พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025ตัวอย่าง

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025

วันที่ 10 จาก 365

เผชิญหน้ากับพายุแห่งชีวิต

ในวันที่ 31 กรกฎาคม ปี 2003 แบร์ กริลล์นักผจญภัย นำทีมงานอีกห้าคนข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือด้วยเรือยาง พวกเขาออกเดินทางจากเมืองแฮลิแฟกซ์ รัฐโนวาสโกเชียมุ่งหน้าไปสู่**เมืองจอห์นโอกรูทส์**ประเทศสกอตแลนด์ ในวันที่ 5 สิงหาคม เกิดลมมรสุมขนาดใหญ่ ขนาดคลื่น 100 ฟุต ทำให้พวกเขาสูญเสียการติดต่อกับดาวเทียม และแน่นอนพวกเขา (รวมถึงเรา) ต่างกลัวตายเป็นอย่างมากในตอนนั้น แต่ขอบคุณพระเจ้าที่พวกเขารอดชีวิตกลับมาเพื่อเล่าเรื่องนี้ให้เราฟังได้ (ดูได้ใน ***Facing The Frozen Ocean*** by Bear Grylls) ใช่ว่าเราทุกคนเผชิญกับลมพายุอะไรแบบนี้ แต่พระเยซูตรัสว่าเราทุกคนจะต้องเผชิญกับพายุแห่งชีวิต (มัทธิว 7:25–27) ชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย พายุเหล่านั้นพัดเข้ามามากมายและหลากหลายรูปแบบ อับราฮัม ดาวิด และสาวกของพระเยซูต่างต้องเผชิญกับพายุแห่งชีวิตด้วยเช่นกัน แล้วเราเรียนรู้อะไรจากตัวอย่างของพวกเขาได้บ้าง

สดุดี 7:10-17

หยิบเอาโล่แห่งความเชื่อ

ท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำดาวิดกล่าวว่า ‘พระเจ้าทรงเป็นโล่ของข้าพเจ้า…ข้าพเจ้าจะขอบพระคุณพระยาห์เวห์เนื่องด้วยความชอบธรรมของพระองค์ และข้าพเจ้าจะร้องเพลงสดุดีพระนามของพระยาห์เวห์ผู้สูงสุด’ (ข้อ 10ก, 17)

หากเราล้มลงในการทดลองและเริ่มเพลิดเพลินจนถึงขั้นหล่อเลี้ยงมันไว้ ดาวิดเตือนว่า ‘ดูสิ เขาก่อกรรมชั่วขึ้นแล้วกำลังตั้งครรภ์ความชั่วช้าและคลอดการมุสาออกมา’ (ข้อ 14) อีกมุมหนึ่งคือ เขาขุดหลุมไว้และตกลงไปในหลุมพรางที่เขาทำไว้นั้นเอง (ข้อ 15)

อัครทูตเปาโลกล่าวว่าคุณต้องใช้โล่ที่สามารถดับศรเพลิงอันชั่วร้ายนี้ได้ (เอเฟซัส 6:16) โล่ที่ว่านี้คือ ‘โล่แห่งความเชื่อ’ หรืออย่างที่ดาวิดกล่าวไว้ที่นี้ โล่ของเขาคือ ‘พระเจ้า’ (สดุดี 7:10) นี่เป็นอาวุธป้องกันการโจมตีของศัตรูที่ดีที่สุดที่เคยมีมา

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ข้าพระองค์สามารถพูดได้ว่า ‘พระเจ้าทรงเป็นโล่ของข้าพระองค์’

มัทธิว 8:23-9:13

วางใจในพระเยซูองค์พระผู้ช่วยให้รอด

บางครั้งพายุที่พัดเข้าในชีวิตของเราก็ปรากฏขึ้นโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า พระเยซูอยู่ในเรือพร้อมกับเหล่าสาวกที่กำลังนอนหลับเมื่อ 'นี่แน่ะ เกิดพายุใหญ่ในทะเลสาบจนคลื่นซัดท่วมเรือ’ (8:24)

สันนิษฐานว่าเหล่าสาวกน่าจะคุ้นชินกับพายุที่ทะเลสาบกาลิลีเป็นอย่างดี เป็นที่ล่ำลือเรื่องการเกิดพายุฉับพลันทำให้มีคลื่นขนาด 20 ฟุต อย่างไรก็ตาม**พายุนี้จะต้องร้ายแรงมากเป็นพิเศษถึงขนาดทำให้เหล่าสาวกถึงกับปลุกพระเยซูให้ตื่นขึ้นและร้องว่า ‘เรากำลังจะจมอยู่แล้ว!’ (ข้อ 25)

มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะตื่นตระหนกเมื่อเผชิญพายุแห่งชีวิต (แน่นอนผมเองก็เป็นเช่นนั้น) บางครั้งดูเหมือนว่าพระเยซูกำลัง ‘บรรทมอยู่’ (ข้อ 24) และดูเหมือนพระองค์จะไม่ทำอะไรกับปัญหาของเราเลย แต่ขอบคุณพระเจ้าที่เราทุกคนสามารถร้องทูลออกมาได้เช่นเดียวกันว่า ‘ขอพระองค์โปรดช่วยเถิด!’ (ข้อ 25)

เมื่อชีวิตต้องเผชิญพายุเรามักจะตอบสนองโดยธรรมชาติด้วยความสงสัยและความกลัว แต่พระเยซูตรัสกับพวกเหล่าสาวกให้ตอบสนองต่อพายุด้วยความวางใจ (‘คนศรัทธาน้อย’ ข้อ 26ก) และไม่หวาดกลัว (‘ทำไมจึงกลัวนัก?’ ข้อ 26ก) พระเยซูสามารถทำให้พายุสงบลงได้และนั่นคือสิ่งที่พระองค์ทำ เลือกวางใจพระเจ้าและไม่กลัว

หลังจากฤทธานุภาพของพระองค์เหนือสิ่งต่าง ๆ ได้ปรากฏ(‘แม้แต่ลมและทะเลก็เชื่อฟังท่าน!’ ข้อ 27) พระองค์ก็ได้แสดงให้เห็นถึงฤทธานุภาพที่มีอำนาจเหนือผีมารซาตานโดยการปลดปล่อยชายที่ถูกผีสิงสองคนให้เป็นอิสระ (ข้อ 28–34) พระเยซูทรงห่วงใยผู้คนมากกว่าทรัพย์สมบัติซึ่งแตกต่างจากผู้คนเหล่านั้นที่อ้อนวอนขอให้พระองค์เสด็จไปเสียจากเขตแดนของพวกเขา (ข้อ 34)

พระเยซูกล่าวต่อไปเพื่อชี้ให้เห็นว่าการให้อภัยสำคัญกว่าการเยียวยารักษา แต่การเยียวยารักษาไม่ใช่ไม่สำคัญ พระเยซูทรงกระทำทั้งสองอย่าง พระองค์สำแดงฤทธิ์อำนาจเหนือความเจ็บป่วยและความพิการ โดยการรักษาชายที่เป็นง่อย (9:1–2) ‘ฝูงชนต่างตื่นตระหนก ประหลาดใจและปลาบปลื้มที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานสิทธิอำนาจให้พระเยซูทรงกระทำสิ่งนี้ท่ามกลางพวกเขา’ (ข้อ 8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำนี้ก็ยังมีช่วงเวลาแห่งความสงบ ข้อพระธรรมวันนี้สิ้นสุดลงด้วยช่วงเวลาที่พระเยซูเรียกให้มัทธิวติดตามพระองค์ไป ในขณะที่พระเยซูได้รับเชิญร่วมโต๊ะอาหารมื้อค่ำที่บ้านของมัทธิว

พวกฟาริสีต่างประหลาดใจที่เห็นพระเยซูร่วมโต๊ะอาหารกับ ‘พวกคนบาปไม่น่าไว้ใจ’ (ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) และพูดว่า ‘นี่หรืออาจารย์ของพวกท่าน ทำตัวเป็นกันเองกับพวกคดโกงและพวกขอทาน’ (ข้อ 11 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

‘เมื่อพระเยซูทรงได้ยินดังนั้นก็ตรัสว่า “ใครกันที่ต้องการหมอ คนที่แข็งแรงหรือคนป่วย? ลองดูว่าพระคัมภีร์ให้ความหมายว่าอย่างไร ‘เราประสงค์ความเมตตา ไม่สักแต่เรียกศาสนา ด้วยว่าเรามาเพื่อเรียกคนบาป ไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม”’ (ข้อ 12–13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

‘พระเมตตา’ ของพระเจ้าคือความเมตตาและการให้อภัยต่อคนที่ไม่สมควรได้รับ วันนี้ให้เรารับเอาและชื่นชมยินดีไปกับพระเมตตาของพระองค์และส่งต่อความเมตตาให้ผู้อื่น

ข้าแต่พระเจ้า ขอขอบคุณพระองค์ที่ในทุกพายุแห่งชีวิตข้าพระองค์สามารถร้องทูลว่า ‘ขอพระองค์โปรดช่วยเถิด!’ โปรดช่วยข้าพระองค์ให้ไว้วางใจในพระองค์และไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใด

ปฐมกาล 21:-23:20

ขอบคุณพระเจ้าสำหรับการจัดเตรียมของพระองค์

อับราฮัมเองก็เผชิญกับพายุในแห่งชีวิตเช่นกัน พระธรรมวันนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวของการต่อสู้ดิ้นรน แต่มันเริ่มต้นด้วยช่วงเวลาที่เยี่ยมยอดแห่งความสงบท่ามกลางพายุที่ถาโถมเข้ามานี้ ‘พระยาห์เวห์ทรงเยี่ยมซาราห์... และ...ทรงทำแก่ซาราห์ ดังที่พระองค์ทรงปฏิญาณไว้’ (21:1) เฉกเช่นเดียวกับเรา บางครั้งพวกเขาต้องรอคอยบางอย่างเป็นเวลาแสนนาน แต่ที่สุดแล้วพระสัญญาของพระเจ้าก็เป็นจริง ในช่วงเวลาแห่งการรอคอยนี้สิ่งที่ท้าทายที่สุดคือการดำเนินความไว้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าต่อไป

‘ซาราห์ก็ตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายคนหนึ่งให้อับราฮัมเมื่อท่านชรา ตามเวลาซึ่งพระเจ้าได้ตรัสกับท่าน’ (ข้อ 2) เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขใจอย่างยิ่ง ซาราห์พูดว่า ‘พระเจ้าทรงทำให้ฉันหัวเราะ ทุกคนที่ฟังจะพลอยหัวเราะด้วย’ (ข้อ 6)

แต่ไม่นานพายุก็พัดพาปัญหาเข้ามาในครอบครัวของอับราฮัม เมื่ออิชมาเอลหัวเราะเยาะอิสอัค (ข้อ 9) และสิ่งนี้นำไปสู่ความแตกแยกที่ฝังลึกขึ้นในครอบครัว (ข้อ 10) ฮาการ์และอิชมาเอลต้องระหกระเหินไปอย่างน่าเศร้า (ข้อ 14) ความแตกแยกทั้งหมดทั้งปวงนี้เป็นผลมาจากความบาปก่อนหน้านี้ของอับราฮัมที่เข้าหานางฮาการ์ เนื่องจากเขาขาดความเชื่อในพระสัญญาว่าซาราห์จะมีบุตรชาย

บางครั้งสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตที่ต้องเผชิญอาจเป็นเรื่องของเราเอง ถึงกระนั้นพระเจ้าก็ยังคงอยู่กับอับราฮัม (ข้อ 12–13) และพระองค์ยังทรงดูแลและอวยพรฮาการ์และอิชมาเอล (ข้อ 17–18) จากบริบทนี่เองเราได้เห็นพระคุณของพระเจ้าที่ทำงานท่ามกลางสถานการณ์ที่ผิดบาปอีกด้วย

อับราฮัมกำลังจะเผชิญกับพายุแห่งชีวิตครั้งใหญ่ที่สุดนั่นคือ ‘พระเจ้าทรงทดลองอับราฮัม’ (22:1)

บางครั้งพระเจ้ายอมให้เราถูกทดลอง โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าพระเจ้าไม่เคยตั้งใจเลยสักครั้งที่ให้อับราฮัมถวายอิสอัคลูกชายของเขาจริง ๆ การถวายเด็กเป็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนต่อพระเจ้ามาตลอด แต่พระองค์ต้องการจัดลำดับความสำคัญในชีวิตของอับราฮัม

พันธสัญญาใหม่ได้ย้ำเตือนเราว่าการทดสอบนี้เกิดขึ้นหลังจากที่พระเจ้าสัญญากับอับราฮัมเกี่ยวกับอิสอัค (ฮีบรู 11:17–19) ดังนั้นจึงเปรียบเสมือนการทดสอบความเชื่อและการจัดลำดับความสำคัญของอับราฮัม

นี่เป็นการทดสอบความเชื่อของอับราฮัม ที่ท้าทายให้เขาเชื่อมั่นว่าพระเจ้าจะทำตามที่ทรงสัญญาเกี่ยวกับอิสอัคได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าอับราฮัมจะเต็มใจถวายบุตรชายก็ตาม เขาก็ต้องวางใจว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นว่าอิสอัคจะกลับคืนมาสู่เขา (ข้อ 19)

ทั้งยังเป็นการทดลองการจัดลำดับความสำคัญของอับราฮัมด้วย ในความสัมพันธ์ของคุณกับพระเจ้า พระองค์ต้องมีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งในชีวิตของคุณเหนือกว่าความรักอื่นใด เหนือกว่านิมิตที่พระเจ้าประทานให้ในชีวิตและเหนือกว่าความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่ใกล้ชิดที่สุด อับราฮัมเต็มใจที่จะเชื่อฟังพระเจ้าไม่ว่าจะต้องจ่ายราคาเท่าใดก็ตาม จุดแข็งที่ยอดเยี่ยมของเขาคือเขารักพระเจ้ามากกว่าสิ่งอื่นใด

ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงเมตตาจัดเตรียมเครื่องเผาบูชา (‘พระเจ้าจะทรงจัดหาลูกแกะสำหรับพระองค์เอง’ ปฐมกาล 22:8) สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงการเสียสละอันยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าทรงกระทำเพื่อเรา ขณะที่คุณกำลังจินตนาการว่าอับราฮัมต้องรู้สึกอย่างไรที่ต้องถวายบุตรชายเป็นเครื่องเผาบูชา คุณจะได้พบเช่นกันว่าพระเจ้าต้องจ่ายราคามากแค่ไหนในการประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ให้กับคุณและผม (ยอห์น 3:16)

พระเยซูทรงเป็น ‘พระเมษโปดก (ลูกแกะ)ของพระเจ้า ผู้ทรงรับบาปของโลกไป’ (ยอห์น 1:29) หากพระเจ้าทรงจัดเตรียมเครื่องเผาบูชาสูงสุดเพื่อตอบสนองความต้องการสูงสุดของคุณ พระองค์จะไม่จัดเตรียมสิ่งอื่น ๆ ทั้งหมดให้คุณด้วยหรือ อับราฮัมเรียกพระเจ้าว่า ‘ยาห์เวห์ยิเรห์’ หรือ ‘พระยาห์เวห์จะทรงจัดหาไว้ให้’ (ปฐมกาล 22:14) เขายอมรับว่าการทรงจัดเตรียมเป็นส่วนหนึ่งของพระลักษณะของพระเจ้า

พระเจ้าเป็นพระผู้ให้ที่หาที่เปรียบมิได้ บ่อยครั้งผมพบว่าสิ่งนี้เป็นจริงในชีวิตของผมและในสังคมของเรา พระเจ้าทรงกระทำจริงตามพระสัญญาของพระองค์ ดังที่อัครทูตเปาโลกล่าวไว้ว่า ‘และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานทุกสิ่งที่จำเป็นแก่พวกท่านจากทรัพย์อันรุ่งโรจน์ของพระองค์ในพระเยซูคริสต์’ (ฟีลิปปี 4:19)

หน้าที่ของเราคือเชื่อฟังพระเจ้า (เพื่อ ‘แสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน’, มัทธิว 6:33ก) และพระองค์ทรงสัญญาว่าหากเราทำเช่นนั้นพระองค์จะทรงจัดเตรียมทุกอย่างที่จำเป็นให้เรา (‘แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้’, ข้อ 33ข)

การจัดเตรียมและพระพรของพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่อย่างน่าเหลือเชื่อ (ปฐมกาล 22:16–18) รวมถึงประชาชาติทั้งหมดในโลกจะได้พรเพราะเชื้อสายของเจ้า (พระคริสต์) (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ทรงเป็นโล่ เป็นพระผู้ช่วยและผู้จัดเตรียมของข้าพระองค์ โปรดช่วยข้าพระองค์ให้ไว้วางใจในพระองค์และไม่หวาดกลัวสิ่งใดและให้พระองค์เป็นที่หนึ่งในชีวิตของข้าพระองค์

Pippa Adds

มัทธิว 8:23

พายุแห่งชีวิตมักจะโหมกระหน่ำในช่วงที่ทุกอย่างดูเป็นไปด้วยดี ทันใดนั้นโลกของคุณก็สั่นคลอน เหล่าสาวกและรวมถึงตัวฉันเองก็จะตอบสนองเช่นเดียวกันว่า ‘ขอพระองค์โปรดช่วยเถิด! เรากำลังจะจมอยู่แล้ว!’ ในช่วงเวลานั้นความกลัวเกาะกุมเราไว้และเราอาจรู้สึกว่าพระเยซูไม่ได้อยู่ที่นั่น แต่พระเยซูอยู่ในเรือตลอดเวลา และเมื่อพระองค์ถูกเรียก พระองค์ทรงทำให้พายุสงบลง นั่นเพราะพระองค์อยู่ที่นั่นตลอด

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)
วันที่ 9วันที่ 11

เกี่ยวกับแผนฯ

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี เป็นแผนประจำวันซึ่งจะนำคุณอ่านพระคัมภีร์ทั้งเล่มในเวลาเพียงหนึ่งปี สำหรับใครก็ตามที่มองหาวิธีอ่านพระคัมภีร์แบบง่าย ๆ และมีแบบแผน แต่ละวันจะมีการสำรวจหัวข้อที่แตกต่างกันผ่านข้อพระคัมภีร์ที่คัดสรรมาจากพระธรรมสดุดีหรือสุภาษิต ตลอดจนพันธสัญญาใหม่และพันธสัญญาเดิม พร้อมด้วยคำอธิบายประจำวันจากนิคกี้ และพิพพา กัมเบล เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง

More

เราขอขอบคุณ Alpha International สำหรับการจัดทำแผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม bible.alpha.org/th