เฉลยธรรมบัญญัติ 31:14-30
เฉลยธรรมบัญญัติ 31:14-30 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “เจ้าใกล้จะตายแล้ว เรียกโยชูวาให้มายืนที่หน้าเต็นท์นัดพบ เพื่อเราจะได้มอบหมายงานให้กับเขา” โมเสสและโยชูวาจึงมายืนอยู่ที่หน้าเต็นท์นัดพบ พระยาห์เวห์ได้มาปรากฏที่เต็นท์ในลำเมฆ และลำเมฆก็หยุดอยู่ที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ แล้วพระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “อีกไม่นานเจ้าก็จะตาย และอีกไม่ช้าคนพวกนี้จะไม่ซื่อสัตย์กับเรา และไปบูชาพระอื่นในแผ่นดินที่พวกเขากำลังจะเข้าไป พวกเขาจะทิ้งเรา พวกเขาจะผิดสัญญาที่เราได้ทำไว้กับพวกเขา ในเวลานั้นเราจะโกรธพวกเขามาก เราจะทอดทิ้งพวกเขา เราจะหลบหน้าไปจากพวกเขา พวกเขาจะถูกกลืนกิน ความหายนะล่มจม และความทุกข์ยากลำบากต่างๆจะเกิดขึ้นกับพวกเขา ในวันนั้นพวกเขาจะพูดว่า ‘ความหายนะล่มจมทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกับเรา ก็เพราะพระเจ้าไม่ได้อยู่กับเรา’ ในวันนั้นเราจะหลบหน้าไปจากพวกเขาอย่างแน่นอน เพราะความชั่วช้าที่พวกเขาได้ทำ ที่หันหน้าไปหาพระอื่นๆ ตอนนี้ให้เขียนบทเพลงนี้ลงไป และให้สอนมันกับชาวอิสราเอล ให้พวกเขาร้องจนขึ้นใจ เพื่อว่าเพลงนี้จะได้เป็นพยานให้กับเราต่อว่าคนอิสราเอล เมื่อเรานำพวกเขาเข้าสู่แผ่นดินที่เราได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา เป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ และเขาก็กินทุกอย่างที่อยากกินจนอ้วน แล้วพวกเขาก็จะหันไปหาพระอื่นและรับใช้พระพวกนั้น พวกเขาจะปฏิเสธเรา และผิดสัญญาที่เราได้ทำไว้กับพวกเขา แล้วเมื่อความหายนะล่มจมและความยากลำบากเกิดขึ้นกับพวกเขา ในเวลานั้นลูกหลานของพวกเขาก็ยังไม่ลืมเพลงนี้ เพลงนี้จึงทำให้พวกเขาเห็นว่าพวกเขาเป็นคนผิด แม้แต่เดี๋ยวนี้ ก่อนที่เราจะพาพวกเขาเข้าสู่แผ่นดินที่เราสัญญาไว้กับพวกเขา เราก็รู้แล้วว่าเขามีแนวโน้มที่จะทิ้งเรา” โมเสสจึงเขียนเพลงนั้นในวันนั้น และเขาสอนมันให้กับชาวอิสราเอล พระยาห์เวห์ได้มอบหมายงานให้กับโยชูวาลูกชายของนูน พระองค์พูดว่า “ให้เข้มแข็งและกล้าหาญไว้ เพราะเจ้าจะนำชาวอิสราเอลเข้าสู่แผ่นดินที่เราได้สัญญาไว้กับพวกเขา และเราจะอยู่กับเจ้า” หลังจากโมเสสได้เขียนคำสอนนี้ลงในแผ่นหนังเสร็จแล้ว เขาได้สั่งให้ชาวเลวีที่ทำหน้าที่แบกหีบที่เก็บข้อตกลงของพระยาห์เวห์ว่า “เอาแผ่นหนังคำสอนนี้ไปวางไว้ข้างหีบที่เก็บข้อตกลงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน มันจะอยู่ที่นั่นเพื่อเป็นพยานว่าท่านยอมรับข้อตกลงนี้แล้ว