สุภาษิต 5:1-17
สุภาษิต 5:1-17 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
ลูกเอ๋ย ให้สนใจสติปัญญาของเรา เงี่ยหูฟังความรู้ความเข้าใจของเราให้ดี แล้วเจ้าจะได้คิดรอบคอบ และริมฝีปากของเจ้าจะพูดด้วยความรู้แท้จริง เพราะริมฝีปากของเมียคนอื่นนั้น หยาดเยิ้มด้วยน้ำผึ้ง และคำพูดของเธอก็ลื่นยิ่งกว่าน้ำมันมะกอก แต่สุดท้ายแล้วเธอจะขมเหมือนกับบอระเพ็ด และเจ็บปวดเหมือนดาบสองคม เท้าของเธอนั้นเดินไปสู่ความตาย ทุกย่างก้าวของเธอตรงดิ่งไปยังแดนคนตาย เธอไม่ยอมเดินตรงไปยังหนทางที่นำไปสู่ชีวิต หนทางของเธอนั้นคดเคี้ยว แต่เธอก็ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ ดังนั้น ลูกๆเอ๋ย ฟังเราให้ดี และอย่าได้หันเหไปจากคำพูดทั้งหลายของเรา อยู่ให้ห่างไกลจากผู้หญิงอย่างนั้น และอย่าเข้าไปใกล้ประตูบ้านของเธอ ไม่อย่างนั้น ชื่อเสียงเกียรติยศของเจ้าก็จะตกไปเป็นของคนอื่น และเจ้าจะสูญเสียเดือนปีของเจ้าให้กับคนที่โหดร้าย พวกคนแปลกหน้าจะฮุบทรัพย์สมบัติของเจ้าจนอิ่มหนำ ทรัพย์สมบัติที่เจ้าหามาได้ด้วยความยากลำบากก็จะตกไปอยู่ในบ้านของคนอื่น ในที่สุดเจ้าจะร้องครวญคราง เมื่อเนื้อหนังและร่างกายของเจ้าถูกทำลาย แล้วเจ้าจะพูดว่า “ข้าเคยเกลียดชังคำสั่งสอน และใจข้าก็เหยียดหยามการว่ากล่าวตักเตือน ข้าไม่เชื่อฟังพวกครูข้า และไม่ยอมเงี่ยหูฟังครูผู้แนะนำข้า ข้าก็เลยเจอกับปัญหาร้อยแปดอย่างรวดเร็ว แล้วต้องอับอายขายหน้าต่อหน้าที่ชุมนุมชน” ดังนั้นให้ดื่มน้ำจากบ่อเก็บน้ำของเจ้าเอง เป็นน้ำใสบริสุทธิ์จากบ่อของเจ้าเอง ไม่อย่างนั้น ตาน้ำของเจ้าอาจจะไหลนองไปตามท้องถนน และสายน้ำของเจ้าอาจจะไหลนองไปในที่ลานเมือง ให้สายน้ำนั้นเป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว อย่าแบ่งปันกับคนอื่น
สุภาษิต 5:1-17 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
ลูกเอ๋ย จงตั้งใจฟังปัญญาของข้า จงเอียงหูของเจ้าฟังความเข้าใจของข้า เพื่อเจ้าจะรักษาความเฉลียวฉลาดไว้ และปากของเจ้าจะระแวดระวังความรู้ เพราะปากของหญิงแพศยาก็หยาดน้ำผึ้งออกมา และคำพูดของนางก็ลื่นยิ่งกว่าน้ำมัน แต่ในที่สุด นางก็ขมอย่างบอระเพ็ด และคมอย่างดาบสองคม เท้าของนางก้าวลงไปสู่ความตาย ย่างเท้าของนางมุ่งตรงไปยังแดนคนตาย นางไม่สนใจวิถีแห่งชีวิต หนทางของนางวนเวียนไป และนางไม่รู้ ลูกทั้งหลายเอ๋ย บัดนี้จงฟังข้า และอย่าพรากจากถ้อยคำแห่งปากของข้า จงหลีกทางของเจ้าให้ไกลจากนาง อย่าไปใกล้ประตูบ้านของนาง เกรงว่าเจ้าจะให้เกียรติของเจ้าแก่คนอื่น และให้ปีเดือนของเจ้าแก่คนไร้เมตตา เกรงว่าคนแปลกหน้าจะอิ่มเอมด้วยทรัพย์สินของเจ้า และของที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเจ้าจะตกไปในบ้านของคนต่างด้าว และเมื่อบั้นปลายชีวิตของเจ้ามาถึง เจ้าจะครวญคราง เมื่อเนื้อและกายของเจ้าเสื่อมสิ้นไป และเจ้าพูดว่า “ข้าเกลียดการตีสอนเสียจริงๆ และจิตใจของข้าดูหมิ่นการตักเตือน ข้าไม่ฟังเสียงครูของข้า หรือเอียงหูให้แก่ผู้สั่งสอนของข้า ข้าจวนจะย่อยยับอยู่รอมร่อ ในท่ามกลางคนที่ประชุมกันอยู่นั้น” จงดื่มน้ำจากถังเก็บน้ำของเจ้า ดื่มน้ำไหลจากบ่อของเจ้าเอง ควรหรือที่จะให้น้ำพุของเจ้าไหลเพรื่อออกไปนอกบ้าน? และให้ธารน้ำนั้นไหลไปที่ลานเมือง? จงให้มันเป็นของเจ้าแต่ผู้เดียว และไม่ใช่สำหรับคนแปลกหน้าด้วย
สุภาษิต 5:1-17 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
บุตรชายของเราเอ๋ย จงตั้งใจต่อปัญญาของเรา จงเอียงหูของเจ้าฟังความเข้าใจของเรา เพื่อเจ้าจะรักษาความเฉลียวฉลาดไว้ และริมฝีปากของเจ้าจะระแวดระวังความรู้ เพราะริมฝีปากของหญิงชั่วนั้นก็หยาดน้ำผึ้งออกมา และปากของนางก็ลื่นยิ่งกว่าน้ำมัน แต่ในที่สุด นางขมขื่นอย่างบอระเพ็ด และคมอย่างดาบสองคม เท้าของนางก้าวลงไปสู่ความตาย ย่างเท้าของนางติดตามวิถีสู่นรก เกรงว่าเจ้าจะสนใจในวิถีแห่งชีวิต ทางของนางวนเวียนไป เพื่อเจ้าจะหารู้ไม่ ฉะนั้น โอ บุตรทั้งหลายเอ๋ย บัดนี้จงฟังเรา และอย่าพรากจากถ้อยคำแห่งปากของเรา จงหลีกทางของเจ้าให้ไกลจากนาง อย่าไปใกล้ประตูเรือนของนาง เกรงว่าเจ้าจะให้เกียรติของเจ้าแก่คนอื่น และให้ปีเดือนของเจ้าแก่คนโหดร้าย เกรงว่าแขกแปลกหน้าจะกินความอุดมสมบูรณ์ของเจ้าจนอิ่ม และแรงงานของเจ้าตกไปในเรือนของคนต่างด้าว และถึงบั้นปลายชีวิตของเจ้า เจ้าครวญคราง เมื่อเนื้อและกายของเจ้าถูกล้างผลาญ และเจ้าว่า “ข้าเคยเกลียดคำสั่งสอนเสียจริงๆ และจิตใจของข้าดูหมิ่นการตักเตือน ข้าไม่เคยเชื่อฟังเสียงครูของข้า หรือเอียงหูให้แก่ผู้สั่งสอนของข้า ข้าจวนจะล้มละลายสู่ความพินาศอยู่รอมร่อ ในหมู่ชุมนุมชนและคนที่ประชุมกันอยู่นั้น” จงดื่มน้ำจากถังเก็บน้ำของเจ้า ดื่มน้ำไหลจากบ่อของเจ้าเอง จงให้น้ำพุของเจ้าไหลกระจายออกไปนอกบ้าน และให้ธารน้ำนั้นไหลไปตามถนน จงให้มันเป็นของเจ้าแต่ผู้เดียว และมิใช่สำหรับคนแปลกหน้าด้วย
