พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025ตัวอย่าง

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025

วันที่ 20 จาก 365

วิธีการนำทางชีวิต

รถคันล่าสุดของเรามีรอยขีดข่วนมากมายทั้งสองด้าน ผมสงสัยว่าเป็นฝีมือผมซะส่วนใหญ่ (แม้ว่าความทรงจำของผมจะคลุมเครือเกี่ยวกับเรื่องนี้) รอยพวกนั้นมาจากความยากลำบากในการบังคับเลี้ยวผ่านทางเข้าที่แคบมากบริเวณโบสถ์ของเรา สติปัญญาได้รับการนิยามว่าเป็น ‘*ศิลปะแห่งการหมุนพวงมาลัย*’ ในขณะที่คุณดำเนินชีวิตคุณจะต้องสำรวจสถานการณ์ที่คับขันมากมายซึ่งต้องใช้สติปัญญาอันยิ่งใหญ่เพื่อหลีกเลี่ยงการทำลายตัวเองหรือผู้อื่น

สุภาษิต 2:12-22

หลีกเลี่ยงการเลี้ยวผิดทาง

การไม่สัตย์ซื่อ (ข้อ16–18) เป็นตัวอย่างของการเลี้ยวที่ผิด สติปัญญาจะ ‘ป้องกันไม่ให้คุณเลี้ยวผิดหรือทำตามทิศทางที่ไม่ดี’ (ข้อ 12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ความฉลาดจะหยุดคุณให้หันเหออกนอกเส้นทาง มันจะหยุดคุณ ‘เดินทางอย่างไร้จุดหมาย หลงไปในทางวกวนและทางตัน’ (ข้อ 15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ความชั่วร้ายอาจดูน่าดึงดูด แต่มันวิปริตและนำไปสู่ความมืด

การแต่งงานเป็น ‘พันธสัญญา...ซึ่งทำต่อหน้าพระเจ้า’ (ข้อ 17) ‘พันธสัญญา’ ในพันธสัญญาเดิมเป็นคำสำคัญที่อธิบายความสัมพันธ์ของอิสราเอลกับพระเจ้าและความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์ภายใต้พันธสัญญาใหม่ พันธสัญญา คือ ข้อตกลงที่ผูกมัดโดยที่มิอาจทำลายได้

การมีส่วนร่วมในความสัมพันธ์เชิงชู้สาวถือเป็นเรื่องผิดสำหรับทั้งสองฝ่าย ในกรณีนี้กล่าวถึงผู้หญิงที่ ‘ทอดทิ้งคู่ชีวิตที่นางได้เมื่อยังสาว’ และด้วยเหตุนี้นางจึง ‘ลืมพันธสัญญาแห่งพระเจ้าของนาง’ (ข้อ 17) ชายที่ล่วงประเวณีกับนางได้ตกอยู่ในการล่อลวงให้ออกนอกเส้นทางที่ถูกต้องไปสู่เส้นทางที่ ‘นำไปสู่ชาวเมืองผี’ ในที่สุด (ข้อ 18)

สติปัญญาจะช่วยให้คุณขับเคลื่อนไปในเส้นทางที่ถูกต้อง (ข้อ 16ก) มันจะทำให้ ‘เท้าของคุณก้าวไปในทางที่พิสูจน์แล้วว่าดี’ (ข้อ 20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) และจะทำให้คุณเดินไปพร้อมกับ ‘คนเที่ยงธรรม’ (ข้อ 21, ข้อพระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ข้าแต่พระเจ้าโปรดประทานสติปัญญาแก่ข้าพระองค์ โปรดทรงนำชีวิตข้าพระองค์ไปบนเส้นทางที่ตรงไปสู่ชีวิต

มัทธิว 14:1-21

เลือกทางที่ดี

ช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิตของคุณอาจทำให้คุณเดินในเส้นทางที่ผิด แต่ถ้าคุณอยู่ในแนวทางที่ถูกต้องมันจะนำไปสู่ความเมตตาและสติปัญญามากขึ้น

หนังสือสุภาษิตให้เราเลือกระหว่างทางแห่งปัญญาและทางแห่งความชั่วร้าย ที่นี่เราจะได้เห็นว่าทั้งสองเส้นทางนี้มีลักษณะอย่างไรในทางปฏิบัติของพระเยซูและเฮโรด

1. เส้นทางแห่งความชั่วร้าย

เฮโรดเจ้าเมืองหรือที่เรียกว่าอันติปาส (21 ปีกคศ.-ค.ศ. 39) คือผู้ที่ปฏิเสธพระเยซูต่อหน้าพระองค์ (เมื่อปีลาตส่งพระเยซูไปหาเฮโรด) ก่อนที่พระเยซูจะสิ้นพระชนม์ (ลูกา 23:8–12)