เพราะเรารู้ดีว่า พวกท่านชอบแข็งข้อและหัวแข็ง นี่ขนาดเรายังมีชีวิตอยู่กับพวกท่าน พวกท่านยังแข็งข้อพระยาห์เวห์เลย แล้วถ้าเราตายไป พวกท่านจะยิ่งกว่านี้อีกขนาดไหน พาพวกผู้นำอาวุโสของเผ่าต่างๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของพวกท่านมาหาเราหน่อย เพราะเราอยากจะให้แน่ใจว่าพวกเขาได้ยินเรื่องนี้ เราจะเรียกฟ้าและดินมาเป็นพยานต่อว่าพวกเขา เพราะเรารู้ว่าหลังจากที่เราตายไปแล้ว พวกท่านจะทำชั่วอย่างเต็มที่ และจะหันไปจากทางที่เราได้สั่งไว้ ความหายนะล่มจมจะเกิดขึ้นกับพวกท่านในอนาคต เพราะพวกท่านจะทำในสิ่งที่พระยาห์เวห์เห็นว่าชั่วช้า และทำให้พระองค์โกรธเพราะสิ่งที่พวกท่านสร้างขึ้นมากับมือ” แล้วโมเสสก็ร้องบทเพลงให้ชาวอิสราเอลทั้งหมดฟัง
เฉลยธรรมบัญญัติ 31:14-30 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
และพระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “นี่แน่ะ วันซึ่งเจ้าต้องตายก็ใกล้เข้ามาแล้ว จงเรียกโยชูวามา และพวกเจ้าจงมาเข้าเฝ้าเราในเต็นท์นัดพบ เพื่อเราจะได้กำชับเขา” โมเสสและโยชูวาก็เข้าไปในเต็นท์นัดพบ และพระยาห์เวห์ทรงปรากฏในเสาเมฆในเต็นท์นัดพบ และเสาเมฆนั้นอยู่ที่ประตูเต็นท์ และพระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “นี่แน่ะ เจ้าจะต้องหลับอยู่กับบรรพบุรุษของเจ้า และชนชาตินี้จะลุกขึ้นและเล่นชู้กับพระของคนต่างชาติในแผ่นดินที่เขาไปอยู่ท่ามกลางนั้น พวกเขาจะทอดทิ้งเราและหักพันธสัญญาซึ่งเราได้ทำไว้กับเขา แล้วในวันนั้นเราจะกริ้วต่อเขา และจะทอดทิ้งเขาและซ่อนหน้าของเราจากเขา พวกเขาจะถูกกลืน และเผชิญสิ่งร้ายและความลำบากมากมาย ในวันนั้นเขาจะกล่าวว่า ‘เราเผชิญสิ่งร้ายเหล่านี้ เพราะพระเจ้าไม่สถิตท่ามกลางเราไม่ใช่หรือ?’ ในวันนั้นเราจะซ่อนหน้าของเราเป็นแน่ เนื่องจากความชั่วที่เขาทำเพราะเขาได้หันไปหาพระอื่น ดังนั้นพวกเจ้าจงเขียนบทเพลงนี้ และสอนคนอิสราเอลให้ร้องจนติดปาก เพื่อบทเพลงนี้จะเป็นพยานของเราปรักปรำคนอิสราเอล เพราะเมื่อเรานำเขาเข้ามาในแผ่นดินซึ่งมีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ ซึ่งเราได้ปฏิญาณจะให้แก่บรรพบุรุษของเขา และเขาได้รับประทานอิ่มหนำและอ้วนพี เขาจะหันไปปรนนิบัติพระอื่น และหมิ่นประมาทเราและผิดพันธสัญญาของเรา และเมื่อเขาเผชิญสิ่งร้ายและความลำบากมากมายแล้ว เพลงบทนี้จะเป็นพยานต่อหน้าเขา (เพราะว่าเพลงนี้จะติดปากลูกหลานของเขาไม่รู้ลืม) เพราะเรารู้ถึงความมุ่งหมายที่เขาจะทำ ก่อนที่เราจะนำเขาเข้าไปในแผ่นดินซึ่งเราปฏิญาณไว้นั้น” โมเสสจึงเขียนบทเพลงนี้ในวันเดียวกันนั้นและสอนแก่คนอิสราเอล