ปัญญาจารย์ 1:3-11

ปัญญาจารย์ 1:3-11 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

มนุษย์ได้ประโยชน์อะไรจากการตรากตรำทุกอย่างของเขา ซึ่งเขาตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์นั้น คนรุ่นหนึ่งจากไป และคนอีกรุ่นหนึ่งก็มา แต่แผ่นดินโลกยังคงเดิมอยู่เป็นนิตย์ ดวงอาทิตย์ขึ้น และดวงอาทิตย์ตก แล้วกระหืดกระหอบไปถึงที่ซึ่งขึ้นมานั้นอีก ลมพัดไปทางใต้ แล้วเวียนกลับไปทางเหนือ ลมพัดเวียนไปเวียนมา แล้วลมพัดกลับตามทางเวียนของมัน แม่น้ำทุกสายไหลไปสู่ทะเล แต่ทะเลก็ไม่เต็ม แม่น้ำไหลไปสู่ที่ใด ก็ไหลไปสู่ที่นั่นอีก สารพัดก็เหนื่อยอ่อนไปกันหมด แต่ละคนก็พูดไม่ออก นัยน์ตาดูก็ไม่อิ่ม หรือหูฟังเท่าไรไม่เคยพอใจกับสิ่งที่ได้ยิน สิ่งใดที่มีอยู่แล้ว ก็จะมีขึ้นอีก สิ่งที่ทำกันแล้ว คือสิ่งที่จะต้องทำกันอีก ไม่มีสิ่งใดใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์ มีสักสิ่งหนึ่งหรือที่ใครจะพูดได้ว่า “ดูซี สิ่งนี้ใหม่”? แต่สิ่งนั้นมีอยู่แล้ว ในสมัยก่อนเราทั้งหลาย ไม่มีการจดจำถึงคนสมัยก่อน และไม่มีการจดจำถึงคนสมัยหลังที่จะเกิดมา โดยคนรุ่นต่อมา

ปัญญาจารย์ 1:3-11 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

มนุษย์ได้ประโยชน์อะไรจากการงานทั้งสิ้น ที่เขาตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์? คนรุ่นหนึ่งผ่านมาแล้วอีกรุ่นหนึ่งผ่านไป แต่โลกยังคงอยู่ตลอดกาล ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้วก็ลับไป และรีบวนมาขึ้นที่เดิมอีก ลมพัดไปทางใต้แล้ว กลับมาทางเหนือ มันพัดวนไปเวียนมา เป็นวัฏจักร แม่น้ำไหลลงสู่ทะเล แต่ทะเลก็ไม่เคยอิ่ม และน้ำกลับไปสู่แม่น้ำอีกครั้ง แล้วไหลลงสู่มหาสมุทรอยู่ร่ำไป ทุกสิ่งทุกอย่างอ่อนระโหย เกินที่จะบรรยาย ไม่ว่าเห็นสักเท่าไร เราก็ไม่อิ่ม ไม่ว่าได้ยินสักแค่ไหน เราก็ไม่จุใจ อะไรที่เกิดขึ้นแล้วก็เกิดขึ้นอีก สิ่งที่ทำไปแล้วก็ทำกันอีก ไม่มีอะไรใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์ อะไรบ้างที่เราจะบอกได้ว่า “ดูเถิด นี่เป็นสิ่งใหม่” เพราะมันมีมาตั้งนานแล้ว มีมาตั้งแต่ก่อนยุคสมัยของเรา ไม่มีการระลึกถึงคนรุ่นก่อน และแม้แต่คนรุ่นที่กำลังจะเกิดมา คนรุ่นต่อจากเขา ก็ยังไม่ระลึกถึงพวกเขา

