มาระโก 14:12-54

มาระโก 14:12-54 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

ใน​วัน​แรก​ของ​เทศกาล​กิน​ขนมปัง​ไร้​เชื้อ ซึ่ง​เป็น​วัน​ที่​พวก​ยิว​จะ​ฆ่า​ลูกแกะ​ถวาย​พระเจ้า สำหรับ​เทศกาลวัน​ปลด​ปล่อย ด้วย พวก​ศิษย์​ของ​พระเยซู​ได้​ถาม​พระองค์​ว่า “จะ​ให้​พวก​เรา​ไป​เตรียม​อาหาร​สำหรับ​เทศกาลวัน​ปลด​ปล่อย​ให้​กับ​อาจารย์​ที่​ไหน​ดี​ครับ” พระเยซู​ส่ง​ศิษย์​สอง​คน​ไป พระองค์​สั่ง​ว่า “เข้า​ไป​ใน​เมือง​แล้ว​จะ​เจอ​ผู้ชาย​ที่​แบก​เหยือก​น้ำ ให้​ตาม​เขา​ไป ให้​พูด​กับ​เจ้าของ​บ้าน​ที่​ชาย​คน​นั้น​เข้า​ไป​ว่า ‘อาจารย์​ให้​ถาม​ว่า​ห้อง​ที่​เรา​จะ​ใช้​กิน​อาหาร​ใน​เทศกาลวัน​ปลด​ปล่อย​กับ​พวก​ศิษย์​นั้น​อยู่​ที่​ไหน’ แล้ว​เขา​จะ​พา​คุณ​ไป​ดู​ห้อง​ใหญ่​ชั้น​บน​ที่​เตรียม​ไว้​พร้อม​แล้ว ให้​จัด​อาหาร​ที่​นั่น” แล้ว​ศิษย์​ทั้ง​สอง​ก็​เข้า​ไป​ใน​เมือง และ​มัน​ก็​เป็น​ไป​ตาม​ที่​พระเยซู​บอก​ทุก​อย่าง พวก​เขา​จึง​จัด​เตรียม​อาหาร​สำหรับ​เทศกาล​วัน​ปลด​ปล่อย​ที่​นั่น เมื่อ​ถึง​ตอนเย็น พระเยซู​มา​ถึง​บ้าน​หลัง​นั้น​พร้อม​กับ​พวก​ศิษย์​เอก​ทั้ง​สิบสอง​คน ใน​ขณะ​ที่​กำลัง​กิน​อยู่​นั้น พระเยซู​พูด​ว่า “เรา​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า คน​หนึ่ง​ใน​พวก​คุณ​จะ​หักหลัง​เรา และ​เขา​ก็​นั่ง​กิน​อยู่​กับ​เรา​ที่​นี่​ด้วย” พวก​ศิษย์​รู้สึก​เป็น​ทุกข์​มาก ต่าง​คน​ต่าง​ก็​ถาม​พระองค์​ว่า “คง​ไม่​ใช่​ผมนะ​อาจารย์” พระเยซู​จึง​พูด​กับ​พวก​เขา​ว่า “คน​หนึ่ง​ใน​พวก​คุณ​สิบ​สอง​คน​นี่​แหละ คน​ที่​จุ่ม​ขนมปัง​ใน​ชาม​เดียว​กับ​เรา บุตร​มนุษย์​จะ​ต้อง​ตาย​เหมือน​กับ​ที่​พระคัมภีร์ ได้​เขียน​ไว้​แล้ว แต่​คน​ที่​ได้​หักหลัง​บุตร​มนุษย์​นั้น​น่า​ละอาย​จริงๆ ถ้า​เขา​ไม่​ได้​เกิด​มา​ก็​คง​จะ​ดี​กว่า” ขณะ​ที่​กำลัง​กิน​อาหาร​อยู่​นั้น พระเยซู​ได้​หยิบ​ขนมปัง​ขึ้น​มา​ขอบคุณ​พระเจ้า จาก​นั้น​ก็​หัก​แบ่ง​ให้​พวก​ศิษย์​แล้ว​พูด​ว่า “รับ​ไป​กิน​สิ นี่​คือ​ร่างกาย​ของ​เรา” แล้ว​พระองค์​หยิบ​ถ้วย​ขึ้น​มา​ขอบคุณ​พระเจ้า​และ​ยื่น​ให้​กับ​พวก​ศิษย์ พวก​เขา​ก็​ได้​ดื่ม​จาก​ถ้วย​นั้น​ทุก​คน แล้ว​พระองค์​พูด​ว่า “นี่​คือ​เลือด​ของ​เรา พระเจ้า​ทำ​สัญญา​ขึ้น​มา​ด้วย​เลือดนี้ มัน​ได้​หลั่งไหล​ออก​มา​เพื่อ​คน​เป็น​จำนวน​มาก เรา​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า เรา​จะ​ไม่​ดื่ม​เหล้า​องุ่น​อีก​เลย​จน​กว่า​จะ​ถึง​วัน​นั้น​ที่​เรา​จะ​ดื่ม​เหล้า​องุ่น​ใหม่​ใน​อาณาจักร​ของ​พระเจ้า” เมื่อ​พวก​เขา​ได้​ร้องเพลง​สรรเสริญ​พระเจ้า​แล้ว ก็​ออก​ไป​ที่​ภูเขา​มะกอกเทศ พระเยซู​พูด​กับ​พวก​ศิษย์​ว่า “พวก​คุณ​จะ​ทิ้ง​เรา​ไป​กัน​หมด​ทุก​คน เพราะ​มี​คำ​เขียน​ไว้​แล้ว​ว่า ‘เรา​จะ​ฆ่า​คน​เลี้ยง​แกะ และ​แกะ​นั้น​ก็​จะ​กระเจิด​กระเจิง​ไป’ แต่​เมื่อ​เรา​ฟื้นขึ้น​จาก​ความตาย เรา​จะ​ล่วงหน้า​พวก​คุณ​ไป​ที่​แคว้น​กาลิลี​ก่อน” แต่​เปโตร​พูด​กับ​พระองค์​ว่า “ถึง​คน​อื่น​จะ​ทิ้ง​อาจารย์​ไป​หมด ผม​ก็​จะ​ไม่​มี​วัน​ทิ้ง​อาจารย์​ไป​อย่าง​เด็ดขาด” พระเยซู​จึง​พูด​กับ​เขา​ว่า “เรา​จะ​บอก​ให้​ว่า คืนนี้​แหละ​ก่อน​ไก่​ขัน​ครั้ง​ที่​สอง คุณ​จะ​พูด​ว่า​ไม่​รู้จัก​เรา​สาม​ครั้ง” แต่​เปโตร​ก็​ยัง​ยืนยัน​เสียงแข็ง​ว่า “ถึง​ผมจะ​ต้อง​ตาย​กับ​อาจารย์ ผม​ก็​ไม่​มี​วัน​พูด​ไม่​รู้จัก​อาจารย์” และ​พวก​ศิษย์​ทั้งหมด ก็​พูด​อย่าง​เดียว​กัน พวก​เขา​มา​ถึง​สถานที่​แห่ง​หนึ่ง​เรียกว่า เกทเสมนี พระเยซู​บอก​กับ​พวก​ศิษย์​ว่า “นั่ง​คอย​อยู่​ที่​นี่​นะ เรา​จะ​ไป​อธิษฐาน” พระองค์​พา​เปโตร ยากอบ และ​ยอห์น​ไป​ด้วย แล้ว​พระองค์​ก็​เริ่ม​โศกเศร้า​เสียใจ​และ​เป็น​ทุกข์​ยิ่ง​นัก จึง​บอก​พวก​เขา​ว่า “เรา​ทุกข์ใจ​มาก​จน​แทบ​จะ​ตาย​อยู่​แล้ว ให้​ตื่น​และ​เฝ้า​ระวัง​อยู่” พระองค์​เดิน​ห่าง​ออก​ไป​อีก​หน่อย​หนึ่ง แล้ว​ซบ​หน้า​ลง​กับ​พื้นดิน อธิษฐาน​ว่า ถ้า​เป็น​ไป​ได้​ขอ​ให้​เวลา​แห่ง​ความ​ทุกข์ยาก​นี้​ผ่าน​พ้น​ไป​จาก​พระองค์ พระองค์​พูด​ว่า “อับบา พระบิดา ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง​เป็น​ไป​ได้​สำหรับ​พระองค์ ขอ​ช่วย​เอา​ถ้วย แห่ง​ความ​ทุกข์ยาก​นี้​พ้น​ไป​จาก​ลูก​ด้วย​เถิด แต่​ขอ​ให้​เป็น​ไป​ตาม​ใจ​พระบิดา ไม่​ใช่​ตาม​ใจ​ลูก” แล้ว​พระองค์​ก็​เดิน​กลับ​มา เห็น​พวก​ศิษย์​นอนหลับ​อยู่ พระองค์​จึง​พูด​กับ​เปโตร​ว่า “ซีโมน ยัง​จะ​หลับ​อยู่​อีก​หรือ คุณ​จะ​ตื่น​เป็น​เพื่อน​เรา​สัก​ชั่วโมง​ไม่​ได้​เลย​หรือ พวก​คุณ​ต้อง​เฝ้า​ระวัง​และ​อธิษฐาน จะ​ได้​ไม่​แพ้​ต่อ​การยั่วยวน ถึง​แม้​จิตใจ​อยาก​จะ​ทำ​ใน​สิ่ง​ที่​ถูกต้อง