พระองค์ตรัสสั่งโยชูวาบุตรนูนว่า “จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด เพราะเจ้าจะนำคนอิสราเอลเข้าไปในแผ่นดินซึ่งเราปฏิญาณแก่เขา เราจะอยู่กับเจ้า” เมื่อโมเสสเขียนถ้อยคำของธรรมบัญญัตินี้ลงในหนังสือจนจบแล้ว โมเสสก็บัญชาคนเลวีผู้หามหีบพันธสัญญาแห่งพระยาห์เวห์ว่า “จงรับหนังสือแห่งธรรมบัญญัตินี้วางไว้ข้างหีบพันธสัญญาแห่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ให้อยู่ที่นั่นเพื่อเป็นพยานปรักปรำท่าน เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าพวกท่านเป็นคนมักกบฏและหัวแข็ง นี่แน่ะ เมื่อข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่กับท่านวันนี้ ท่านยังกบฏต่อพระยาห์เวห์ เมื่อข้าพเจ้าตายแล้วจะยิ่งกว่านี้สักเท่าใด ท่านจงเรียกประชุมพวกผู้ใหญ่ของทุกเผ่า และเจ้าหน้าที่ทั้งหมด เพื่อข้าพเจ้าจะได้กล่าวถ้อยคำเหล่านี้ให้เขาฟัง และอัญเชิญสวรรค์และโลกให้เป็นพยานปรักปรำเขา เพราะข้าพเจ้าทราบแน่ว่าเมื่อข้าพเจ้าตายแล้ว ท่านจะประพฤติหลงผิดไปเป็นแน่ และหันเหไปจากทางซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาท่านไว้ ท่านจะเผชิญความทุกข์ลำบากในเวลาต่อมา เพราะว่าท่านจะทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรพระยาห์เวห์ ทำให้พระองค์กริ้วด้วยสิ่งที่มือท่านทำ” โมเสสจึงกล่าวถ้อยคำในบทเพลงต่อไปนี้ให้เข้าหูชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดจนจบ
เฉลยธรรมบัญญัติ 31:14-30 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “ดูเถิด วันซึ่งเจ้าต้องตายก็ใกล้เข้ามาแล้ว จงเรียกโยชูวามา และเจ้าทั้งสองจงมาเฝ้าเราในพลับพลาแห่งชุมนุม เพื่อเราจะได้กำชับเขา” โมเสสและโยชูวาก็เข้าไปและเข้าเฝ้าพระองค์ในพลับพลาแห่งชุมนุม และพระเยโฮวาห์ทรงปรากฏในเสาเมฆในพลับพลาแห่งชุมนุม และเสาเมฆนั้นอยู่ที่ประตูพลับพลาแห่งชุมนุม และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “ดูเถิด ตัวเจ้าจวนจะต้องหลับอยู่กับบรรพบุรุษของเจ้าแล้ว และชนชาตินี้จะลุกขึ้นและเล่นชู้กับพระของคนต่างด้าวแห่งแผ่นดินนี้ ในที่ที่เขาไปอยู่ท่ามกลางนั้น เขาทั้งหลายจะทอดทิ้งเราเสียและหักพันธสัญญาซึ่งเราได้กระทำไว้กับเขา แล้วในวันนั้นเราจะกริ้วต่อเขา และเราจะทอดทิ้งเขาเสียและซ่อนหน้าของเราเสียจากเขา เขาทั้งหลายจะถูกกลืน และสิ่งร้ายกับความลำบากเป็นอันมากจะมาถึงเขา ในวันนั้นเขาจึงจะกล่าวว่า ‘สิ่งร้ายเหล่านี้ตกแก่เรา เพราะพระเจ้าไม่ทรงสถิตท่ามกลางเราไม่ใช่หรือ’ ในวันนั้นเราจะซ่อนหน้าของเราเสียจากเขาเป็นแน่ ด้วยเหตุความชั่วทั้งหลายซึ่งเขาได้กระทำ เพราะเขาได้หันไปหาพระอื่น เพราะฉะนั้นบัดนี้เจ้าทั้งสองจงเขียนบทเพลงนี้ และสอนคนอิสราเอลให้ร้องจนติดปาก เพื่อบทเพลงนี้จะเป็นพยานของเราปรักปรำคนอิสราเอล เพราะว่าเมื่อเราจะได้นำเขาเข้ามาในแผ่นดินซึ่งมีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ ซึ่งเราได้ปฏิญาณแก่บรรพบุรุษของเขา และเขาได้รับประทานอิ่มหนำและอ้วนพี เขาจะหันไปปรนนิบัติพระอื่น และหมิ่นประมาทเรา และผิดพันธสัญญาของเรา และต่อมาเมื่อสิ่งร้ายและความลำบากหลายอย่างมาถึงเขาแล้ว เพลงบทนี้จะเผชิญหน้าเป็นพยาน เพราะว่าเพลงนี้จะอยู่ที่ปากเชื้อสายของเขาไม่มีวันลืม เพราะแม้แต่เวลานี้เองเรารู้ถึงความมุ่งหมายที่เขากำลังจะก่อขึ้นมาแล้ว ก่อนที่เราจะนำเขาเข้าไปในแผ่นดินซึ่งเราปฏิญาณไว้นั้น” โมเสสจึงได้เขียนบทเพลงนี้ในวันเดียวกันนั้น และสอนให้แก่ประชาชนอิสราเอล พระองค์ตรัสสั่งโยชูวาบุตรชายนูนว่า “จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด เพราะเจ้าจะนำคนอิสราเอลเข้าไปในแผ่นดินซึ่งเราปฏิญาณว่าจะให้แก่เขา เราจะอยู่กับเจ้า” ต่อมาเมื่อโมเสสเขียนถ้อยคำของพระราชบัญญัตินี้ลงในหนังสือจนจบแล้ว โมเสสก็บัญชาคนเลวีผู้หามหีบพันธสัญญาแห่งพระเยโฮวาห์ว่า “จงรับหนังสือพระราชบัญญัตินี้วางไว้ข้างหีบพันธสัญญาแห่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ให้อยู่ที่นั่นเพื่อเป็นพยานปรักปรำท่าน เพราะข้าพเจ้ารู้ว่า ท่านทั้งหลายเป็นคนมักกบฏและคอแข็ง ดูเถิด เมื่อข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่กับท่านวันนี้ ท่านก็ยังกบฏต่อพระเยโฮวาห์ เมื่อข้าพเจ้าตายแล้วจะร้ายกว่านี้สักเท่าใด ท่านจงเรียกประชุมพวกผู้ใหญ่ของทุกตระกูล และเจ้าหน้าที่ทั้งหมด เพื่อข้าพเจ้าจะได้กล่าวถ้อยคำเหล่านี้ให้เขาฟัง และอัญเชิญสวรรค์และโลกให้เป็นพยานปรักปรำเขา เพราะข้าพเจ้าทราบว่าเมื่อข้าพเจ้าตายแล้ว ท่านจะประพฤติตัวเสื่อมทรามอย่างที่สุด และหันเหไปจากทางซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาท่านไว้ ความชั่วร้ายจะตกแก่ท่านในวันข้างหน้า เพราะว่าท่านจะกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์ ซึ่งเป็นการยั่วยุให้พระองค์ทรงกริ้วโกรธด้วยการที่มือท่านกระทำ” โมเสสก็ได้กล่าวถ้อยคำในบทเพลงต่อไปนี้ให้เข้าหูประชุมชนอิสราเอลทั้งหมดจนจบ
เฉลยธรรมบัญญัติ 31:14-30 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
และพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า <<ดูเถิด วันซึ่งเจ้าต้องตายก็ใกล้เข้ามาแล้ว จงเรียกโยชูวามา และเจ้าทั้งสองจงมาเฝ้าเราในเต็นท์นัดพบ เพื่อเราจะได้กำชับเขา>> โมเสสและโยชูวาก็เข้าไปในเต็นท์นัดพบ และพระเยโฮวาห์ทรงปรากฏในเสาเมฆที่ในเต็นท์นัดพบ และเสาเมฆนั้นอยู่ที่ประตูเต็นท์นัดพบ และพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า <<ดูเถิด ตัวเจ้าจวนจะต้องหลับอยู่กับบรรพบุรุษของเจ้าแล้ว และชนชาตินี้จะลุกขึ้นและเล่นชู้กับพระแปลกๆของแผ่นดินนี้ ในที่ที่เขาไปอยู่ท่ามกลางนั้น เขาทั้งหลายจะทอดทิ้งเราเสียและหักพันธสัญญาซึ่งเราได้ กระทำไว้กับเขา แล้วในวันนั้นเราจะกริ้วต่อเขา และเราจะทอดทิ้งเขาเสียและซ่อนหน้าของเราเสียจากเขา เขาทั้งหลายจะถูกกลืน และสิ่งร้ายกับความลำบากเป็นอันมากจะมาถึงเขา ในวันนั้นเขาจึงจะกล่าวว่า <สิ่งร้ายเหล่านี้ตกแก่เรา เพราะพระเจ้าไม่ทรงสถิตท่ามกลางเราไม่ใช่หรือ> ในวันนั้นเราจะซ่อนหน้าของเราเสียจากเขาเป็นแน่ ด้วยเหตุความชั่วซึ่งเขาได้กระทำเพราะเขาได้หัน ไปหาพระอื่น เหตุฉะนี้เจ้าทั้งสองจงเขียนบทเพลงนี้ และสอนคนอิสราเอลให้ร้องจนติดปาก เพื่อบทเพลงนี้จะเป็นพยานของเราปรักปรำคนอิสราเอล เพราะว่าเมื่อเราจะได้นำเขาเข้ามาในแผ่นดิน ซึ่งมีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ ซึ่งเราได้ปฏิญาณจะประทานแก่บรรพบุรุษของเขา และเขาได้รับประทานอิ่มหนำและอ้วนพี เขาจะหันไปปรนนิบัติพระอื่น และหมิ่นประมาท เราและผิดพันธสัญญาของเรา และเมื่อสิ่งร้ายและความลำบากหลายอย่างมาถึงเขาแล้ว เพลงบทนี้จะเผชิญหน้าเป็นพยาน (เพราะว่าเพลงนี้จะอยู่ที่ปากลูกหลานของเขาไม่มีวันลืม) เพราะเรารู้ถึงความมุ่งหมายที่เขากำลังจะก่อขึ้นมาแล้ว ก่อนที่เราจะนำเขาเข้าไปในแผ่นดินซึ่งเราปฏิญาณไว้นั้น>> โมเสสจึงได้เขียนบทเพลงนี้ในวันเดียวกันนั้นและสอนให้ แก่ประชาชนอิสราเอล พระองค์ตรัสสั่งโยชูวาบุตรนูนว่า <<จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด เพราะเจ้าจะนำคนอิสราเอลเข้าไปในแผ่นดินซึ่งเราปฏิญาณว่าจะให้แก่เขา เราจะอยู่กับเจ้า>> เมื่อโมเสสเขียนถ้อยคำของธรรมบัญญัตินี้ลงใน หนังสือจนจบแล้ว โมเสสก็บัญชาคนเลวีผู้หามหีบพันธสัญญาแห่งพระเจ้าว่า <<จงรับหนังสือธรรมบัญญัตินี้วางไว้ข้างหีบพันธสัญญา แห่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านให้อยู่ที่นั่นเพื่อ เป็นพยานปรักปรำท่าน เพราะเรารู้ว่า ท่านทั้งหลายเป็นคนมักฝ่าฝืนและดื้อดึง ดูเถิด เมื่อข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่กับท่าน วันนี้ท่านก็ยังฝ่าฝืนพระเจ้า