั่งที่เบื้องขวาพระหัตถ์คนหนึ่ง เบื้องซ้ายพระหัตถ์คนหนึ่ง” พระเยซู​จึงตรัสแก่เขาว่า “​ที่​ท่านขอนั้นท่านไม่​เข้าใจ ถ้วยซึ่งเราจะดื่​มน​ั้นท่านจะดื่มได้​หรือ และบัพติศมานั้นซึ่งเราจะรับ ท่านจะรับได้​หรือ​” เขาทั้งสองทูลตอบพระองค์​ว่า “​ได้ พระเจ้าข้า” พระเยซู​จึงตรัสแก่เขาว่า “ถ้วยซึ่งเราดื่​มท​่านจะดื่มก็​จริง และรับบัพติศมาด้วยบัพติศมาที่เราจะรั​บก​็​จริง แต่​ที่​จะนั่งข้างขวาและข้างซ้ายของเรานั้น ไม่ใช่​พน​ักงานของเราที่จะจัดให้ แต่​ได้​ทรงเตรียมไว้สำหรับผู้ใดก็จะให้​แก่​ผู้​นั้น​” เมื่อสาวกสิบคนได้ยินแล้ว ก็​เริ่มมีความขุ่นเคืองยากอบและยอห์น พระเยซู​จึงทรงเรียกเขาทั้งหลายมาตรัสแก่เขาว่า “ท่านทั้งหลายรู้​อยู่​ว่า ผู้​ที่​นับว่าเป็นผู้ครองของคนต่างชาติย่อมเป็นเจ้าเหนือเขา และผู้​ใหญ่​ทั้งหลายก็​ใช้​อำนาจบังคับ แต่​ในพวกท่านหาเป็นอย่างนั้นไม่ ถ้าผู้ใดใคร่จะได้​เป็นใหญ่​ในพวกท่าน ผู้​นั้นจะต้องเป็นผู้​ปรนนิบัติ​ท่านทั้งหลาย และถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นเอกเป็นต้น ผู้​นั้นจะต้องเป็นผู้​รับใช้​ของคนทั้งปวง เพราะว่าบุตรมนุษย์​มิได้​มาเพื่อรับการปรนนิบั​ติ แต่​มาเพื่อจะปรนนิบั​ติ และประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่สำหรับคนเป็​นอ​ันมาก”

มาระโก 10:10-45 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

เมื่อเข้าไปในเรือนแล้ว เหล่าสาวกทูลถามพระองค์อีกถึงเรื่องนั้น พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า <<ถ้าผู้ใดหย่าภรรยาของตน แล้วไปมีภรรยาใหม่ ผู้นั้นก็ได้ผิดประเวณีต่อภรรยาเดิม และถ้าหญิงเองจะหย่าสามีของตน แล้วไปมีสามีใหม่ หญิงนั้นก็ผิดประเวณีเหมือนกัน>> ขณะนั้นเขาพาเด็กเล็กๆมาหาพระองค์ เพื่อจะให้พระองค์ทรงถูกต้องตัวเด็กนั้น แต่เหล่าสาวกก็ห้ามปรามไว้ เมื่อพระเยซูทรงเห็นดังนั้นก็ไม่พอพระทัย จึงตรัสแก่เหล่าสาวกว่า <<จงยอมให้เด็กเล็กๆเข้ามาหาเรา อย่าห้ามเขาเลย เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้าเป็นของคนเช่นเด็กอย่างนั้น เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้หนึ่งผู้ใดมิได้รับแผ่นดินของพระเจ้าเหมือนเด็กเล็กๆ ผู้นั้นจะเข้าในแผ่นดินนั้นไม่ได้>> แล้วพระองค์ทรงอุ้มเด็กเล็กๆเหล่านั้น