ปัญญาจารย์ 11:1-8
ปัญญาจารย์ 11:1-8 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
ให้หว่านความดีไปทั่ว แล้วอีกไม่กี่วัน ความดีนั้นก็อาจจะหวนกลับมาหาเจ้า ให้แบ่งปันของที่เจ้ามีไปให้กับคนเจ็ดคนหรือแปดคนก็ได้ ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายอะไรขึ้นบ้างในแผ่นดินนี้ เมื่อเห็นเมฆก่อตัวกันหนาทึบ พวกมันจะเทฝนลงมาบนแผ่นดินอย่างแน่นอน และเมื่อเห็นต้นไม้ล้มลง ไม่ว่าจะล้มไปทางใต้หรือทางเหนือก็ตาม มันก็จะอยู่ตรงนั้นของมันไม่ไปไหน คนที่คอยดูลมฟ้า ก็จะไม่ได้เพาะปลูก และคนที่คอยดูเมฆฝน ก็จะไม่ได้เก็บเกี่ยว ก็เหมือนกับที่เจ้าไม่รู้ว่าลมมันพัดไปมาได้ยังไง หรือ กระดูกของเด็กทารกมันก่อเกิดขึ้นมาได้ยังไงในท้องแม่ เจ้าก็จะไม่มีวันที่จะเข้าใจการงานของพระเจ้าผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมาเหมือนกัน ในตอนเช้าก็ให้หว่านเมล็ดพืช และอย่าให้มือได้หยุดพักเลยในตอนเย็น เพราะเจ้าไม่รู้ว่าเมล็ดไหนจะเกิดผลดี จะเป็นอันนี้หรืออันนั้น หรือจะดีเหมือนกันทั้งสองอัน แสงสว่างนั้นหวานชื่นและเป็นสิ่งที่ดีที่ดวงตามองเห็นดวงอาทิตย์ ถึงแม้คนหนึ่งจะมีชีวิตอยู่นานหลายปี เขาก็ควรจะมีความสุขในวันปีเหล่านั้นทั้งหมด แต่ให้เขาระลึกไว้ว่า วันแห่งความมืดพวกนั้นอาจจะมีมากมาย ทุกสิ่งที่กำลังจะมาถึงนั้นไม่เที่ยง
ปัญญาจารย์ 11:1-8 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
จงโยนขนมปังของเจ้าลงบนน้ำ เพราะอีกหลายวันเจ้าจะพบมันได้ จงปันส่วนของเจ้าออกเป็นเจ็ดส่วน เออ ถึงแปดส่วนก็ดี เพราะเจ้าไม่ทราบว่า สิ่งเลวร้ายอะไรจะเกิดขึ้นบนแผ่นดินโลก เมื่อเมฆเต็มด้วยน้ำ มันก็จะเทฝนลงมาบนแผ่นดินโลก และเมื่อต้นไม้ล้มลงทางใต้หรือทางเหนือ มันล้มลงตรงไหนมันก็นอนอยู่ตรงนั้น ผู้ใดมัวสังเกตลมก็จะไม่หว่านพืช และผู้ใดมัวจ้องมองเมฆก็จะไม่เกี่ยวข้าว เจ้าไม่ทราบว่าลมหายใจเข้าไปในโครงร่างที่อยู่ในมดลูกหญิงมีครรภ์อย่างไร เจ้าก็จะไม่ทราบถึงพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงกระทำสิ่งสารพัดอย่างนั้น เวลาเช้าเจ้าจงหว่านพืชของเจ้า และพอเวลาเย็นก็อย่าหดมือเจ้าเลย เพราะเจ้าไม่รู้ว่าการไหนจะเจริญ การนี้หรือการนั้น หรือการทั้งสองจะเจริญดีเหมือนกัน แสงสว่างทำให้สดชื่น และการที่นัยน์ตาเห็นดวงตะวันก็เป็นที่ชื่นบาน เออ ถ้าคนใดมีชีวิตอยู่ได้ตั้งหลายปี จงให้เขาเปรมปรีดิ์ตลอดปีเหล่านั้น แต่ให้เขาระลึกด้วยว่า วันมืดก็จะมีมาก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมานั้นก็อนิจจัง