ปัญญาจารย์ 1:3-11 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

คนเรา​ได้​ประโยชน์​อะไร​บ้าง จาก​การ​บากบั่น​ทำงาน​ภายใต้​ดวง​อาทิตย์​นี้ คน​รุ่นหนึ่ง​ตายไป อีก​รุ่นหนึ่ง​ก็​เกิดมา ใน​ขณะที่​โลก​ก็​ยังคง​อยู่​เหมือนเดิม​ตลอดไป ดวง​อาทิตย์​ขึ้น แล้ว​ก็​ตก แล้ว​มัน​ก็​รีบ​กลับ​ไป​อยู่​ที่​จุดเดิม พร้อม​ที่​จะ​ขึ้น​มา​ใหม่ ลมพัด​ไป​ทาง​ทิศใต้ แล้ว​ก็​หัน​ไป​ทาง​ทิศเหนือ พัด​ไป​รอบๆ​และ​กลับ​มา​อีก เพราะ​มัน​มี​เส้นทาง​หมุนเวียน​ของมัน แม่น้ำ​ลำธาร​ทุกสาย​ไหล​ลงสู่​ทะเล แต่​ทะเล​ก็​ไม่เคย​เต็ม แม่น้ำ​ลำธาร​ไหล​ลงมา​จาก​ที่ไหน พวกมัน​ก็​กลับ​ไป​ที่นั่น​และ​ไหล​กลับ​ลง​มา​อีก คำพูด​ทุกอย่าง​ช่าง​น่า​เหนื่อยหน่าย เพราะ​ไม่เห็น​มีใคร​พูด​อะไร​ใหม่​ขึ้น​มา​เลย ตา​มอง​เท่าไหร่​ก็​ไม่เคย​อิ่ม หู​ฟัง​เท่าไหร่​ก็​ไม่เคย​เต็ม สิ่ง​ที่​เคย​เป็น​มา นั่นแหละ​คือ​สิ่ง​ที่​จะ​เกิดขึ้น​อีก สิ่ง​ที่​เคย​ทำ​มา นั่นแหละ​คือ​สิ่ง​ที่​จะ​ทำ​กันอีก ไม่มี​อะไร​ใหม่​ภายใต้​ดวง​อาทิตย์​นี้ อาจจะ​มี​คนหนึ่ง​พูด​ว่า “ดูนี่สิ มัน​เป็น​สิ่งใหม่” แต่​จริงๆ​แล้ว​มัน​ก็​มี​มา​ตั้งนาน​แล้ว​ก่อน​ที่​เรา​จะ​เกิด คน​ใน​สมัยนี้​ไม่มีใคร​จดจำ​คน​ในอดีต และ​คน​ใน​อนาคต​ก็​จะ​ไม่​จำ​คน​รุ่น​ก่อนหน้า​เขา​เหมือนกัน

ปัญญาจารย์ 1:3-11 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ที่​มนุษย์​ทำงานตรากตรำภายใต้​ดวงอาทิตย์ เขาได้​ประโยชน์​อะไรจากงานทั้งสิ้​นที​่เขาทำนั้น ชั่วอายุ​หน​ึ่งล่วงไป และอีกชั่วอายุ​หน​ึ่​งก​็​มา แต่​แผ่​นดินโลกคงเดิมอยู่​เป็นนิตย์ ดวงอาทิตย์​ขึ้น และดวงอาทิตย์​ตก แล​้วรีบไปถึงที่ซึ่งขึ้นมานั้น ลมพัดไปทางใต้ แล​้วเวียนกลับไปทางเหนือ ลมพัดเวียนไปเวียนมา แล​้วลมพัดกลับตามทางเวียนของมัน แม่น​้ำทั้งหลายไหลไปสู่​ทะเล แต่​ทะเลก็​ไม่​เต็ม แม่น​้ำไหลไปสู่​ที่​ใดก็ไหลไปสู่​ที่​นั่​นอ​ีก สารพัดเหนื่อยกันหมด คนใดๆก็​พูดไม่ออก นัยน์​ตาก​็​ดู​ไม่​อิ่มหรือหู​ก็​ฟังไม่​เต็ม สิ​่งที่เป็นขึ้นแล้วคือสิ่งที่จะเป็นขึ้​นอ​ีก สิ​่งที่ทำกันแล้วคือสิ่งที่จะต้องทำกั​นอ​ีก และไม่​มี​สิ​่งใดใหม่​ภายใต้​ดวงอาทิตย์ มี​สักสิ่งหนึ่งหรือที่เขาจะพูดได้​ว่า “​ดู​ซี สิ​่งนี้​ใหม่​” สิ​่งนั้​นม​ี​อยู่​แล​้วในสมั​ยก​่อนเราทั้งหลาย ไม่มี​การจดจำถึงสมั​ยก​่อนและจะไม่​มี​การจดจำสิ่งหลังๆที่จะเกิดมาในท่ามกลางบรรดาผู้​ที่​มาภายหลัง