เฮโรดได้ทำสิ่งที่ผู้เขียนสุภาษิตเตือนไว้ เขาได้คบชู้กับเฮโรเดียสภรรยาของพี่ชาย เมื่อถูกจับได้จากการกระทำของเขา เขาได้จับยอห์นผู้ให้บัพติศมา ‘ล่ามโซ่ขังคุกไว้’ (มัทธิว 14:3) เนื่องจากกลัวความผิดของตน

ดูเหมือนชีวิตของเฮโรดจะวนเวียนอยู่กับความพึงพอใจในตัวเอง เขาทิ้งภรรยาคนหนึ่งและได้มาอีกคน เขามุ่งความสนใจไปที่ความสุขส่วนตัวมากกว่าความทุกข์ยากของผู้คนอื่นที่ถูกเขากระทำ นั่นคือฟิลิปน้องชายของเขาเอง ระมัดระวังเมื่อความสุขของคุณมีความสำคัญมากกว่าความต้องการของผู้อื่น

ความกลัวการถูกปฏิเสธอาจทำให้เราลำบากได้เช่นกัน เฮโรด ‘กลัวฝูงชน’ (ข้อ 5) เขาประสงค์จะฆ่ายอห์น แต่ก็ยังกลัวถูกปฏิเสธจากแขกในงานเลี้ยงฉลอง ด้วยเหตุนี้ลูกสาวของเฮโรเดียสจึงขอศีรษะของยอห์นผู้ให้บัพติศมาจากเฮโรด (ข้อ 8–10) ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณจะไม่ยอมให้ความคิดคนอื่นมีความสำคัญมากกว่าสิ่งที่ถูกต้อง

เพราะยอห์นผู้ให้บัพติศมาได้เตือนเฮโรดอย่างกล้าหาญ เฮโรดจึงต้องการฆ่าเขา (ข้อ 4) ในความเป็นจริงความชั่วร้ายดูเหมือนจะเกิดขึ้นในครอบครัว หลานสาวของเฮโรดลูกสาวของเฮโรเดียสวางแผนกับแม่ของเธอว่าจะต้องตัดศีรษะยอห์น (ข้อ 6–10) พวกเขาแข็งกระด้างต่อความชั่วร้ายจนไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อยเมื่อเห็นศีรษะของยอห์นผู้ให้บัพติศมาบนถาด (ข้อ 11)

2. เส้นทางแห่งความดี

เห็นได้ชัดว่าพระเยซูทรงรู้สึกเสียพระทัยอย่างมากกับข่าวการเสียชีวิตของลูกพี่ลูกน้องของพระองค์ (ข้อ 12) การตอบสนองต่อข่าวร้ายของพระองค์คือการปลีกตัวออกมา ‘ไปยังที่สงบ’ ตามลำพัง (ข้อ 13) พระองค์ต้องการอยู่กับพระเจ้าเพียงลำพัง

แต่เมื่อแผนการของพระองค์ถูกขัดขวาง พระเยซูก็ไม่ฉุนเฉียว (เหมือนที่ผมทำบ่อย ๆ) เป็นการดีที่จะวางแผน และยอมให้พระเจ้าเข้ามาขัดขวางแผนการของคุณ เนื่องด้วยความสงสารของพระเยซู (ข้อ 14) พระองค์ทรงมีสติปัญญาไม่เพียงแต่จะ ‘ปรับตัวตามสถานการณ์’ แต่ยังตอบสนองอย่างเข้มแข็งด้วย พระองค์ ‘ทรงรักษาคนป่วยของพวกเขาให้หาย’ (ข้อ 14) แม้หลังจากนั้นพระองค์ไม่ได้หาโอกาสหลีกหนีจากฝูงชน แต่ทรงรวบรวมและทรงเลี้ยงดูพวกเขา และทรงสอนสาวกถึงวิธีการเลี้ยงดูฝูงชนอย่างอัศจรรย์ (ข้อ 16:19–20)

พระองค์ทรงนำทางให้เราเห็นถึงสติปัญญาของพระองค์ในวันนี้ ซึ่งเริ่มต้นอย่างเลวร้ายมาก แต่พระเยซูทรงสามารถรักษาคนป่วยจำนวนมากและให้เลี้ยงดูคน ‘ห้าพันคน ไม่รวมผู้หญิงและเด็ก’ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ (ข้อ 21) วันนั้นได้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์และทรงมีอิทธิพลต่อชีวิตนับล้าน

ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิตของข้าพระองค์ ไม่ได้นำข้าพระองค์ออกจากเส้นทางที่ถูกต้อง แต่ขอนำให้ข้าพระองค์ไปสู่ความเมตตาและสติปัญญาที่มากขึ้น

ปฐมกาล 40:1-41:40

การทรงนำผ่านความท้าทายในชีวิต

คุณเคยถูกปฏิเสธ ถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ถูกเพื่อนทอดทิ้งหรือพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่น่าหงุดหงิดอื่น ๆ บ้างไหม?

