ได้ยินพระสุรเสียงพระเจ้าในทุกเช้าตัวอย่าง
การตอบสนองอันดับแรก
บางครั้งฉันประหลาดใจมากที่เราต่อสู้ดิ้นรนกับสถานการณ์หนึ่งๆก่อนที่เราจะคิดได้ว่าควรจะคุยกับพระเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้และฟังเสียงของพระองค์. เราบ่นเกี่ยวกับปัญหาของเรา; เราโอดครวญ;เราพึมพำ;เราเล่าให้เพื่อนฟัง;และเราก็พูดว่าเราอยากให้พระเจ้าทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ. เราดิ้นรนกับสถานการณ์ต่างๆในความคิดและอารมณ์ของเรา,ในขณะที่เรามักจะล้มเหลวบ่อยครั้งในการหาประโยชน์จากการแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดนั่นคือ:การอธิษฐาน. แต่ที่แย่กว่านั้น,สุดท้ายแล้วเราก็พูดประโยคน่าขันที่ได้ยินอยู่บ่อยๆคือ;"งั้นฉันคิดว่าสิ่งที่พอจะทำได้ก็คือการอธิษฐาน." ฉันมั่นใจว่าคุณเคยได้ยินมาก่อนและบางทีอาจจะเคยพูดประโยคนั้นด้วยซ้ำ. เราทุกคนก็เคยเป็น. เราต่างรู้สึกผิดกับการที่เราเลือกที่จะใช้การอธิษฐานเป็นวิธีสุดท้ายแล้วพูดทำนองว่า,"ในเมื่อไม่มีอะไรได้ผล บางทีเราก็ควรจะอธิษฐาน." รู้ไหมว่าสิ่งนั้นบอกอะไรกับฉัน? มันบอกฉันว่าเราไม่ได้เชื่อในพลังของการอธิษฐานอย่างแท้จริงทั้งๆที่เราควรจะทำเช่นนั้น. เราแบกภาระต่างๆที่เราไม่จำเป็นต้องแบก - และชีวิตก็ยากกว่าที่มันควรจะเป็น - เพราะเราไม่ตระหนักถึงพลังแห่งการอธิษฐาน. ถ้าเราทำเช่นนั้น,เราจะคุยกับพระเจ้าและฟังสิ่งที่พระองค์จะบอกกับเราในทุกสิ่ง,ไม่ใช่เป็นทางเลือกสุดท้าย,แต่เป็นการตอบสนองอันดับแรก.
พระคำของพระเจ้าที่มีต่อคุณในวันนี้:จงให้การอธิษฐานเป็นการตอบสนองของคุณอันดับแรก,ไม่ใช่เป็นทางเลือกสุดท้าย.
จากหนังสือการได้ยินเสียงของพระเจ้าในทุกเช้าโดยจอยซ์ ไมเออร์ ได้รับลิขสิทธิ์ปี 2010 โดยจอยซ์ ไมเออร์ ตีพิมพ์โดย เฟธเวิร์ดส์ สงวนลิขสิทธิ์
บางครั้งฉันประหลาดใจมากที่เราต่อสู้ดิ้นรนกับสถานการณ์หนึ่งๆก่อนที่เราจะคิดได้ว่าควรจะคุยกับพระเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้และฟังเสียงของพระองค์. เราบ่นเกี่ยวกับปัญหาของเรา; เราโอดครวญ;เราพึมพำ;เราเล่าให้เพื่อนฟัง;และเราก็พูดว่าเราอยากให้พระเจ้าทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ. เราดิ้นรนกับสถานการณ์ต่างๆในความคิดและอารมณ์ของเรา,ในขณะที่เรามักจะล้มเหลวบ่อยครั้งในการหาประโยชน์จากการแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดนั่นคือ:การอธิษฐาน. แต่ที่แย่กว่านั้น,สุดท้ายแล้วเราก็พูดประโยคน่าขันที่ได้ยินอยู่บ่อยๆคือ;"งั้นฉันคิดว่าสิ่งที่พอจะทำได้ก็คือการอธิษฐาน." ฉันมั่นใจว่าคุณเคยได้ยินมาก่อนและบางทีอาจจะเคยพูดประโยคนั้นด้วยซ้ำ. เราทุกคนก็เคยเป็น. เราต่างรู้สึกผิดกับการที่เราเลือกที่จะใช้การอธิษฐานเป็นวิธีสุดท้ายแล้วพูดทำนองว่า,"ในเมื่อไม่มีอะไรได้ผล บางทีเราก็ควรจะอธิษฐาน." รู้ไหมว่าสิ่งนั้นบอกอะไรกับฉัน? มันบอกฉันว่าเราไม่ได้เชื่อในพลังของการอธิษฐานอย่างแท้จริงทั้งๆที่เราควรจะทำเช่นนั้น. เราแบกภาระต่างๆที่เราไม่จำเป็นต้องแบก - และชีวิตก็ยากกว่าที่มันควรจะเป็น - เพราะเราไม่ตระหนักถึงพลังแห่งการอธิษฐาน. ถ้าเราทำเช่นนั้น,เราจะคุยกับพระเจ้าและฟังสิ่งที่พระองค์จะบอกกับเราในทุกสิ่ง,ไม่ใช่เป็นทางเลือกสุดท้าย,แต่เป็นการตอบสนองอันดับแรก.
พระคำของพระเจ้าที่มีต่อคุณในวันนี้:จงให้การอธิษฐานเป็นการตอบสนองของคุณอันดับแรก,ไม่ใช่เป็นทางเลือกสุดท้าย.
จากหนังสือการได้ยินเสียงของพระเจ้าในทุกเช้าโดยจอยซ์ ไมเออร์ ได้รับลิขสิทธิ์ปี 2010 โดยจอยซ์ ไมเออร์ ตีพิมพ์โดย เฟธเวิร์ดส์ สงวนลิขสิทธิ์
ข้อพระคัมภีร์
เกี่ยวกับแผนฯ
ในโลกทุกวันนี้เราถูกล้อมรอบไปด้วยเสียง เราถูกครอบงำด้วยเสียงรอบตัวเรา-ลูกของเรา เพื่อนฝูง คู่ครอง และแม้แต่ตัวเราเอง เสียงเหล่านี้รบกวนเรา อีกไม่นานเราก็จะลืมฟังเสียงซึ่งสำคัญที่สุด-เสียงของพระเจ้า การเฝ้าเดี่ยวนี้จะเป็นการเตือนใจสั้นๆ ที่จะสร้างแรงบันดาลใจ และช่วยทำให้การมีเวลากับพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ช่วยเพิ่มความกระตือรือร้นที่จะมีเวลากับพระองค์ เข้าใจการตอบคำอธิษฐานของพระองค์ และรักษาความสัมพันธ์ของคุณในระหว่างที่คุณใช้เวลาส่วนตัวมากขึ้นกับพระเจ้า เริ่มต้นวันของคุณกับใครสักคนที่ไม่เพียงแค่รักคุณมากกว่าที่คุณคิดแต่ยังมีคำตอบสำหรับทุกอย่างที่คุณต้องการ!
More
We would like to thank Joyce Meyer Ministries for providing this reading plan. For more information, please visit: www.joycemeyer.org