แต่​ร่างกาย​ก็​ยัง​อ่อนแอ​อยู่” พระองค์​เดิน​ไป​อธิษฐาน​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​และ​พูด​เหมือน​เดิม พอ​เดิน​กลับ​มา ก็​เจอ​พวก​ศิษย์​ยัง​นอนหลับ​อยู่ เปลือกตา​เขา​หนัก​อึ้ง​ลืม​ไม่​ขึ้น เขา​ไม่​รู้​จะ​พูด​อะไร​กับ​พระองค์ ต่อมา​พระองค์​ก็​เดิน​กลับ​มา​ดู​พวก​เขา​อีก​เป็น​ครั้ง​ที่​สาม และ​พูด​ว่า “ยัง​นอน​หลับ​พักผ่อน​กัน​อยู่​อีก​เหรอ นอน​พอ​แล้ว ชั่วโมง​ที่​บุตร​มนุษย์​จะ​ถูก​หักหลัง​ให้​ไป​อยู่​ใน​มือ​ของ​พวก​คน​บาปนั้น​มา​ถึง​แล้ว ลุก​ขึ้น​ไป​กัน​เถอะ นั่นไง คน​ที่​หักหลัง​เรา​มา​ถึง​แล้ว” พระเยซู​พูด​ยัง​ไม่ทัน​ขาดคำ ยูดาส ศิษย์​คน​หนึ่ง​ใน​สิบสอง​คน​ก็​มา​ถึง​พร้อม​กับ​คน​กลุ่ม​ใหญ่​ที่​ถือ​ดาบ​และ​ไม้กระบอง คน​พวกนี้​ถูก​ส่ง​มา​จาก​พวก​หัวหน้า​นักบวช พวก​ครู​สอน​กฎปฏิบัติ และ​พวก​ผู้​อาวุโส ยูดาส​ได้​ตกลง​กับ​พวก​นั้น​ไว้​ก่อน​ล่วงหน้า​แล้ว​ว่า “คน​ที่​ผม​จูบ​คือ​คนๆ​นั้น เข้า​ไป​จับกุม​และ​ควบคุม​ตัว​ไป​เลย” เมื่อ​ยูดาส​มา​ถึง​ก็​เดิน​เข้า​ไป​หา​พระเยซู​และ​พูด​ว่า “อาจารย์​ครับ” แล้ว​จูบ​พระองค์ พวก​นั้น​ก็​เข้า​มา​จับ​ตัว​พระองค์​และ​คุมตัว​ไว้ คน​หนึ่ง​ใน​พวก​พระเยซู​ที่​ยืน​อยู่​ใกล้ๆ​นั้น ได้​ชัก​ดาบ​ออก​มา แล้ว​ก็​ฟัน​ถูก​หู​ทาส​คน​หนึ่ง​ของ​นักบวช​สูงสุด​ขาด​ไป พระเยซู​พูด​กับ​พวก​นั้น​ว่า “เห็น​เรา​เป็น​โจร​หรือ​ยังไง ถึง​ได้​ถือ​ดาบ​และ​ไม้​กระบอง​มา​จับ​เรา เรา​อยู่​กับ​พวก​คุณ​ทุก​วัน สอน​อยู่​ใน​วิหาร แต่​พวก​คุณ​ก็​ไม่​จับ แต่​ทุก​อย่าง​ก็​ต้อง​เป็น​ไป​ตาม​ที่​ได้​เขียน​ไว้​แล้ว​ใน​พระคัมภีร์” ส่วน​พวก​ศิษย์​วิ่งหนี​ทิ้ง​พระองค์​ไป​กัน​จน​หมด มี​ชาย​หนุ่ม​คน​หนึ่ง​ที่​ติดตาม​พระองค์​มา ไม่​ได้​สวม​ใส่​อะไร​เลย นอก​จาก​ห่ม​ผ้า​ป่าน​ผืน​หนึ่ง เมื่อ​พวก​นั้น​พยายาม​จะ​จับ​เขา เขา​ก็​ได้​สลัด​ผ้า​ป่าน​ทิ้ง​แล้ว​เปลือยกาย​วิ่งหนี​ไป พวก​เขา​นำ​ตัว​พระเยซู​ไป​พบ​นักบวช​สูงสุด พวก​หัวหน้า​นักบวช พวก​ผู้นำ​ชาวยิว และ​พวก​ครู​สอน​กฎปฏิบัติ​ได้​อยู่​ชุมนุม​กัน​ที่​นั่น เปโตร​ตาม​พระเยซู​มา​ห่างๆ​เข้า​ไป​ยัง​ลาน​บ้าน​ของ​นักบวช​สูงสุด​ด้วย เขา​ไป​นั่ง​ผิง​ไฟ​ให้​ตัว​อุ่น​อยู่​กับ​พวก​ผู้​คุม

มาระโก 14:12-54 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

เมื่อถึงวันแรกของเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ ซึ่งเป็นเวลาที่พวกเขาฆ่าลูกแกะสำหรับปัสกานั้น พวกสาวกมาทูลถามพระองค์ว่า “จะให้พวกข้าพระองค์ไปจัดเตรียมปัสกาให้พระองค์เสวยที่ไหน?” พระองค์จึงทรงใช้สาวกสองคนไป สั่งพวกเขาว่า “จงเข้าไปในเมือง แล้วจะมีชายคนหนึ่งทูนหม้อน้ำมาพบพวกท่าน จงตามคนนั้นไป เขาเข้าไปที่ไหน ก็ให้บอกเจ้าของบ้านนั้นว่า พระอาจารย์ถามว่า ‘ห้องที่เราจะกินปัสกากับเหล่าสาวกของเรานั้นอยู่ที่ไหน?’ เจ้าของบ้านจะชี้ให้เห็นห้องใหญ่ชั้นบนที่ตกแต่งไว้แล้ว ที่นั่นแหละ จงจัดเตรียมไว้สำหรับพวกเราเถิด” สาวกสองคนนั้นจึงออกไป เดินเข้าไปในเมือง และพบทุกอย่างเหมือนถ้อยคำที่พระองค์ตรัสแก่พวกเขา แล้วพวกเขาก็จัดเตรียมปัสกาไว้พร้อม เมื่อถึงเวลาค่ำแล้ว พระองค์จึงเสด็จมากับสาวกสิบสองคน ขณะกำลังประทับและเสวยอาหารอยู่นั้น พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า คนหนึ่งในพวกท่านจะทรยศเรา เป็นคนที่ร่วมรับประทานอาหารกับเรา” พวกสาวกก็พากันเป็นทุกข์และทูลถามพระองค์ทีละคนว่า “เป็นข้าพระองค์หรือ?” พระองค์จึงตรัสตอบพวกเขาว่า “เป็นคนหนึ่งในสาวกสิบสองคนนี้ เป็นคนที่จิ้มในชามเดียวกับเรา เพราะบุตรมนุษย์จะต้องไปตามที่เขียนไว้เกี่ยวกับท่าน แต่วิบัติแก่คนที่ทรยศบุตรมนุษย์ ถ้าคนนั้นไม่ได้เกิดมาจะดีกว่า” ระหว่างอาหารมื้อนั้น พระเยซูทรงหยิบขนมปังมา เมื่อขอพระพรแล้ว ทรงหักส่งให้แก่เหล่าสาวกตรัสว่า “จงรับเถิด นี่เป็นกายของเรา” แล้วพระองค์ทรงหยิบถ้วย เมื่อขอบพระคุณแล้วจึงส่งให้พวกเขา พวกเขาก็รับไปดื่มทุกคน แล้วพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “นี่เป็นโลหิตของเราซึ่งเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาที่จะต้องหลั่งออกเพื่อคนจำนวนมาก เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มน้ำจากผลของเถาองุ่นอีกต่อไปจนกว่าจะถึงวันนั้น คือวันที่เราจะดื่มใหม่ในแผ่นดินของพระเจ้า” เมื่อร้องเพลงสรรเสริญแล้ว พวกเขาก็พากันไปที่ภูเขามะกอกเทศ พระเยซูตรัสกับพวกสาวกว่า “พวกท่านทุกคนจะทิ้งเรา เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ‘เราจะประหารผู้เลี้ยงแกะ และแกะฝูงนั้นจะกระจัดกระจายไป’ แต่หลังจากพระเจ้าทรงทำให้เราเป็นขึ้นมาแล้ว เราจะไปยังแคว้นกาลิลีก่อนพวกท่าน” เปโตรทูลพระองค์ว่า “แม้ว่าทุกคนจะทิ้งพระองค์ แต่ข้าพระองค์จะไม่ทิ้งพระองค์” พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ในวันนี้คือในคืนนี้เอง ก่อนไก่ขันสองหน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” แต่เปโตรทูลยืนยันว่า “แม้ว่าข้าพระองค์จะต้องตายกับพระองค์ ข้าพระองค์ก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์เลย” เหล่าสาวกก็ทูลเช่นนั้นเหมือนกันทุกคน แล้วพระเยซูกับเหล่าสาวกมายังที่แห่งหนึ่งชื่อเกทเสมนี พระองค์ตรัสกับสาวกของพระองค์ว่า “จงนั่งอยู่ที่นี่ขณะที่เราไปอธิษฐาน” พระองค์ก็พาเปโตร ยากอบ และยอห์นไปด้วย แล้วพระองค์ทรงเป็นทุกข์และหนักพระทัยอย่างยิ่ง จึงตรัสกับเหล่าสาวกว่า “ใจเราเป็นทุกข์แทบจะตาย จงเฝ้าอยู่ที่นี่เถิด” แล้วเสด็จต่อไปอีกหน่อยหนึ่ง ซบพระกายลงที่ดินอธิษฐานว่าถ้าเป็นได้ขอให้ชั่วโมงนี้ผ่านพ้นไปจากพระองค์ พระองค์ทูลว่า “อับบา (พ่อ) ทุกสิ่งเป็นได้สำหรับพระองค์ ขอโปรดให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด แต่อย่าให้เป็นไปตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์” เมื่อเสด็จกลับมา พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพวกสาวกนอนหลับอยู่ จึงตรัสกับเปโตรว่า “ซีโมนเอ๋ย ท่านยังนอนหลับหรือ? จะเฝ้าอยู่สักชั่วโมงเดียวไม่ได้หรือ? ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐาน เพื่อจะไม่ถูกการทดลอง จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริง แต่กายยังอ่อนกำลัง” พระองค์จึงเสด็จไปอธิษฐานอีกครั้งหนึ่ง ตรัสถ้อยคำเหมือนครั้งก่อน เมื่อเสด็จกลับมาอีกก็ทอดพระเนตรเห็นพวกสาวกนอนหลับอยู่ เพราะตาของพวกเขาลืมไม่ขึ้น พวกเขาไม่รู้ว่าจะทูลพระองค์อย่างไร เมื่อเสด็จกลับมาครั้งที่สาม พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “พวกท่านยังจะนอนพักเหนื่อยต่อไปอีกหรือ? พอเถอะ นี่แน่ะ เวลาที่บุตรมนุษย์ถูกมอบไว้ในมือของคนบาปนั้นมาถึงแล้ว ลุกขึ้นไปกันเถิด คนที่ทรยศเรามาใกล้แล้ว” พระองค์ตรัสยังไม่ทันขาดคำ ทันใดนั้นยูดาสซึ่งเป็นคนหนึ่งในพวกสาวกสิบสองคนนั้น ก็มาหาพระองค์พร้อมกับฝูงชนที่ถือดาบถือไม้ตะบอง ซึ่งเป็นคนของพวกหัวหน้าปุโรหิต พวกธรรมาจารย์ และพวกผู้ใหญ่ คนที่ทรยศพระองค์ก็ให้สัญญาณกับพวกเขาว่า “เราจูบคำนับใครก็คือคนผู้นั้นแหละ จงจับและคุมตัวเขาไปให้แน่นหนา” แล้วยูดาสก็ตรงเข้ามาหาพระองค์ทันที ทูลว่า “พระอาจารย์” และจูบพระองค์ คนเหล่านั้นก็เข้าไปจับกุมพระองค์ แต่มีคนหนึ่งที่ยืนอยู่ที่นั่นชักดาบออกฟันหูทาสของมหาปุโรหิตขาด พระเยซูตรัสกับคนเหล่านั้นว่า “พวกท่านเห็นเราเป็นโจรหรือ ถึงได้ถือดาบถือตะบองออกมาจับเรา เราอยู่กับพวกท่านทุกวันและสั่งสอนในบริเวณพระวิหาร แต่พวกท่านก็ไม่ได้จับเรา แต่ทุกอย่างจะต้องสำเร็จตามพระคัมภีร์” แล้วสาวกทั้งหมดก็ละทิ้งพระองค์ไว้และพากันหนีไป มีชายหนุ่มคนหนึ่งนุ่งห่มเพียงแค่ผ้าป่านผืนหนึ่งตามพระองค์ไป คนเหล่านั้นก็จับชายหนุ่มคนนั้น แต่เขาสลัดผ้าป่านผืนนั้นทิ้งแล้วเปลือยกายหนีไป พวกเขานำตัวพระเยซูไปยังมหาปุโรหิต มีพวกหัวหน้าปุโรหิต พวกผู้ใหญ่ และพวกธรรมาจารย์ชุมนุมพร้อมกันอยู่ที่นั่น ส่วนเปโตรนั้นติดตามพระเยซูไปห่างๆ จนเข้าไปถึงลานบ้านของมหาปุโรหิต ไปนั่งผิงไฟอยู่กับพวกทหารยาม

มาระโก 14:12-54 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

เมื่อวันต้นเทศกาลกินขนมปังไร้​เชื้อ ถึงเวลาเขาเคยฆ่าลูกแกะสำหรับปัสกานั้น พวกสาวกของพระองค์มาทูลถามพระองค์​ว่า “​พระองค์​ทรงปรารถนาจะให้ข้าพระองค์ทั้งหลายไปจัดเตรียมปัสกาให้​พระองค์​เสวยที่​ไหน​” พระองค์​จึงทรงใช้สาวกสองคนไป สั่งเขาว่า “จงเข้าไปในกรุงนั้น แล​้วจะมีชายคนหนึ่งทูนหม้อน้ำมาพบท่าน จงตามคนนั้นไป เขาจะเข้าไปในที่​ใด ท่านจงบอกเจ้าของเรือนนั้​นว​่า พระอาจารย์ถามว่า ‘ห้องที่เราจะกินปัสกากับเหล่าสาวกของเราได้นั้นอยู่​ที่ไหน​’ เจ้​าของเรือนจะชี้​ให้​ท่านเห็นห้องใหญ่ชั้นบนที่ตกแต่งไว้​แล้ว ที่​นั่นแหละ จงจัดเตรียมไว้สำหรับพวกเราเถิด” สาวกสองคนนั้นจึงออกเดินเข้าไปในกรุง และพบเหมือนพระดำรัสที่​พระองค์​ได้​ตรัสแก่​เขา แล​้วได้จัดเตรียมปัสกาไว้​พร้อม ครั้นถึงเวลาค่ำแล้ว พระองค์​จึงเสด็จมากับสาวกสิบสองคน เมื่อกำลังเอนกายลงรับประทานอาหารอยู่ พระเยซู​จึงตรั​สว​่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนหนึ่งในพวกท่านจะทรยศเรา คือคนหนึ่งที่รับประทานอาหารอยู่กับเรานี่​แหละ​” ฝ่ายพวกสาวกก็เริ่มพากันเป็นทุกข์ และทูลถามพระองค์​ที​ละคนว่า “คือข้าพระองค์​หรือ​” และอีกคนหนึ่งถามว่า “คือข้าพระองค์​หรือ​” พระองค์​จึงตรัสตอบเขาว่า “เป็นคนหนึ่งในสาวกสิบสองคนนี้ คือเป็นคนจิ้มในจานเดียวกั​นก​ับเรา เพราะบุตรมนุษย์จะเสด็จไปตามที่​ได้​มี​คำเขียนไว้ถึงพระองค์นั้นจริง แต่​วิบัติ​แก่​ผู้​ที่​ทรยศบุตรมนุษย์ ถ้าคนนั้​นม​ิ​ได้​บังเกิดมาก็จะเป็นการดีต่อคนนั้นเอง” ระหว่างอาหารมื้อนั้น พระเยซู​ทรงหยิบขนมปังมา ทรงขอบพระคุ​ณ แล​้วหักส่งให้​แก่​เหล่​าสาวกตรั​สว​่า “จงรั​บก​ินเถิด นี่​เป็นกายของเรา” แล​้วพระองค์จึงทรงหยิบถ้วย ขอบพระคุณและส่งให้​เขา เขาก็รับไปดื่​มท​ุกคน แล​้วพระองค์ตรัสแก่เขาว่า “​นี่​เป็นโลหิตของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาใหม่ ซึ่งต้องหลั่งออกเพื่อคนเป็​นอ​ันมาก เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่​มน​้ำผลแห่งเถาองุ่นนี้ต่อไปอีกจนวันนั้นมาถึง คือวั​นที​่เราจะดื่มใหม่ในอาณาจักรของพระเจ้า” เมื่อร้องเพลงสรรเสริญแล้ว พระองค์​กับเหล่าสาวกก็พากันออกไปยังภูเขามะกอกเทศ พระเยซู​จึงตรัสกับเหล่าสาวกว่า “ท่านทั้งหลายจะสะดุดใจเพราะเราในคืนนี้​เอง ด้วยมีคำเขียนไว้​ว่า ‘เราจะตี​ผู้​เลี้ยงแกะ และแกะฝูงนั้นจะกระจัดกระจายไป’ แต่​เมื่อทรงชุบให้เราฟื้นขึ้นมาแล้ว เราจะไปยังแคว้นกาลิ​ลีก​่อนหน้าท่าน” เปโตรทูลพระองค์​ว่า “​แม้​คนทั้งปวงจะสะดุดใจ ข้าพระองค์จะไม่​สะดุดใจ​” พระเยซู​จึงตรัสกับเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ในวันนี้ คือคืนนี้​เอง ก่อนไก่จะขันสองหน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” แต่​เปโตรทูลแข็งแรงทีเดียวว่า “​ถึงแม้​ข้าพระองค์จะต้องตายกับพระองค์ ข้าพระองค์​ก็​จะไม่ปฏิเสธพระองค์​เลย​” เหล่​าสาวกก็ทูลเช่นนั้นเหมือนกันทุกคน พระเยซู​กับเหล่าสาวกมายังที่​แห่งหน​ึ่งชื่อเกทเสมนี และพระองค์ตรัสแก่สาวกของพระองค์​ว่า “จงนั่งอยู่​ที่นี่​ขณะเมื่อเราอธิษฐาน” พระองค์​ก็​พาเปโตร ยากอบ และยอห์นไปด้วย แล​้วพระองค์ทรงเริ่มวิตกยิ่งและหนักพระทัยนัก จึงตรัสกับเหล่าสาวกว่า “ใจเราเป็นทุกข์แทบจะตาย จงเฝ้าอยู่​ที่นี่​เถิด​” แล​้วพระองค์เสด็จดำเนินไปอีกหน่อยหนึ่ง ซบพระกายลงที่​ดิ​นอธิษฐานว่า ถ้าเป็นได้​ให้​เวลานั้นล่วงพ้นไปจากพระองค์ พระองค์​ทูลว่า “อับบา พระบิดาเจ้าข้า พระองค์​ทรงสามารถกระทำสิ่งทั้งปวงได้ ขอเอาถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์​เถิด แต่​ว่าอย่าให้เป็นตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่​ให้​เป็นไปตามพระทัยของพระองค์” พระองค์​จึงเสด็จกลับมาทรงพบเหล่าสาวกนอนหลั​บอย​ู่ และตรัสกับเปโตรว่า “​ซี​โมนเอ๋ย ท่านนอนหลับหรือ จะคอยเฝ้าอยู่สักชั่วเวลาหนึ่งไม่​ได้​หรือ ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐานเพื่อท่านจะไม่ต้องถูกการทดลอง จิ​ตใจพร้อมแล้​วก​็​จริง แต่​เนื้อหนังยั​งอ​่อนกำลัง” พระองค์​จึงเสด็จไปอธิษฐานอีกครั้งหนึ่ง ทรงกล่าวคำเหมือนคราวก่อน ครั้นพระองค์เสด็จกลับมาก็ทรงพบสาวกนอนหลั​บอย​ู่​อีก (เพราะตาเขาลืมไม่​ขึ้น​) และเขาไม่​รู้​ว่าจะทูลประการใด เมื่อเสด็จกลับมาครั้งที่สามพระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า “​เดี๋ยวนี้ ท่านจงนอนต่อไปให้หายเหนื่อย พอเถอะ ดู​เถิด เวลาซึ่​งบ​ุตรมนุษย์ต้องถูกทรยศให้ตกอยู่ในมือของคนบาปนั้นมาถึงแล้ว ลุ​กขึ้นไปกันเถิด ดู​เถิด ผู้​ที่​จะทรยศเรามาใกล้​แล้ว​” พระองค์​ตรัสยังไม่ทันขาดคำ ในทันใดนั้นยูดาสซึ่งเป็นคนหนึ่งในเหล่าสาวกสิบสองคนนั้น กับหมู่ชนเป็​นอ​ันมาก ถือดาบถือไม้​ตะบอง ได้​มาจากพวกปุโรหิตใหญ่ พวกธรรมาจารย์ และพวกผู้​ใหญ่ ผู้​ที่​จะทรยศพระองค์นั้นได้​ให้​สัญญาณแก่เขาว่า “เราจุบผู้​ใด ก็​เป็นผู้​นั้นแหละ จงจั​บก​ุมเขาไปให้​มั่นคง​” และทั​นที​ที่​ยู​ดาสมาถึง เขาตรงเข้ามาหาพระองค์ทูลว่า “พระอาจารย์​เจ้าข้า พระอาจารย์​เจ้าข้า​” แล​้วจุบพระองค์ คนเหล่านั้​นก​็จั​บก​ุมพระองค์​ไป คนหนึ่งในพวกเหล่านั้​นที​่ยืนอยู่​ใกล้​ๆ ได้​ชักดาบออกฟันผู้​รับใช้​คนหนึ่งของมหาปุโรหิตถู​กห​ูของเขาขาด พระเยซู​จึงตรัสถามพวกเหล่านั้​นว​่า “ท่านทั้งหลายเห็นเราเป็นโจรหรือจึงถือดาบ ถือตะบองออกมาจับเรา เราได้​อยู่​กั​บท​่านทั้งหลายทุกวันสั่งสอนในพระวิ​หาร ท่านก็หาได้จับเราไม่ แต่​จะต้องสำเร็จตามพระคัมภีร์” แล​้วสาวกทั้งหมดได้ละทิ้งพระองค์​ไว้​และพากันหนี​ไป มี​ชายหนุ่มคนหนึ่งห่มผ้าป่านผืนหนึ่งคลุมร่างกายที่​เปล​ือยเปล่าของตนติดตามพระองค์​ไป พวกหนุ่มๆก็จับเขาไว้ แต่​เขาได้สลัดผ้าป่านผืนนั้นทิ้งเสีย แล​้วเปลือยกายหนี​ไป เขาพาพระเยซูไปหามหาปุโรหิต และมีบรรดาพวกปุโรหิตใหญ่ พวกผู้​ใหญ่ และพวกธรรมาจารย์ชุ​มนุ​มพร้อมกันอยู่​ที่นั่น ฝ่ายเปโตรได้​ติ​ดตามพระองค์ไปห่างๆจนเข้าไปถึงคฤหาสน์ของมหาปุโรหิต และนั่งผิงไฟอยู่กับพวกคนใช้