‘ความเชื่ออันยิ่งใหญ่เป็นผลมาจากการต่อสู้ที่ใหญ่ยิ่ง คำพยานที่ยิ่งใหญ่คือผลลัพธ์ของบททดสอบอันหนักหน่วง ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นได้จากการทดลองที่ใหญ่ยิ่งเท่านั้น’ กล่าวโดย สมิธ วิกเกิลส์เวิร์ธ แต่เราเห็นสิ่งนี้เป็นจริงในชีวิตของโยเซฟ

โยเซฟอายุได้สามสิบ (41:46) เมื่อเมื่อได้รับมอบหมายให้ดูแลทั่วทั้งอียิปต์ ฟาโรห์กำลังมองหาคนที่ฉลาดและมากด้วยประสบการณ์และเขาตระหนักว่าไม่มีใครมีคุณสมบัติเท่าโยเซฟอีกแล้ว (ข้อ 33,39)

ก่อนหน้านั้นโยเซฟต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมากมาย ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝน เขาถูกพี่ชายปฏิเสธและปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมรวมถึงถูกจับเข้าคุก แต่ความทุกข์ทรมานของเขาก็ยังไม่สิ้นสุดเพียงแค่นี้

พระเจ้าประทานความสามารถแก่โยเซฟในการทำนายความฝันให้หัวหน้าพนักงานเชิญถ้วยเสวยและหัวหน้าพนักงานขนมเพื่อนนักโทษของเขา เขาได้รับของประทานในการทำนายความฝันที่ชัดเจนและถูกต้องแม่นยำ ซึ่งหัวหน้าพนักงานขนมนั้นถูกประหารชีวิต แต่หัวหน้าพนักงานเชิญถ้วยเสวยได้รับการปล่อยตัวและกลับคืนสู่หน้าที่ สิ่งที่โยเซฟขอร้องต่อหัวหน้าพนักงานเชิญถ้วยเสวยคือเมื่อได้รับการปล่อยตัว ช่วยทูลฟาโรห์ให้เขาได้ออกจากคุก (40:14)

อย่างไรก็ตามหัวหน้าพนักงานเชิญถ้วยเสวยลืมทุกอย่างเกี่ยวกับโยเซฟ (ข้อ 23) สิ่งนี้คงเป็นเรื่องยากและน่าท้อใจสำหรับเขา มันไม่ง่ายเลยเมื่อเพื่อน ๆ ทำให้คุณผิดหวัง ในกรณีของโยเซฟมันหมายถึงอีกสองปีที่เขาต้องอิดโรยในคุกใต้ดิน (41:1)

คุก เป็นสถานที่ที่น่าอึดอัดเป็นพิเศษสำหรับชายที่มากด้วยของประทานอย่างโยเซฟ เขาเพิ่งผ่านพ้นวัยยี่สิบปีแรกของชีวิต และไม่รู้ว่าตนเองจะได้รับการปล่อยตัวเมื่อไหร่ ผมไม่ใช่คนที่อดทนมาก ถ้าเป็นผมคงเสียสติไปแล้ว

อันที่จริงแล้วพระเจ้ากำลังเตรียมโยเซฟสำหรับบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก มันอาจจะไม่รู้สึกเช่นนั้นในเวลานั้น โดยการดูแลนักโทษทั้งหมดในเรือนจำนั้น พระเจ้าทรงเตรียมโยเซฟให้สามารถเลี้ยงดูประชาชนทั้งหมดได้

ในที่สุด ฟาโรห์ได้ฝัน แต่ไม่สามารถตีความความฝันได้ หัวหน้าพนักงานเชิญถ้วยเสวยจึงกล่าวว่า ‘วันนี้ข้าพระบาทระลึกถึงความผิดของข้าพระบาท’ (ข้อ 9) และโยเซฟก็ถูกเรียกให้มาบอกความหมายของความฝันของฟาโรห์

