เฉลยธรรมบัญญัติ 9:8-29
เฉลยธรรมบัญญัติ 9:8-29 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
แม้ที่โฮเรบ ท่านก็ทำให้พระยาห์เวห์ทรงพระพิโรธ และพระยาห์เวห์ก็กริ้วมากถึงกับจะทรงทำลายท่านทั้งหลายเสีย เมื่อข้าพเจ้าขึ้นไปบนภูเขาเพื่อจะรับศิลาจารึก คือแผ่นจารึกพันธสัญญาซึ่งพระยาห์เวห์ทรงกระทำกับพวกท่าน ข้าพเจ้าอยู่บนภูเขาสี่สิบวันสี่สิบคืน ข้าพเจ้าไม่ได้รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ และพระยาห์เวห์ได้ประทานศิลาจารึกสองแผ่นที่ทรงจารึกด้วยนิ้วพระหัตถ์ของพระเจ้าแก่ข้าพเจ้า บนแผ่นจารึกนั้นมีพระวจนะทั้งสิ้นซึ่งพระยาห์เวห์ได้ตรัสกับท่านทั้งหลายบนภูเขาจากท่ามกลางเพลิงในวันที่ประชุมกันอยู่ เมื่อสิ้นสี่สิบวันสี่สิบคืนแล้ว พระยาห์เวห์ประทานศิลาจารึกสองแผ่นเป็นแผ่นจารึกพันธสัญญา แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘จงลุกขึ้นรีบลงไปจากที่นี่เถิด เพราะชนชาติของเจ้าซึ่งเจ้านำออกจากอียิปต์ได้ทำเรื่องเสื่อมเสีย พวกเขาได้หันจากทางซึ่งเราบัญชาเขาไว้นั้นอย่างรวดเร็ว เขาได้หล่อรูปเคารพไว้สำหรับตัวเอง’ “และพระยาห์เวห์ยังตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘เราได้เห็นชนชาตินี้แล้ว และดูสิ เขาเป็นชนชาติที่หัวแข็ง ขออย่ายับยั้งเรา ให้เราทำลายพวกเขา และลบชื่อของเขาเสียจากใต้ฟ้า และเราจะทำให้เจ้าเป็นชนชาติที่มีกำลังและมีจำนวนมากกว่าเขา’ ข้าพเจ้าจึงกลับลงมาจากภูเขา และภูเขานั้นก็มีเพลิงลุกอยู่ และศิลาพันธสัญญาสองแผ่นนั้นก็อยู่ในมือทั้งสองของข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้ามองดู นี่แน่ะ ท่านทั้งหลายได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านแล้ว ท่านทั้งหลายได้หล่อรูปลูกโคไว้สำหรับตัวเอง ท่านได้หันจากพระมรรคาซึ่งพระยาห์เวห์ทรงบัญชาท่านอย่างรวดเร็ว ข้าพเจ้าจึงยกศิลาทั้งสองแผ่นขึ้นและเหวี่ยงเสียจากมือทั้งสองของข้าพเจ้าและทำมันแตกต่อหน้าต่อตาของพวกท่าน แล้วข้าพเจ้าก็หมอบกราบลงเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์อย่างครั้งก่อน ไม่ได้รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำสี่สิบวันสี่สิบคืน เพราะบาปทั้งสิ้นที่ท่านทั้งหลายทำ คือได้ทำชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ทำให้พระองค์ทรงพระพิโรธ เพราะข้าพเจ้ากลัวพระพิโรธและความเกรี้ยวกราดอย่างรุนแรง ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงมีต่อท่าน จนถึงกับจะทรงทำลายท่านอยู่แล้ว แต่พระยาห์เวห์ทรงฟังข้าพเจ้าในครั้งนั้นด้วย พระยาห์เวห์ทรงพระพิโรธอาโรนมาก พระองค์จะทรงทำลายเขาเช่นกัน ในเวลานั้นข้าพเจ้าก็อธิษฐานเผื่ออาโรนด้วย แล้วข้าพเจ้าจึงเอาบาปของพวกท่าน คือรูปลูกโคซึ่งพวกท่านสร้างขึ้นนั้นเผาไฟเสีย แล้วทุบและบดให้เป็นผงละเอียดอย่างกับฝุ่น แล้วก็ทิ้งผงนั้นลงในลำธารซึ่งไหลลงมาจากภูเขา “ท่านทั้งหลายได้ทำให้พระยาห์เวห์ทรงพระพิโรธที่ทาเบ-ราห์ และที่มัสสาห์ และที่ขิบโรทหัทธาอาวาห์ และเมื่อพระยาห์เวห์ทรงใช้พวกท่านไปจากคาเดชบารเนีย พระองค์ตรัสว่า ‘จงขึ้นไปยึดครองแผ่นดินซึ่งเราได้ให้เจ้า’ แต่ท่านกลับกบฏต่อพระบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ไม่ยอมเชื่อฟังหรือประพฤติตามพระสุรเสียงของพระองค์ ท่านทั้งหลายกบฏต่อพระยาห์เวห์ตั้งแต่วันที่ข้าพเจ้ารู้จักท่าน “ข้าพเจ้าจึงหมอบกราบลงเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์สี่สิบวันสี่สิบคืน เพราะพระยาห์เวห์ตรัสว่าจะทรงทำลายท่านทั้งหลายเสีย ข้าพเจ้าได้อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย ขออย่าทรงทำลายประชากรของพระองค์และมรดกของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงไถ่มาด้วยความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ผู้ที่พระองค์ทรงนำออกมาจากอียิปต์ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ ขอทรงระลึกถึงบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ คือ อับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ขออย่าใส่พระทัยในความดื้อดึง ความชั่วร้าย หรือบาปของชนชาตินี้ เกรงว่าชาวแผ่นดินซึ่งพระองค์ทรงนำพวกข้าพระองค์จากมานั้นจะว่า “เพราะพระยาห์เวห์ไม่ทรงสามารถจะนำเขาทั้งหลายเข้าไปในแผ่นดินซึ่งทรงสัญญากับเขาไว้ และเพราะพระองค์ทรงเกลียดชังเขา พระองค์จึงทรงนำเขาออกมาเพื่อจะฆ่าเสียในถิ่นทุรกันดาร” แต่เขาทั้งหลายเป็นประชากรของพระองค์และเป็นมรดกของพระองค์ ซึ่งทรงนำออกมาด้วยฤทธานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์และด้วยพระกรที่เหยียดออกของพระองค์’
เฉลยธรรมบัญญัติ 9:8-29 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
พวกท่านทำให้พระยาห์เวห์โกรธตอนที่อยู่บนภูเขาซีนาย พระยาห์เวห์โกรธถึงขนาดที่จะทำลายพวกท่าน เมื่อเราขึ้นไปบนภูเขาเพื่อรับแผ่นหินซึ่งเป็นแผ่นหินของข้อตกลงที่พระยาห์เวห์ทำไว้กับพวกท่าน เราอยู่บนภูเขาเป็นเวลาถึงสี่สิบวันสี่สิบคืน ไม่ได้กินอาหารหรือดื่มน้ำ พระยาห์เวห์ได้ให้แผ่นหินสองแผ่นกับเรา เป็นแผ่นหินที่พระเจ้าใช้นิ้วมือของพระองค์เขียนขึ้นมา บนแผ่นหินนั้นคือคำสั่งสอนทั้งหมดที่พระยาห์เวห์ได้พูดไว้กับพวกท่าน พระองค์พูดออกมาจากไฟบนภูเขาในวันที่พวกท่านรวมตัวกันอยู่ที่นั่น เมื่อครบสี่สิบวันสี่สิบคืนแล้ว พระยาห์เวห์ได้ให้แผ่นหินสองแผ่นนั้นกับเรา เป็นแผ่นหินของข้อตกลง พระยาห์เวห์พูดกับเราว่า ‘ลุกขึ้นและรีบลงไปจากที่นี่ เพราะประชาชนของเจ้าที่เจ้านำออกมาจากประเทศอียิปต์นั้น ได้ทำตัวเสื่อมทราม พวกเขาได้หันเหไปอย่างรวดเร็วจากสิ่งที่เราได้สั่งให้พวกเขาทำ พวกเขาได้ทำรูปเคารพจากโลหะสำหรับตัวเอง’ พระยาห์เวห์ได้พูดกับผมว่า ‘เราได้มองดูคนพวกนี้ เขาเป็นคนที่ดื้อรั้นจริงๆ โมเสส เจ้าไม่ต้องมายุ่งกับเรา เราจะทำลายพวกเขา และจะลบชื่อพวกเขาออกจากใต้ฟ้านี้ และเราจะทำให้เจ้าเป็นชาติที่เข้มแข็งและมีจำนวนมากกว่าพวกเขา’ แล้วเราก็กลับลงมาจากภูเขา ภูเขากำลังลุกไหม้เป็นไฟ หินของข้อตกลงทั้งสองแผ่นนั้นอยู่ในมือเรา แล้วเรามองดู เห็นว่าพวกท่านได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์ พวกท่านได้ทำรูปเคารพจากโลหะเป็นรูปลูกวัวให้กับตัวพวกท่านเอง พวกท่านหันเหไปอย่างรวดเร็วจากสิ่งที่พระยาห์เวห์เคยสั่งท่านไว้ เราจึงขว้างหินทั้งสองแผ่นนั้นด้วยมือทั้งสองของเราเอง และทำให้มันแตกต่อหน้าต่อตาพวกท่าน และก็เหมือนกับครั้งก่อน เราได้ก้มหน้ากราบลงกับพื้นดินต่อหน้าพระยาห์เวห์เป็นเวลาสี่สิบวันสี่สิบคืน ไม่ได้กินอาหารหรือดื่มน้ำ เราทำสิ่งต่างๆนี้ก็เพราะบาปทั้งหมดที่พวกท่านได้ทำไป คือพวกท่านได้ทำในสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์ เพราะอย่างนี้จึงทำให้พระองค์โกรธ เรากลัวความโกรธและความเดือดดาลของพระองค์ เพราะพระยาห์เวห์โกรธถึงขนาดที่จะทำลายพวกท่าน แต่ตอนนั้นพระยาห์เวห์ได้ฟังเรา พระยาห์เวห์โกรธอาโรนถึงขนาดที่จะทำลายเขา แต่เราได้อธิษฐานเผื่ออาโรนเหมือนกันในตอนนั้น เราได้เอาสิ่งที่เป็นบาปที่พวกท่านได้สร้างขึ้นมา คือลูกวัวไปเผาไฟ และเราก็ทำให้มันแตกเป็นชิ้นๆ บดมันจนละเอียดเป็นผุยผง แล้วเราก็โปรยผงนั้นลงในลำธารที่ไหลลงมาจากภูเขา ที่ทาเบราห์ ที่มัสสาห์ และที่ขิบโรท-หัทธาอาวาห์ก็เหมือนกัน พวกท่านทำให้พระยาห์เวห์โกรธ เมื่อพระยาห์เวห์ส่งพวกท่านจากคาเดช-บารเนีย และพูดว่า ‘ขึ้นไปยึดเป็นเจ้าของแผ่นดินที่เราได้ให้ไว้กับพวกเจ้า’ พวกท่านขัดขืนคำสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พวกท่านไม่ไว้วางใจพระองค์และไม่เชื่อฟังพระองค์ พวกท่านได้ขัดขืนพระยาห์เวห์มาตลอด ตั้งแต่วันที่เรารู้จักพวกท่านเป็นครั้งแรก เมื่อเราก้มหน้าลงกราบพระยาห์เวห์เป็นเวลาสี่สิบวันสี่สิบคืน เพราะพระยาห์เวห์บอกว่า พระองค์จะทำลายพวกท่าน เราได้อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า อย่าได้ทำลายคนของพระองค์ที่เป็นของรักของหวงที่มีค่าของพระองค์เลย พระองค์ไถ่ให้พวกเขาเป็นอิสระด้วยฤทธิ์อำนาจที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระองค์นำพวกเขาออกมาจากอียิปต์ด้วยมืออันทรงพลังของพระองค์ โปรดระลึกถึงอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ ผู้รับใช้ของพระองค์ อย่าไปสนใจกับความดื้อดึง ความชั่วร้ายและความบาปของคนพวกนี้เลย ไม่อย่างนั้นชาวอียิปต์จะพูดว่า “เพราะพระยาห์เวห์ไม่สามารถนำพวกเขาเข้าสู่แผ่นดินที่พระองค์สัญญาไว้กับพวกเขา และเพราะพระองค์เกลียดพวกเขา พระองค์จึงนำพวกเขาออกไปและฆ่าพวกเขาในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง” พวกเขาคือคนของพระองค์ เป็นสมบัติของพระองค์เอง พระองค์ได้นำพวกเขาออกมาด้วยความแข็งแกร่งและอำนาจของพระองค์’
เฉลยธรรมบัญญัติ 9:8-29 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
แม้ว่าที่โฮเรบท่านก็กระทำให้พระเยโฮวาห์ทรงพิโรธ และพระเยโฮวาห์ก็ทรงกริ้วมากถึงกับจะทำลายท่านทั้งหลายเสีย เมื่อข้าพเจ้าขึ้นไปบนภูเขาเพื่อจะรับแผ่นศิลา เป็นแผ่นศิลาพันธสัญญาซึ่งพระเยโฮวาห์กระทำไว้กับท่าน ข้าพเจ้าอยู่บนภูเขาสี่สิบวันสี่สิบคืน ข้าพเจ้าไม่ได้รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ และพระเยโฮวาห์ได้ประทานแผ่นศิลาสองแผ่นที่จารึกด้วยนิ้วพระหัตถ์ของพระเจ้าให้แก่ข้าพเจ้า บนศิลานั้นมีพระวจนะทั้งสิ้นซึ่งพระเยโฮวาห์ได้ตรัสกับท่านทั้งหลายบนภูเขาจากท่ามกลางเพลิงในวันที่ประชุมกันอยู่ ต่อมาเมื่อสิ้นสี่สิบวันสี่สิบคืนแล้ว พระเยโฮวาห์ประทานแผ่นศิลาสองแผ่น เป็นแผ่นศิลาพันธสัญญา แล้วพระเยโฮวาห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘จงลุกขึ้นลงไปจากที่นี่โดยเร็วเถิด เพราะชนชาติของเจ้าซึ่งเจ้านำออกจากอียิปต์ได้หลงกระทำผิด เขาได้หันเสียจากทางซึ่งเราบัญชาเขาไว้นั้นอย่างรวดเร็ว เขาได้หล่อรูปเคารพไว้สำหรับตัวเขาทั้งหลาย’ ยิ่งกว่านั้นอีกพระเยโฮวาห์ยังตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘เราได้เห็นชนชาตินี้แล้ว และดูเถิด เขาทั้งหลายเป็นชนชาติคอแข็ง