ปัญญาจารย์ 11:1-8 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
จงโยนขนมปังของเจ้าลงบนน้ำ เพราะอีกหลายวันเจ้าจะพบมันได้ จงปันส่วนหนึ่งให้แก่คนเจ็ดคน เออ ถึงแปดคนก็ให้เถอะ เพราะเจ้าไม่ทราบว่าสิ่งสามานย์อย่างใดจะบังเกิดขึ้นบนพื้นแผ่นดิน ถ้าบรรดาเมฆมีฝนอยู่เต็ม มันก็จะเททั้งหมดลงมาบนแผ่นดินโลก และถ้าต้นไม้ล้มลงทางใต้หรือทางเหนือ มันล้มลงตรงไหน มันก็นอนอยู่ตรงนั้น ผู้ใดเฝ้าสังเกตลมก็จะไม่หว่านพืช และผู้ที่มองเมฆก็จะไม่เก็บเกี่ยว เจ้าไม่ทราบทางของวิญญาณว่าไปทางไหน และกระดูกมีขึ้นในมดลูกของหญิงที่มีครรภ์อย่างไรฉันใด เจ้าก็จะไม่ทราบถึงกิจการของพระเจ้าผู้ทรงกระทำสิ่งสารพัดฉันนั้น เวลาเช้าเจ้าจงหว่านพืชของเจ้า และพอเวลาเย็นก็อย่าหดมือของเจ้าเสีย เพราะเจ้าหาทราบไม่ว่าการไหนจะเจริญ การนี้หรือการนั้น หรือการทั้งสองจะเจริญดีเหมือนกัน แสงสว่างเป็นที่ชื่นใจ และการที่นัยน์ตาเห็นดวงตะวันก็เป็นที่ชื่นบาน แต่ถ้าคนใดมีชีวิตอยู่ได้ตั้งหลายปี และเขาเปรมปรีดิ์ในตลอดปีเดือนเหล่านั้น ก็จงให้เขาระลึกถึงวันมืดมิดว่าจะมีมาก บรรดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานั้นก็อนิจจัง
ปัญญาจารย์ 11:1-8 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
จงโยนขนมปังของเจ้าลงบนน้ำ อีกหลายวันเจ้าจะพบมันได้ จงปันส่วนหนึ่งให้แก่คนเจ็ดคน เออ ถึงแปดคนก็ให้เถอะ เพราะเจ้าไม่ทราบว่า สิ่งสามานย์อย่างใดจะบังเกิดขึ้นบนพื้นแผ่นดิน ถ้าบรรดาเมฆมีฝนอยู่เต็ม มันก็จะเทหมดลงมาบนแผ่นดินโลก และถ้าต้นไม้ล้มลงทางใต้หรือทางเหนือ มันล้มลงตรงไหนมันก็นอนอยู่ตรงนั้น ผู้ใดมัวสังเกตลมก็จะไม่หว่านพืช และผู้ที่มองเมฆก็จะไม่เกี่ยวข้าว เจ้าไม่ทราบทางลมว่าไปทางไหน และกระดูกมีขึ้นในมดลูกของหญิงที่มีครรภ์อย่างไรฉันใด เจ้าก็จะไม่ทราบถึงกิจการของพระเจ้าผู้ทรง กระทำสิ่งสารพัดฉันนั้น เวลาเช้าเจ้าจงหว่านพืชของเจ้าและพอ เวลาเย็นก็อย่าหดมือของเจ้าเสีย เพราะเจ้าหาทราบไม่ว่าการไหนจะเจริญ การนี้หรือการนั้น หรือการทั้งสองจะเจริญดีเหมือนกัน แสงสว่างเป็นที่ชื่นใจ และการที่นัยน์ตาเห็นดวงตะวันก็เป็นที่ชื่นบาน เออ ถ้าคนใดมีชีวิตอยู่ได้ตั้งหลายปี จงให้เขาเปรมปรีดิ์ในปีเดือนเหล่านั้น แต่ให้เขาระลึกถึงว่า วันมืดก็มีมาก บรรดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานั้นก็อนิจจัง
