พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025ตัวอย่าง
วิธีใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุด
‘คนมักถามผมว่า แม่ชีเทเรซาเป็นอย่างไร’ เชน ไคลบอร์น เขียนไว้ในหนังสือเรื่อง The Irresistible Revolution กล่าวถึงว่า ‘บางครั้งพวกเขา’สงสัยว่าท่านเรืองแสงได้ในความมืดหรือมีรัศมีเจิดจรัส ท่านตัวไม่สูงนัก ใบหน้าของท่านมีรอยย่นยับและแสนเลอค่า อาจจะมีเครื่องประดับเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนสตรีสูงอายุที่สวยงามและฉลาด แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมจะไม่มีวันลืมนั่นคือเท้าของท่านที่ผิดรูปไปจากเดิม ทุกเช้าผมจะจ้องมองมัน ผมสงสัยว่าท่านเป็นโรคเรื้อน วันหนึ่งซิสเตอร์คนหนึ่งอธิบายว่า “เท้าของท่านผิดรูป เพราะเราได้บริจาครองเท้าที่เพียงพอสำหรับทุกคนและแม่ชีไม่ต้องการให้ใครได้รับคู่ที่แย่ที่สุด ท่านจึงขุดคุ้ยและพบคู่ที่ต้องการ และหลายปีของการทำเช่นนั้นทำให้เท้าของท่านผิดรูปไปเลย” หลายปีแห่งการรักเพื่อนบ้านของเธอในขณะที่ตัวเองเท้าพิการ’ เมื่อมีคนถามถึงบุคคลที่พวกเขาชื่นชอบในชีวิตมากที่สุดคำตอบก็คือ ‘แม่ชีเทเรซา’ เพราะท่านใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าที่สุด มันเป็นความขัดแย้งเพราะชีวิตของท่านเป็นชีวิตของการปฏิเสธตัวเอง ท่านแบกกางเขนและติดตามพระเยซู ชีวิตเป็นของขวัญที่พิเศษและยอดเยี่ยม ในพระคัมภีร์เราได้รับการกระตุ้นเตือนตลอดเวลาว่า อย่าให้ของขวัญนี้เสียไป แต่ให้ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุดแทนสุภาษิต 6:1-11
มีวินัยในตนเองเป็นสำคัญ
พระธรรมสุภาษิตให้สติปัญญาที่ใช้ได้จริงเกี่ยวกับวิธีใช้ชีวิตให้เกิดประโยชน์สูงสุดและวิธีหลีกเลี่ยงการสูญเปล่าโดยตกอยู่ในกับดักต่าง ๆ ในเนื้อหาสำหรับวันนี้เราเห็นสองตัวอย่าง คือ
1.\tเชี่ยวชาญด้านการเงินของคุณ
หนึ่งในพื้นที่ของชีวิตที่ต้องมีวินัยในตนเองคือการเงินของเรา มีกับดักและบ่วงทางการเงินมากมาย อยู่เสมอเช่นหนี้ที่จัดการไม่ได้ การลงทุนที่ไม่ฉลาดและคำมั่นสัญญาที่โง่เขลา ผู้เขียนเรียกร้องให้คุณทราบว่าหากคุณตกอยู่ในความยุ่งเหยิงทางการเงิน (ข้อ 2–5) คุณควรทำทุกวิถีทางเพื่อออกไปโดยเร็วที่สุด ‘อย่าเสียเวลาสักนาที’ (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก the Message โดยผู้แปล)
คุณอาจต้องถ่อมตัวลง (ข้อ 3ข) คุณอาจต้องวิงวอนต่อคดีของคุณ (ข้อ 3ค) ทำทุกวิถีทางเพื่อปลดปล่อยตัวเองจากบ่วงเหล่านี้ (ข้อ 5) หากเราไม่ได้รับการจัดการทางการเงินอาจส่งผลเสียอย่างมากต่อชีวิตของเราและต่อครอบครัวของเรา
2.\tควบคุมเวลาของคุณ
เราสามารถเสียชีวิตหากขาดวินัยในตนเอง หากปราศจากความรับผิดชอบ เราอาจกลายเป็นคนเกียจคร้านได้ง่าย ๆ และอาจส่งผลร้ายตามมาได้ (ข้อ 9–11) เราสามารถเรียนรู้การเป็นผู้นำในตนเองจากมด ไม่มีใครคอยบอกมันว่าต้องทำอะไร ‘โดยปราศจากหัวหน้า เจ้าหน้าที่หรือผู้ปกครอง’ (ข้อ 7) แต่มันทำงานหนักมาก ‘มันเตรียมอาหารของมันในฤดูแล้งและสะสมเสบียงของมันในฤดูเกี่ยว’ (ข้อ 8)
แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือต้องนอนหลับให้เพียงพอ ร่างกายของเราต้องการการพักผ่อน แต่เราต้องระวังอย่าเสียเวลาไปกับกิจกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดประทานสติปัญญาแก่ข้าพระองค์ในการจัดการการเงินและเวลาของข้าพระองค์
มาระโก 8:14-9:11
สละชีวิตของคุณไป
พระเยซูเตือนสาวกให้ระวัง ‘เชื้อ’ (8:15) ของพวกฟาริสีและเฮโรด คำว่า ‘เชื้อ’ นั้นเป็นคำอุปมาทั่วไปถึงแนวโน้มของสิ่งชั่วร้ายในชีวิตมนุษย์ซึ่งแม้ว่ามันอาจจะดูเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย แต่ก็ทำให้คนทั้งคนพินาศไป เหล่าสาวกยังคงไม่เข้าใจเพราะพวกเขาจมอยู่กับฝ่ายร่างกายมากจนไม่มีสายตาฝ่ายวิญญาณ
ไม่ใช่ว่ามีสิ่งผิดปกติทางกายภาพในตัวเอง ชายตาบอดต้องการสัมผัสพระเยซู (ข้อ 22) พระเยซูทรงทำบางสิ่งบางอย่างทางกายภาพ คือทรงบ้วนน้ำลายลงที่ตาชายคนนั้น และวางมือบนเขา สองครั้ง (ข้อ 23–25) พระองค์ทรงอธิษฐานสองครั้งก่อนที่ชายคนนั้นจะหายเป็นปกติ สิ่งนี้กระตุ้นเราให้อธิษฐานมากกว่าหนึ่งครั้งเพื่อคนป่วย
ในที่สุดเหล่าสาวกก็เข้าใจว่าพระเยซูคือใคร ‘พระองค์เป็นพระคริสต์’ (ข้อ 29) ‘Christos’ (คริสตอส) หมายถึง ‘ผู้ถูกเจิมคือพระเมสสิยาห์’ ในสมัยของพระเยซูคำนี้มีความเกี่ยวข้องอย่างยิ่งกับความคาดหวังที่จะมีกษัตริย์ดาวิดองค์ใหม่ อย่างไรก็ตามในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม กษัตริย์ ปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะได้รับการเจิมทั้งสิ้น พระเยซูคือการเติมเต็มของพวกเขาทั้งหมด พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ มหาปุโรหิตสูงสุด และผู้เผยพระวจนะ
กระนั้นเพียงพระนาม ‘เมสสิยาห์’ นี้อาจยังไม่เพียงพอ พระเยซูต้องการใช้พระนามว่า ‘บุตรมนุษย์' (ข้อ 31) ‘บุตรมนุษย์” เป็นชื่อที่ยิ่งใหญ่และเหมาะสมกว่า สิ่งนี้ยังรองรับแนวคิดเรื่องความทุกข์ (ดาเนียล 7:21) เพราะ ‘บุตรมนุษย์’ ยังเป็นตัวแทนที่บ่งบอกว่าพระองค์เองเป็นมนุษย์
จากนั้นพระเยซูทรงเริ่มตรัสเกี่ยวกับไม้กางเขน (มาระโก 8:31) เราไม่สามารถเข้าใจไม้กางเขนได้ เว้นแต่เราจะเข้าใจว่าพระเยซูคือใคร การสอนของพระองค์ขัดแย้งกันมากสวนทางกับความคิดและน่าประหลาดใจจนเปโตรต้องแยกออกมาแล้วทูลทักท้วง (ข้อ 32)
มีความคล้ายคลึงกันในการรักษาคนตาบอด ซึ่งทำหน้าที่เป็นภาพอุปมาของการเปิดหูเปิดตาทีละน้อยของเหล่าสาวก ประการแรกเปโตรเปิดตาเกี่ยวกับตัวตนของพระเยซู (ข้อ 29) อย่างไรก็ตามเขาเข้าใจเพียงครึ่งเดียวเขา ยังไม่เห็นภารกิจของพระเยซู (ข้อ 31–32) เปโตรสามารถ ‘มองเห็น’ ได้ แต่เขาไม่สามารถ ‘เข้าใจ’ ได้ทั้งหมด
พระเยซูทรงต้องอธิบายให้สาวกเข้าใจถึงความขัดแย้งที่ไม่ธรรมดานี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของเราให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งพระองค์จะต้องสำแดงถึงตัวอย่างชั้นเยี่ยม พระองค์ตรัสว่าถ้าคุณต้องการใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุดคุณต้องให้มันไป คุณต้องละทิ้งชีวิตของคุณเพื่อรับใช้พระองค์และประกาศพระกิตติคุณ ‘ใครต้องการจะเอาชีวิตรอด คนนั้นจะเสียชีวิต แต่ใครยอมเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เราและข่าวประเสริฐ คนนั้นจะได้ชีวิตรอด’ (ข้อ 35)
ในทางตรงกันข้าม พระองค์ก็ทรงตรัสว่าเป็นไปได้ที่จะ ‘ได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียชีวิต [ของตน]’ (ข้อ 36) นักแสดงจิม แคร์รี่ กล่าวว่า ‘ผมคิดว่าทุกคนควรร่ำรวยและมีชื่อเสียงและทำทุกอย่างที่พวกเขาใฝ่ฝันเพื่อที่พวกเขาจะได้เห็นว่านั่นไม่ใช่คำตอบ’
แม้แต่อภิมหาเศรษฐีหลายคนก็เป็นเพียงเจ้าของบางส่วนของโลกเท่านั้น พระเยซูทรงเตือนเราว่าหากเราถูกล่อลวงให้มุ่งไปในทิศทางนั้นแม้ว่าเราจะประสบความสำเร็จและได้เป็นเจ้าของโลกทั้งใบ แต่เราก็ต้องเสียชีวิตและสูญเสียจิตวิญญาณไปโดยสิ้นเชิง (ข้อ 36) พระองค์ตรัสว่าวิธีค้นหาชีวิตคือการปฏิเสธตัวเอง และแบกกางเขนของคุณติดตามพระองค์ (ข้อ 34)
คำว่า ‘ปฏิเสธตัวเอง’ หมายถึง ทิ้งความปรารถนาของตัวเอง ชีวิตคริสเตียนเกี่ยวข้องกับความท้าทายของการปฏิเสธทุกวัน โลกคิดว่าหนทางสู่ชีวิตคือการไร้ซึ่งการปฏิเสธว่าตัวเอง แต่พระเยซูตรัสว่าสิ่งที่ตรงกันข้ามเป็นความจริง ดังนั้นวิธีค้นหาชีวิต คือการปฏิเสธตัวเอง แบกกางเขนและติดตามพระองค์ไป
คุณถูกเรียกให้รัก คุณต้องมีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้าและเพื่อคนอื่น ๆ และเมื่อคุณสละตัวเอง พระเจ้าจะทรงดูแลชีวิตของคุณเอง
คำสอนของพระเยซูนั้นเด็ดขาดและเป็นถือเป็นการปฏิวัติ มันตรงข้ามกับสิ่งที่เราคาดหวัง แต่เราเห็นว่ามันเป็น อย่างไรในทางปฏิบัติ ผู้ที่แสวงหาความพึงพอใจของตัวเองจะจบลงด้วยความท้อแท้และผิดที่ต้องเสียชีวิตของตน ผู้ที่ปฏิบัติตามคำสอนของพระเยซูจะพบชีวิตที่ครบบริบูรณ์
ข้าแต่พระเจ้า พระดำรัสของพระองค์ช่างท้าทายเหลือเกิน ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทุกวันในการเรียนรู้ที่จะปฏิเสธตัวเองในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ และเรื่องใหญ่และรับกางเขนและติดตามพระองค์ ขอบคุณที่ในขณะที่ข้าพระองค์ได้มอบชีวิตกับพระองค์ ข้าพระองค์ได้พบกับชีวิตที่ครบบริบูรณ์
อพยพ 37:1-38:31
รับใช้พระเจ้าในที่ทำงาน
คุณไม่จำเป็นต้องออกจากงานเพื่อรับใช้พระเจ้าด้วยใจจริง ในชีวิตของเบซาเลล เราจะได้เห็นตัวอย่างของคนที่ใช้ประโยชน์สูงสุดในชีวิตด้วยการรับใช้พระเจ้าในกิจการงานของเขา งานประจำของเขาคืองานรับใช้พระเจ้า