สุภาษิต 5:1-17 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
บุตรชายของเราเอ๋ย จงตั้งใจต่อปัญญาของเรา จงเอียงหูของเจ้าฟังความเข้าใจของเรา เพื่อเจ้าจะรักษาความเฉลียวฉลาดไว้ และริมฝีปากของเจ้าจะระแวดระวังความรู้ เพราะริมฝีปากของหญิงชั่วนั้นก็หยาดน้ำผึ้งออกมา และคำพูดของนางก็ลื่นยิ่งกว่าน้ำมัน แต่ในที่สุด นางขมขื่นยิ่งกว่าบอระเพ็ด และคมอย่างดาบสองคม เท้าของนางก้าวลงไปสู่ความตาย ย่างเท้าของนางติดตามวิถีสู่แดนผู้ตาย นางไม่สนใจในวิถีแห่งชีวิต ทางของนางวนเวียนไป และนางหารู้ไม่ บุตรชายเอ๋ย บัดนี้จงฟังเรา และอย่าพรากจากถ้อยคำแห่งปากของเรา จงหลีกทางของเจ้าให้ไกลจากนาง อย่าไปใกล้ประตูเรือนของนาง เกรงว่าเจ้าจะให้เกียรติของเจ้าแก่คนอื่น และให้ปีเดือนของเจ้าแก่คนไร้เมตตา เกรงว่าแขกแปลกหน้าจะกินกำลังของเจ้าจนอิ่ม และแรงงานของเจ้าตกไปในเรือนของคนต่างด้าว และถึงบั้นปลายชีวิตของเจ้า เจ้าครวญคราง เมื่อเนื้อและกายของเจ้าถูกล้างผลาญ และเจ้าว่า <<ข้าเคยเกลียดการตีสอนเสียจริงๆ และจิตใจของข้าดูหมิ่นการตักเตือน ข้าไม่เคยฟังเสียงครูของข้า หรือเอียงหูให้แก่ผู้สั่งสอนของข้า ข้าจวนจะล้มละลายสู่ความพินาศอยู่รอมร่อ ในหมู่คนที่ประชุมกันอยู่นั้น>> จงดื่มน้ำจากถังเก็บน้ำของเจ้า ดื่มน้ำไหลจากบ่อของเจ้าเอง ควรหรือที่จะให้น้ำพุของเจ้าไหลเพรื่อออกไปนอกบ้าน และให้ธารน้ำนั้นไหลไปที่ลานเมือง จงให้มันเป็นของเจ้าแต่ผู้เดียว และมิใช่สำหรับคนแปลกหน้าด้วย
สุภาษิต 5:1-17 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
ลูกเอ๋ย จงตั้งใจฟังปัญญาของเรา จงเงี่ยหูฟังถ้อยคำแห่งความเข้าใจอันลึกซึ้งของเรา เพื่อเจ้าจะได้รักษาความสุขุมรอบคอบ และริมฝีปากของเจ้าจะสงวนความรู้ไว้ เพราะริมฝีปากของหญิงแพศยาหวานปานน้ำผึ้ง และคำพูดของนางก็ลื่นยิ่งกว่าน้ำมัน แต่ท้ายที่สุด นางขมยิ่งกว่าบอระเพ็ด คมยิ่งกว่าดาบสองคม เท้าของนางนำไปสู่ความตาย ย่างก้าวของนางตรงดิ่งไปยังหลุมฝังศพ นางไม่สนใจทางแห่งชีวิต วิถีของนางวกวนไร้จุดหมาย แต่นางไม่รู้เลย ลูกทั้งหลายเอ๋ย บัดนี้จงฟังเรา และอย่าหันหนีจากถ้อยคำของเรา