ปัญญาจารย์ 11:1-8 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
จงโยนขนมปังของท่านลงบนน้ำ เพราะหลังจากนั้นหลายวันท่านจะพบมันอีก จงแบ่งปันให้คนเจ็ดคนหรือแปดคน เพราะท่านไม่รู้ว่าภัยพิบัติอันใดจะเกิดขึ้นในแผ่นดิน หากเมฆอุ้มน้ำไว้เต็ม มันจะเทฝนลงมาบนโลก ไม่ว่าต้นไม้จะล้มไปทางเหนือหรือทางใต้ มันล้มลงตรงไหน มันก็นอนอยู่ตรงนั้น ผู้ใดมัวสังเกตลมก็จะไม่หว่านพืช และผู้ใดที่มองเมฆก็จะไม่เก็บเกี่ยว ท่านไม่หยั่งรู้ทางของลม หรือไม่รู้ว่าร่างกายถูกปั้นขึ้นมาในครรภ์มารดาได้ฉันใด ท่านก็ไม่อาจเข้าใจพระราชกิจของพระเจ้า พระผู้สร้างสรรพสิ่งฉันนั้น จงหว่านเมล็ดพืชของท่านในยามเช้า และเมื่อตกเย็นก็อย่าให้มือของท่านว่างงาน เพราะท่านไม่รู้ว่างานไหนจะสำเร็จ งานนั้นหรืองานนี้ หรือทั้งสองงานจะเจริญดีเหมือนกัน แสงสว่างนั้นชื่นใจ และการได้เห็นแสงตะวันก็ชื่นตา คนเราจะมีชีวิตสั้นยาวเท่าใด ก็ให้ชื่นชมทุกวันคืนของชีวิตเถิด แต่ให้เขาระลึกถึงวันคืนอันมืดมนไว้ด้วย เพราะจะมีหลายวัน ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นล้วนอนิจจัง
ปัญญาจารย์ 11:1-8 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
เหวี่ยงอาหารของท่านลงในทะเลเถอะ เพราะว่าหลายวันหลังจากนั้นท่านก็ยังจะได้รับผลตอบแทน จงแบ่งส่วนของท่านให้เป็นเจ็ดหรือแปดส่วน เพราะท่านไม่ทราบว่าจะมีวิบัติใดเกิดขึ้นบ้างในโลกนี้ ถ้าหมู่เมฆหนักตัวด้วยน้ำ มันก็จะเทฝนลงบนแผ่นดิน และถ้าต้นไม้ล้มลงทางใต้หรือทางเหนือ มันก็จะอยู่ที่มันล้มลง คนที่เอาแต่สังเกตลมจะไม่หว่านเมล็ด และคนที่เอาแต่ดูเมฆจะไม่เก็บเกี่ยว ท่านไม่ทราบทางของลมที่พัดผ่าน และไม่ทราบว่ากระดูกเติบโตในครรภ์ของผู้หญิงได้ฉันใด ท่านก็ไม่ทราบงานของพระเจ้า ผู้สร้างสรรพสิ่งฉันนั้น ในเวลาเช้า จงหว่านเมล็ดพืชของท่าน และในเวลาเย็น ก็อย่ายั้งมือของท่านไว้ เพราะท่านไม่ทราบว่าเมล็ดใดจะงอกงาม จะเป็นเมล็ดนี้ หรือเมล็ดนั้น หรือจะงอกงามด้วยกันทั้งคู่ แสงสว่างเป็นที่สบอารมณ์ และดวงตาที่เห็นดวงตะวันก็เบิกบานใจ ดังนั้นถ้าผู้หนึ่งมีชีวิตอยู่ได้หลายปี ก็ให้เขายินดีในแต่ละวัน และให้เขาระลึกว่าเวลาแห่งความตายจะยาวนานมาก และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไร้ค่าทั้งสิ้น