เนหะมีย์ 2:1-12

เนหะมีย์ 2:1-12 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

ต่อมาในเดือนนิสานในปีที่ยี่สิบแห่งรัชกาลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส เมื่อเหล้าองุ่นอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ ข้าพเจ้าก็หยิบเหล้าองุ่นถวายพระราชา แต่ก่อนนี้ข้าพเจ้าไม่เคยโศกเศร้าต่อพระพักตร์พระองค์ และพระราชาตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ทำไมหน้าเจ้าเศร้าโศก เจ้าก็ไม่ได้เจ็บป่วยไม่ใช่หรือ? นี่คงไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเศร้าใจ” และข้าพเจ้าก็กลัวยิ่งนัก ข้าพเจ้าทูลพระราชาว่า “ขอพระราชาทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทำไมหน้าของข้าพระบาทจะไม่โศกเศร้าเล่า ในเมื่อเมืองอันเป็นสถานที่ฝังศพของบรรพบุรุษของข้าพระบาทร้างเปล่าอยู่ และบรรดาประตูเมืองก็ถูกไฟทำลายเสีย” แล้วพระราชาตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าต้องการอะไร? ” ข้าพเจ้าจึงอธิษฐานต่อพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ และข้าพเจ้าทูลพระราชาว่า “ถ้าพระราชาพอพระทัย และถ้าผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเป็นที่พอพระทัยเฉพาะพระพักตร์ฝ่าพระบาท ขอทรงส่งข้าพระบาทไปยังยูดาห์ ยังเมืองอันเป็นที่ฝังศพบรรพบุรุษของข้าพระบาท เพื่อข้าพระบาทจะสร้างขึ้นใหม่” และพระราชาตรัสกับข้าพเจ้า (มีพระราชินีประทับข้างพระองค์) ว่า “เจ้าจะไปนานสักเท่าใด? เมื่อไรเจ้าจะกลับมา? ” จึงเป็นที่พอพระทัยพระราชาที่จะให้ข้าพเจ้าไป และข้าพเจ้าก็กำหนดเวลาทูลพระองค์ทรงทราบ และข้าพเจ้าทูลพระราชาว่า “ถ้าพระราชาพอพระทัย ขอโปรดมีพระราชสารให้ข้าพระบาทนำไปถึงบรรดาผู้ว่าราชการมณฑลฟากตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส เพื่อพวกเขาจะอนุญาตให้ข้าพระบาทผ่านไป จนข้าพระบาทไปถึงยูดาห์ และพระราชสารถึงอาสาฟเจ้าพนักงานป่าไม้หลวง เพื่อเขาจะได้ให้ไม้แก่ข้าพระบาท สำหรับวงกบประตู ป้อมยามของพระนิเวศ และกำแพงเมือง และสำหรับบ้านที่ข้าพระบาทจะได้เข้าอาศัย” พระราชาประทานให้ตามที่ข้าพเจ้าทูลขอ เพราะพระหัตถ์อันทรงพระคุณของพระเจ้าของข้าพเจ้าอยู่กับข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าไปหาบรรดาผู้ว่าราชการมณฑลฟากตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส และมอบพระราชสารของพระราชาแก่พวกเขา พระราชาได้ทรงจัดให้นายทหารและพลม้าไปกับข้าพเจ้าด้วย