มาระโก 14:12-54 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

เมื่อวันต้นเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ ถึงเวลาเขาเคยฆ่าลูกแกะสำหรับปัสกานั้น พวกสาวกมาทูลถามพระองค์ว่า <<จะให้ข้าพระองค์ไปจัดเตรียมปัสกาให้พระองค์เสวยที่ไหน>> พระองค์จึงทรงใช้สาวกสองคนไป สั่งเขาว่า <<จงเข้าไปในกรุง แล้วจะมีชายคนหนึ่งทูนหม้อน้ำมาพบท่าน จงตามคนนั้นไป เขาจะเข้าไปในที่ใด ท่านจงบอกเจ้าของเรือนนั้นว่า พระอาจารย์ถามว่า <ห้องที่เราจะกินปัสกากับเหล่าสาวกของเราได้นั้นอยู่ที่ไหน> เจ้าของเรือนจะชี้ให้ท่านเห็นห้องใหญ่ชั้นบนที่ตกแต่งไว้แล้ว ที่นั่นแหละ จงจัดเตรียมไว้สำหรับพวกเราเถิด>> สาวกสองคนนั้นจึงออกเดินเข้าไปในกรุง และพบเหมือนพระดำรัสที่พระองค์ได้ตรัสแก่เขา แล้วได้จัดเตรียมปัสกาไว้พร้อม ครั้นถึงเวลาค่ำแล้ว พระองค์จึงเสด็จมากับสาวกสิบสองคน เมื่อกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ พระเยซูจึงตรัสแก่เขาว่า <<เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนหนึ่งในพวกท่านจะอายัดเราไว้ คือคนหนึ่งที่นั่งรับประทานอาหารอยู่กับเรานี่แหละ>> ฝ่ายพวกสาวกก็พากันเป็นทุกข์ และทูลถามพระองค์ทีละคนว่า <<คือข้าพระองค์หรือ>> พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า <<เป็นคนหนึ่งในสาวกสิบสองคนนี้ คือเป็นคนจิ้มในชามเดียวกันกับเรา เพราะบุตรมนุษย์จะเสด็จไปตามที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ ว่าด้วยพระองค์นั้น แต่วิบัติแก่ผู้ที่จะอายัดบุตรมนุษย์ไว้ ถ้าคนนั้นมิได้บังเกิดมาก็จะดีกว่า>> ระหว่างอาหารมื้อนั้น พระเยซูทรงหยิบขนมปังมา เมื่อถวายคำสาธุการแล้ว ทรงหักส่งให้แก่เหล่าสาวกตรัสว่า <<จงรับเถิด นี่เป็นกายของเรา>> แล้วพระองค์จึงทรงหยิบถ้วยโมทนาพระคุณ และส่งให้เขา เขาก็รับไปดื่มทุกคน แล้วพระองค์ตรัสแก่เขาว่า <<นี่เป็นโลหิตของเราอันเป็นโลหิต แห่งพันธสัญญา ซึ่งต้องหลั่งออกเพื่อคนเป็นอันมาก เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มน้ำผลแห่งเถาองุ่นต่อไปอีก จนวันนั้นมาถึง คือวันที่เราจะดื่มใหม่ในแผ่นดินของพระเจ้า>> เมื่อร้องเพลงสรรเสริญแล้ว เขาก็พากันออกไปยังภูเขามะกอกเทศ พระเยซูจึงตรัสกับเหล่าสาวกว่า <<ท่านทุกคนจะทิ้งเรา ด้วยมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า <เราจะประหารผู้เลี้ยงแกะ และแกะฝูงนั้นจะกระจัดกระจายไป> แต่เมื่อทรงชุบให้เราฟื้นขึ้นมาแล้ว เราจะไปยังแคว้นกาลิลีก่อนหน้าท่าน>> เปโตรทูลพระองค์ว่า <<แม้คนทั้งปวงจะทิ้งพระองค์ ข้าพระองค์จะทิ้งก็หามิได้>> พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า <<เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ในคืนนี้เอง ก่อนไก่จะขันสองหน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง>> แต่เปโตรทูลแข็งแรงทีเดียวว่า <<ถึงแม้ข้าพระองค์จะต้องตายกับพระองค์ ข้าพระองค์ก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์เลย>> เหล่าสาวกก็ทูลเช่นนั้นเหมือนกันทุกคน พระเยซูกับเหล่าสาวกมายังที่แห่งหนึ่งชื่อเกทเสมนี พระองค์ตรัสแก่สาวกของพระองค์ว่า <<จงนั่งอยู่ที่นี่ขณะเมื่อเราอธิษฐาน>> พระองค์ก็พาเปโตร ยากอบ และยอห์นไปด้วย แล้วพระองค์ทรงวิตกยิ่งและหนักพระทัยนัก จึงตรัสกับเหล่าสาวกว่า <<ใจเราเป็นทุกข์แทบจะตาย จงเฝ้าอยู่ที่นี่เถิด>> แล้วเสด็จดำเนินไปอีกหน่อยหนึ่ง ซบพระกายลงที่ดินอธิษฐานว่า ถ้าเป็นได้ให้การย์แห่งกาลนี้ล่วงพ้นไปจากพระองค์ พระองค์ทูลว่า <<อับบา พระบิดาเจ้าข้า พระองค์อาจทรงกระทำสิ่งทั้งปวงได้ ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด แต่ว่าอย่าให้เป็นตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์>> จึงเสด็จกลับมา ทรงเห็นเหล่าสาวกนอนหลับอยู่ และตรัสกับเปโตรว่า <<ซีโมนเอ๋ย ท่านนอนหลับหรือ จะคอยเฝ้าอยู่สักทุ่มเดียวไม่ได้หรือ ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐาน เพื่อท่านจะไม่ต้องถูกการทดลอง จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริง แต่กายยังอ่อนกำลัง>> พระองค์จึงเสด็จไปอธิษฐานอีกครั้งหนึ่ง ทรงกล่าวคำเหมือนคราวก่อน ครั้นเสด็จกลับมาก็ทรงเห็นสาวกนอนหลับอยู่ เพราะตาเขาลืมไม่ขึ้นและเขาไม่รู้ว่าจะทูลประการใด เมื่อเสด็จกลับมาครั้งที่สาม พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า <<ท่านยังจะนอนต่อไปให้หายเหนื่อยอีกหรือ พอเถอะ นี่แน่ะเวลาซึ่งบุตรมนุษย์ต้องถูกอายัดไว้ในมือคนบาปนั้นมาถึงแล้ว ลุกขึ้นไปกันเถิด ผู้ที่อายัดเรามาใกล้แล้ว>> พระองค์ตรัสยังไม่ทันขาดคำ ในทันใดนั้นยูดาสซึ่งเป็นคนหนึ่งในเหล่าสาวกสิบสองคนนั้น กับหมู่ชนถือดาบถือไม้ตะบอง ได้มาจากพวกมหาปุโรหิต พวกธรรมาจารย์ และพวกผู้ใหญ่ ผู้ที่จะอายัดพระองค์นั้นได้ให้สัญญาณแก่เขาว่า <<เราจะจุบคำนับผู้ใดก็เป็นผู้นั้นแหละ จงจับกุมเขาไปให้มั่นคง>> ขณะนั้นยูดาสตรงเข้ามาหาพระองค์ ทูลว่า <<พระอาจารย์เจ้าข้า>> แล้วจุบคำนับพระองค์ คนเหล่านั้นก็จับกุมพระองค์ไป แต่คนหนึ่งที่ยืนอยู่ที่นั่นชักดาบออกฟันหูทาสคนหนึ่งของมหาปุโรหิตประจำการขาด พระเยซูจึงตรัสถามพวกเหล่านั้นว่า <<ท่านทั้งหลายเห็นเราเป็นโจรหรือ จึงถือดาบถือตะบองออกมาจับเรา เราได้อยู่กับท่านทั้งหลายทุกวัน สั่งสอนในบริเวณพระวิหาร ท่านก็หาได้จับเราไม่ แต่จะต้องสำเร็จตามพระคัมภีร์>> แล้วสาวกทั้งหมดได้ละทิ้งพระองค์ไว้และพากันหนีไป มีชายหนุ่มคนหนึ่งห่มผ้าป่านผืนหนึ่งตามพระองค์ไป พวกเหล่านั้นก็จับชายหนุ่มนั้น แต่เขาได้สลัดผ้าป่านผืนนั้นทิ้งเสีย แล้วเปลือยกายหนีไป เขาพาพระเยซูไปหามหาปุโรหิตผู้ประจำการ และมีพวกมหาปุโรหิต พวกผู้ใหญ่ และพวกธรรมาจารย์ชุมนุมพร้อมกันอยู่ที่นั่น ฝ่ายเปโตรได้ติดตามพระเยซูไปห่างๆ จนเข้าไปถึงลานบ้านของมหาปุโรหิตผู้ประจำการ นั่งผิงไฟอยู่กับพวกคนใช้

มาระโก 14:12-54 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

วันแรกของเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อซึ่งตามธรรมเนียมจะถวายแกะปัสกา เหล่าสาวกของพระเยซูมาทูลถามพระองค์ว่า “พระองค์ทรงประสงค์ให้จัดเตรียมปัสกาสำหรับเสวยที่ไหน?” พระองค์จึงทรงส่งสาวกสองคนไปพร้อมทั้งตรัสว่า “จงเข้าไปในเมือง จะมีชายคนหนึ่งทูนหม้อน้ำมาพบท่าน จงตามคนนั้นไป จงบอกเจ้าของบ้านที่ชายคนนั้นเดินเข้าไปว่า ‘พระอาจารย์ตรัสถามว่าห้องรับรองแขกที่พระองค์จะเสวยปัสการ่วมกับเหล่าสาวกอยู่ที่ไหน?’ เขาจะพาไปดูห้องใหญ่ชั้นบนซึ่งตกแต่งเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว จงเตรียมปัสกาให้เราที่นั่น” สาวกทั้งสองก็เข้าไปในเมืองและได้พบสิ่งต่างๆ ตามที่พระเยซูตรัส เขาจึงเตรียมปัสกา พอพลบค่ำพระเยซูเสด็จมาพร้อมกับสาวกทั้งสิบสองคน ขณะที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ที่โต๊ะอาหารพระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่าคนหนึ่งในพวกท่านจะทรยศเรา คือผู้ที่กำลังรับประทานอาหารกับเรา” เหล่าสาวกก็เสียใจและทูลพระองค์ทีละคนว่า “ไม่ใช่ข้าพระองค์แน่ใช่ไหม?” พระเยซูตรัสว่า “เขาเป็นหนึ่งในสาวกสิบสองคน เป็นคนที่หยิบอาหารจุ่มในชามเดียวกับเรา บุตรมนุษย์จะต้องไปตามที่มีเขียนไว้แต่วิบัติแก่ผู้นั้นที่ทรยศบุตรมนุษย์! ถ้าเขาไม่ได้เกิดมาก็ยังจะดีกับตัวเขาเองมากกว่า” ขณะรับประทานอาหารพระเยซูทรงหยิบขนมปัง ทรงขอบพระคุณพระเจ้าแล้วหักส่งให้เหล่าสาวกพร้อมทั้งตรัสว่า “จงรับไปรับประทานเถิด นี่เป็นกายของเรา” แล้วพระองค์ทรงหยิบถ้วย ทรงขอบพระคุณพระเจ้าและยื่นให้กับพวกเขา และพวกเขาทุกคนก็ดื่ม พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “นี่คือโลหิตของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาซึ่งหลั่งรินเพื่อคนเป็นอันมาก เราบอกความจริงแก่ท่านว่าเราจะไม่ดื่มน้ำจากผลองุ่นนี้อีกจนกว่าจะถึงวันนั้นที่เราดื่มใหม่ในอาณาจักรของพระเจ้า” เมื่อร้องเพลงสรรเสริญแล้วพวกเขาก็ออกไปยังภูเขามะกอกเทศ พระเยซูตรัสแก่เหล่าสาวกว่า “พวกท่านจะทิ้งเราไปกันหมด เพราะมีเขียนไว้ว่า “ ‘เราจะฟาดฟันคนเลี้ยงแกะ และแกะจะกระจัดกระจายไป’ แต่หลังจากที่เราเป็นขึ้นเราจะไปยังกาลิลีก่อนหน้าท่าน” เปโตรประกาศว่า “ถึงใครๆ ทิ้งพระองค์ไปหมดแต่ข้าพระองค์จะไม่ทิ้งพระองค์” พระเยซูตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่าวันนี้คืนนี้ก่อนไก่ขันสองหนท่านเองจะปฏิเสธเราสามครั้ง” แต่เปโตรยังยืนยันแข็งขันว่า “ถึงแม้ข้าพระองค์ต้องตายกับพระองค์ ข้าพระองค์จะไม่มีวันปฏิเสธพระองค์” แล้วสาวกที่เหลือก็พูดแบบเดียวกัน พวกเขามายังที่แห่งหนึ่งเรียกว่าเกทเสมนี พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่า “จงนั่งอยู่ที่นี่ขณะที่เราไปอธิษฐาน” พระองค์ทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นไปกับพระองค์ด้วย ทรงเศร้าโศกและเป็นทุกข์ยิ่งนัก พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “จิตวิญญาณของเราท่วมท้นด้วยความเศร้าโศกทุกข์หนักแทบจะตาย