พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025ตัวอย่าง

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025

วันที่ 39 จาก 365

วิธีดำเนินชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตร

มีคริสเตียนหลายแสนคนอยู่ในกลุ่มผู้ลี้ภัยจากอิรักและซีเรียท่ามกลางความขัดแย้งของกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง คริสเตียนเหล่านั้นต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากระบบการทรมานและการสังหารชีวิตจำนวนมาก กลุ่มก่อการร้ายไอซิสประกาศให้ศาสนาคริสต์เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง คริสเตียนหลายล้านคนอาศัยอยู่ในประเทศที่พวกเขาถูกข่มเหงเพราะความเชื่อ รัฐบาลหลายประเทศพยายามควบคุมการเติบโตของคริสตจักร แม้แต่ในประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์ บางครั้งก็มีการต่อต้านศาสนาคริสต์อย่างรุนแรง ความเป็นศัตรูต่อประชากรของพระเจ้าไม่ใช่เรื่องใหม่ ผู้คนมักถูกล่อลวงด้วยความสำเร็จ การเติบโตและทวีคูณมากขึ้น บางทีคุณอาจเผชิญกับการต่อต้านในที่ทำงานหรือแม้แต่ในครอบครัวเพราะความเชื่อของคุณ เนื้อหาในวันนี้ไม่เพียงแต่เน้นถึงความเป็นจริงของการใช้ชีวิตในสังคมที่เป็นศัตรูกับเรา แต่ยังชี้ให้เห็นว่าคุณจะอยู่รอดและประสบความสำเร็จได้อย่างไรท่ามกลางการต่อต้านดังกล่าว

สดุดี 19:1-6

ศึกษาการเปิดเผยของพระเจ้า

พระเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์เองต่อคนทั้งโลกผ่านการทรงสร้าง ดาวิดกล่าวว่าเมื่อคุณมองไปที่สรรพสิ่งทั้งสิ้นคุณจะเห็นได้ชัดว่ามีพระเจ้า ‘ท้องฟ้าประกาศพระสิริของพระเจ้า และพื้นฟ้าสำแดงผลงานแห่งพระหัตถ์ของพระองค์ วันส่งถ้อยคำให้แก่วัน และคืนแจ้งความรู้ให้แก่คืน’ (ข้อ 1–2)

ฟรานซิส คอลลินส์ ผู้อำนวยการโครงการถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์ ซึ่งมีนักวิทยาศาสตร์กว่า 2,000 คน ได้ศึกษาค้นคว้ารหัสพันธุกรรมของมนุษย์ที่มีความยาวกว่า 3 พันล้านตัวอักษร ซึ่งหนังสือคำแนะนำเกี่ยวกับดีเอ็นเอของทางโครงการ ได้กล่าวว่า ‘ผมมองไม่เห็นว่าธรรมชาติสร้างขึ้นมาได้อย่างไร มีเพียงพลังเหนือธรรมชาติที่อยู่นอกอวกาศและกาลเวลาเท่านั้นที่สามารถทำได้’

การเปิดเผยของพระเจ้าในการทรงสร้างมีให้สำหรับทุกคน ไม่มีใครได้รับการยกเว้นจากสิ่งนี้ ‘ถ้อยคำไม่มี วาจาก็ไม่มี และไม่มีใครได้ยินเสียงฟ้า ถึงกระนั้น เสียงของมันก็ออกไปทั่วแผ่นดินโลกและถ้อยคำก็ออกไปถึงสุดปลายพิภพ’ (ข้อ 3–4)

เมื่อเรามองไปที่โลกใบนี้เราจะเห็นรอยเท้าขององค์พระผู้เป็นเจ้า ‘ฤทธานุภาพอันถาวรและเทวสภาพของพระองค์’ (โรม 1:20) ถึงกระนั้นแม้ว่าพระเจ้าจะทรงเปิดเผยพระองค์เองต่อคนทั้งโลก แต่ผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นศัตรูกับพระองค์

ให้เราใช้เวลาเรียนรู้การทรงสร้างของพระเจ้า และขอบคุณพระองค์ในสิ่งที่พระองค์เป็น และเพลิดเพลินไปกับความงดงามแห่งการทรงสร้างของพระองค์

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ทรงตรัสอยู่ทุกวัน และทุกคืนผ่านการทรงสร้างนี้ และไม่มีคำพูดหรือภาษาใดที่ไม่ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์

มัทธิว 26:1-30

เข้าใจวิธีการแก้ปัญหาขององค์พระผู้เป็นพระเจ้า

คุณเคยถูกเพื่อนกล่าวหาหรือทรยศหรือไม่? เคยมีคนวางแผนเล่นงานคุณหรือไม่? หรือคุณเคยประสบกับความเกลียดชังส่วนตัวในรูปแบบอื่น ๆ บ้างไหม? พระเยซูทรงประสบกับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด

พระเจ้าได้เปิดเผยพระองค์เองผ่านการทรงสร้าง อย่างไรก็ตามการเปิดเผยสูงสุดของพระองค์อยู่ในรูปแบบของผู้เป็นพระบุตรของพระองค์ นั่นคือ พระเยซูคริสต์

พระเจ้าได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโลกที่เป็นศัตรูกับพระองค์นี้ เพื่อทำอะไรบางอย่าง ในพระธรรมตอนนี้เราจะเห็นวิธีแก้ปัญหาของพระเจ้า ซึ่งทรงกระทำผ่านทางพระบุตรของพระองค์นั่นคือพระเยซู กระนั้นโลกก็เป็นศัตรูแม้กระทั่งกับพระเยซูด้วย

1.\tวางแผนด้วยอุบาย

เราไม่ควรแปลกใจกับการที่โลกเป็นศัตรูกับพระเยซูและคริสเตียนในปัจจุบัน พระเยซูทรงทราบดีว่าพระองค์จะถูก ‘มอบตัวให้เอาไปตรึงที่กางเขน’ (ข้อ 2) พวกหัวหน้าปุโรหิตและผู้ใหญ่ของประชาชนวางแผน ‘จับพระเยซูด้วยอุบายและเอาไปฆ่าเสีย’ (ข้อ 4)

พระเยซูตรัสกับสาวกทั้งสิบสองของพระองค์ว่า ‘พวกเจ้าคนหนึ่งจะส่งเราไปหาผู้สมรู้ร่วมคิด’ (ข้อ 21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

2. การกล่าวหา

เมื่อหญิงคนหนึ่ง ‘ถือขวดน้ำมันหอมราคาแพงมากมาหาพระองค์ แล้วเทน้ำมันนั้นบนพระเศียรของพระองค์’ (ข้อ 7) แต่สาวกกลับมองว่าสิ่งที่นางทำเพื่อพระเยซูนั้น ‘สิ้นเปลือง’ (ข้อ 8)

มีบางอย่างที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ พระเยซูถูกมอบชีวิตไว้ที่กางเขนเพื่อเรา ทรงจ่ายราคามากเกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้และความตายของพระองค์ก็ใกล้เข้ามา ดังนั้นขวดน้ำหอมราคาแพงที่สาวกตีโพยตีพายว่าสิ้นเปลืองกลับเหมาะสมกับพระเยซูคริสต์ที่สุด

คนส่วนใหญ่เข้าใจในความทุ่มเทให้กับงานทั่วไปของคุณ (เช่น การทำงานเพื่อปากท้อง) แต่พวกเขากลับไม่เข้าใจการนมัสการพระเยซูและการอุทิศตนเพื่อพระองค์ พวกเขามองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ ‘สิ้นเปลือง’ และคิดว่าการใช้เวลาและเงินเป็นการดีกว่าอย่างแน่นอน (ข้อ 9) แต่พระเยซูทรงเห็นต่างออกไป ‘นางได้ทำความดีต่อเรา’ (ข้อ 10) หญิงคนนั้นสำแดงความรักที่มีค่าและมีราคาแพงต่อพระเยซู

3. การทรยศ

ผู้คนจะมักใช้เงินไปกับอะไร! ยูดาสรอโอกาสที่จะอายัดพระเยซูเพื่อแลกกับเงิน 'สามสิบเหรียญเงิน' (ข้อ 15) พระเยซูต้องเจ็บปวดสักเพียงไร! ยูดาสเป็นหนึ่งในสาวกสิบสองคนที่สนิทที่สุด ที่พระองค์ทรงเลือกไว้ และพระองค์ก็รู้ว่า 'คนหนึ่งในท่านจะทรยศเรา' (ข้อ 21)

ถึงกระนั้นโดยความรักอันอัศจรรย์ของพระเยซูที่สามารถสิ้นพระชนม์แทนพวกเขาได้ ในระหว่างมื้ออาหาร พระองค์เริ่มอธิบายความหมายของการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ผ่านการหักขนมปังและดื่มเหล้าองุ่นว่า พระโลหิตของพระองค์จะต้องถูก ‘หลั่งออกเพื่อยกบาปโทษคนจำนวนมาก’ (ข้อ 28) คำตอบของพระเยซูที่มีต่อโลกที่เป็นปรปักษ์คือการถูกตรึงกางเขนเพื่อให้อภัยและไถ่บาป