แต่เมื่อสันบาลลัทชาวโฮโรนาอิมและโทบีอาห์ข้าราชการ คนอัมโมนทราบเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่พอใจอย่างยิ่งที่มีคนหนึ่งมาแสวงหาสวัสดิภาพให้พงศ์พันธุ์อิสราเอล ข้าพเจ้ามาถึงเยรูซาเล็มและพักอยู่ที่นั่นสามวัน แล้วข้าพเจ้าลุกขึ้นในเวลากลางคืน คือข้าพเจ้ากับชายบางคนที่อยู่กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ได้บอกให้ใครทราบเรื่องที่พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงดลใจให้ข้าพเจ้าทำเพื่อเยรูซาเล็ม ข้าพเจ้าไม่ได้นำสัตว์อื่นไปกับข้าพเจ้านอกจากสัตว์ที่ข้าพเจ้าขี่อยู่

เนหะมีย์ 2:1-12 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

ใน​เดือน​นิสาน ของ​ปี​ที่​ยี่สิบ ใน​สมัย​รัชกาล​ของ​กษัตริย์​อารทาเซอร์ซีส ใน​ช่วง​ทาน​อาหาร​เย็น ผม​ได้​หยิบ​เหล้าองุ่น​และ​ยื่น​ให้​กับ​กษัตริย์ ก่อน​หน้านี้ เมื่อ​ผม​อยู่​ต่อหน้า​กษัตริย์​ผม​ไม่เคย​โศกเศร้า​เลย กษัตริย์​จึง​พูด​กับผม​ว่า “ทำไม​ใบหน้า​ของเจ้า​จึง​เศร้า​หมอง​นัก เจ้า​คง​ไม่ได้​ป่วย​หรอก​นะ นี่​คง​เป็น​เพราะ​เจ้า​กลุ้มใจ​แน่ๆ” แล้ว​ผม​ก็​รู้สึก​กลัว​มาก ผม​พูด​กับ​กษัตริย์​ว่า “ขอให้​กษัตริย์​มี​อายุ​ยืนยาว​ตลอดไป จะ​ไม่ให้​ข้าพเจ้า​เศร้าโศก​ได้​ยังไง​ครับท่าน ในเมื่อ​เมือง​ซึ่ง​เป็น​ที่​ฝังศพ​ของ​บรรพบุรุษ​ของ​ข้าพเจ้า ถูกทิ้ง​เป็น​ซาก​ปรัก​หักพัง​อยู่ และ​ประตู​เมือง​ต่างๆ​ของมัน​ก็​ถูก​ไฟเผา​จน​วอดวาย” แล้ว​กษัตริย์​ก็​พูด​กับผม​ว่า “แล้ว​เจ้า​ต้องการ​อะไร” ผม​จึง​อธิษฐาน​ต่อ​พระเจ้า​แห่ง​ฟ้าสวรรค์ แล้ว​ตอบ​กษัตริย์​ว่า “ถ้า​พระองค์​เต็มใจ​และ​พอใจ​ใน​ตัว​ข้าพเจ้า ผู้รับใช้​ของ​พระองค์ ช่วย​ส่ง​ข้าพเจ้า​ไป​ยูดาห์ เมือง​ที่​ฝังศพ​บรรพบุรุษ​ของ​ข้าพเจ้า​ด้วยเถิด เพื่อ​ข้าพเจ้า​จะ​ได้​ไป​สร้าง​มัน​ขึ้นมา​ใหม่” แล้ว​กษัตริย์ ซึ่ง​มี​พระราชินี​นั่ง​อยู่​ข้างๆ​ได้​ถาม​ผม​ว่า “เจ้า​จะ​ไป​นาน​แค่ไหน และ​จะ​กลับมา​เมื่อไหร่” หลังจาก​ผม​บอก​พระองค์​ว่า​จะ​ไป​นาน​แค่ไหน พระองค์​ก็​เต็มใจ​ที่​จะ​ส่ง​ผม​ไป แล้ว​ผม​จึง​พูด​กับ​กษัตริย์​ว่า “ถ้า​เป็น​ที่​พอใจ​ของ​พระองค์ ขอ​พระองค์​ได้โปรด​มอบ​พวก​จดหมาย​ให้​ข้าพเจ้า โดย​จ่าหน้า​ถึง​พวก​ผู้ว่า​ที่​อยู่​ใน​มณฑล​ฝั่ง​ตะวันตก​ของ​แม่น้ำ​ยูเฟรติส เพื่อ​พวกเขา​จะได้​ยอม​ให้​ข้าพเจ้า​เดินทาง​ไป​ถึง​ยูดาห์​อย่าง​ปลอดภัย และ​ขอให้​พระองค์​มอบ​จดหมาย​ฉบับ​หนึ่ง​ให้​ข้าพเจ้า โดย​จ่าหน้า​ถึง​อาสาฟ ผู้​ดูแล​ป่าไม้​ของ​พระองค์ เพื่อ​เขา​จะได้​มอบ​ไม้​ให้​ข้าพเจ้า สำหรับ​สร้าง​ไม้คาน​ประตู​ป้อม​ที่​ติด​กับ​วิหาร สำหรับ​สร้าง​กำแพง​เมือง และ​สำหรับ​สร้าง​บ้าน​ที่​ข้าพเจ้า​จะอยู่” กษัตริย์​ได้​ให้ผม​ตาม​ที่​ผมขอ เพราะ​มือ​ของ​พระเจ้า​คอย​ช่วยเหลือ​ผม ดังนั้น ผม​จึง​ไป​หา​พวก​ผู้ว่า​ของ​เมือง​ต่างๆ​ที่​อยู่​ใน​มณฑล​ฝั่ง​ตะวันตก​ของ​แม่น้ำ​ยูเฟรติส และ​มอบ​จดหมาย​ทั้งหลาย​ของ​กษัตริย์​ให้​พวกเขา กษัตริย์​ยัง​ส่ง​พวก​นายทัพ​นายกอง​และ​พวก​ทหารม้า​มา​กับผม​ด้วย เมื่อ​สันบาลลัท​ชาว​โฮโรนาอิม และ​โทบีอาห์​เจ้าหน้าที่​ชาว​อัมโมน ได้ยิน​เกี่ยวกับ​เรื่องนี้ พวกเขา​ไม่​พอใจ​มาก​ที่​มี​คน​มา​ช่วย​ประชาชน​อิสราเอล ดังนั้น ผม​ได้​มา​ที่​เมือง​เยรูซาเล็ม​และ​อยู่​ที่นั่น​เป็น​เวลา​สามวัน แล้ว​ใน​ตอน​กลางคืน ผม​ได้​ลุกขึ้น​และ​ออกไป​พร้อม​กับ​ชาย​ไม่กี่คน ผม​ไม่ได้​บอก​ใคร​ถึง​เรื่อง​ที่​พระเจ้า​ได้​ใส่​ไว้​ในใจ​ของผม ที่​จะ​ทำ​ให้​กับ​เมือง​เยรูซาเล็ม ผม​ไม่ได้​เอา​สัตว์​อะไร​ไปด้วย​เลย นอกจาก​ตัว​ที่​ผม​ขี่อยู่

เนหะมีย์ 2:1-12 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

และอยู่มาในเดือนนิ​สาน ในปี​ที่​ยี​่​สิ​บแห่งรัชกาลกษั​ตริ​ย์อารทาเซอร์​ซีส เมื่อน้ำองุ่นจัดตั้งไว้ตรงพระพักตร์​พระองค์ ข้าพเจ้าก็หยิ​บน​้ำองุ่นถวายกษั​ตริ​ย์ แต่​ก่อนนี้ข้าพเจ้ามิ​ได้​โศกเศร้าต่อพระพักตร์​พระองค์ ด้วยเหตุนี้​กษัตริย์​จึงตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ทำไมสี​หน​้าของเจ้าจึงเศร้าหมอง เจ้​าก็​ไม่​เจ​็บไม่ป่วยมิ​ใช่​หรือ เห​็นจะไม่​มี​อะไรนอกจากเศร้าใจ” และข้าพเจ้าก็เกรงกลัวยิ่งนัก ข้าพเจ้าทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า “ขอกษั​ตริ​ย์ทรงพระเจริญเป็นนิตย์​เถิด ไฉนสี​หน​้าของข้าพระองค์จะไม่เศร้าหมองเล่าในเมื่อเมืองสถานที่ฝังศพของบรรพบุรุษของข้าพระองค์ร้างเปล่าอยู่ และประตูเมืองก็​ถู​กไฟทำลายเสีย” แล​้วกษั​ตริ​ย์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “​เจ้​าปรารถนาจะขออะไร” ข้าพเจ้าจึงอธิษฐานต่อพระเจ้าของฟ้าสวรรค์ และข้าพเจ้าทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า “ถ้าเป็​นที​่พอพระทัยกษั​ตริ​ย์ และถ้าผู้​รับใช้​ของพระองค์เป็​นที​่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์ ขอทรงใช้ข้าพระองค์​ให้​ไปยังยูดาห์ ยังเมืองซึ่งเป็​นที​่ฝังศพของบรรพบุรุษของข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะสร้างขึ้นใหม่” และกษั​ตริ​ย์ตรัสกับข้าพเจ้า (​มี​พระราชินี​ประทับข้างพระองค์) ว่า “​เจ้​าจะไปนานสักเท่าใด เมื่อไรเจ้าจะกลับมา” จึงเป็​นที​่พอพระทัยกษั​ตริ​ย์​ที่​จะให้ข้าพเจ้าไป และข้าพเจ้าก็กำหนดเวลาให้​พระองค์​ทรงทราบ และข้าพเจ้ากราบทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า “ถ้าเป็​นที​่พอพระทัยกษั​ตริ​ย์ ขอทรงโปรดมีพระราชสารให้ข้าพระองค์นำไปถึงผู้ว่าราชการมณฑลฟากแม่น้ำข้างโน้น เพื่อเขาจะได้​อนุ​ญาตให้ข้าพระองค์ผ่านไปจนข้าพระองค์จะไปถึงยูดาห์ และพระราชสารถึงอาสาฟเจ้าพนักงานผู้​ดู​แลป่าไม้​หลวง เพื่อเขาจะได้​ให้​ไม้​แก่​ข้าพระองค์ เพื่อทำคานประตูพระราชวังของพระนิเวศ และทำกำแพงเมือง และเพื่อทำบ้านที่ข้าพระองค์จะได้​เข​้าอาศัย” กษัตริย์​ก็​ทรงพระราชทานให้ตามพระหัตถ์อันประเสริฐของพระเจ้าของข้าพเจ้าที่​อยู่​เหนือข้าพเจ้า แล​้วข้าพเจ้ามายังผู้ว่าราชการมณฑลฟากแม่น้ำข้างโน้น และมอบพระราชสารของกษั​ตริ​ย์​ให้​แก่​เขา อนึ่งกษั​ตริ​ย์ทรงจัดให้นายทหารและพลม้าไปกับข้าพเจ้าด้วย แต่​เมื่อสันบาลลัทชาวโฮโรนาอิม และโทบีอาห์คนอัมโมนข้าราชการได้ยินเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่​ไม่​พอใจเขาอย่างยิ่งที่​มี​คนมาหาความสุขให้คนอิสราเอล ข้าพเจ้าจึงมายังเยรูซาเล็มและพักอยู่​ที่​นั่นสามวัน แล​้วข้าพเจ้าลุกขึ้นในกลางคืน คือข้าพเจ้ากับบางคนที่​อยู่​กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่​ได้​บอกผู้​หน​ึ่งผู้ใดถึงเรื่องที่พระเจ้าของข้าพเจ้าดลใจข้าพเจ้าให้กระทำเพื่อเยรูซาเล็ม ข้าพเจ้าไม่​มี​สัตว์​อื่​นก​ับข้าพเจ้านอกจากสัตว์​ที่​ข้าพเจ้าขี่​อยู่

เนหะมีย์ 2:1-12 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

และอยู่มาในเดือนนิสาน ในปีที่ยี่สิบแห่งรัชกาลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส เมื่อเหล้าองุ่นจัดตั้งไว้ตรงพระพักตร์พระองค์ ข้าพเจ้าก็หยิบเหล้าองุ่นถวายพระราชา แต่ก่อนนี้ข้าพเจ้ามิได้โศกเศร้าต่อพระพักตร์พระองค์ และพระราชาตรัสกับข้าพเจ้าว่า <<ทำไม หน้าของเจ้าเศร้าโศก เจ้าก็ไม่เจ็บไม่ป่วยมิใช่หรือ เห็นจะไม่มีอะไรนอกจากเศร้าใจ>> และข้าพเจ้าก็กลัวยิ่งนัก ข้าพเจ้าทูลพระราชาว่า <<ขอพระราชาทรงพระเจริญเป็นนิตย์เถิด ไฉนหน้าของข้าพระบาทจะไม่โศกเศร้า เมื่อเมืองสถานที่ฝังศพของบรรพบุรุษของข้าพระบาท ร้างเปล่าอยู่ และประตูเมืองก็ถูกไฟทำลายเสีย>> แล้วพระราชาตรัสกับข้าพเจ้าว่า <<เจ้าปรารถนาจะขออะไร>> ข้าพเจ้าจึงอธิษฐานต่อพระเจ้าของฟ้าสวรรค์ และข้าพเจ้าทูลพระราชาว่า <<ถ้าเป็นที่พอพระทัยพระราชา และถ้าผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเป็นที่ พอพระทัยในสายพระเนตรของฝ่าพระบาท ขอทรงใช้ข้าพระบาทให้ไปยังยูดาห์ ยังเมืองอันเป็นที่ฝังศพของบรรพบุรุษของข้าพระบาท เพื่อข้าพระบาทจะสร้างขึ้นใหม่>> และพระราชาตรัสกับข้าพเจ้า (มีพระราชินีประทับข้างพระองค์) ว่า <<เจ้าจะไปนานสักเท่าใด เมื่อไรเจ้าจะกลับมา>> จึงเป็นที่พอพระทัยพระราชาที่จะให้ข้าพเจ้าไป และข้าพเจ้าก็กำหนดเวลาให้พระองค์ทรงทราบ และข้าพเจ้ากราบทูลพระราชาว่า <<ถ้าเป็นที่พอพระทัยพระราชา ขอทรงโปรดมีพระราชสารให้ข้าพระบาทนำไปถึงผู้ว่า ราชการมณฑลฟากตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส เพื่อเขาจะได้อนุญาตให้ข้าพระบาทผ่านไป จนข้าพระบาทจะไปถึงยูดาห์ และพระราชสารถึงอาสาฟเจ้าพนักงานป่าไม้หลวง เพื่อเขาจะได้ให้ไม้แก่ข้าพระบาท เพื่อทำวงกบประตู ป้อมของพระนิเวศ และทำกำแพงเมือง และเพื่อทำบ้านที่ข้าพระบาทจะได้เข้าอาศัย>> พระราชาพระราชทานทุกสิ่งตามที่ข้าพเจ้าทูลขอ เพราะพระหัตถ์อันทรงพระคุณของพระเจ้าของข้าพเจ้าอยู่กับข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้ามายังผู้ว่าราชการมณฑลฟากตะวันตก ของแม่น้ำยูเฟรติส และมอบพระราชสารของพระราชาให้แก่เขา อนึ่งพระราชาทรงจัดให้นายทหารและพลม้าไปกับข้าพเจ้าด้วย แต่เมื่อสันบาลลัทชาวโฮโรนาอิมและโทบีอาห์ คนอัมโมนข้าราชการทราบเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ไม่พอใจเขาอย่างยิ่งที่ มีคนมาหาความสุขให้คนอิสราเอล ข้าพเจ้าจึงมายังเยรูซาเล็มและพักอยู่ที่นั่นสามวัน แล้วข้าพเจ้าลุกขึ้นในกลางคืน คือข้าพเจ้ากับบางคนที่อยู่กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ได้บอกผู้หนึ่งผู้ใดถึงเรื่องที่ พระเจ้าของข้าพเจ้าดลใจข้าพเจ้าให้กระทำเพื่อเยรูซาเล็ม ข้าพเจ้าไม่มีสัตว์อื่นกับข้าพเจ้านอกจากสัตว์ที่ข้าพเจ้าขี่อยู่

เนหะมีย์ 2:1-12 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ในเดือนนิสาน ปีที่ยี่สิบแห่งรัชกาลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส ข้าพเจ้ากำลังถวายเหล้าองุ่นแด่กษัตริย์ ข้าพเจ้าไม่เคยเศร้าหมองเวลาอยู่หน้าที่ประทับมาก่อนเลย กษัตริย์จึงตรัสถามว่า “ทำไมเจ้าจึงหน้าตาเศร้าหมองนักในเมื่อไม่ได้เจ็บป่วยอะไร? คงไม่มีอะไรนอกจากจะทุกข์ใจ” ข้าพเจ้ารู้สึกตกใจกลัวอย่างมาก