พระเจ้าเติมพระวิญญาณให้คนของพระองค์เพื่อเป็นพรต่อที่ทำงาน ‘เราเติมเต็มเขาด้วยพระวิญญาณของ พระเจ้ามอบทักษะและความรู้และความเชี่ยวชาญในงานฝีมือทุกประเภทเพื่อสร้างงานออกแบบ...เขาเป็น ช่างที่มีฝีมือรอบด้าน’ (31:3–5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เบซาเลลเป็นช่างแกะสลัก เขาได้รับเลือกจากพระเจ้าให้สร้างพลับพลา (37:1; ดู 31:1–5 ด้วย) เขาตอบสนองต่อการทรงเรียกของพระเจ้าและ ‘ทำทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์ได้ทรงบัญชาโมเสส’ (38:22) เขาทำงานในทีมซึ่งรวมถึงนักออกแบบชื่อ โอโฮลีอับ (ข้อ 23) และทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อพระเจ้าให้สำเร็จ กุญแจสู่ความสำเร็จของเขาคือการเป็นคนที่เต็มไป ‘ด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า’ (31:3; 35:31)
เป็นไปได้ที่จะเป็นนักดนตรี นักเขียนหรือศิลปินที่มีความสามารถโดยไม่ได้รับการเติมเต็มด้วยพระวิญญาณ แต่เมื่อพระวิญญาณของพระเจ้าเติมเต็มคนสำหรับงานเหล่านี้ งานของพวกเขามักจะเกิดขึ้นในมิติใหม่มัน มีผลกระทบทางจิตวิญญาณมากขึ้น สิ่งนี้อาจเป็นจริงได้แม้ว่าความสามารถตามธรรมชาติของนักดนตรีหรือ ศิลปินจะไม่โดดเด่นเป็นพิเศษ เพราะหัวใจจะได้รับการสัมผัสได้และมีชีวิตเปลี่ยนไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นผ่านชีวิตของเบซาเลล
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณสำหรับทุกคนที่รับใช้พระองค์ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยความสามารถทางศิลปะ การดูแลสุขภาพ การศึกษา ธุรกิจ การค้าปลีก กฎหมาย การธนาคารและด้านอื่น ๆ ในที่ทำงาน ขอให้เราทุกคนเต็มไปด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าเช่นเบซาเลล และทำทุกสิ่งที่พระองค์สั่งเรา ขอทรงโปรดช่วยเราให้ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุด
Pippa Adds
สุภาษิต 6:10–11
‘หลับนิด เคลิ้มหน่อย กอดมือพักนิดหน่อย ...’
ฉันคิดว่ามันฟังดูดีทีเดียว แต่ข้อ 11 มาพร้อมกับความตกใจที่น่ารังเกียจ
‘... แล้วความจนจะมาหาเจ้าอย่างคนจรจัด’
เราไม่อยากถูกจับได้ว่างีบหลับและพลาดทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้เรา
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)ข้อพระคัมภีร์
เกี่ยวกับแผนฯ
พระคัมภีร์ในหนึ่งปี เป็นแผนประจำวันซึ่งจะนำคุณอ่านพระคัมภีร์ทั้งเล่มในเวลาเพียงหนึ่งปี สำหรับใครก็ตามที่มองหาวิธีอ่านพระคัมภีร์แบบง่าย ๆ และมีแบบแผน แต่ละวันจะมีการสำรวจหัวข้อที่แตกต่างกันผ่านข้อพระคัมภีร์ที่คัดสรรมาจากพระธรรมสดุดีหรือสุภาษิต ตลอดจนพันธสัญญาใหม่และพันธสัญญาเดิม พร้อมด้วยคำอธิบายประจำวันจากนิคกี้ และพิพพา กัมเบล เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง
More
เราขอขอบคุณ Alpha International สำหรับการจัดทำแผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม bible.alpha.org/th