จงให้วิถีของเจ้าห่างไกลจากนาง อย่าเฉียดกรายไปใกล้ประตูบ้านของนาง เกรงว่าเจ้าจะสูญเสียเกียรติให้แก่คนอื่น และให้ศักดิ์ศรีของเจ้าแก่คนโหดร้าย เกรงว่าคนแปลกหน้าจะมาเสวยสุขอยู่บนทรัพย์สินความสามารถของเจ้า และน้ำพักน้ำแรงของเจ้าจะตกแก่บ้านของคนอื่น ในบั้นปลายชีวิต เจ้าจะร้องโอดครวญ เมื่อกำลังและร่างกายของเจ้าถูกกัดกินจนเสื่อมโทรมไป เจ้าจะกล่าวว่า “เราเคยเกลียดการตีสั่งสอนยิ่งนัก! และไม่แยแสคำตักเตือน! เราไม่ยอมเชื่อฟังครูอาจารย์ หรือรับฟังผู้สั่งสอนของเรา เราจวนเจียนจะถลำสู่หายนะ ต่อหน้าสาธารณชน” จงดื่มน้ำจากบ่อเก็บของเจ้า น้ำที่ไหลจากบ่อของเจ้าเอง ควรหรือที่จะให้น้ำพุของเจ้าไหลล้นออกไปตามถนน หรือให้ธารน้ำของเจ้าไหลไปยังย่านชุมชน? จงให้มันเป็นของเจ้าแต่ผู้เดียว ไม่ใช่แบ่งปันกับคนแปลกหน้า
สุภาษิต 5:1-17 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
ลูกเอ๋ย จงใส่ใจในสติปัญญาของเรา จงเงี่ยหูของเจ้าเพื่อฟังการหยั่งรู้ของเรา เพื่อเจ้าจะได้รักษาปฏิภาณไว้ และริมฝีปากของเจ้าจะได้เก็บรักษาความรู้ ด้วยว่าน้ำผึ้งหยดจากริมฝีปากของหญิงที่ล่วงประเวณี และวาจาของนางก็ไหลลื่นยิ่งกว่าน้ำมัน แต่ผลสุดท้าย นางก็ขมเยี่ยงพันธุ์ไม้ขม คมปานดาบสองคม เท้าของนางย่างลงสู่ความตาย นางก้าวดิ่งลงไปยังแดนคนตาย นางไม่นึกถึงทางแห่งชีวิต นางไม่รู้ดอกว่าวิถีทางของนางนั้นไม่มั่นคงเลย มาบัดนี้ ลูกๆ เอ๋ย เจ้าจงฟังเรา และอย่าหันเหไปจากคำพูดที่ออกจากปากของเรา จงอยู่เสียให้ห่างจากนาง และอย่าเข้าไปใกล้ประตูบ้านของนาง เพราะเกรงว่าเจ้าจะเสียพลังวัยหนุ่มของเจ้าแก่ผู้อื่น และเสียจำนวนปีของเจ้าแก่คนโหดร้าย เกรงว่าบรรดาคนแปลกหน้าจะชิงความมั่งมีของเจ้าไป และแรงงานที่เจ้าตรากตรำมา ก็เป็นของคนบ้านอื่น และเจ้าจะต้องคร่ำครวญในบั้นปลายชีวิตของเจ้า เวลาที่ร่างกายของเจ้าถูกกลืนกิน และเจ้าจะพูดว่า “ข้าเคยเกลียดระเบียบวินัยมามากแค่ไหน และใจของข้าไม่ยอมรับคำเตือน ข้าไม่ฟังเสียงของเหล่าครูอาจารย์ อีกทั้งไม่ได้เงี่ยหูฟังผู้สอนของข้า ข้าเกือบจะถูกทำลายเป็นผุยผง ในท่ามกลางที่ประชุม” จงดื่มน้ำจากโถของเจ้าเอง และน้ำจืดจากบ่อของเจ้าเอง สมควรหรือที่บ่อน้ำพุของเจ้าจะกระเซ็นออกไปภายนอก และน้ำจากลำธารไหลสู่ถนน ให้นางเป็นของเจ้า ของเจ้าเท่านั้น อย่าให้นางเป็นของคนแปลกหน้าด้วย