พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025ตัวอย่าง

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025

วันที่ 32 จาก 365

คุณสามารถไว้วางใจในพระเจ้าได้

ในวันที่โหดร้ายระหว่างที่เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง บลิทซ์ ผู้ซึ่งเป็นพ่อ อุ้มบุตรชายตัวน้อยของเขาวิ่งหนีจากอาคารที่ถูกระเบิดโจมตี เขามุ่งตรงไปยังสนามหญ้าหน้าบ้านซึ่งเป็นหลุมหลบภัยและพยายามมองหาหลุมหลบภัยอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พ่อกระโดดลงไปในหลุมนั้น อ้าแขน พร้อมกับบอกให้ลูกชายกระโดดตามลงมา แต่ทว่า เด็กน้อยตื่นกลัวอย่างมาก “หนูมองไม่เห็นพ่อเลย” เด็กน้อยตอบ ฝ่ายพ่อมองขึ้นมาที่เงาตะคุ่มของลูกซึ่งอยู่ที่ปากหลุม ตอบว่า “แต่พ่อเห็นลูกนะ กระโดดลงมาเลย” เด็กน้อยกระโดดทันที เพราะเขาเชื่อใจพ่อ กล่าวได้ว่า เด็กน้อยรักและศรัทธาในตัวพ่อ เขาวางใจและมั่นใจในตัวพ่อของเขา คำว่า “ความเชื่อ” ในพระคัมภีร์ โดยหลักคือการมอบความเชื่อมั่นให้บุคคลผู้หนึ่ง ในแง่ที่คล้ายคลึงกับความรัก ในความรักความสัมพันธ์ต่าง ๆ ล้วนเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบของความไว้วางใจ ความเชื่อคือการไว้วางใจในพระเจ้าซึ่งเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์อื่น ๆ ทั้งหมดของคุณ

สุภาษิต 3:21-35

จงมั่นใจในพระเจ้าองค์เจ้านาย

คุณเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองไหม ถ้าเช่นนั้น ความเชื่อมั่นมาจากไหนกันนะ มาจากการศึกษา รูปร่างหน้าตา ความสามารถทางกีฬา หรือทักษะอื่น ๆ ที่คุณมี หรือมาจากความคิดที่ผู้อื่นมีเกี่ยวกับตัวคุณ

สิ่งเหล่านี้ไม่ผิดอะไร ขอให้มั่นใจเอาไว้ แต่ท้ายที่สุดแล้วความมั่นใจของคุณควรมาจาก “พระเจ้าจอมเจ้านาย” การยังคงมีความเชื่อมั่นถึงแม้จะไม่มีสิ่งอื่นใดเลยนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปได้\t

ผู้ประพันธ์พระธรรมสุภาษิตกล่าวไว้ว่า “พระเจ้าจะทรงเป็นความไว้วางใจของเจ้า” (ข้อ 26 วรรคแรกของพระคัมภีร์ฉบับ Amplified Bible โดยผู้แปล) สิ่งที่คุณเชื่อนั้นเป็นบุคคล นั่นคือ “พระเจ้าองค์เจ้านาย” พระองค์เป็นบุคคลที่คุณสามารถไว้วางใจได้ในทุกอย่าง ความไว้วางใจที่เชื่อมั่นได้นี้ (ข้อ 23, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) เปลี่ยนแปลงแนวทางที่คุณในชีวิต และมอบสิ่งเหล่านี้

1. ปัญญา

คนโง่เขลา “เชื่อมั่นในตนเอง” (ข้อ 35, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) แต่ผู้เชื่อมั่นในพระเจ้านั้นเป็นคนฉลาด “รักษาวิจารณญาณและความเฉลียวฉลาดไว้ และสิ่งทั้งสองจะเป็นชีวิตแก่เจ้า” (ข้อ 21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) ปัญญา วิจารณญาณ และความเฉลียวฉลาดมาจากการติดตามพระเจ้าอย่างใกล้ชิด

2. สันติสุข

ความสำเร็จในหน้าที่การงาน ความมั่งมี และชื่อเสียงมีค่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากคุณไม่มีสันติสุข เพราะสันติสุขนั้นมาจากการมีความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเจ้า ไม่มีหมอนใบไหนที่จะนุ่มเท่ากับการมีมโนธรรมที่ชัดเจน “เมื่อเจ้านอน เจ้าจะไม่หวาดผวา เมื่อเจ้านอน ก็จะหลับสบาย อย่ากลัวความสยดสยองที่มาถึงอย่างฉับพลัน” (ข้อ 24-25ก) ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใด คุณสามารถเชื่อใจได้ว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับคุณและพระองค์ทรงควบคุมสถานการณ์ได้