ทุกครั้งที่คุณรับศีลมหาสนิทคุณจะได้รับการย้ำถึงความเป็นศัตรูของโลกที่มีต่อพระเยซูและความรักที่พระองค์มีต่อโลกใบเดียวกันนี้

ข้าแต่พระเยซู ขอบคุณพระองค์ที่สละชีวิตเพื่อข้าพระองค์และสำแดงให้เห็นถึงความรักโลกนี้ที่เป็นศัตรูกับพระองค์

อพยพ 1:1-3:22

การรู้จักว่าพระเจ้าเป็นใคร

โมเสสถามพระเจ้าว่า ‘ข้าพระองค์เป็นใคร ที่จะไป?’ พระเจ้าตอบโดยบอกว่าพระองค์เป็นใคร ในท้ายที่สุดคำตอบสำหรับคำถามและปัญหาทั้งหมดไม่ใช่ว่าเราเป็นใคร แต่คำตอบอยู่ที่*พระองค์เป็นใคร *

หากคุณถามชาวยิวในศตวรรษแรกว่าใครคือบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา พวกเขาจะตอบว่า ‘โมเสส’ อย่างไม่ต้องสงสัย โมเสสเป็นบุคคลสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาวยิว โดยการช่วยพวกเขาจากการเป็นทาสไปสู่ชีวิตแห่งอิสรภาพ มอบบทบัญญัติแก่พวกเขา ในหนังสืออพยพได้นำเสนอเราเกี่ยวกับบทบัญญัติของชนชาติใหม่และแนะนำให้เรารู้จักกับชายที่จะรับผิดชอบในส่วนนี้

'มีกษัตริย์องค์ใหม่' ขึ้นครองราชย์สมบัติซึ่ง ‘พระองค์ไม่ทรงรู้จักโยเซฟ’ (1:8) ‘กษัตริย์องค์ใหม่’ ไม่รู้ข้อเท็จจริงที่ว่าโยเซฟช่วยอียิปต์ ชาวอียิปต์ลืมความดีที่คนของพระเจ้าเคยทำในอดีตไปอย่างรวดเร็วและเริ่มบีบบังคับชนชาติอิสราเอลให้เป็นทาสและทำงานอย่าง ‘หนัก’ (ข้อ 11–14) พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือและ ‘พระเจ้าทรงได้ยินเสียงคร่ำครวญของพวกเขา’ (2:24)

บรรดาฝูงชนพยายามกำจัดคนของพระเจ้ามาตลอดประวัติศาสตร์ แต่ก็ไม่เคยได้ผล ‘แต่ยิ่งถูกบีบบังคับ ชนชาติอิสราเอลก็ยิ่งทวีมากขึ้น และยิ่งแผ่ขยายออกไป ชาวอียิปต์ทั้งเกลียดทั้งกลัวชนชาติอิสราเอล’ (1:12) แม้แต่ทุกวันนี้ ยิ่งคริสตจักรที่ถูกข่มเหงและกดขี่มากเท่าไร ก็มักจะทวีคูณและแผ่ขยายออกไปมากขึ้น

โมเสส คือ เจ้าชายผู้สูงส่ง และเป็นหลานชายบุญธรรมของฟาโรห์ บรรดาทรัพย์สิน เงินทอง เรื่องเพศและอำนาจ ล้วนอยู่ในกำมือของโมเสส แต่เขาเลือกที่จะต่อต้านอำนาจเหล่านี้แทน เขาเลือกที่จะเชื่อฟังการทรงเรียกของพระเจ้าและเลือกที่จะอยู่ข้างประชากรของพระเจ้าซึ่งเป็นกลุ่มคนที่เติบโตมาแบบโมเสสอันได้รับการขนานนามว่าเป็นชนชาติแห่งทาส

เมื่อเรามองผ่านมุมมองของพันธสัญญาใหม่เราจะเห็นว่าโมเสสเลือกการร่วมทุกข์กับประชากรของพระเจ้าแทนการเริงสำราญชั่วคราวในความบาป เขาถือว่าความอับอายขายหน้าเพื่อพระคริสต์ล้ำค่ากว่าสมบัติทั้งหลายของอียิปต์ เพราะเขากำลังเพ่งดูที่บำเหน็จที่จะได้รับ (ฮีบรู 11:25–26)

ไม่ใช่ทางเลือกที่จะทำง่าย ๆ อย่างไรก็ตาม ในที่สุดเขาก็เชื่อฟังการทรงเรียกของพระเจ้าและเข้าสู่โลกที่เป็นศัตรูกับพระเจ้านี้