แต่ก็ทูลว่า “ขอจงทรงพระเจริญ! ข้าพระบาทอดเศร้าหมองไม่ได้ เนื่องจากเมืองที่ฝังศพบรรพบุรุษของข้าพระบาทตกอยู่ในสภาพปรักหักพัง ประตูเมืองก็ถูกเผาวอดวาย” กษัตริย์ตรัสว่า “เจ้าต้องการสิ่งใด?” ข้าพเจ้าจึงอธิษฐานต่อพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ แล้วทูลกษัตริย์ว่า “หากฝ่าพระบาทจะทรงโปรด และหากผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของฝ่าพระบาท ขอทรงส่งข้าพระบาทไปยังเมืองในยูดาห์ซึ่งเป็นที่ฝังศพบรรพบุรุษของข้าพระบาทเพื่อจะสร้างเมืองนั้นขึ้นใหม่” ขณะนั้นพระราชินีประทับอยู่ข้างๆ ด้วย กษัตริย์ตรัสถามข้าพเจ้าว่า “เจ้าจะไปนานแค่ไหน? เจ้าจะกลับมาเมื่อใด?” เป็นอันว่ากษัตริย์ทรงโปรดเห็นชอบที่จะส่งข้าพเจ้าไป ดังนั้นข้าพเจ้าจึงกำหนดเวลาออกเดินทาง ข้าพเจ้ากราบทูลด้วยว่า “หากทรงโปรด ขอประทานพระราชสาส์นให้ข้าพระบาทนำไปถึงบรรดาผู้ว่าการมณฑลที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส เพื่อพวกเขาจะได้ช่วยให้ข้าพระบาทผ่านเขตแดนจนไปถึงยูดาห์อย่างปลอดภัย พร้อมทั้งโปรดมีพระราชสาส์นไปยังอาสาฟผู้ดูแลป่าไม้หลวงให้มอบไม้สำหรับทำคานประตูป้อมใกล้พระวิหาร สำหรับกำแพงเมือง และสำหรับที่พักซึ่งข้าพระบาทจะอาศัยด้วยเถิด” แล้วกษัตริย์ทรงอนุมัติตามคำทูลขอ เพราะพระหัตถ์อันเปี่ยมด้วยพระคุณของพระเจ้าอยู่เหนือข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงไปพบบรรดาผู้ว่าการแว่นแคว้นต่างๆ ที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส และมอบพระราชสาส์นแก่พวกเขา และกษัตริย์ได้ทรงส่งบรรดานายทหารและกองทหารม้าไปกับข้าพเจ้าด้วย เมื่อสันบาลลัทชาวโฮโรนาอิมและโทบียาห์ข้าราชการชาวอัมโมนได้ยินเรื่องนี้ก็ไม่พอใจที่มีคนมาส่งเสริมสวัสดิภาพของชนอิสราเอล หลังจากที่ข้าพเจ้ามาถึงเยรูซาเล็มได้สามวัน ข้าพเจ้าออกไปในเวลากลางคืนและนำคนสองสามคนไปด้วย ข้าพเจ้าไม่ได้บอกใครเลยเกี่ยวกับสิ่งที่พระเจ้าทรงดลใจข้าพเจ้าให้ทำเพื่อเยรูซาเล็ม ข้าพเจ้าไม่ได้นำสัตว์อื่นไปด้วยนอกจากตัวที่ข้าพเจ้าขี่ไป

เนหะมีย์ 2:1-12 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ใน​เดือน​นิสาน ปี​ที่​ยี่​สิบ​แห่ง​การ​ครอง​ราชย์​ของ​กษัตริย์​อาร์ทาเซอร์ซีส เมื่อ​เป็น​เวลา​ถวาย​เหล้า​องุ่น ข้าพเจ้า​ก็​รับ​เหล้า​องุ่น​มา​ถวาย​กษัตริย์ ข้าพเจ้า​ไม่​เคย​เศร้า​โศก​ต่อ​หน้า​ท่าน​มา​ก่อน กษัตริย์​กล่าว​กับ​ข้าพเจ้า​ว่า “ทำไม​เจ้า​จึง​หน้า​เศร้า ใน​เมื่อ​เจ้า​ก็​ไม่​ได้​เจ็บ​ป่วย