จงเฝ้าระวังอยู่ที่นี่” พระองค์ทรงดำเนินเลยไปอีกหน่อยหนึ่งแล้วซบลงที่พื้นและทรงอธิษฐานว่าหากเป็นไปได้ขอให้ชั่วโมงนั้นผ่านพ้นไปจากพระองค์ พระองค์ทรงทูลว่า “อับบา พระบิดาเจ้าข้า ทุกสิ่งเป็นไปได้สำหรับพระองค์ ขอทรงเอาถ้วยนี้ไปจากข้าพระองค์ อย่างไรก็ตามอย่าให้เป็นไปตามใจของข้าพระองค์แต่ขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์” แล้วพระองค์ทรงกลับมาหาสาวกเหล่านั้นและพบว่าพวกเขานอนหลับอยู่จึงตรัสกับเปโตรว่า “ซีโมน ท่านหลับอยู่หรือ? จะคอยเฝ้าระวังอยู่สักชั่วโมงเดียวไม่ได้เชียวหรือ? จงเฝ้าระวังและอธิษฐานเพื่อท่านจะไม่ตกเข้าไปอยู่ในการทดลอง จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริงแต่กายยังอ่อนกำลัง” แล้วพระองค์เสด็จไปอธิษฐานอย่างเดียวกันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเสด็จกลับมาก็พบว่าพวกเขายังคงหลับอยู่เพราะเขาง่วงมากจนลืมตาไม่ขึ้น พวกเขาไม่รู้จะทูลพระองค์ว่าอย่างไร เมื่อทรงกลับมาเป็นครั้งที่สามพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “พวกท่านยังนอนหลับพักผ่อนอยู่อีกหรือ? พอเถอะ! ถึงเวลาแล้ว ดูเถิด บุตรมนุษย์กำลังจะถูกทรยศให้ตกอยู่ในมือของคนบาปแล้ว ลุกขึ้น! ไปกันเถิด! ผู้ทรยศเรามาแล้ว!” พระองค์ตรัสยังไม่ทันขาดคำ ยูดาสหนึ่งในสาวกสิบสองคนก็ปรากฏตัวขึ้น มีคนกลุ่มใหญ่ถือดาบถือกระบองมากับเขาด้วย พวกหัวหน้าปุโรหิต ธรรมาจารย์ และเหล่าผู้อาวุโสเป็นผู้ส่งคนเหล่านี้มา ผู้ทรยศได้ตกลงเรื่องอาณัติสัญญาณกับพวกเขาว่า “ผู้ที่เราจูบคือผู้นั้น ให้จับกุมและคุมตัวเขาไป” ยูดาสตรงเข้ามาหาพระเยซูทันทีและทูลว่า “รับบี!” แล้วจูบพระองค์ พวกนั้นจึงจับกุมพระเยซู แล้วคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ ก็ชักดาบออกมาฟันหูบ่าวของมหาปุโรหิตขาด พระเยซูตรัสว่า “เราก่อการกบฏหรือ? ท่านจึงได้ถือดาบถือกระบองมาจับเรา ทุกวันเราอยู่กับพวกท่าน สั่งสอนอยู่ในลานพระวิหารท่านก็ไม่มาจับกุมเรา แต่จะต้องเป็นจริงตามพระคัมภีร์” แล้วทุกคนก็ทิ้งพระองค์และหนีกันไปหมด ชายหนุ่มคนหนึ่งมีแต่ผ้าลินินห่มกายได้ติดตามพระเยซูไป เมื่อคนเหล่านั้นจับกุมเขา เขาก็สลัดผ้าทิ้งแล้วหนีไปทั้งๆ ที่เปลือยกาย พวกเขานำพระเยซูมาพบมหาปุโรหิต ขณะนั้นพวกหัวหน้าปุโรหิต ธรรมาจารย์ และเหล่าผู้อาวุโสมาชุมนุมกันอยู่ เปโตรตามพระเยซูมาห่างๆ จนถึงลานบ้านของมหาปุโรหิต เขาก็เข้าไปนั่งผิงไฟกับพวกยามพระวิหาร

มาระโก 14:12-54 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ใน​วัน​แรก​ของ​เทศกาล​ขนมปัง​ไร้​เชื้อ เมื่อ​ลูก​แกะ​ปัสกา​ถูก​สังเวย เหล่า​สาวก​ของ​พระ​เยซู​พูด​ว่า “พระ​องค์​ประสงค์​จะ​ให้​พวก​เรา​ไป​เตรียม​อาหาร​วัน​ปัสกา​เพื่อ​ให้​พระ​องค์​รับประทาน​ที่​ไหน” พระ​องค์​ส่ง​สาวก 2 คน​ไป​โดย​กล่าว​ว่า “จง​เข้า​ไป​ใน​เมือง และ​จะ​มี​ชาย​ผู้​หนึ่ง​แบก​โถ​น้ำ​มา​พบ​เจ้า จง​ตาม​เขา​ไป ที่​ใด​ก็​ตาม​ที่​เขา​เข้า​ไป จง​พูด​กับ​เจ้าของ​บ้าน​ว่า ‘อาจารย์​ถาม​ว่า “ห้อง​รับรอง​ของ​เรา​ที่​เรา​จะ​รับประทาน​อาหาร​วัน​ปัสกา​กับ​เหล่า​สาวก​ของ​เรา​อยู่​ที่​ไหน”’ และ​เขา​จะ​ชี้​ให้​เจ้า​ดู​ห้อง​ใหญ่​ชั้น​บน​ที่​ตกแต่ง​ไว้​พร้อม​แล้ว จง​เตรียม​ไว้​ให้​พวก​เรา​ที่​นั่น” สาวก​ทั้ง​สอง​จึง​เดิน​เข้า​ไป​ใน​เมือง​และ​พบ​สิ่ง​ต่างๆ ตาม​ที่​พระ​องค์​ได้​บอก​พวก​เขา​ไว้ เขา​จึง​เตรียม​อาหาร​วัน​ปัสกา​กัน เมื่อ​ถึง​เวลา​เย็น​พระ​องค์​จึง​มา​กับ​สาวก​ทั้ง​สิบ​สอง ขณะ​ที่​เอน​กาย​ลง​รับประทาน​กัน​ที่​โต๊ะ พระ​เยซู​กล่าว​ว่า “เรา​ขอบอก​ความ​จริง​กับ​เจ้า​ว่า คน​หนึ่ง​ใน​พวก​เจ้า​จะ​ทรยศ​เรา เขา​คือ​คน​ที่​กำลัง​รับประทาน​ร่วม​กับ​เรา” พวก​เขา​เริ่ม​เศร้า​ใจ​และ​พูด​กับ​พระ​องค์​ที​ละ​คน​ว่า “เป็น​ข้าพเจ้า​หรือ​เปล่า” พระ​องค์​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “เป็น 1 ใน 12 คน​ที่​จิ้ม​ขนมปัง​ร่วม​กับ​เรา​ใน​ถ้วย​นี้ เพราะ​ว่า​บุตรมนุษย์​ต้อง​ไป​ตาม​ที่​มี​บันทึก​ไว้​เกี่ยว​กับ​ท่าน แต่​วิบัติ​จะ​เกิด​กับ​คน​ที่​ทรยศ​บุตรมนุษย์ ถ้า​คน​นั้น​ไม่​ได้​มา​เกิด​ก็​จะ​ดี​กว่า” ขณะ​ที่​เขา​เหล่า​นั้น​กำลัง​รับประทาน​กัน​อยู่ พระ​องค์​หยิบ​ขนมปัง​มา กล่าว​ขอบคุณ​พระ​เจ้า แล้ว​ก็​บิ​เป็น​ชิ้น ยื่น​ให้​แก่​พวก​เขา​พลาง​กล่าว​ว่า “จง​รับ​เถิด นี่​เป็น​กาย​ของ​เรา” เมื่อ​พระ​องค์​หยิบ​ถ้วย​และ​กล่าว​ขอบคุณ​พระ​เจ้า​แล้ว พระ​องค์​จึง​ยื่น​ให้​แก่​พวก​สาวก และ​เขา​ทุก​คน​ก็​ดื่ม​กัน และ​พระ​เยซู​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “นี่​เป็น​โลหิต​แห่ง​พันธ​สัญญา​ของ​เรา ซึ่ง​หลั่ง​ออก​ให้​แก่​คน​จำนวน​มาก