วางพระหัตถ์บนเขา แล้วทรงอวยพรให้ เมื่อพระองค์กำลังเสด็จออกไปตามทาง มีคนหนึ่งวิ่งมาหาพระองค์ คุกเข่าลงทูลถามพระองค์ว่า <<ท่านอาจารย์ผู้ประเสริฐ ข้าพเจ้าจะกระทำประการใด จึงจะได้ชีวิตนิรันดร์>> พระเยซูตรัสถามคนนั้นว่า <<ท่านเรียกเราว่าประเสริฐทำไม ไม่มีใครประเสริฐเว้นแต่พระเจ้าองค์เดียว ท่านรู้จักพระบัญญัติแล้วซึ่งว่า <อย่าฆ่าคน อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา อย่าลักทรัพย์ อย่าเป็นพยานเท็จ อย่าฉ้อเขา จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของตน> >> คนนั้นจึงทูลพระองค์ว่า <<อาจารย์เจ้าข้า ข้อเหล่านั้นข้าพเจ้าได้ถือรักษาไว้ตั้งแต่เป็นเด็กมา>> พระเยซูทรงเพ่งดูคนนั้น ก็ทรงรักเขาแล้วตรัสว่า <<ท่านยังขาดอยู่สิ่งหนึ่ง จงไปขายบรรดาสิ่งของซึ่งท่านมีอยู่แจกจ่ายให้คนอนาถา แล้วท่านจะมีทรัพย์สมบัติในสวรรค์ แล้วจงตามเรามาและเป็นสาวกของเรา>> เมื่อเขาได้ยินคำนั้น หน้าของเขาก็สลดลง แล้วคนนั้นออกไปเป็นทุกข์ เพราะเขามีทรัพย์สิ่งของเป็นอันมาก พระเยซูจึงทอดพระเนตรรอบๆ แล้วตรัสแก่เหล่าสาวกว่า <<คนมั่งมีจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าก็ยากจริงหนา>> เหล่าสาวกก็ประหลาดใจด้วยพระวจนะของพระองค์ แต่พระเยซูตรัสแก่เขาอีกว่า <<ลูกเอ๋ย คนที่วางใจในทรัพย์สมบัติ จะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าก็ยากจริงหนา ตัวอูฐจะลอดรูเข็มก็ง่ายกว่าคนมั่งมีจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้า>> เหล่าสาวกก็ประหลาดใจยิ่งนักจึงทูลว่า <<ถ้าอย่างนั้นใครจะรอดได้>> พระเยซูทอดพระเนตรเหล่าสาวกแล้วตรัสว่า <<ฝ่ายมนุษย์ก็เหลือกำลังที่จะทำได้ แต่ไม่เหลือกำลังของพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงกระทำให้สำเร็จได้ทุกสิ่ง>> ฝ่ายเปโตรจึงเริ่มทูลพระองค์ว่า <<นี่แหละ ข้าพระองค์ทั้งหลายได้สละสิ่งสารพัด และได้ติดตามพระองค์มา>> พระเยซูตรัสตอบเขาว่า <<เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดได้สละบ้าน หรือพี่น้องชายหญิง หรือบิดามารดา หรือลูก หรือไร่นา เพราะเห็นแก่เราและข่าวประเสริฐของเรา ในยุคนี้ ผู้นั้นจะได้รับตอบแทนร้อยเท่าคือ บ้าน พี่น้องชายหญิง มารดา ลูกและไร่นา ทั้งจะถูกการข่มเหงด้วยและในยุคหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร์ แต่มีหลายคนที่เป็นคนต้นจะต้องกลับไปเป็นคนสุดท้าย และที่เป็นคนสุดท้ายจะกลับเป็นคนต้น>> เมื่อกำลังเดินทางจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม พระเยซูก็เสด็จนำหน้าเขา ฝ่ายเหล่าสาวกก็พากันคิดประหลาดใจ และคนที่เดินมาข้างหลังก็หวาดกลัว พระองค์จึงทรงเรียกสาวกสิบสองคนอีก แล้วตรัสสำแดงให้เขาทราบถึงเหตุการณ์ซึ่งจะเกิดแก่พระองค์นั้น ว่า <<นี่แน่ะ เราทั้งหลายจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และเขาจะมอบบุตรมนุษย์ไว้กับพวกมหาปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ และเขาเหล่านั้นจะปรับโทษท่านถึงตาย และจะมอบท่านไว้กับคนต่างชาติ คนต่างชาตินั้นจะเยาะเย้ยท่าน ถ่มน้ำลายรดท่าน จะเฆี่ยนตีท่านและจะฆ่าท่านเสีย และวันที่สามท่านจึงจะเป็นขึ้นมาใหม่>> ฝ่ายยากอบกับยอห์นบุตรของเศเบดีเข้ามาทูลพระองค์ว่า <<พระอาจารย์เจ้าข้า ข้าพระองค์ทั้งสองปรารถนาจะขอให้พระองค์ ทรงกระทำตามคำขอของข้าพระองค์>> พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า <<ท่านทั้งสองปรารถนาจะให้เราทำสิ่งใดให้ท่าน>> เขาจึงทูลตอบว่า <<เมื่อพระองค์จะทรงพระสิรินั้น ขอให้ข้าพระองค์นั่งที่เบื้องขวาพระหัตถ์คนหนึ่ง เบื้องซ้ายคนหนึ่ง>> พระเยซูจึงตรัสแก่เขาว่า <<ที่ท่านขอนั้นท่านไม่เข้าใจ ถ้วยซึ่งเราจะดื่มนั้นท่านจะดื่มได้หรือและบัพติศมานั้นซึ่งเราจะรับ ท่านจะรับได้หรือ>> เขาทั้งสองทูลตอบว่า <<ได้พระเจ้าข้า>> พระเยซูจึงตรัสแก่เขาว่า <<ถ้วยซึ่งเราดื่มท่านจะดื่มเป็นแน่ และบัพติศมาที่เรารับท่านจะรับก็จริง แต่ที่จะนั่งข้างขวาและข้างซ้ายของเรานั้น ไม่ใช่พนักงานของเราที่จะจัดให้ แต่พระเจ้าได้ทรงเตรียมไว้สำหรับผู้ใดก็จะให้แก่ผู้นั้น>> เมื่อสาวกสิบคนได้ยินแล้วก็มีความขุ่นเคืองยากอบและยอห์น พระเยซูจึงทรงเรียกเขาทั้งหลายมาตรัสว่า <<ท่านทั้งหลายรู้อยู่ว่า ผู้ที่นับว่าเป็นผู้ครองของคนต่างชาติ ย่อมเป็นเจ้าเหนือเขา และผู้ใหญ่ทั้งหลายก็ใช้อำนาจบังคับ แต่ในพวกท่านหาเป็นอย่างนั้นไม่ ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นใหญ่ในพวกท่าน ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติท่านทั้งหลาย และถ้าผู้ใดใคร่จะเป็นเอกเป็นต้น ผู้นั้นจะต้องเป็นทาสสมัครของคนทั้งปวง เพราะว่าบุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่ท่านมาเพื่อจะปรนนิบัติเขา และประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก>>