3. ความดี

“อย่าเดินหนีจากผู้สมควรจะได้รับความช่วยเหลือ เพราะมือของท่านคือพระหัตถ์ของพระเจ้าสำหรับบุคคลนั้น” (ข้อ 27, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) จงฉวยทุกโอกาสในการทำดี จงอย่าชักช้าหากว่าคุณสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ (ข้อ 28)

4. ความรัก

“อย่าวางแผนปองร้ายเพื่อนบ้านของเจ้าผู้อาศัยอยู่ข้างๆ เจ้าอย่างไว้วางใจ” (ข้อ 29, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) การไว้วางใจในพระเจ้านำไปสู่ความรักต่อเพื่อนบ้านของคุณ

5. ความใกล้ชิด

“พระเจ้า ทรงไว้พระทัยคนเที่ยงธรรม” (ข้อ 32) เมื่อพระเจ้าเป็นความมั่นใจของเรา พระองค์ทรงไว้พระทัยในเราเช่นกัน สิ่งนี้เป็นภาพสะท้อนอันแสนมหัศจรรย์ที่แสดงให้เห็นว่าความใกล้ชิดในพระเจ้าเป็นอย่างไร “การมีสามัคคีธรรมส่วนตัวกับเรา และทรงเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้แก่เรา” (ข้อ 32ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)

6. ความถ่อมใจ

“พระเจ้าประทานพระคุณแก่คนถ่อมตัว” (ข้อ 34ข) หากความมั่นใจของคุณ มาจากความไว้วางใจในพระเจ้าจอมเจ้านาย คุณจะไม่มีเหตุใด ๆ ที่จะหยิ่งทะนง องค์พระเจ้าทรงสัญญาจะประทานพระคุณ พระพร และเกียรติแก่คุณ (ข้อ 33-35)

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ที่จะดำเนินชีวิตโดยความเชื่อ และใกล้ชิดติดสนิทพระองค์ ขอที่ข้าพระองค์จะไว้วางใจและเชื่อมั่นในพระองค์อย่างสุดใจ

มัทธิว 21:18-32

เชื่อในพระเยซู

พระเยซูตรัสว่า “ถ้าเพียงพวกท่านมีความเชื่อและไม่ได้สงสัย ก็จะเป็นไปตามนั้น” (ข้อ 21) คำตอบคือ เชื่อ... เชื่อ... เชื่อ... (ข้อ 22, 25-32) คำนี่เป็นคำเดียวที่ยึดโยงทั้งสามข้อความที่ดูเหมือนจะแตกต่างกัน

1. ป้อนตัวคุณด้วยความเชื่อ แล้วความสงสัยจะอดตาย

พระเยซูตรัสว่า”ทุกสิ่งที่ท่านอธิษฐานขอด้วยความเชื่อก็จะได้” (ข้อ22)”ถ้าท่านรับชีวิตของอาณาจักรนี้ และไม่สงสัยในพระเจ้า ท่านจะไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จในการทำแบบเดียวกับที่เราทำกับต้นมะเดื่อได้เท่านั้น แต่จะมีชัยชนะเหนืออุปสรรคใหญ่หลวง ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เมื่อสิ่งเหล่านั้นอยู่ในคำอธิษฐานซึ่งคุณทูลขอด้วยความเชื่อและมอบไว้กับพระเจ้า”(ข้อ 21-22, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ในวันนี้ อยากให้คุณลองทูลขอต่อพระเจ้า เชื่อในพระองค์ และไว้วางใจในพระองค์

2. สำแดงความเชื่อด้วยการกระทำ

ต้นมะเดื่อไม่ได้ทำในสิ่งที่มันควรจะทำ คือ การเกิดผล (ข้อ 18-20) บุตรชายคนที่สองในคำอุปมาไม่ได้ทำในสิ่งที่เขาควรจะทำ คือ การเชื่อฟังคำแนะนำของบิดา (ข้อ 28-31) เช่นเดียวกัน บรรดาผู้นำทางศาสนาก็ไม่ได้ทำในสิ่งที่พวกเขาควรจะทำ คือ การเชื่อในพระเยซู (ข้อ 23-27)

พวกเขาสงสัยในสิทธิอำนาจขององค์พระเยซูแทนที่จะมีความศรัทธาในพระองค์ และได้ถามพระองค์ว่า “ท่านทำสิ่งเหล่านี้โดยสิทธิอำนาจอะไร” (ข้อ 23) พระเยซูตรัสตอบด้วยคำถามเกี่ยวกับต้นกำเนิดของยอห์นผู้ให้บัพติศมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบรรดาผู้นำทางศาสนาก็ล้มเหลวในการไว้วางใจในยอห์นผู้ให้บัพติศมา เขาทั้งหลายปรึกษากันว่า “ถ้าเราว่า “มาจากสวรรค์” เขาจะถามเราว่า “ทำไมถึงไม่เชื่อยอห์น?” (ข้อ 25)