นี่​คง​ไม่​ใช่​อะไร​อื่น แต่​เป็น​ความ​ทุกข์​ใจ” ข้าพเจ้า​ตอบ​กษัตริย์​ว่า “ขอ​ให้​กษัตริย์​มี​ชีวิต​ยิ่ง​ยืน​นาน​เถิด หน้า​ข้าพเจ้า​จะ​ไม่​เศร้า​ได้​อย่างไร ใน​เมื่อ​เมือง​ซึ่ง​เป็น​ที่​ฝัง​ศพ​ของ​บรรพบุรุษ​ของ​ข้าพเจ้า เหลือ​แต่​ซาก​ปรัก​หัก​พัง และ​ประตู​เมือง​ก็​ถูก​ไฟ​ไหม้​เสียหาย” กษัตริย์​จึง​กล่าว​กับ​ข้าพเจ้า​ว่า “เจ้า​ต้องการ​ขอ​สิ่ง​ใด” ดังนั้น​ข้าพเจ้า​จึง​อธิษฐาน​ต่อ​พระ​เจ้า​แห่ง​ฟ้า​สวรรค์ และ​ข้าพเจ้า​ตอบ​กษัตริย์​ว่า “ถ้า​หาก​ว่า​เป็น​ที่​พอใจ​ของ​กษัตริย์ และ​ถ้า​ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน​เป็น​ที่​พอใจ​ของ​ท่าน ขอ​ท่าน​โปรด​ให้​ข้าพเจ้า​ไป​ยัง​ยูดาห์ เมือง​ซึ่ง​เป็น​ที่​ฝัง​ศพ​ของ​บรรพบุรุษ​ของ​ข้าพเจ้า​เถิด เพื่อ​ข้าพเจ้า​จะ​สร้าง​เมือง​ขึ้น​ใหม่” ราชินี​นั่ง​ข้าง​กษัตริย์ และ​กษัตริย์​กล่าว​กับ​ข้าพเจ้า​ว่า “เจ้า​จะ​ไป​นาน​แค่​ไหน เมื่อไหร่​เจ้า​จะ​กลับ​มา” เมื่อ​ข้าพเจ้า​กำหนด​วัน​เวลา กษัตริย์​ก็​พอใจ​ที่​ให้​ข้าพเจ้า​ไป ข้าพเจ้า​ตอบ​กษัตริย์​ว่า “ถ้า​กษัตริย์​จะ​โปรด กรุณา​ให้​ข้าพเจ้า​ถือ​จดหมาย​ไป​ยัง​ผู้ว่า​ราชการ​ของ​แคว้น​ที่​ฝั่ง​ตะวัน​ตก​ของ​แม่น้ำ​ยูเฟรติส เพื่อ​พวก​เขา​จะ​อนุญาต​ให้​ข้าพเจ้า​เดิน​ทาง​ผ่าน​ไป​จน​ถึง​ยูดาห์ และ​จดหมาย​ถึง​อาสาฟ​ผู้​รักษา​ป่าไม้​ของ​กษัตริย์ เพื่อ​เขา​จะ​ได้​มอบ​ไม้​ทำ​คาน​ค้ำ​ประตู​ป้อม​ปราการ​ที่​ข้าง​พระ​วิหาร และ​ก่อ​กำแพง​เมือง และ​ก่อ​สร้าง​บ้าน​ที่​ข้าพเจ้า​จะ​ได้​อาศัย​อยู่” กษัตริย์​ก็​ประทาน​สิ่ง​ที่​ข้าพเจ้า​ขอ ด้วย​ว่า​มือ​อัน​ประเสริฐ​ของ​พระ​เจ้า​ของ​ข้าพเจ้า​สถิต​กับ​ข้าพเจ้า ข้าพเจ้า​ไป​หา​บรรดา​ผู้ว่า​ราชการ​แคว้น​ที่​ฝั่ง​ตะวัน​ตก​ของ​แม่น้ำ​ยูเฟรติส และ​ยื่น​จดหมาย​ของ​กษัตริย์​ให้​แก่​พวก​เขา กษัตริย์​ได้​ให้​พวก​กอง​ทัพ​ทหาร​และ​ทหาร​ม้า​ไป​กับ​ข้าพเจ้า​ด้วย แต่​เมื่อ​สันบาลลัท​ชาว​โฮโรน และ​โทบียาห์​เจ้าหน้าที่​ชาว​อัมโมน ทราบ​เรื่อง​นี้ จึง​ไม่​พอใจ​เป็น​อย่าง​ยิ่ง ที่​มี​คน​เข้า​มา​สนใจ​ทุกข์​สุข​ของ​ชาว​อิสราเอล ดังนั้น ข้าพเจ้า​จึง​ไป​ยัง​เยรูซาเล็ม และ​อยู่​ที่​นั่น 3 วัน ข้าพเจ้า​กับ​ชาย​อีก​สอง​สาม​คน​ที่​มา​ด้วย​ก็​เริ่ม​ปฏิบัติ​งาน​ใน​เวลา​กลาง​คืน ข้าพเจ้า​ไม่​ได้​บอก​ผู้​ใด​ว่า พระ​เจ้า​ของ​ข้าพเจ้า​ดลใจ​ข้าพเจ้า​ให้​ทำ​อะไร​เพื่อ​เยรูซาเล็ม ข้าพเจ้า​ไม่​ได้​นำ​สัตว์​อื่น​ไป​ด้วย ยกเว้น​สัตว์​ตัว​ที่​ข้าพเจ้า​ขี่​ไป