ปัญญาจารย์ 1:3-11 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

ที่มนุษย์ทำงานตรากตรำกลางแดด เขาได้ประโยชน์อะไรจากงานที่เขาทำนั้น ชาติพันธุ์หนึ่งล่วงไป และอีก ชาติพันธุ์หนึ่งก็มา แต่แผ่นดินโลกคงเดิมอยู่เป็นนิตย์ ดวงอาทิตย์ขึ้น และดวงอาทิตย์ตก แล้วรีบไปถึงที่ซึ่งขึ้นมานั้น ลมพัดไปทางใต้ แล้วเวียนกลับไปทางเหนือ ลมพัดเวียนไปเวียนมา แล้วลมพัดกลับตามทางเวียนของมัน แม่น้ำทั้งหลายไหลไปสู่ทะเล แต่ทะเลก็ไม่เต็ม แม่น้ำไหลไปสู่ที่ใด ก็ไหลไปสู่ที่นั่นอีก สารพัดเหนื่อยกันหมด คนใดๆก็พูดไม่ออก นัยน์ตาก็ดูไม่อิ่ม หรือหูก็ฟังไม่เต็ม สิ่งที่เป็นขึ้นแล้ว คือสิ่งที่จะเป็นขึ้นอีก สิ่งที่ทำกันแล้ว คือสิ่งที่จะต้องทำกันอีก และไม่มีสิ่งใดใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์ มีสักสิ่งหนึ่งหรือที่เขาจะพูดได้ว่า <<ดูซี สิ่งนี้ใหม่>> สิ่งนั้นมีอยู่แล้ว ในสมัยก่อนเราทั้งหลาย ไม่มีการจดจำถึงสมัยก่อน และไม่มีการจดจำ สิ่งหลังๆที่จะเกิดมา ในท่ามกลางบรรดาผู้ที่มาภายหลัง

ปัญญาจารย์ 1:3-11 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

มนุษย์​ได้​รับ​ประโยชน์​อะไร​จาก​การ​ลง​แรง ตรากตรำ​กับ​งาน​ทุก​อย่าง​ที่​เขา​ทำ​ใน​โลก​นี้ แต่​ละ​ยุค​ล่วง​ไป ยุค​แล้ว​ยุค​เล่า แต่​โลก​คง​อยู่​ตลอด​ไป ดวง​อาทิตย์​ขึ้น​และ​ดวง​อาทิตย์​ตก และ​รีบ​ไป​ยัง​ที่ๆ มัน​ขึ้น​มา ลม​พัด​ไป​ทาง​ทิศ​ใต้ และ​หมุน​วน​ไป​ทาง​ทิศ​เหนือ ลม​พัด​วน​ไป​เวียน​มา และ​วน​กลับ​มา​อีก ลำธาร​ทุก​สาย​ไหล​ลง​สู่​ทะเล แต่​ทะเล​ก็​ไม่​เคย​เต็ม น้ำ​ตก​ลง​สู่​จุด​กำเนิด​ของ​ลำธาร แล้ว​ก็​ไหล​ออก​ไป​จาก​ที่​นั่น​อีก ทุก​สิ่ง​ดู​น่า​อ่อนล้า​ยิ่ง​นัก จน​มนุษย์​ไม่​อาจ​พรรณ​นา​ได้ ที่​นัยน์ตา​ของ​เรา​เห็น​นั้น​ยัง​ไม่​พอ และ​ที่​ได้ยิน​นั้น​ก็​ยัง​ไม่​เต็ม​อิ่ม อะไร​ที่​เคย​เป็น​ก็​จะ​เป็น​อีก และ​สิ่ง​ที่​กระทำ​กัน​มา​แล้ว ก็​จะ​กระทำ​กัน​อีก คือ​ไม่​มี​อะไร​แปลก​ใหม่​ใน​โลก​นี้ มี​สิ่ง​ใด​บ้าง​ที่​คน​จะ​อ้าง​ได้​ว่า “ดู​สิ นี่​เป็น​สิ่ง​แปลก​ใหม่” เพราะ​มัน​มี​อยู่​นาน​แล้ว ตั้งแต่​ยุค​ก่อน​หน้า​เรา​เสีย​อีก ไม่​มี​ใคร​ระลึก​ถึง​คน​ที่​มี​ชีวิต​ใน​อดีต และ​แม้แต่​บรรดา​คน​รุ่น​ต่อ​ไป ก็​จะ​ไม่​เป็น​ที่​ระลึก​ถึง​ใน​บรรดา ผู้​ที่​มา​ภาย​หลัง​อีก​เช่น​กัน