ขออย่าทักท้วงเรา ให้เราทำลายเขา และลบชื่อของเขาเสียจากใต้ฟ้า และเราจะตั้งเจ้าให้เป็นประชาชาติที่มีกำลังกว่าและใหญ่กว่าเขา’ ข้าพเจ้าจึงกลับลงมาจากภูเขา และภูเขานั้นก็มีเพลิงลุกอยู่ และศิลาพันธสัญญาสองแผ่นนั้นก็อยู่ในมือทั้งสองของข้าพเจ้า ดูเถิด เมื่อข้าพเจ้ามองดูก็แลเห็นท่านทั้งหลายกระทำบาปต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายแล้ว ท่านทั้งหลายได้หล่อรูปลูกวัวไว้สำหรับท่าน ท่านได้หันจากพระมรรคาซึ่งพระเยโฮวาห์ได้บัญชาแก่ท่านอย่างรวดเร็ว ข้าพเจ้าจึงยกศิลาทั้งสองแผ่นเหวี่ยงเสียจากมือทั้งสองของข้าพเจ้าและทำศิลาให้แตกต่อหน้าต่อตาของท่านทั้งหลาย แล้วข้าพเจ้าก็ทรุดกราบลงต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์อย่างครั้งก่อนสี่สิบวันสี่สิบคืน มิได้รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ เพราะเหตุบาปทั้งสิ้นที่ท่านทั้งหลายได้กระทำ คือได้ประพฤติอย่างชั่วช้าในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์ ซึ่งเป็นการยั่วยุให้พระองค์ทรงกริ้วโกรธ เพราะข้าพเจ้ากลัวพระพิโรธและความไม่พอพระทัยอย่างรุนแรงซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงมีต่อท่าน พระองค์ก็จะทรงทำลายท่านอยู่แล้ว แต่พระเยโฮวาห์ทรงฟังข้าพเจ้าในครั้งนั้นด้วย พระเยโฮวาห์ทรงพิโรธต่ออาโรนมากจะทำลายเขาอยู่แล้ว ในครั้งนั้นข้าพเจ้าก็อธิษฐานเผื่ออาโรนด้วย แล้วข้าพเจ้าจึงเอาสิ่งที่บาปหนานั้น คือรูปลูกวัวซึ่งท่านสร้างขึ้นนั้นเผาเสียด้วยไฟ แล้วทุบแล้วบดให้เป็นผงละเอียดอย่างกับฝุ่น แล้วข้าพเจ้าก็โยนผงนั้นลงไปในลำธารซึ่งไหลลงมาจากภูเขา ท่านทั้งหลายได้กระทำให้พระเยโฮวาห์ทรงพิโรธที่ทาเบราห์ และที่มัสสาห์ และที่ขิบโรทหัทธาอาวาห์ และเมื่อพระเยโฮวาห์ทรงใช้ท่านไปจากคาเดชบารเนีย ตรัสว่า ‘จงขึ้นไปยึดครองแผ่นดินนั้นซึ่งเราได้ให้แก่เจ้า’ และท่านก็กบฏต่อพระบัญญัติของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ไม่ยอมเชื่อพระองค์ หรือเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ ท่านทั้งหลายได้กบฏต่อพระเยโฮวาห์เสมอตั้งแต่วันที่ข้าพเจ้ารู้จักท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าจึงกราบลงต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์สี่สิบวันสี่สิบคืนนี้ อย่างข้าพเจ้ากราบลงครั้งก่อนนั้น เพราะพระเยโฮวาห์ได้ตรัสว่าจะทรงทำลายท่านทั้งหลายเสีย ข้าพเจ้าได้อธิษฐานต่อพระเยโฮวาห์ว่า ‘โอ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า ขออย่าทรงทำลายประชาชนของพระองค์ และมรดกของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงไถ่เขาทั้งหลายมาด้วยความยิ่งใหญ่ของพระองค์ เป็นคนที่พระองค์ทรงนำออกมาจากอียิปต์ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ ขอทรงระลึกถึงบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ คืออับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ขออย่าทรงใส่พระทัยในความดื้อดึงความชั่วร้าย หรือบาปของชนชาตินี้ กลัวว่าชาวแผ่นดินซึ่งพระองค์ทรงพาข้าพระองค์ทั้งหลายจากมานั้นจะว่า เพราะพระเยโฮวาห์ไม่สามารถจะพาเขาทั้งหลายเข้าไปในแผ่นดินซึ่งพระองค์ทรงสัญญากับเขาไว้ และเพราะว่าพระองค์ทรงเกลียดชังเขา พระองค์จึงทรงพาเขาออกมาฆ่าเสียในถิ่นทุรกันดาร เพราะว่าเขาทั้งหลายเป็นประชาชนของพระองค์และเป็นมรดกของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงนำเขาออกมาด้วยเดชานุภาพยิ่งใหญ่และด้วยพระกรที่เหยียดออกของพระองค์’”