เมื่อข้าพเจ้าตายแล้วจะร้ายกว่านี้สักเท่าใด ท่านจงเรียกประชุมพวกผู้ใหญ่ของทุกเผ่า และเจ้าหน้าที่ทั้งหมด เพื่อข้าพเจ้าจะได้กล่าวถ้อยคำเหล่านี้ให้เขาฟัง และอัญเชิญสวรรค์และโลกให้เป็นพยานปรักปรำเขา เพราะข้าพเจ้าทราบแน่ว่าเมื่อข้าพเจ้าตายแล้ว ท่านจะประพฤติหลงผิดไปเป็นแน่ และหันเหไปจากทางซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาท่านไว้ ความทุกข์ลำบากจะตกแก่ท่านในวันข้างหน้า เพราะว่าท่านจะกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรพระเจ้า กระทำให้พระองค์ทรงกริ้วด้วยการที่มือท่านกระทำ>> โมเสสก็ได้กล่าวถ้อยคำในบทเพลงต่อไปนี้ให้เข้าหู ประชุมชนอิสราเอลทั้งหมดจนจบ
เฉลยธรรมบัญญัติ 31:14-30 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “ใกล้จะถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว จงเรียกโยชูวาเข้ามาในเต็นท์นัดพบเพื่อเราจะมอบหมายภารกิจให้เขา” ดังนั้นโมเสสกับโยชูวาจึงมาที่เต็นท์นัดพบ แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาปรากฏในเสาเมฆที่ทางเข้าเต็นท์ และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เจ้าจะล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของเจ้า แล้วไม่นานประชากรเหล่านี้จะขายตัวให้พระของคนต่างชาติในดินแดนที่เขาจะเข้าไป เขาจะทิ้งเราและละเมิดพันธสัญญาที่เราทำไว้กับพวกเขา ในวันนั้นเราจะโกรธพวกเขาและละทิ้งพวกเขา เราจะซ่อนหน้าจากพวกเขาและพวกเขาจะถูกทำลาย ภัยพิบัติและความยุ่งยากนานัปการจะเกิดกับพวกเขาจนพวกเขาพูดว่า ‘ภัยพิบัติเหล่านี้เกิดกับเราเพราะพระเจ้าของเราไม่ได้อยู่กับเราแล้วไม่ใช่หรือ?’ และในวันนั้นเราจะซ่อนหน้าจากพวกเขาอย่างแน่นอน เพราะความชั่วช้าทั้งปวงของพวกเขาที่หันไปหาพระอื่นๆ “บัดนี้เจ้าทั้งสองจงเขียนบทเพลงนี้และสอนประชากรอิสราเอลให้ขับร้อง เพื่อเป็นพยานฝ่ายเราต่อสู้พวกเขา เมื่อเรานำพวกเขาเข้าสู่ดินแดนอันอุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้งที่เราสัญญาด้วยคำปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา เมื่อพวกเขาอิ่มหมีพีมันและรุ่งเรือง พวกเขาจะหันไปนมัสการพระอื่นแล้วละทิ้งเราและละเมิดพันธสัญญาของเรา เมื่อภัยพิบัติและความยุ่งยากนานัปการเกิดกับพวกเขา บทเพลงนี้จะเป็นพยานต่อสู้พวกเขา เพราะลูกหลานของพวกเขาจะไม่ลืมบทเพลงนี้ เรารู้อยู่แล้วว่าพวกเขามีแนวโน้มจะทำอะไรตั้งแต่ก่อนที่เราจะนำพวกเขาเข้าไปในดินแดนซึ่งเราสัญญาด้วยคำปฏิญาณกับพวกเขา” ดังนั้นโมเสสจึงเขียนเนื้อเพลงบทนี้ในวันนั้นและสอนชาวอิสราเอล