ชัยชนะเหนือการทดลอง (1 และ 2 เปโตร)ตัวอย่าง

สัปดาห์ที่ 3 : วันที่ 1 "ฝึกฝนความงามจากใจ"

ลงลึกในพระคำ

ในกรุงโรมโบราณ บรรทัดฐานทางสังคมกำหนดว่าสามีมีอำนาจเด็ดขาดเหนือครอบครัวของตน ลองนึกภาพการเป็นผู้หญิงที่สามีของเธอไม่ได้แบ่งปันความเชื่อที่ได้ค้นพบในพระคริสต์ แม้ว่าสามีที่กลายมาเป็นคริสเตียนจะนำทั้งครอบครัวมาโบสถ์ แต่ผู้หญิงไม่มีสิทธิอำนาจนั้น ภรรยาที่มาเป็นคริสเตียนจะต้องเดินบนเส้นทางที่ลำบาก โดยไปโบสถ์เพียงลำพัง และอาจขัดกับความต้องการของคู่สมรส สำหรับผู้หญิงหลายๆ คนทั่วโลก สิ่งนี้ยังคงเป็นความจริง

ท่ามกลางฉากหลังนี้ เปโตรนำเสนอสติปัญญาที่อยู่เหนือกาลเวลาหลายศตวรรษ เขาเปรียบเทียบความฟุ่มเฟือยและความไร้สาระที่ผู้หญิงโรมันมักแสดงออกแทนที่ด้วยคุณสมบัติที่ผู้หญิงคริสเตียนควรรักษา เขาไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์การแต่งกายที่เข้มงวดแต่ดึงความสนใจของเราเข้าไปข้างใน โดยแสดงให้เห็นว่า เราควรให้ความสำคัญกับความงามจากภายในมากกว่าความงามภายนอก เขาท้าทายผู้หญิงให้ดำเนินชีวิตในลักษณะที่ผู้อื่น ทั้งภายในและภายนอกบ้าน รับรู้ถึงอุปนิสัยและคุณสมบัติที่เหมือนพระคริสต์เหนือรูปลักษณ์ภายนอกของพวกเธอ

เปโตรเน้นย้ำถึงธรรมชาติชั่วคราวของความงามภายนอก ซึ่งเป็นความงามที่สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันด้วยแฟชั่นและเทรนด์ล่าสุดโดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความประทับใจให้ผู้อื่น แต่พระเจ้าสนับสนุนให้เราปลูกฝังความงามที่เปล่งประกายจากภายใน ซึ่งเป็นความงามที่โดดเด่นด้วยผลของวิญญาณ (กาลาเทีย 5:22-23) ความงามนี้จะไม่จางหาย มันเติบโตและงดงามยิ่งขึ้นตามกาลเวลา

การ “ยอมจำนน” อาจเป็นหัวข้อที่เสี่ยงและถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด บ่อยครั้งมีการเข้าใจผิดและบางครั้งก็ถูกใช้ในทางที่ผิด แต่พระเยซูเองเป็นแบบอย่างที่สมบูรณ์แบบ พระองค์ยอมจำนนต่อแผนการของพระเจ้า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งอันยิ่งใหญ่และความรักอันลึกซึ้ง ดังที่เปโตรสอน การยอมจำนนไม่เคยส่งผลเสียต่อการเชื่อฟังพระเจ้าของเรา ซึ่งไม่ได้หมายถึงการเป็น “พรมเช็ดเท้า” การอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัยหรือการถูกทำร้าย การทนต่ออันตรายหรือทำสิ่งที่ฝ่าฝืนพระคำของพระเจ้าหรือมโนธรรมของเรา แต่หมายถึงความอ่อนโยนพอที่จะทำตามคำสั่งของสามีเรา (แน่นอน ยกเว้นการทำบาป) เป็นท่าทีที่ยืดหยุ่นและเหมือนพระเจ้าซึ่งมาจากความรักและกระทำด้วยความเคารพต่อพระเจ้าและผู้อื่น

แม้ว่าเปโตรจะไม่ได้ระบุเจาะจงว่าภรรยาจะต้องยอมจำนนต่อสามีของเธออย่างไร แต่เขากล่าวถึงซาราห์ซึ่งยอมจำนนต่ออับราฮัม โดยเรียกเขาว่า "นายท่าน" สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงทัศนคติภายในของความเคารพจากการเชื่อฟังคำสั่งของพระเจ้า ดังที่เปโตรเขียนไว้ ผู้หญิงที่ยอมจำนนมีความหวังในพระเจ้า ไม่ใช่ในความฉลาด เสน่ห์ ความงามของตัวเอง และไม่ใช่ในสามีของตัวเองด้วย

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงไม่เกรงกลัวและเข้มแข็ง แต่ในขณะเดียวกันก็มีจิตวิญญาณที่นิ่งและเงียบสงบ

ขอพระเจ้าช่วยให้เรามีความงามภายในที่ชี้ไปที่พระคริสต์และนำผู้อื่นให้รู้จักพระองค์

อธิษฐาน : ข้าแต่พระเยซูเจ้า โปรดสอนข้าพระองค์ให้จัดลำดับความสำคัญของความงามจากภายในที่พระองค์ทรงหวงแหน โปรดช่วยข้าพระองค์ดูแลร่างกายที่พระองค์ทรงมอบไว้แก่ข้าพระองค์ ไม่ใช่ด้วยสิ่งที่ไร้สาระ แต่เพื่อเป็นการนมัสการพระองค์ อาเมน

*ในการศึกษาพระคัมภีร์ เราใช้วิธีศึกษาแบบ SOAP ซึ่งย่อมาจาก S (Scripture) พระคัมภีร์, O (Observation) สังเกต, A (Application) ประยุกต์ใช้ และ P (Prayer) อธิษฐาน

1.S - scripture (พระคัมภีร์) เขียนข้อพระคัมภีร์ลงไป คุณจะประหลาดใจกับสิ่งที่พระเจ้าเปิดเผยแก่คุณเพียงแค่ใช้เวลาช้าลงและเขียนสิ่งที่คุณกำลังอ่าน

2.O - observation (สังเกต) คุณเห็นอะไรในข้อที่คุณกำลังอ่าน? เป้าหมายคือใคร? มีคำซ้ำกันมั้ย? คำไหนที่โดดเด่นสำหรับคุณ?

3.A - application (ประยุกต์ใช้) วันนี้พระเจ้ากำลังพูดอะไรกับคุณ? คุณจะนำสิ่งที่คุณเพิ่งอ่านไปประยุกต์ใช้กับชีวิตส่วนตัวของคุณได้อย่างไร? คุณต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง? คุณต้องลงมือทำสิ่งใดหรือไม่?

4.P - prayer (อธิษฐาน) อธิษฐานพระวจนะของพระเจ้าใช้เวลาขอบคุณพระองค์ หากพระองค์ทรงเปิดเผยบางสิ่งแก่คุณในช่วงเวลานี้ผ่านพระคำของพระองค์ อธิษฐานเกี่ยวกับสิ่งนั้น หากพระองค์ทรงเปิดเผยความบาปบางอย่างในชีวิตของคุณ สารภาพมัน และจำไว้ว่าพระองค์ทรงรักคุณอย่างสุดซึ้ง