มาระโก 10:10-45 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

เมื่อกลับเข้าไปในบ้านอีกเหล่าสาวกทูลถามพระเยซูถึงเรื่องนี้ พระองค์ทรงตอบว่า “ผู้ใดหย่าภรรยาแล้วไปแต่งงานกับหญิงอื่นก็ล่วงประเวณีต่อนาง และหากนางหย่าจากสามีแล้วไปแต่งงานกับชายอื่นนางก็ล่วงประเวณี” ประชาชนพาเด็กเล็กๆ มาให้พระเยซูทรงแตะต้องแต่เหล่าสาวกตำหนิพวกเขา เมื่อพระเยซูทรงเห็นก็ไม่พอพระทัยจึงตรัสกับพวกเขาว่า “จงให้เด็กเล็กๆ มาหาเรา อย่าขัดขวางเขาเลย เพราะอาณาจักรของพระเจ้าเป็นของคนที่เป็นเหมือนเด็กๆ เหล่านี้ เราบอกความจริงแก่ท่านว่าผู้ใดไม่รับอาณาจักรของพระเจ้าเหมือนเด็กเล็กๆ ผู้นั้นจะไม่มีวันได้เข้าในอาณาจักรของพระเจ้าเลย” แล้วพระองค์ทรงอุ้มเด็กๆ ทรงวางพระหัตถ์บนพวกเขาและอวยพร ขณะพระเยซูเสด็จออกไปชายคนหนึ่งวิ่งมาคุกเข่าลงต่อหน้าพระองค์แล้วทูลถามว่า “ท่านอาจารย์ผู้ประเสริฐ ข้าพเจ้าจะต้องทำอะไรบ้างจึงจะได้ชีวิตนิรันดร์?” พระเยซูทรงตอบว่า “ทำไมท่านจึงว่าเราประเสริฐ? นอกจากพระเจ้าแล้วไม่มีใครอื่นที่ประเสริฐ ท่านก็รู้บทบัญญัติที่ว่า ‘อย่าฆ่าคน อย่าล่วงประเวณี อย่าลักขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ อย่าฉ้อโกง จงให้เกียรติบิดามารดาของเจ้า’” เขาทูลว่า “ท่านอาจารย์ ทั้งหมดนี้ข้าพเจ้าถือปฏิบัติมาตั้งแต่เด็ก” พระเยซูทอดพระเนตรมาที่เขา ทรงรักเขาและตรัสว่า “ท่านยังขาดอยู่อย่างหนึ่ง จงไปขายทุกสิ่งที่มี แจกจ่ายให้คนยากจน แล้วท่านจะมีทรัพย์สมบัติในสวรรค์ จากนั้นจงตามเรามา” เขาได้ยินเช่นนั้นก็หน้าสลดแล้วจากไปด้วยความทุกข์เพราะเขาร่ำรวยมาก พระเยซูทอดพระเนตรไปรอบๆ แล้วตรัสกับเหล่าสาวกว่า “ยากนักที่คนรวยจะเข้าอาณาจักรของพระเจ้า!” เหล่าสาวกแปลกใจในพระดำรัส แต่พระเยซูตรัสอีกว่า “ลูกเอ๋ย ยากยิ่งนักที่จะเข้าอาณาจักรของพระเจ้า! ให้อูฐลอดรูเข็มยังง่ายกว่าที่คนรวยจะเข้าในอาณาจักรของพระเจ้า” เหล่าสาวกก็ยิ่งประหลาดใจจึงพูดกันว่า “ถ้าเช่นนั้นใครจะรอดได้?” พระเยซูทอดพระเนตรที่พวกเขาและตรัสว่า “สำหรับมนุษย์ก็เป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับพระเจ้าทุกสิ่งเป็นไปได้” เปโตรทูลว่า “ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ละทิ้งทุกสิ่งมาติดตามพระองค์!” พระเยซูตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่าผู้ใดละบ้าน หรือพี่น้องชายหญิง หรือบิดามารดา หรือลูกๆ หรือไร่นาเพื่อเราและเพื่อข่าวประเสริฐ เขาจะได้รับผลตอบแทนร้อยเท่าในยุคนี้ (ไม่ว่าบ้าน พี่น้องชายหญิง มารดา ลูก ไร่นา รวมทั้งการข่มเหง) และในยุคหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร์ แต่หลายคนที่เป็นคนต้นจะกลับไปเป็นคนสุดท้ายและคนสุดท้ายจะกลับไปเป็นคนต้น” พวกเขากำลังเดินทางขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มโดยมีพระเยซูทรงนำหน้าและเหล่าสาวกประหลาดใจ ส่วนคนที่ตามมารู้สึกกลัว อีกครั้งหนึ่งที่พระเยซูทรงพาสาวกทั้งสิบสองคนเลี่ยงออกมาและทรงบอกถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับพระองค์ว่า “พวกเรากำลังขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มและบุตรมนุษย์จะถูกทรยศและถูกมอบให้พวกหัวหน้าปุโรหิตกับธรรมาจารย์ พวกเขาจะตัดสินประหารพระองค์และจะมอบพระองค์ให้คนต่างชาติ คนเหล่านั้นจะเยาะเย้ยพระองค์และถ่มน้ำลายรดพระองค์ โบยตีพระองค์และฆ่าพระองค์ หลังจากนั้นสามวันพระองค์จะเป็นขึ้นจากตาย” แล้วยากอบกับยอห์นบุตรชายของเศเบดีมาทูลพระเยซูว่า “พระอาจารย์ ข้าพระองค์ทั้งสองปรารถนาให้พระองค์กระทำตามคำขอของข้าพระองค์” พระองค์ตรัสว่า “ท่านอยากให้เราทำอะไรให้?” เขาทูลว่า “เมื่อพระองค์ทรงได้รับพระเกียรติสิริ ขอให้ข้าพระองค์คนหนึ่งนั่งข้างขวาและอีกคนหนึ่งนั่งข้างซ้ายของพระองค์” พระเยซูตรัสว่า “ท่านไม่รู้ว่ากำลังขออะไร ถ้วยที่เราดื่มท่านดื่มได้หรือ? และบัพติศมาที่เรารับท่านรับได้หรือ?” พวกเขาตอบว่า “ได้พระเจ้าข้า” พระเยซูตรัสว่า “ท่านจะได้ดื่มจากถ้วยที่เราดื่มและรับบัพติศมาที่เรารับ แต่ไม่ใช่เราที่จะจัดให้ใครนั่งซ้ายมือหรือขวามือของเรา แต่ที่ตรงนั้นเป็นของผู้ที่ทรงเตรียมไว้แล้ว” เมื่อสาวกอีกสิบคนได้ยินเรื่องนี้ก็ไม่พอใจยากอบกับยอห์น พระเยซูทรงเรียกเหล่าสาวกมาพร้อมหน้ากันและตรัสว่า “ท่านทั้งหลายรู้อยู่ว่าบุคคลที่ถือกันว่าเป็นผู้ปกครองของคนต่างชาติย่อมเป็นเจ้าเหนือพวกเขา และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ก็ใช้อำนาจเหนือพวกเขา แต่สำหรับพวกท่านไม่เป็นเช่นนั้น ตรงกันข้าม ใครต้องการเป็นใหญ่ในพวกท่านผู้นั้นต้องรับใช้พวกท่าน และผู้ใดต้องการเป็นที่หนึ่งผู้นั้นต้องเป็นทาสของคนทั้งปวง เพราะแม้แต่บุตรมนุษย์ก็ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติแต่มาเพื่อปรนนิบัติและประทานชีวิตของพระองค์เป็นค่าไถ่สำหรับคนเป็นอันมาก”

มาระโก 10:10-45 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ขณะ​ที่​อยู่​ใน​บ้าน เหล่า​สาวก​เริ่ม​ซักถาม​พระ​องค์​ถึง​เรื่อง​นี้​อีก พระ​องค์​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “ใคร​ก็​ตาม​ที่​หย่า​ร้าง​จาก​ภรรยา​ของ​ตน​และ​ไป​สมรส​กับ​หญิง​อื่น นับ​ว่า​ผิด​ประเวณี​ต่อ​ภรรยา​เดิม และ​ถ้า​นาง​หย่า​ร้าง​จาก​สามี​ของ​นาง​และ​สมรส​กับ​ชาย​อื่น นาง​ก็​ผิด​ประเวณี” ผู้​คน​พา​เด็กๆ มา​หา​พระ​เยซู​เพื่อ​ให้​พระ​องค์​สัมผัส​ตัว แต่​เหล่า​สาวก​ห้าม​พวก​เขา​ไว้ เมื่อ​พระ​เยซู​เห็น​ดังนั้น​พระ​องค์​ก็​โกรธ​และ​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “ปล่อย​ให้​เด็กๆ มา​หา​เรา​เถิด อย่า​ห้าม​พวก​เขา​เลย เพราะ​ว่า​อาณาจักร​ของ​พระ​เจ้า​เป็น​ของ​คน​อย่าง​เด็ก​เหล่า​นี้ เรา​ขอบอก​ความ​จริง​กับ​เจ้า​ว่า ใคร​ก็​ตาม​ที่​ไม่​รับ​อาณาจักร​ของ​พระ​เจ้า​เช่น​เดียว​กับ​ที่​เด็กๆ รับ ก็​จะ​เข้า​อาณาจักร​นั้น​ไม่​ได้​เลย” แล้ว​พระ​องค์​ก็​โอบ​เด็กๆ ใน​อ้อม​แขน แล้ว​วาง​มือ​ทั้ง​สอง​ของ​พระ​องค์​บน​ตัว​พวก​เขา และ​อำนวย​พร​ให้ ขณะ​ที่​พระ​เยซู​กำลัง​เตรียม​ตัว​ออก​เดิน​ทาง มี​ชาย​คน​หนึ่ง​วิ่ง​มา​หา​พระ​องค์​และ​คุกเข่า​ลง​เบื้อง​หน้า เขา​เริ่ม​ถาม​พระ​องค์​ว่า “อาจารย์​ผู้​ประเสริฐ ข้าพเจ้า​ต้อง​ทำ​สิ่ง​ใด​จึง​จะ​ได้​ชีวิต​อัน​เป็น​นิรันดร์” พระ​เยซู​กล่าว​กับ​เขา​ว่า “ทำไม​ท่าน​จึง​เรียก​เรา​ว่า​ประเสริฐ ไม่​มี​ผู้​ใด​ที่​ประเสริฐ เว้นแต่​พระ​เจ้า​เพียง​พระ​องค์​เดียว ท่าน​ทราบ​พระ​บัญญัติ​ว่า ‘อย่า​ฆ่า​คน อย่า​ผิด​ประเวณี อย่า​ขโมย อย่า​เป็น​พยาน​เท็จ อย่า​ฉ้อโกง จง​ให้​เกียรติ​บิดา​มารดา​ของ​เจ้า’” เขา​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “อาจารย์ ข้าพเจ้า​ได้​ปฏิบัติ​ตาม​สิ่ง​เหล่า​นี้​ตั้งแต่​เยาว์​วัย​แล้ว” พระ​เยซู​มอง​ดู​เขา​ด้วย​ความ​รัก​และ​กล่าว​ว่า “มี​สิ่ง​หนึ่ง​ที่​ท่าน​ขาด​คือ จง​ไป​ขาย​ทุก​สิ่ง​ที่​ท่าน​มี แจกจ่าย​ให้​แก่​คน​ยากไร้ และ​ท่าน​จะ​มี​สมบัติ​ใน​สวรรค์ แล้ว​จง​ติดตาม​เรา​มา​เถิด” เมื่อ​เขา​ได้ยิน​ดังนั้น​แล้ว ใบ​หน้า​ของ​เขา​ก็​สลด​ลง และ​เดิน​จาก​ไป​ด้วย​ความ​เศร้า เพราะ​เขา​เป็น​คน​ที่​มี​ทรัพย์​สมบัติ​มาก​มาย พระ​เยซู​มอง​ดู​รอบข้าง​และ​กล่าว​กับ​เหล่า​สาวก​ของ​พระ​องค์​ว่า “ยาก​เหลือ​เกิน​ที่​คน​มั่งมี​จะ​เข้า​สู่​อาณาจักร​ของ​พระ​เจ้า” เหล่า​สาวก​แปลก​ใจ​ใน​คำ​พูด​ของ​พระ​องค์ แต่​พระ​เยซู​กล่าว​ตอบ​พวก​เขา​อีก​ว่า “ลูก​เอ๋ย ยาก​เหลือ​เกิน​ที่​จะ​เข้า​สู่​อาณาจักร​ของ​พระ​เจ้า ให้​ตัว​อูฐ​ผ่าน​เข้า​รู​เข็ม​ก็​ยัง​จะ​ง่าย​กว่า​ที่​คน​มั่งมี​จะ​เข้า​สู่​อาณาจักร​ของ​พระ​เจ้า” พวก​เขา​อัศจรรย์​ใจ​มาก​ยิ่ง​ขึ้น​และ​กล่าว​ต่อ​กัน​และ​กัน​ว่า “แล้ว​ใคร​เล่า​ที่​จะ​มี​ชีวิต​รอด​พ้น​ได้” พระ​เยซู​มอง​ดู​พวก​เขา​และ​กล่าว​ว่า “เป็น​ไป​ไม่​ได้​เลย​ที่​มนุษย์​จะ​ช่วย​ตน​เอง​ให้​รอด​พ้น แต่​พระ​เจ้า​ทำ​ได้ เพราะ​ไม่​มี​สิ่ง​ใด​ยาก​เกิน​กว่า​ที่​พระ​เจ้า​จะ​ทำ​ได้” เปโตร​เริ่ม​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “ดู​เถิด พวก​เรา​ได้​สละ​ทุก​สิ่ง​และ​ติดตาม​พระ​องค์​มา” พระ​เยซู​กล่าว​ตอบ​ว่า “เรา​ขอบอก​ความ​จริง​กับ​เจ้า​ว่า ไม่​มี​ผู้​ที่​สละ​บ้าน พี่​น้อง​ชาย​หญิง แม่ พ่อ ลูกๆ หรือ​ไร่นา​เพื่อ​เรา​และ​เพื่อ​ข่าว​ประเสริฐ แล้ว​จะ​ไม่​ได้​รับ​จาก​พระ​เจ้า​มาก​เป็น 100 เท่า​ทั้ง​ใน​ยุค​ปัจจุบัน (บ้าน พี่​น้อง​ชาย​หญิง แม่ ลูกๆ และ​ไร่นา รวม​ทั้ง​การ​กดขี่​ข่มเหง) และ​ใน​ยุค​ที่​จะ​มา​ถึง​คือ​ชีวิต​อัน​เป็น​นิรันดร์ แต่​คน​จำนวน​มาก​ที่​เป็น​คน​แรก​ก็​จะ​เป็น​คน​สุดท้าย และ​คน​สุด​ท้าย​ก็​จะ​เป็น​คน​แรก” ขณะ​ที่​พระ​เยซู​และ​เหล่า​สาวก​กำลัง​เดิน​ทาง​ขึ้น​ไป​ยัง​เมือง​เยรูซาเล็ม พระ​เยซู​เดิน​นำ​หน้า​พวก​เขา​ไป และ​พวก​เขา​ก็​แปลกใจ คน​ที่​ตาม​ไป​ด้วย​ก็​หวาด​กลัว พระ​องค์​พา​สาวก​ทั้ง​สิบ​สอง​ไป​อีก เพื่อ​บอก​ว่า​อะไร​จะ​เกิด​ขึ้น​กับ​พระ​องค์ พระ​องค์​กล่าว​ว่า “ดู​เถิด พวก​เรา​กำลัง​จะ​ขึ้น​ไป​ยัง​เมือง​เยรูซาเล็ม