พระองค์ทรงบัญชาโยชูวาบุตรนูนว่า “จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด เพราะเจ้าจะนำประชากรอิสราเอลเข้าสู่ดินแดนที่เราสัญญาด้วยคำปฏิญาณไว้กับพวกเขา และเราเองจะอยู่กับเจ้า” เมื่อโมเสสเขียนบทบัญญัติทั้งปวงซึ่งบันทึกไว้ในหนังสือนี้ตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว ท่านกำชับคนเลวีซึ่งหามหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “จงวางหนังสือบทบัญญัตินี้ไว้ข้างหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และมันจะอยู่ที่นั่นเป็นพยานต่อสู้พวกท่าน เพราะข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าพวกท่านชอบกบฏและดื้อรั้นหัวแข็งเพียงใด แม้ทุกวันนี้ซึ่งข้าพเจ้ายังอยู่กับท่าน ท่านยังกบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าถึงเพียงนี้ ท่านจะยิ่งกบฏมากขึ้นสักเพียงใดหลังจากที่ข้าพเจ้าตายไปแล้ว! จงเรียกผู้อาวุโสประจำเผ่าทั้งปวงและเจ้าหน้าที่ทั้งหมดของท่านมาประชุมเพื่อข้าพเจ้าจะกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ให้เขาฟัง และอ้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกมาเป็นพยานต่อสู้พวกเขา เพราะข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าหลังจากข้าพเจ้าตายไปแล้ว ท่านจะเสื่อมทรามลงและหันเหจากทางที่ข้าพเจ้ากำชับท่านไว้ ในเวลาต่อมาภัยพิบัติย่อมเกิดแก่ท่าน เพราะท่านจะทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าและยั่วยุพระพิโรธของพระองค์ด้วยสิ่งที่มือของท่านได้ทำ” แล้วโมเสสจึงท่องบทเพลงตั้งแต่ต้นจนจบให้ชุมชนอิสราเอลฟังดังนี้
เฉลยธรรมบัญญัติ 31:14-30 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “ดูเถิด ใกล้วันแล้วที่เจ้าจะต้องตาย จงเรียกโยชูวามา และเจ้าทั้งสองมาด้วยกันยังกระโจมที่นัดหมาย แล้วเราจะมอบหมายหน้าที่แก่เขา” ครั้นแล้วโมเสสและโยชูวาก็ไปยังกระโจมที่นัดหมายด้วยกัน แล้วพระผู้เป็นเจ้าก็ปรากฏที่กระโจมในลักษณะของเมฆก้อนมหึมาดั่งเสาหลัก และเมฆก้อนมหึมาดั่งเสาหลักหยุดอยู่ที่ทางเข้ากระโจม พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “ดูเถิด เจ้ากำลังจะสิ้นชีวิตไปอยู่กับบรรพบุรุษของเจ้า และชนชาตินี้จะปันใจไปเชื่อในบรรดาเทพเจ้าต่างชาติประหนึ่งหญิงแพศยาของแผ่นดินที่พวกเขากำลังจะเข้าไปอยู่ พวกเขาจะทอดทิ้งเราและไม่รักษาพันธสัญญาที่เราทำไว้กับพวกเขา ความโกรธของเราจะพลุ่งขึ้นต่อพวกเขาในวันนั้น แล้วเราจะทอดทิ้งเขา และซ่อนหน้าจากเขา พวกเขาจะถูกทำลาย จะประสบกับความเลวร้ายและความทุกข์ยาก