โยเซฟกล่าวว่า ‘ไม่ใช่ข้าพระบาท พระเจ้าต่างหากจะประทานคำตอบอันควรแก่ฟาโรห์’ (ข้อ 16) เราจะเห็นว่าโยเซฟเติบโตขึ้นในด้านสติปัญญามากเพียงไร ความมั่นใจในตนเองและความหยิ่งผยองในวัยเยาว์ของเขาถูกแทนที่ด้วยการพึ่งพาพระเจ้า เขามีส่วนผสมที่พิเศษของความถ่อมตนและความมั่นใจ (คุณสมบัติสองประการที่ไม่ได้ไปด้วยกันได้บ่อย ๆ) นี่คือความถ่อมตนและความมั่นใจที่เราต้องการเมื่อต้องเผชิญกับความท้าทายในชีวิต ‘ไม่ใช่ข้าพระบาท...พระเจ้าต่างหาก’

โยเซฟตีความความฝันของฟาโรห์ (ข้อ 25–32) และบอกว่าควรตอบสนองต่อสิ่งเหล่านี้อย่างไร (ข้อ 33–36) แม้แต่ฟาโรห์ก็ยังตระหนักถึงสติปัญญาอันหลักแหลมที่เติบโตขึ้นในโยเซฟ ฟาโรห์ถามเหล่าข้าราชการว่า ‘พวกเราจะหาคนที่มีพระวิญญาณพระเจ้าอยู่ในตัวเหมือนคนนี้ได้หรือ’ (ข้อ 38) เพราะตระหนักว่าไม่มีใครที่ ‘ชาญฉลาด’ และ ‘มีสติปัญญา’ เท่าโยเซฟอีกแล้ว ฟาโรห์จึงแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้ดูแลอาณาจักรทั้งหมด (ข้อ 39–40)

ท่ามกลางความทุกข์ยาก การทดลองและความยากลำบากทั้งหมดของคุณ พระเจ้ากำลังเตรียมคุณเช่นกัน โยเซฟมีสติปัญญามากขึ้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถวางแผนนำทางให้ประชาชนผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่และความโกลาหลนี้ได้ ขณะนี้พวกเราหลายคนกำลังเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจทุกรูปแบบ ความช่วยเหลือและสติปัญญาของพระเจ้าอาจไม่ได้หมายความว่าสถานการณ์ทั้งหมดจะเปลี่ยนแปลงไป แต่มันจะช่วยให้คุณผ่านพ้นความยากลำบากที่คุณกำลังเผชิญนี้ได้

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ทรงนำทางข้าพระองค์ในช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิต และช่วยให้ข้าพระองค์เติบโตขึ้น มีสติปัญญาและมั่นใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าและสามารถก้าวผ่านความท้าทายของชีวิต

Pippa Adds

ปฐมกาล 40

ฉันประทับใจโยเซฟมาก นอกเหนือจากความอวดดีในวัยเด็ก เพราะได้รับความโปรดปรานจากพ่อเป็นพิเศษ แต่โยเซฟไม่ได้ดำเนินในทางที่ผิดเลย อันที่จริงโยเซฟน่าจะมีศิลปะในการพูดกับพนักงานขนมคนนั้นสักหน่อย!

แม้มีคนมากมายปฏิบัติไม่ดีต่อโยเซฟ แต่เขาก็ไม่เคยขมขื่นหรือสงสัยในพระเจ้า โยเซฟยังคงเคารพฟาโรห์ แต่เขามีจุดยืนอย่างชัดเจนว่านั่นคือพระเจ้า ไม่ใช่ตัวเขาที่ตีความความฝันได้ ความอวดดีในวัยเด็กของเขาหมดไปและยกเกียรติทั้งหมดให้เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า เขาไม่ได้พยายามต่อรองเพื่อจะได้รับการปล่อยตัวเลยด้วยซ้ำ ไม่น่าแปลกใจที่ฟาโรห์จะประทับใจ ตอนนี้โยเซฟยืนอยู่ต่อหน้าฟาโรห์ด้วยความถ่อมใจ มั่นใจและพร้อมที่จะให้พระเจ้าใช้

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)
วันที่ 19วันที่ 21

เกี่ยวกับแผนฯ

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี เป็นแผนประจำวันซึ่งจะนำคุณอ่านพระคัมภีร์ทั้งเล่มในเวลาเพียงหนึ่งปี สำหรับใครก็ตามที่มองหาวิธีอ่านพระคัมภีร์แบบง่าย ๆ และมีแบบแผน แต่ละวันจะมีการสำรวจหัวข้อที่แตกต่างกันผ่านข้อพระคัมภีร์ที่คัดสรรมาจากพระธรรมสดุดีหรือสุภาษิต ตลอดจนพันธสัญญาใหม่และพันธสัญญาเดิม พร้อมด้วยคำอธิบายประจำวันจากนิคกี้ และพิพพา กัมเบล เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง

More

เราขอขอบคุณ Alpha International สำหรับการจัดทำแผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม bible.alpha.org/th