เรา​ขอบอก​ความ​จริง​กับ​เจ้า​ว่า เรา​จะ​ไม่​ดื่ม​น้ำ​จาก​ผล​ของ​เถา​องุ่น​อีก​จน​กว่า​จะ​ถึง​วัน​นั้น คือ​วัน​ที่​เรา​จะ​ดื่ม​ใหม่​ใน​อาณาจักร​ของ​พระ​เจ้า” หลัง​จาก​ที่​ได้​ร้อง​เพลง​สรรเสริญ​กัน​แล้ว​ก็​พา​กัน​ออก​ไป​ยัง​ภูเขา​มะกอก พระ​เยซู​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​ทุก​คน​จะ​ละ​ทิ้ง​เรา เพราะ​มี​บันทึก​ไว้​ว่า ‘เรา​จะ​ฟาดฟัน​ผู้​เลี้ยง​ดู​ฝูง​แกะ และ​บรรดา​แกะ​จะ​กระจัด​กระจาย​ไป’ แต่​หลัง​จาก​ที่​เรา​ได้​ฟื้น​คืน​ชีวิต​แล้ว เรา​จะ​ไป​ล่วงหน้า​พวก​เจ้า​ยัง​แคว้น​กาลิลี” แต่​เปโตร​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “ถึง​แม้​ว่า​ทุก​คน​จะ​ละ​ทิ้ง​พระ​องค์ ข้าพเจ้า​ก็​จะ​ไม่​ทำ​เช่น​นั้น” พระ​เยซู​กล่าว​กับ​เขา​ว่า “เรา​ขอบอก​ความ​จริง​กับ​เจ้า​ว่า ใน​คืน​วัน​นี้​เอง​ก่อน​ไก่​จะ​ขัน 2 ครั้ง เจ้า​จะ​ปฏิเสธ 3 ครั้ง​ว่า​เจ้า​ไม่​รู้จัก​เรา” แต่​เปโตร​พูด​อย่าง​หนักแน่น​ว่า “ถึง​แม้​ข้าพเจ้า​จะ​ต้อง​ตาย​ไป​ด้วย​กับ​พระ​องค์ ข้าพเจ้า​ก็​จะ​ไม่​ปฏิเสธ​พระ​องค์” และ​ต่าง​ก็​พูด​เป็น​เสียง​เดียว​กัน​อย่าง​นั้น​ทุก​คน พระ​เยซู​และ​เหล่า​สาวก​มา​ยัง​ที่​แห่ง​หนึ่ง​ซึ่ง​เรียก​ว่า​เกทเสมนี พระ​องค์​กล่าว​กับ​เหล่า​สาวก​ของ​พระ​องค์​ว่า “จง​นั่ง​ลง​ที่​นี่​ขณะ​ที่​เรา​อธิษฐาน” พระ​องค์​พา​เปโตร ยากอบ​และ​ยอห์น​ไป​ด้วย และ​พระ​องค์​เจ็บปวด​รวดร้าว​และ​หนักใจ​มาก พระ​องค์​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “จิตใจ​ของ​เรา​เป็น​ทุกข์​เจียน​ตาย จง​อยู่​ตรง​นี้ และ​เฝ้าคอย​เถิด” พระ​องค์​เดิน​เลย​พวก​เขา​ไป​เล็ก​น้อย​แล้ว​ซบ​หน้า​ลง​ที่​พื้น​ดิน แล้ว​อธิษฐาน​ว่า​ถ้า​เป็น​ไป​ได้ ขอ​ให้​เวลา​นั้น​ล่วง​พ้น​ไป​จาก​พระ​องค์ พระ​เยซู​กล่าว​ว่า “อับบา พระ​บิดา ทุก​สิ่ง​เป็น​ไป​ได้​สำหรับ​พระ​องค์ โปรด​เอา​ถ้วย​นี้​ไป​จาก​ข้าพเจ้า​เถิด ถึง​กระนั้น ขอ​อย่า​ให้​เป็น​ไป​ตาม​ความ​ประสงค์​ของ​ข้าพเจ้า แต่​ขอ​ให้​เป็น​ไป​ตาม​ความ​ประสงค์​ของ​พระ​องค์​เถิด” พระ​องค์​มา​พบ​ว่า​พวก​เขา​กำลัง​นอน​หลับ​กัน จึง​กล่าว​กับ​เปโตร​ว่า “ซีโมน เจ้า​นอน​หลับ​หรือ เจ้า​จะ​คอย​เฝ้า​สัก​ชั่วโมง​เดียว​ไม่​ได้​หรือ จง​คอย​เฝ้า​และ​อธิษฐาน​เถิด​ว่า พวก​เจ้า​จะ​ไม่​ตก​อยู่​ใน​สิ่ง​ยั่วยุ ฝ่าย​วิญญาณ​มี​ความ​ตั้งใจ​ดี แต่​ฝ่าย​เนื้อหนัง​กลับ​อ่อนแอ” พระ​องค์​เดิน​ออก​ไป​อธิษฐาน​อีก กล่าว​คำ​อธิษฐาน​เหมือน​เดิม แล้ว​พระ​องค์​กลับ​มา​อีก​ก็​พบ​ว่า​พวก​เขา​นอน​หลับ​กัน เพราะ​ง่วง​จน​ลืม​ตา​ไม่​ขึ้น​เลย​และ​ไม่​รู้​ว่า​จะ​ตอบ​พระ​องค์​อย่างไร พระ​องค์​กลับ​มา​เป็น​ครั้ง​ที่​สาม และ​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​ยัง​นอน​หลับ​และ​พักผ่อน​อยู่​หรือ พอ​แล้ว ถึง​เวลา​แล้ว ดู​เถิด บุตรมนุษย์​กำลัง​ถูก​ทรยศ​ส่ง​มอบ​ไว้​ใน​มือ​ของ​พวก​คน​บาป จง​ลุก​ขึ้น ไป​กัน​เถิด ดู​สิ คน​ทรยศ​เรา​เข้า​มา​ใกล้​แล้ว” พระ​องค์​ยัง​กล่าว​ไม่​ทัน​ขาด​คำ ยูดาส​หนึ่ง​ใน​สาวก​ทั้ง​สิบ​สอง​ก็​เดิน​มา​ทันที พร้อม​กับ​กลุ่ม​คน​จาก​บรรดา​มหา​ปุโรหิต อาจารย์​ฝ่าย​กฎ​บัญญัติ และ​พวก​ผู้ใหญ่ ต่าง​ก็​ถือ​ดาบ​และ​ไม้​ตะบอง​มา​ด้วย ผู้​ทรยศ​นั้น​ได้​ให้​สัญญาณ​แก่​พวก​เขา​โดย​กล่าว​ว่า “เป็น​คน​ที่​เรา​จะ​จูบ​แก้ม​นั่น​แหละ จง​จับกุม​เขา​ได้​เลย และ​พา​เขา​ไป​โดย​คุม​ตัว​ไว้” เมื่อ​เขา​มา​ถึง​แล้ว​ก็​ไป​หา​พระ​องค์​ทันที พูด​ว่า “รับบี” แล้ว​ก็​จูบ​แก้ม​พระ​องค์ พวก​เขา​ลง​มือ​จับกุม​พระ​องค์ แต่​มี​คน​หนึ่ง​ที่​ยืน​อยู่​ใกล้ๆ ชัก​ดาบ​ออก​ฟัน​หู​ผู้​รับใช้​ของ​หัวหน้า​มหา​ปุโรหิต​ขาด พระ​เยซู​กล่าว​ตอบ​พวก​เขา​ว่า “พวก​ท่าน​เอา​ดาบ​และ​ไม้​ตะบอง​แล้ว​พา​กัน​มา​จับกุม​เรา เหมือน​กับ​ว่า​เรา​เป็น​โจร​อย่าง​นั้น​หรือ ทุก​วัน​เรา​เคย​อยู่​กับ​ท่าน​ใน​บริเวณ​พระ​วิหาร และ​สั่งสอน แต่​ท่าน​ก็​ไม่​ได้​จับกุม​เรา แต่​นี่​เกิด​ขึ้น​เพื่อ​เป็น​ไป​ตาม​พระ​คัมภีร์” แล้ว​เหล่า​สาวก​ก็​ละ​ทิ้ง​พระ​องค์​ไว้​และ​พา​กัน​หนี​ไป มี​ชาย​หนุ่ม​คน​หนึ่ง​เดิน​ตาม​พระ​เยซู​ไป เขา​ไม่​ได้​สวม​เสื้อผ้า มี​เพียง​ผ้า​ผืน​คลุม​ตัว​ไว้ และ​พวก​เขา​ก็​ดึง​ตัว​จะ​จับ​ชาย​คน​นั้น แต่​เขา​กลับ​สลัด​ผ้า​ทิ้ง​แล้ว​เปลือย​กาย​หนี​ไป พวก​เขา​นำ​พระ​เยซู​ไป​ยัง​หัวหน้า​มหา​ปุโรหิต ฝ่าย​มหา​ปุโรหิต​ทั้ง​ปวง พวก​ผู้ใหญ่ และ​อาจารย์​ฝ่าย​กฎ​บัญญัติ​ก็​ชุมนุม​ร่วม​กัน แล้ว​เปโตร​ได้​ติดตาม​พระ​องค์​ไป​อยู่​ห่างๆ เปโตร​อยู่​ใน​บริเวณ​ลาน​บ้าน​ของ​หัวหน้า​มหา​ปุโรหิต เขา​นั่ง​ผิง​ไฟ​อยู่​ร่วม​กับ​พวก​เจ้าหน้าที่