และ​บุตรมนุษย์​จะ​ถูก​มอบตัว​ให้​แก่​พวก​มหา​ปุโรหิต​และ​อาจารย์​ฝ่าย​กฎ​บัญญัติ และ​พวก​เขา​จะ​กล่าว​โทษ​ให้​ท่าน​ถึง​แก่​ความ​ตาย และ​จะ​มอบ​ท่าน​ให้​แก่​บรรดา​คนนอก พวก​เขา​จะ​ล้อเลียน​และ​ถ่ม​น้ำลาย​รด​ท่าน จะ​โบย​และ​ประหาร​ท่าน 3 วัน​หลัง​จาก​นั้น​ท่าน​จะ​ฟื้น​คืน​ชีวิต” ฝ่าย​ยากอบ​และ​ยอห์น​บุตร​ทั้ง​สอง​ของ​เศเบดี​มา​หา​พระ​องค์​และ​พูด​ว่า “อาจารย์ ข้าพเจ้า​ทั้ง​สอง​อยาก​ให้​พระ​องค์​ช่วย​ทำ​ตาม​สิ่ง​ที่​ขอ​ด้วย” พระ​องค์​กล่าว​กับ​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​อยาก​ให้​เรา​ทำ​สิ่ง​ใด​ให้​เล่า” พวก​เขา​พูด​ว่า “ขอ​พระ​องค์​ได้​โปรด​ให้​ข้าพเจ้า​ทั้ง​สอง​นั่ง​ร่วม​ใน​บัลลังก์​อัน​ยิ่ง​ใหญ่​ของ​พระ​องค์ คน​หนึ่ง​ทาง​ด้าน​ขวา และ​อีก​คน​หนึ่ง​ทาง​ด้าน​ซ้าย​ของ​พระ​องค์” แต่​พระ​เยซู​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​ไม่​รู้​ว่า​กำลัง​ขอ​อะไร​กัน​อยู่ เจ้า​สามารถ​ดื่ม​จาก​ถ้วย​ที่​เรา​ดื่ม​ได้​หรือ และ​จะ​ได้​รับ​บัพติศมา​ซึ่ง​เรา​รับ​ได้​หรือ” เขา​ทั้ง​สอง​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “พวก​เรา​ทำ​ได้​แน่” แล้ว​พระ​เยซู​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “เจ้า​จะ​ดื่ม​จาก​ถ้วย​ที่​เรา​ดื่ม​และ​เจ้า​จะ​ได้​รับ​บัพติศมา​ซึ่ง​เรา​ได้​รับ แต่​จะ​นั่ง​อยู่​ทาง​ขวา​มือ​หรือ​ทาง​ซ้าย​มือ​ของ​เรา ไม่​ใช่​สิทธิ์​ของ​เรา​ที่​จะ​ให้ แต่​เป็น​ที่​สำหรับ​บรรดา​ผู้​ที่​พระ​องค์​เตรียม​ให้​ไว้” เมื่อ​สาวก 10 คน​ได้ยิน​ดังนั้น​จึง​โกรธ​ยากอบ​และ​ยอห์น พระ​เยซู​จึง​เรียก​พวก​เขา​มา​หา​และ​กล่าว​ว่า “เจ้า​ก็​รู้​อยู่​ว่า พวก​ที่​อยู่​ใน​ระดับ​ปกครอง​ของ​บรรดา​คนนอก​มี​สิทธิ​อำนาจ​เหนือ​พวก​เขา และ​คน​ใหญ่​คน​โต​ของ​เขา​ใช้​สิทธิ​อำนาจ​กับ​พวก​เขา แต่​มิ​ใช่​เช่น​นั้น​ใน​พวก​เจ้า ใคร​ก็​ตาม​ที่​อยาก​จะ​เป็น​ใหญ่​ใน​พวก​เจ้า​ต้อง​เป็น​ผู้​รับใช้​ของ​เจ้า และ​ใคร​ก็​ตาม​ที่​อยาก​เป็น​คน​แรก​ใน​พวก​เจ้า ต้อง​เป็น​ทาส​รับใช้​ของ​คน​ทั้ง​ปวง เพราะ​แม้แต่​บุตรมนุษย์​ก็​ไม่​ได้​มา​เพื่อ​ให้​ผู้​ใด​รับใช้ แต่​มา​เพื่อ​จะ​รับใช้ และ​เพื่อ​มอบ​ชีวิต​ของ​ท่าน​ให้​เป็น​ค่า​ไถ่​แก่​คน​จำนวน​มาก”