ความศรัทธาของเหล่าผู้นำทางศาสนาล้วนเกี่ยวกับแนวความคิดและการอภิปราย และพวกเขาไม่เห็นว่ามีบุคคลผู้หนึ่งผู้ซึ่งเป็นทุกสิ่งนั้นขาดหายไป นั่นคือ องค์พระเยซู

3. เข้าอาณาจักรของพระเจ้าด้วยความเชื่อ

พระเยซูเปรียบผู้นำศาสนาซึ่งไม่ได้เชื่อบรรดาคนเก็บภาษีและพวกหญิงโสเภณี ผู้ซึ่ง “กลับใจและเชื่อยอห์น” (ข้อ 32)

บรรดาคนเก็บภาษีและพวกหญิงโสเภณีถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่ต่ำต้อยไร้ค่าที่สุด (คดโกงและแพศยา ข้อ 32, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ถึงอย่างนั้น พระเยซูก็ยังตรัสว่าเพราะพวกเขาได้เชื่อวางใจในพระองค์ พวกเขาจึงได้เข้าแผ่นดินสวรรค์ก่อน

คุณสังเกตไหมว่า บ่อยครั้งที่พระเยซูดูจะไม่ได้สนใจในบรรดา “คนเที่ยงธรรม” เอาเสียเลย พวกเขาเพียงไม่เห็นความจำเป็นใด ๆ หรืออาจกล่าวได้ว่า ผมประหลาดใจบ่อย ๆ กับความเปิดเผยและหิวกระหายในฝ่ายวิญญาณของผู้ที่อยู่ในคุกและผู้ที่เคยต่อต้านพระเยซูมาก่อน โดยผ่านการเข้าไปในคุกหลายแห่ง ทำให้ผมตระหนักว่าทำไมพระเยซูทรงรักการใช้เวลากับบรรดาคนชายขอบของสังคม เพราะพวกเขามักจะเป็นผู้ที่ตอบสนองต่อพระองค์

ไม่มีใครที่เลวร้ายจนไม่มีโอกาสกลับตัวกลับใจ แม้แต่ในอดีตจะเต็มไปด้วยการกระทำผิด แต่ไม่มีสิ่งไหนที่คุณเคยคิดหรือพูดหรือกระทำใด ๆ ที่จะทำให้การเข้าแผ่นดินสวรรค์เป็นสิ่งไกลเกินเอื้อมสำหรับคุณ ดังเช่นบุตรคนแรกในคำอุปมา สิ่งทั้งหมดที่จำเป็นคือการเปลี่ยนใจและความคิด และทำในสิ่งที่บิดาบอกให้ทำ (ข้อ 29) ขอเพียงกลับใจและเชื่อวางใจในพระเยซู

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ทรงตรัสว่า “ทุกสิ่งที่ท่านอธิษฐานขอด้วยความเชื่อก็จะได้” (ข้อ 22) ในวันนี้ข้าพระองค์ทูลขอว่า...

โยบ 22:1-24:25

ยังคงไว้วางใจแม้ในยามถูกทดสอบ

โยบเรียนรู้ที่จะเชื่อวางใจในพระเจ้าถึงแม้เขาไม่เข้าใจว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นกับชีวิตของเขา ความเชื่อมีความเกี่ยวข้องกับการไว้วางใจในพระเจ้าถึงแม้ว่าคุณไม่ได้ทราบคำตอบทั้งหมดก็ตาม

ความเชื่อมักจะถูกทดสอบเมื่อผ่านช่วงเวลายากลำบาก อีกครั้งที่มีการเปรียบเทียบความแตกต่างสุดขั้ว ระหว่างโยบและเพื่อนของเขา เอลีฟัสกล่าวหาอย่างผิด ๆ ว่า โยบกระทำผิดต่อบรรดาผู้ขัดสน ผู้หิวโหย และแม่ม่าย เขากล่าวว่า “นั่นคือเหตุผลว่าทำไม” (22:10) โยบกำลังเป็นทุกข์อยู่ และคงหงุดหงิดใจมากที่ถูกเพื่อนกล่าวหาอย่างผิดๆ แบบนี้ เพราะสิ่งเหล่านั้นล้วนไม่เป็นความจริง

ทฤษฎีของเอลีฟัสนั้นง่ายเกินไปและมีจุดบกพร่อง “จงปรองดองกับพระเจ้าและอยู่อย่างสันติ แล้วสิ่งดีจะมาถึงท่าน” (ข้อ 21) แต่แท้จริงแล้ว ชีวิตมีความซับซ้อนมากกว่านั้น