เฉลยธรรมบัญญัติ 9:8-29 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
แม้ว่าที่โฮเรบท่านก็กระทำให้พระเจ้าทรงพิโรธ และพระเจ้าก็ทรงกริ้วมากถึงกับจะทำลายท่านทั้งหลายเสีย เมื่อข้าพเจ้าขึ้นไปบนภูเขาเพื่อจะรับศิลาจารึก เป็นศิลาพันธสัญญาซึ่งพระเจ้ากระทำไว้กับท่าน ข้าพเจ้าอยู่บนภูเขาสี่สิบวันสี่สิบคืน ข้าพเจ้าไม่ได้รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ และพระเจ้าได้ประทานศิลาจารึกสองแผ่นที่ พระองค์ทรงจารึกเองด้วยนิ้วพระหัตถ์ให้แก่ข้าพเจ้า บนศิลานั้นมีพระวจนะทั้งสิ้นซึ่งพระเจ้าได้ตรัสกับ ท่านทั้งหลายบนภูเขาจากท่ามกลางเพลิงในวันที่ประชุมกันอยู่ เมื่อสิ้นสี่สิบวันสี่สิบคืนแล้ว พระเจ้า ประทานศิลาสองแผ่นเป็นศิลาพันธสัญญา แล้วพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า <จงลุกขึ้นลงไปจากที่นี่เถิด เพราะชนชาติของเจ้าซึ่งเจ้านำออกจากอียิปต์ได้หลงกระทำผิด เขาได้หันเสียจากทางซึ่งเราบัญชาเขาไว้นั้นอย่างรวดเร็ว เขาได้หล่อรูปเคารพไว้สำหรับตัวเขาทั้งหลาย> <<ยิ่งกว่านั้นอีกพระเจ้ายังตรัสกับข้าพเจ้าว่า <เราได้เห็นชนชาตินี้แล้วและดูเถิด เขาทั้งหลายเป็นชนชาติที่ดื้อ ขออย่าทักท้วงเรา ให้เราทำลายเขา และลบชื่อของเขาเสียจากใต้ฟ้า และเราจะตั้งเจ้าให้เป็นประชาชาติ ที่มีกำลังกว่าและใหญ่กว่าเขา> ข้าพเจ้าจึงกลับลงมาจากภูเขา และภูเขานั้นก็มีเพลิงลุกอยู่ และศิลาพันธสัญญาสองแผ่นนั้นก็อยู่ในมือทั้งสองของข้าพเจ้า ดูเถิด เมื่อข้าพเจ้ามองดูก็แลเห็นท่านทั้งหลายกระทำบาปต่อ พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายแล้ว ท่านทั้งหลายได้หล่อรูปลูกวัวไว้สำหรับท่าน ท่านได้หันจากพระมรรคาซึ่งพระเจ้าได้บัญชา แก่ท่านอย่างรวดเร็ว ข้าพเจ้าจึงยกศิลาทั้งสองแผ่นเหวี่ยงเสียจากมือทั้งสองของ ข้าพเจ้าและทำศิลาให้แตกต่อหน้าต่อตาของท่านทั้งหลาย แล้วข้าพเจ้าก็กราบราบลงต่อพระเจ้าอย่างครั้งก่อน สี่สิบวันสี่สิบคืนมิได้รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ เพราะบาปที่ท่านทั้งหลายได้กระทำเป็นเหตุ คือได้กระทำความชั่วในสายพระเนตรของพระเจ้า กระทำให้พระองค์ทรงพิโรธ เพราะข้าพเจ้ากลัวพระพิโรธ และความไม่พอพระทัยอย่างรุนแรง ซึ่งพระเจ้าทรงมีต่อท่าน พระองค์ก็จะทรงทำลายท่านอยู่แล้ว แต่พระเจ้าทรงฟังข้าพเจ้าในครั้งนั้นด้วย พระเจ้าทรงพิโรธต่ออาโรนมากจะทำลายเขาอยู่แล้ว ในครั้งนั้นข้าพเจ้าก็อธิษฐานเผื่ออาโรนด้วย แล้วข้าพเจ้าจึงเอาสิ่งที่บาปหนานั้น คือรูปลูกวัวซึ่งท่านสร้างขึ้นนั้นเผาเสียด้วยไฟแล้วทุบ แล้วบดให้เป็นผงละเอียดอย่างกับฝุ่น แล้วข้าพเจ้าก็โยนผงนั้นลงไปใน ลำธารซึ่งไหลลงมาจากภูเขา <<ท่านทั้งหลายได้กระทำให้พระเจ้าทรงพิโรธที่ ทาเบ-ราห์ และที่มัสสาห์ และที่ขิบโรทหัทธาอาวาห์ และเมื่อพระเจ้าทรงใช้ท่านไปจากคาเดชบารเนีย ตรัสว่า <จงขึ้นไปยึดครองแผ่นดินนั้นซึ่งเราได้ให้ แก่เจ้า> และท่านก็กบฏต่อพระบัญญัติของพระเยโฮวาห์พระเจ้า ของท่าน ไม่ยอมเชื่อฟังหรือประพฤติตามพระสุรเสียงของพระองค์ ท่านทั้งหลายเป็นคนกบฏต่อพระเจ้าเสมอ ตั้งแต่วันที่ข้าพเจ้ารู้จักท่านทั้งหลาย <<ข้าพเจ้าจึงกราบลงต่อพระเจ้าสี่สิบวันสี่สิบคืนนี้ เพราะพระเจ้าได้ตรัสว่าจะทรงทำลายท่านทั้งหลายเสีย ข้าพเจ้าได้อธิษฐานต่อพระเจ้าว่า <ข้าแต่พระเยโฮวาห์เจ้า ขออย่าทรงทำลายประชากรของพระองค์และ มรดกของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงไถ่เขาทั้งหลายมาด้วยความยิ่งใหญ่ เป็นคนที่พระองค์ทรงนำออกมาจากอียิปต์ด้วยพระหัตถ์ อันทรงฤทธิ์ ขอทรงระลึกถึงบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ คืออับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ขออย่าทรงใส่พระทัยในความดื้อดึง ความชั่วร้าย หรือบาป ของชนชาตินี้ กลัวว่าชาวแผ่นดินซึ่งพระองค์ทรง พาข้าพระองค์ทั้งหลายจากมานั้นจะว่า <<เพราะพระเจ้าไม่สามารถจะพาเขา ทั้งหลายเข้าไปในแผ่นดินซึ่งพระองค์ทรงสัญญากับเขาไว้ และเพราะว่าพระองค์ทรงเกลียดชังเขา พระองค์จึงทรงพาเขาออกมาฆ่าเสียในถิ่นทุรกันดาร>> เพราะว่าเขาทั้งหลายเป็นประชากรของพระองค์และเป็น มรดกของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงนำเขาออกมาด้วยเดชานุภาพยิ่งใหญ่ และด้วยพระกรที่เหยียดออกของพระองค์>
เฉลยธรรมบัญญัติ 9:8-29 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
ท่านยั่วยุพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่โฮเรบ ทำให้พระองค์กริ้วจนจะทำลายท่านอยู่แล้ว ครั้งนั้นข้าพเจ้าขึ้นไปบนภูเขาเพื่อรับแผ่นศิลาจารึกพันธสัญญาซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำไว้กับพวกท่าน ข้าพเจ้าอยู่บนภูเขาสี่สิบวันสี่สิบคืน ไม่ได้รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำเลย องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานศิลาสองแผ่นซึ่งจารึกด้วยนิ้วของพระองค์ เป็นบทบัญญัติทั้งปวงที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศออกมาจากไฟบนภูเขาแก่ท่านในวันชุมนุมประชากรนั้น เมื่อครบสี่สิบวันสี่สิบคืน องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานศิลาสองแผ่นเป็นศิลาพันธสัญญาแก่ข้าพเจ้า แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งข้าพเจ้าว่า “จงลงไปจากที่นี่โดยเร็วเพราะประชากรของเจ้าที่เจ้านำออกมาจากอียิปต์ได้เสื่อมทรามไปแล้ว พวกเขาหันเหจากสิ่งที่เราบัญชาไปอย่างรวดเร็ว และหล่อโลหะทำรูปเคารพขึ้นมา” และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เราได้เห็นชนชาตินี้แล้ว เป็นชนชาติที่ดื้อรั้นหัวแข็งจริงๆ! อย่ามาห้ามเรา เพราะเราจะทำลายและลบชื่อพวกเขาออกจากใต้ฟ้า และเราจะทำให้เจ้าเป็นชนชาติที่เข้มแข็งและมีจำนวนมากมายกว่าพวกเขา” ข้าพเจ้าจึงกลับลงมาจากภูเขาซึ่งมีไฟลุกโชน และถือศิลาแห่งพันธสัญญาสองแผ่นมาด้วย เมื่อข้าพเจ้ามองดูก็เห็นว่าท่านได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ท่านได้หล่อรูปลูกวัวไว้เป็นรูปเคารพสำหรับพวกท่านเอง ท่านหันออกจากทางที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชานั้นอย่างรวดเร็ว ข้าพเจ้าจึงเหวี่ยงแผ่นศิลาทั้งสองทิ้ง ทำให้ศิลาแตกเป็นเสี่ยงๆ ต่อหน้าต่อตาท่าน แล้วอีกครั้งหนึ่งที่ข้าพเจ้าหมอบกราบลงต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าสี่สิบวันสี่สิบคืน ไม่กินไม่ดื่มอะไรเพราะบาปทั้งปวงที่ท่านได้ทำ ท่านได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นการยั่วยุให้พระองค์ทรงพระพิโรธ ข้าพเจ้าเกรงกลัวพระพิโรธโกรธกริ้วขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์กริ้วจนจะทำลายท่านอยู่แล้ว แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงฟังข้าพเจ้าอีกครั้ง และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอาโรนมากจนจะทรงทำลายเขา แต่ในครั้งนั้นข้าพเจ้าอธิษฐานเผื่ออาโรนด้วย ข้าพเจ้าจึงเอาสิ่งผิดบาปของพวกท่านคือรูปลูกวัวซึ่งท่านสร้างขึ้นนั้นเผาทิ้งและบดเป็นผุยผง ทิ้งลงในลำธารซึ่งไหลลงมาจากภูเขา ท่านยังได้ทำให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอีกที่ทาเบราห์ ที่มัสสาห์ และที่ขิบโรทหัทธาอาวาห์ เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งท่านออกจากคาเดชบารเนียและตรัสสั่งว่า “จงเข้าไปครอบครองดินแดนที่เราให้เจ้า” แต่ท่านกบฏขัดขืนพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ท่านไม่ไว้วางใจและไม่เชื่อฟังพระองค์ ท่านกบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเสมอมาตั้งแต่ข้าพเจ้ารู้จักท่านแล้ว ข้าพเจ้าจึงหมอบกราบลงต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดสี่สิบวันสี่สิบคืน เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่าจะทรงทำลายท่าน ข้าพเจ้าอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต ขออย่าทำลายประชากรของพระองค์อันเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์เองซึ่งทรงไถ่โดยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ และทรงนำออกมาจากอียิปต์โดยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ ขอทรงระลึกถึงอับราฮัม อิสอัค และยาโคบผู้รับใช้ของพระองค์ โปรดทรงมองข้ามความดื้อรั้นหัวแข็ง ความชั่วร้าย และบาปของคนเหล่านี้ มิฉะนั้นประเทศซึ่งพระองค์ทรงนำพวกเราออกมาจะกล่าวว่า ‘เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่สามารถพาพวกเขาไปยังดินแดนที่ทรงสัญญาไว้ และเพราะพระองค์ทรงเกลียดพวกเขา จึงทรงพาพวกเขาเข้าไปตายในถิ่นกันดาร’ แต่พวกเขาเป็นประชากรของพระองค์ เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ซึ่งทรงนำออกมาโดยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่และพระกรที่เหยียดออก”
เฉลยธรรมบัญญัติ 9:8-29 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
แม้แต่ที่โฮเรบ ท่านก็ยั่วโทสะพระผู้เป็นเจ้า ถึงกับทำให้พระองค์โกรธเกรี้ยว และพระผู้เป็นเจ้ากริ้วท่านจนพระองค์พร้อมจะทำให้ท่านพินาศ เมื่อเราขึ้นไปยังภูเขาเพื่อรับแผ่นศิลา คือแผ่นพันธสัญญาที่พระผู้เป็นเจ้าทำไว้กับพวกท่าน เราอยู่ที่ภูเขา 40 วัน 40 คืนโดยไม่ได้ดื่มหรือรับประทานสิ่งใด แล้วพระผู้เป็นเจ้ามอบแผ่นศิลา 2 แผ่นซึ่งจารึกด้วยนิ้วมือของพระเจ้าเอง เป็นพระบัญญัติที่พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวแก่ท่านที่ภูเขาจากใจกลางเพลิงในวันที่มีการประชุม 40 วัน 40 คืนล่วงไป พระผู้เป็นเจ้ามอบศิลา 2 แผ่นคือแผ่นพันธสัญญา แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเราว่า ‘จงลุกขึ้น ลงไปจากที่นี่โดยเร็ว เพราะผู้คนของเจ้าที่เจ้านำออกจากอียิปต์ประพฤติอย่างเสื่อมทรามเสียแล้ว พวกเขาออกนอกลู่นอกทางไปจากที่เราบัญชาไว้ เขาหล่อรูปเคารพให้ตนเอง’ แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเราว่า ‘เราเห็นคนพวกนี้แล้ว ดูเถิด เขาเป็นพวกหัวรั้น จงปล่อยให้เป็นเรื่องของเรา เราจะได้กำจัดพวกเขา และทำให้ชื่อของเขาสาบสูญไปจากโลก เราจะให้ประชาชาติหนึ่งที่เข้มแข็งกว่าและมีจำนวนคนมากกว่าพวกเขาเกิดขึ้นมาจากตัวเจ้า’ ดังนั้น เราจึงหันกลับลงมาจากภูเขา ภูเขาลุกเป็นเพลิง และแผ่นพันธสัญญา 2 แผ่นอยู่ในมือทั้งสองของเรา ดูเถิด เรามองเห็นว่าพวกท่านกระทำบาปต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน ท่านหล่อรูปลูกโคให้ตนเอง พวกท่านออกนอกลู่นอกทางไปจากที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาท่านอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเราจึงคว้าศิลา 2 แผ่นนั้นแล้วเหวี่ยงจากมือทั้งสองของเรา ศิลาก็แตกหักต่อหน้าต่อตาพวกท่าน แล้วเราทิ้งตัวลงราบกับพื้น ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าอย่างคราวก่อนเป็นเวลา 40 วัน 40 คืน เราไม่ได้ดื่มหรือรับประทานสิ่งใด เป็นเพราะบาปทั้งปวงที่ท่านกระทำ สิ่งเลวร้ายที่ท่านกระทำในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า และยั่วโทสะพระองค์ เพราะเรากลัวความกริ้วและความโกรธเกรี้ยวของพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์กริ้วพวกท่านมากถึงกับจะกำจัดพวกท่านเสีย แต่พระผู้เป็นเจ้าฟังเราอีกครั้ง และพระผู้เป็นเจ้ากริ้วอาโรนมากถึงกับจะกำจัดท่านเสีย เราจึงอธิษฐานให้อาโรนในเวลานั้นด้วย แล้วเราก็เผาไฟรูปลูกโคที่พวกท่านสร้างขึ้นมาซึ่งเป็นบาปยิ่งนัก แล้วทุบให้แตก บดให้ละเอียดเป็นผุยผง เสร็จแล้วก็ปาผงลงในธารน้ำที่ไหลมาจากภูเขา พวกท่านยั่วโทสะพระผู้เป็นเจ้าที่ทาเบราห์ ที่มัสสาห์ และที่ขิบโรทหัทธาอาวาห์ เมื่อพระผู้เป็นเจ้าให้พวกท่านไปจากคาเดชบาร์เนียโดยกล่าวว่า ‘จงขึ้นไปยึดครองแผ่นดินที่เรามอบให้พวกเจ้าแล้ว’ แต่แล้วท่านก็ขัดขืนต่อคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน พวกท่านไม่ไว้ใจและไม่เชื่อฟังพระองค์ ตั้งแต่วันที่เรารู้จักพวกท่าน พวกท่านก็ขัดขืนพระผู้เป็นเจ้าเสมอมา เราจึงทิ้งตัวลงราบกับพื้นเป็นเวลา 40 วัน 40 คืน เพราะพระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า พระองค์จะกำจัดพวกท่าน และเราอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้าว่า ‘โอ พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ โปรดอย่าทำลายชนชาติของพระองค์เอง ซึ่งเป็นทายาทผู้สืบมรดกของพระองค์ พระองค์ได้ช่วยพวกเขาให้เป็นอิสระด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่ และพาพวกเขาออกจากอียิปต์ด้วยพลานุภาพของพระองค์ โปรดระลึกถึงบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์คืออับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ขออย่าใส่ใจในความดื้อรั้น ความชั่วร้าย หรือบาปของคนเหล่านี้เลย เกรงว่าแผ่นดินที่พระองค์พาพวกเราจากมานั้นจะพูดกันว่า “เพราะพระผู้เป็นเจ้าไม่สามารถพาพวกเขาเข้าไปในแผ่นดินที่พระองค์ปฏิญาณไว้กับพวกเขา และเพราะพระองค์เกลียดชังพวกเขา จึงได้พาพวกเขาออกไปฆ่าให้ตายในถิ่นทุรกันดาร” แต่พวกเขาเป็นชนชาติของพระองค์ ซึ่งเป็นผู้สืบมรดกของพระองค์ พระองค์พาพวกเขาออกมาด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่และพลานุภาพของพระองค์’