เขาจะพูดกันในวันนั้นว่า ‘พวกเราประสบสิ่งเลวร้ายเหล่านี้ก็เพราะพระเจ้าของเราไม่อยู่กับพวกเรามิใช่หรือ’ แล้วเราจะซ่อนหน้าในวันนั้น เพราะพวกเขากระทำสิ่งเลวร้ายทั้งปวง โดยหันเข้าหาบรรดาเทพเจ้า บัดนี้ เจ้าจงเขียนบทเพลงนี้สำหรับพวกเขาและสอนชาวอิสราเอลให้ร้องจนขึ้นใจ เพลงนี้จะเป็นพยานกล่าวโทษชาวอิสราเอลให้เรา เพราะเมื่อเรานำพวกเขาเข้าไปในแผ่นดินอันอุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง ซึ่งเราได้ปฏิญาณไว้ว่าจะให้แก่บรรพบุรุษของพวกเขาแล้ว พวกเขาก็กินจนอิ่มหนำและอ้วนพี และจะหันเข้าหาบรรดาเทพเจ้า และบูชาสิ่งเหล่านั้น และหันหลังให้เราและไม่รักษาพันธสัญญาของเรา เมื่อพวกเขาประสบกับความเลวร้ายและความทุกข์ยากมากมาย เพลงนี้ก็จะยืนยันต่อหน้าพวกเขาเหมือนเป็นพยาน เพราะบรรดาผู้สืบเชื้อสายของเขาจะไม่ลืมเพลงที่ร้องจากปากตนเอง เพราะเรารู้จุดประสงค์ที่พวกเขามี ก่อนที่เราจะพาพวกเขาเข้าไปในแผ่นดินที่เราได้ปฏิญาณไว้ว่าจะมอบให้” ดังนั้น โมเสสจึงเขียนเพลงนี้ไว้ในวันเดียวกันนั้น และสอนให้แก่ชาวอิสราเอล และพระองค์มอบหมายหน้าที่แก่โยชูวาบุตรของนูนโดยกล่าวว่า “จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด เพราะเจ้าจะนำชาวอิสราเอลเข้าไปในแผ่นดินที่เราได้ปฏิญาณไว้ว่าจะให้แก่พวกเขา เราจะอยู่กับเจ้า” เมื่อโมเสสเขียนคำกล่าวในกฎบัญญัตินี้ลงในหนังสือจบแล้ว โมเสสบัญชาชาวเลวีผู้เป็นฝ่ายหามหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าว่า “จงเอาหนังสือกฎบัญญัติฉบับนี้ไปวางไว้ที่ข้างหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน เพื่อให้อยู่ที่นั่นเป็นพยานกล่าวโทษท่าน เพราะเราทราบว่าพวกท่านชอบขัดขืนและดื้อรั้นเพียงไร ดูเถิด แม้ว่าขณะนี้เรายังมีชีวิตอยู่กับพวกท่าน พวกท่านก็ยังขัดขืนพระผู้เป็นเจ้า หลังจากเราตายไปแล้ว พวกท่านจะกระทำยิ่งกว่าเพียงไร จงเรียกหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ทั้งปวงและเจ้าหน้าที่ประจำเผ่าของท่านมาประชุมร่วมกับเรา เราจะได้พูดให้พวกเขาได้ยินด้วยหูของเขาเอง และจะให้ฟ้าดินเป็นพยานกล่าวโทษพวกเขา เพราะเราทราบว่าหลังจากที่เราตายไปแล้ว พวกท่านจะประพฤติอย่างเสื่อมทรามอย่างที่สุด และหันไปจากวิถีทางที่เราได้บัญชาไว้ และจากนั้นสิ่งเลวร้ายจะเกิดขึ้นกับพวกท่าน เพราะท่านจะกระทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า และยั่วโทสะพระองค์ด้วยสิ่งที่ท่านสร้างขึ้น” ครั้นแล้ว โมเสสก็กล่าวคำในบทเพลงนี้จนจบ ให้ทุกคนในที่ประชุมของอิสราเอลได้ยินดังนี้ว่า