หัวใจสำคัญของการเชื่อฟังคือการยอมรับว่าพระเจ้าคือใคร พระเจ้าเปิดเผยพระองค์เองในรูปแบบต่าง ๆ ต่อโมเสสและทรงสัญญาว่า ‘เราจะอยู่กับเจ้าแน่’ (อพยพ 3:12) การเปิดเผยพระนามของพระองค์มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากชื่อนั้นถูกเข้าใจว่าเป็นการประกาศลักษณะหรือธรรมชาติส่วนบุคคล พระเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์เองว่า ‘เราเป็นผู้ซึ่งเราเป็น’ (ข้อ 14) วิธีเดียวที่พระเจ้าสามารถอธิบายได้อย่างครบถ้วนคือการอ้างอิงถึงตัวพระองค์เอง

พระนามของพระองค์ประกาศถึงความยิ่งใหญ่อันเป็นเอกลักษณ์และความเป็นนิรันดร์ นามนี้ (ในรูปแบบที่เป็นสัญญา) กลายเป็นนามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้เป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งพันธสัญญาเดิม ในภาษาฮีบรูคือคำว่า ยาห์เวห์ (Yahweh) แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า ‘พระเจ้า’ ('the LORD') ดังนั้นการที่โมเสสเชื่อฟังการทรงนำของพระเจ้านั้นมีรากฐานมาจากความเข้าใจว่าพระเจ้าคือใคร

ที่จริงแล้วพระเจ้าบอกให้โมเสสไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการต่อต้านต่าง ๆ ที่เขาจะต้องเผชิญ สิ่งสำคัญคือพระเจ้าผู้ที่ ‘เราเป็นผู้ซึ่งเราเป็น’ นั่นอยู่กับเขา เพียงพระองค์ผู้เดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับความกลัว ความกังวลและความท้าทายทั้งหมดของคุณ

พระเยซูตรัสว่า ‘ก่อนอับราฮัมเกิด เราเป็นอยู่แล้ว’ (ยอห์น 8:58) องค์ผู้ใหญ่ยิ่ง ทรงนิรันดร์กาลและเพียงพอสำหรับเรา ได้มาใกล้เราในองค์พระเยซูและพระองค์สัญญาว่าจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป (มัทธิว 28:20) เมื่อคุณรู้ว่าพระเจ้า 'เราเป็นผู้ซึ่งเราเป็น' อยู่กับคุณ คุณจะสงบและมีสันติสุขได้

ข้าแต่พระเยซู ขอบคุณพระองค์ที่ทรงอยู่กับข้าพระองค์ในโลกที่เป็นศัตรูกับพระองค์นี้ และเพียงพระองค์ผู้เดียวก็เพียงพอสำหรับความกลัว ความกังวลและความท้าทายทั้งหมดของข้าพระองค์

Pippa Adds

โมเสสเป็นหนี้ชีวิต (ท่ามกลางคนอื่น ๆ) ให้กับหญิงที่กล้าหาญทั้งห้าคน ได้แก่

ชิฟราห์ และ ปูอาห์ ผู้เป็นนางผดุงครรภ์ ที่กล้าขัดคำสั่งฟาโรห์ และได้ช่วยชีวิตทารกเพศชายหลายร้อยคน

พี่สาวของโมเสส (มิเรียม) ที่กระทำการอย่างชาญฉลาดในการเรียกมารดาของโมเสสให้มาเลี้ยงดูเขา ในขณะที่โมเสสถูกพบโดยธิดาของฟาโรห์ในตะกร้ากลางกอปรือ

แม่ของโมเสส ที่ส่งต่อความเชื่ออันยิ่งใหญ่ให้กับลูก ๆ ทั้งสาม (โมเสส อาโรนและมิเรียม)

ที่น่าประหลาดใจที่สุดคือธิดาของฟาโรห์ ที่มีความสงสารต่อโมเสสและได้ช่วยชีวิตเขา และรับเขามาเป็นลูกของเธอเอง

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)
วันที่ 38วันที่ 40

เกี่ยวกับแผนฯ

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี เป็นแผนประจำวันซึ่งจะนำคุณอ่านพระคัมภีร์ทั้งเล่มในเวลาเพียงหนึ่งปี สำหรับใครก็ตามที่มองหาวิธีอ่านพระคัมภีร์แบบง่าย ๆ และมีแบบแผน แต่ละวันจะมีการสำรวจหัวข้อที่แตกต่างกันผ่านข้อพระคัมภีร์ที่คัดสรรมาจากพระธรรมสดุดีหรือสุภาษิต ตลอดจนพันธสัญญาใหม่และพันธสัญญาเดิม พร้อมด้วยคำอธิบายประจำวันจากนิคกี้ และพิพพา กัมเบล เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง

More

เราขอขอบคุณ Alpha International สำหรับการจัดทำแผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม bible.alpha.org/th