ตรงกันข้าม โยบต่อสู้ดิ้นรนกับโลกแห่งความเป็นจริงซึ่งมักจะหาคำอธิบายไม่ได้ ผู้บริสุทธิ์ต้องทนทุกข์ แต่โยบยังศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยมท่ามกลาง “เสียงคร่ำครวญ” (23:2) ในชีวิตของโยบ ทุกอย่างดูผิดพลาดไปหมด ดูเหมือนพระเจ้าทรงอยู่ห่างไกลออกไปหลายไมล์ (ข้อ 3ก “โอ ข้าอยากทราบว่าจะพบพระองค์ได้ที่ไหน”)

บางครั้งดูเหมือนไม่มีอะไรที่สมเหตุสมผลในชีวิตของเรา พระเจ้าอาจใช้สถานการณ์ของเราเพื่อทดสอบเรา จงเลือกที่จะเชื่อใจพระองค์ต่อไป

โยบกล่าวว่า “เมื่อทรงทดสอบข้าแล้ว ข้าก็จะเป็นอย่างทองคำ” (ข้อ 10ข) ทองคำผ่านการทำให้บริสุทธิ์และทดสอบโดยถลุงด้วยความร้อนและแยกเอาขี้แร่ออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทั่งสามารถเห็นภาพสะท้อนของช่างทองในนั้นได้ ท่ามกลางความทุกข์ที่แสนสาหัส โยบวางใจว่าพระเจ้าจะใช้ทุกอย่างเพื่อประโยชน์และเขาจะบริสุทธิ์และบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม เขาควบคุมใจให้ยึดมั่นในพระเจ้าไว้ได้

'เท้าของข้าเดินตามติดรอยพระบาทของพระองค์
|ข้าถือรักษาพระมรรคาและมิได้หันเห
ข้ามิได้พรากจากพระบัญญัติแห่งพระโอษฐ์ของพระองค์
|ข้าสะสมพระวจนะแห่งพระโอษฐ์ของพระองค์ไว้มากกว่ากฎเกณฑ์ของข้า' (ข้อ 11-12)

เมื่อดูชีวิตของโยบ เราจะเห็นว่าความแข็งแกร่งจะเติบโตผ่านการต่อสู้ดิ้นรน ความกล้าหาญพัฒนามาจากความท้าทายในชีวิต และสติปัญญาก็สุกงอมจากบาดแผลที่ได้รับ เมื่อพระเจ้าทดสอบโยบ ความเชื่อของเขาก็กลายเป็นดังทองคำบริสุทธิ์

ข้าแต่พระเจ้า ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเหล่านั้น ที่ข้าเหมือนตกอยู่ในเพลิงของเตาถลุงแร่ โปรดช่วยข้าที่จะมอบความไว้วางใจและศรัทธาในพระองค์ และที่ข้าจะเป็นเหมือนอย่างทองคำ (ข้อ 10ข)

Pippa Adds

เมื่อฉันอ่านพระคัมภีร์ฉันมักจะมองหาข้อพระคัมภีร์ที่ให้กำลังใจ ฉันมักจะอ่านข้ามข้ออื่น ๆ เช่น “มีผู้ฉวยเด็กกำพร้าไปจากอกและเอาทารกของคนยากจนไปเป็นประกัน” (โยบ 24:9) แต่มันเป็นโศกนาฏกรรมที่ยังคงเกิดขึ้นในปัจจุบัน เด็ก ๆ ถูก “ฉวย” และถูกขายเข้าซ่อง ทั้งเด็ก ผู้หญิง และผู้ชายต้องลงเอยด้วยการเป็นทาส ตอนนี้ฉันรู้สึกว่า ฉันต้องยืนหยัดต่อสู้กับความอยุติธรรมที่เลวร้ายนี้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)
วันที่ 31วันที่ 33

เกี่ยวกับแผนฯ

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี เป็นแผนประจำวันซึ่งจะนำคุณอ่านพระคัมภีร์ทั้งเล่มในเวลาเพียงหนึ่งปี สำหรับใครก็ตามที่มองหาวิธีอ่านพระคัมภีร์แบบง่าย ๆ และมีแบบแผน แต่ละวันจะมีการสำรวจหัวข้อที่แตกต่างกันผ่านข้อพระคัมภีร์ที่คัดสรรมาจากพระธรรมสดุดีหรือสุภาษิต ตลอดจนพันธสัญญาใหม่และพันธสัญญาเดิม พร้อมด้วยคำอธิบายประจำวันจากนิคกี้ และพิพพา กัมเบล เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง

More

เราขอขอบคุณ Alpha International สำหรับการจัดทำแผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม bible.alpha.org/th